งานแปล 3

Short Stories

Over 2,000 short stories can be found in The Short Story Library at American Literature, including many of the greatest short stories ever written.Choose one of Them from http://www.americanliterature.com/ss/ssindx.html or  http://www.americanliterature.com/sstitleindex.html  and translate it into Thai. First come, first book. You are able to comfirm your choice and submit your work by clicking the poto below.

Score

Cick the picture to see your Midterm Score

 

 

 

 

 

 

Presentation

Time Table for your PRESENTATION

 

25 August, 2010 => Chapter 8, 9, 10 and 11

27 August, 2010 => Instroduction, Chapter 1, 2 and  3

3 September, 2010 => Chapter 4, 5, 6 and 7

 

 

“Becoming a Translator: An Introduction to the Theory and Practice of Translation”

 

Please prepare your PowerPoint to present in time.

 

 

Presentation – Chapter 1  

Presentation – Chapter 2 

Presentation – Chapter3

 Presentation – chapter4 

 Presentation – Chapter 5

 Presentation – Chapter6 

Presentation – Chapter 7 

 

Presentation – Chapter 8

บ ท ที่ 8 การเป็นนักแปล(1)

Presentation – Chapter 9

 Presentation – Chapter 10

 Presentation – Chapter 11

 

 

งานแปล 2

ให้ส่งคำแปลเอกสารเกี่ยวอาชีพในโรงแรมที่นี่ โดยคลิกรูป THA  (Thai Hotel Association) เพื่อส่ง Comment  

 

 

  

  

  

Learn more World Cup English 

 World Cup English 

http://www.readbangkokpost.com/articles/wcup.php 

 

  

 งานแปล 1 : The Interesting Book 

Becoming a Translator: An Introduction to the Theory and Practice of Translation  

Submit your translation on comment box below.

Introduction – Page 1 -4  

Chapter 1 External knowledge= the user’s view – Page 5 – 14  

Chapter 1 External knowledge= the user’s view – Page 15-20  

Chapter 2 Internal knowledge = the translator’s view – Page 21- 30  

Chapter 2 Internal knowledge = the translator’s view – Page 31 – 40 

Chapter 2 Internal knowledge = the translator’s view – Page 41 – 46 

Chapter 3 The translator as learner = Page 47-56 

Chapter 3 The translator as learner = Page 57-66 

Chapter 3 The translator as learner = Page 67-76 

Chapter 3 The translator as learner = Page 77-82 

Chapter 4 The process of translation- Page 83-92     Chapter 4 The process of translation – page 93-96 

Chapter 5 Experience- Page 97-106           Chapter 5 Experience – Page 107-110 

Chapter 6 People – Page 111-120              Chapter 6 People – Page 121-126 

Chapter 7 Working people – Page 127-136  Chapter 7 Working people – Page 137-140 

Chapter 8 Languages- Page 141-150      Chapter 8 Languages – Page 151 – 158 

Chapter 9 Social networks- Page 159-168  Chapter 9 Social networks – Page 169 – 184 

Chapter 10 Cultures- Page 185-194                Chapter 10 Cultures – Page 195-206 

Chapter 11 When habit fails – Page 207-221    Chapter 11 When habit fails – Page 222

71 responses »

  1. Veraporn Nummanee says:

    Chapter 1 P. 12-14

    คุณสมบัติของนักแปลที่น่าเชื่อถือได้
    ความน่าเชื่อถือของบทความการแปล
    1. ใส่ใจในรายละเอียด
    นักแปลที่ดีควรพิถีพิถันใส่ใจรายละเอียดเกี่ยวกับบริบทและการรวบรวมแต่ละคำแต่ละประโยคที่คุณใช้
    2. การตอบสนองอารมณ์ของผู้อ่าน
    นักแปลที่ดีควรรับรู้ข้อมูลของผู้อ่านโดยคำนึงถึงประเภทของการแปลที่ต้องการอย่างละเอียด สามารถเข้าใจข้อมูลเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างแม่นยำถูกต้องและสามารถเปลี่ยนแปลงได้
    3. การค้นคว้าวิจัย
    นักแปลที่ดีไม่ควรใช้คำซ้ำๆเดิมแทนคำศัพท์ที่คุณไม่รู้ โดยใช้ประโยคที่ครุมเครือ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหรือข้อซักถาม เมื่อคำศัพท์นั้นไม่ได้ถูกค้นคว้าอย่างละเอียดถี่ถ้วนในหนังสืออ้างอิงและอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ แฟกซ์ ตลอดทั้ง อีเมล์
    4. การตรวจสอบ
    นักแปลที่ดีควรตรวจสอบงานของตนอย่างละเอียดและถ้ามีส่วนไหนที่ไม่แน่ใจ (เมื่อคุณแปลเป็นภาษาต่างประเทศ) ควรตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญก่อนส่งงานถึงลูกค้า

    ความน่าเชื่อถือต่อลูกค้า
    5. มีความรู้หลากหลาย
    นักแปลควรมีความรู้เพียงพอในการแปลบทความที่นอกเหนือจากประสบการณ์ของตน การแปลภาษาต่างประเทศที่คุณไม่ชำนาญในภาษานั้น (ควรได้รับการตรวจสอบ) ตามมารยาทของนักแปล คุณไม่ควรพยายามที่จะแปลมัน (นักแปลควรรู้ว่างานที่ได้รับนั้นมันยากเกินความสามารถและอยู่นอกเหนือความสามารถของคุณ ควรจะปฏิเสธอย่างสุภาพที่สุด )
    6.
    นักแปลที่ดีควรรู้ขีดความสามารถของตนและตารางการทำงานเป็นอย่างดี เพื่อทำสัญญาต่อลูกค้าหรือบริษัทตัวแทนในการจัดส่งงานตามวันและเวลาดังกล่าวและควรรักษาสัญญานั้น หรือถ้าเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินที่ไม่สามารถส่งงานทันในวันครบกำหนด ควรโทรบอกลูกค้าหรือบริษัทตัวอย่างก่อนและทำการเจรจาตกลงใหม่หรือจัดหาพนักงานจัดการงานนั้นให้เสร็จถึงลูกค้าโดยดี
    7. แสดงความเป็นมิตร
    นักแปลที่ดีควรแสดงความเป็นมิตรและการเต็มใจช่วยทั้งการคุยโทรศัพท์และเจรจาต่อหน้า มีความสุภาพในการคุยหรือมีการรับรู้อารมณ์ความรู้สึกได้ดี ควรให้คำแนะนำอย่างเต็มใจแต่โดยดี (เช่น ลูกค้าต้องการข้อมูลเกี่ยวกับประเทศเอสโตเนียหรือภาษาอูรดู) อย่าแสดงอาการไม่เต็มใจให้ความช่วยเหลืออย่างเด็ดขาด
    8. สามารถรักษาความลับได้ดี
    นักแปลที่ดีไม่ควรเปิดเผยเรื่องลับเฉพาะที่เป็นเรื่องวิชาการตลอดถึงกระบวนการของการแปลหรือการเจรจาอย่างเป็นทางการต่อบุคคลที่ 3

    ความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยีที่ทันสมัย
    9. ฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์
    นักแปลที่ดีควรมีคอมพิวเตอร์คงคุณภาพเป็นของตนเอง รองรับโปรแกรม Microsoft Word รุ่นล่าสุด เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต (ถ้าเป็นไปได้ ควรใช้ระบบความเร็วสูงหรือ broadband) การใช้อีเมล์และแฟกซ์ ควรเป็นของตนเองหรือชื่อผู้ใช้ที่เป็นประจำ ถ้าไม่เช่นนั้น ควรที่จะซื้อและเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการใช้ซอฟแวร์การจำการแปลนั้น ควรกำหนดเฉพาะโดยลูกค้านั้นๆ
    เพื่อความกระจ่างแจ้ง, นักแปลควรมีความน่าเชื่อถือสูงโดยเฉพาะกระบวนการแปลบทความ ตัวลูกค้าหรือบริษัทตัวแทนต้องการนักแปลที่สร้างสรรค์งานที่น่าเชื่อถือได้เท่านั้น บทความนั้นพวกเขาจะต้องไม่แก้ไขอีกภายหลังจากรับงานนั้นแล้ว และพวกเขายังต้องการนักแปลที่สร้างสรรค์งานที่น่าเชื่อถือ ตรงต่อเวลาและตรงสัญญา การใช้อีเมล์ กล้องพร้อมใช้ และจดหมายด่วน ถ้าสิ่งเหล่านั้นอยู่ในกระบวนการทำงานและดำเนินต่อไป นอกจากนั้น พวกเขาต้องการร่วมงานกับบุคคลที่น่าพอใจและเชี่ยวชาญทั้งในการคุยทางโทรศัพท์ มีคุณสมบัติครบตามที่กำหนด มีความรู้ในการตอบคำถามแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นธุรกิจได้รวดเร็ว แม้เป็นการแสดงความคิดอย่างมีเหตุผลที่เป็นผลประโยชน์ต่องานของพวกเขา ตัวอย่างเช่น ช่วยส่งแฟกซ์ทั้งหมดให้ฉัน พร้อมทั้งตัวอย่างภาพประกอบ และฉันจะโทรหาคุณอีกครั้งภายใน 10 นาทีนี้ นั้นแสดงให้เห็นว่าคุณสามารถทำได้หรือไม่ ถ้านักแปลไม่สามารถรับงานนี้ได้ แต่สามารถให้คำแนะนำ ต่อลูกค้าหรือบริษัทตัวแทน จะแก้ปัญหาโดยจะรับงานอื่นจากลูกค้าหรือบริษัทตัวแทนนี้ภายหลัง โดยกล่าวอย่างสั้นๆ แต่นักแปลที่ไม่มีความอดทนจะปฏิบัติต่อผู้ที่โทรศัพท์มาราวกับหยุดการให้บริการที่ไม่ต้องการอย่างสิ้นเชิง และแทบที่จะไม่มีเวลา เพียงแค่จะพูดคำว่า “ไม่” ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้วางหูโทรศัพท์ นี้คือตัวอย่างระหว่าง 2 ตัวเลือก ผู้สร้างสรรค์งานที่น่าเชื่อถือในการสื่อภาษาต่อกัน ลูกค้าอยากที่จะคุยกับใครมากกว่าระหว่างผู้ที่น่าพอใจกับผู้ที่ไม่น่าพอใจ

    ความเหมาะสมแก่กาลเวลา
    นักแปลและผลงานที่น่าเชื่อถือยังไม่เพียงพอต่อผู้อ่านงานแปล แต่ยังต้องเหมาะสมแก่เวลานั้นอีกด้วย ถ้าคุณรู้ว่าผลงานยังคงเป็นประโยชน์และสำคัญแก่ช่วงเวลานั้นอยู่ ความเหมาะสม สามารถยืดหยุ่นได้ในงานประพันธ์หรือเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งเกิดจากการสมมุติเวลาขึ้นมา แต่ในความเป็นจริง มันไม่เหมาะแก่เวลาเพียงแต่ยึดอายุของกรอบเวลาออกไปเท่านั้น คัมภีร์ไบเบิล ของกษัตริย์เจมส์ ยังคงใช้อยู่หลังผ่านมาแล้วกว่า 4 ศตวรรษ แม้อาจจะไม่เหมาะแก่เวลานี้ แต่มันยังคงถูกวางในโบสถ์หลายแห่งควบคู่กับฉบับปรับปรุง และยังคงเก็บรักษาอย่างดีในโบสถ์ที่บรรจุ

    ฉันมีแฟ้มสะสม Resume มากมาย ของนักแปลในหลากหลายภาษา ฉันจะส่งงานนั้นให้กับใครได้บ้าง
    เพียงแค่ได้รับคำตอบรับจากบริษัทตัวแทน นั้นคือจุดจบของทุกสิ่งทุกอย่าง
    1. บุคคลที่โทรศัพท์มาและนัดพบคุณ ถ้าคุณมีงานบ้างสำหรับเขา เป็นการแสดงให้เห็นว่า เขาต้องการหางานให้คุณ ดังนั้นเขาให้ความสำคัญกับคุณมากกว่าการที่คุณเพียงแค่ส่ง Resume แล้วคุณไม่เคยได้ยินเสียงตอบรับจากเขาอีกเลย
    2. บุคคลที่ยอมรับราคาจ้างอย่างมีเหตุผลและอย่าเรียกร้องราคาจ้างที่สูงเกินไป
    3. บุคคลที่ทำงานเก่ง รวดเร็ว และต้องการงานที่ไม่มีการแก้ไขใดๆบนงานของเขา
    4. บุคคลที่มีโปรแกรมกระบวนการตรวจสอบคำหลักโดยใช้จากลูกค้าส่วนใหญ่ แฟกซ์ และถ้าเป็นไปได้โดย โมเด็ม
    5. การทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างพึงพอใจ
    (1) มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับฉันในการให้คำแนะนำแก่นักแปล ในข้อ 2 3 4 5 ที่ผ่านมา จำเป็นสำหรับฉันในการติดต่อกับบุคคลอื่น แน่นอนถ้าคุณต้องการงานแปลและหัวข้อเรื่องที่แน่นอน และมีนักแปลจัดการอยู่ คุณจะกลายเป็นนักแปลอย่างพวกเขา แม้ว่าเป็นความผิดพลาดของพวกเขาก็ตาม

    Miriam Samsonowitz
    ***
    พวกเรามีงานที่แตกต่างกันแต่ฉันไม่ชอบถูกรบกวน โดยบางคนที่เรียกใช้ฉันไม่ขาดสาย ฉันสามารถบอกได้ถูกต้องเลยทีเดียว การที่จะเป็นนักแปลที่ดีได้อย่างไร และถ้าฉันต้องการใช้บริการของเธอหรือเขา ฉันควรจะส่งตัวอย่างให้แก่เธอหรือเขาบ้าง (และจ่ายค่าตอบแทนสำหรับงานแปลนั้นๆ)
    Sincerely Gloria Wong
    ***
    มันอาจจะเป็นคำถามทางด้านวัฒนธรรมในบางประเทศ ตำแหน่งของ Miriam ไม่เพียงแต่เที่ยงตรงแต่ยังเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการอยู่รอดของบุคคลในการเรียกใช้บริการ ตัวอย่างวัฒนธรรม บุคคลยอมรับสิ่งนั้นและถูกใช้ (หรือจำนน) ต่อมัน ในประเทศอื่น การเรียกใช้ถูกเห็นได้ชัดโดยบุคคลที่เป็นการรบกวนและคุณจะได้โอกาสโดยการใช้วิธีปฏิบัติอย่างถ่อมตน ฉันคิดว่าประเทศแคนาดา คือสถานที่ใกล้กับศูนย์กลางที่คุณสามารถเรียกใช้บริการได้บ้างแต่อย่ามากจนเกินไป ประเทศอเมริกาสามารถเรียกใช้บริการได้บางทีมากกว่ามุ่งเรียกใช้จนจบ

  2. Saowalak Pongsakkajon Eng 3-1 No. 51501030060-3 says:

    Page….
    ลักษณะที่ 2 ของ Peirce สัญชาตญาณ ประสบการณ์ นิสัยในการแปล

    การไม่ยอมแก้ปัญหาที่ยุ่งยากลดลง เพราะว่า ปัญหา และวิธีแก้ไขในความเคยชิน จนทุกๆปัญหานั้นเริ่มยากขึ้น จนกลายเป็นนิสัย ด้วยกระบวนการของตัวมันเอง นักแปลต้องเตือนตัวเองในการที่จะแก้ปัญหา ให้เล็กลงที่สุด ด้วยความสามารถ และ วิธีการที่หลากหลาย จากแหล่งข้อมูล และคุณจะเป็นมืออาชีพในที่สุดจนกระทั่ง ความสามารถในการเป็นอาชีพทีมีอยู่ของคุณจะค่อยๆ ซึมซับในนิสัย และเมื่อใดก็ตามที่มี องค์แระกอบ และ ประสบการณ์ อย่างเต็มที่มีสติ และ วิเคราะห์ จะข่วยแก้ปัญหาที่ยากได้

    Abduction , induction , deduction

    ประสบการณ์ของนักแปล แน่นอนมันมีความซับซ้อนไม่มีที่สิ้นสุดมากกว่าประสบการณ์ที่เรียบๆง่ายๆ ในการแปล ประสบการณ์ของนักแปลจะมีประโยชน์เมื่อนำ 3 หลักการของ Peirce มาใช้คือ abduction induction deduction เริ่มต้นด้วยหลักการทั่วไป และหักลบด้วยรายละเอียดเฉพาะ Abduction คือสิ่งที่ Peirce สร้างขึ้น เกิดจากความรู้สึกของพวกเขาซึ่ง induction และ deduction ไม่เพียงพอ จินตนาการไม่ได้ถูกจำกัดไว้ที่ 1 หรือ 2 ลักษณะเท่านั้น แต่มันคือสิ่งเลวร้ายตลอดเวลาสำหรับ Peirce แต่ในความเป็นจริงแล้ว induction หรือ deduction คือ การกำหนดแนวคิดใหม่ เพราะฉะนั้นยังคงไม่มีอะไร อย่างไรก็ตามในการปฏิบัติในส่วนของ induction หลักการทั่วไปของ deduction และตรรกวิทยาซึ่งจำแนกเป็นสองทางเท่านั้นของขั้นตอนไม่ได้อธิบายว่ามาจากไหน Hence Peirce ตั้งสมมุติฐานกระบวนการตรรกวิทยา 3 กระบวนการ ซึ่งเรียกว่า Abduction คือ พฤติกรรมของการกระทำโดยสัญชาตญาณจากสิ่งที่อธิบายไม่ได้ ไปถึงการคาดเดาด้วยสิ่งเล็กๆ หรือ การไม่มีอะไรที่จะดำเนินต่อไป ปราศจากความรู้สึกที่ชัดเจนมากๆ ของข้อมูลที่เขาได้ตั้งสมมุติฐาน ผู้คิดทำให้สมมุติฐาน ผู้คิดทำให้สมมุติฐานของเขาสนุกโดยสัญชาตญาณ ดูเหมือนว่ามันยังคงเป็นการทดสอบสมมุติฐาน และ สุดท้ายการวางหลักการจากการอุปทาน
    การใช้ 3 ประเด็นนี้เพื่อ ประสบการณ์การดำเนินงาน ดังนั้น เราสามารถเริ่มต้นที่การขยายส่วนกลางของการเคลื่อนไหวของนักแปลจากสัญชาตญาณ จนถึงความเคยชิน
    ประสบการณ์ของนักแปล เริ่มต้นจาก Adductive จาก2 สถานที่ อันดับแรก
    ความใกล้ชิดกับชาวต่างชาติ จากเสียงที่เข้าใจยาก หรือ สัญลักษณ์ที่แสดงความหมาย หรืออย่างน้อยการเดาว่า คำศัพท์มีความหมายว่าอะไร และ แนวทางแรกที่จะนำไปสู่ที่มาของบทความ ผ่านข้ามการแสดงที่เหมาะสม แต่ดูเหมือนมันจะต่อต้านการแปลภาษาเป้าหมาย
    Abductively เป็นประสบการณ์หนึ่ง คือ การไม่รู้ในการดำเนิการ จะทำให้สับสน และ จะทำให้รู้สึกกลัวในการทำงานที่สำคัญ แต่ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งเช่น ในการแปลแบบข้ามผ่าน แปลแบบไม่เข้าใจ หรือ คำพูดที่ไม่เข้าใจ
    ในการดำเนินการแปล จะต้องแปลอย่างต่อเนื่อง และ เป็นลำดับในการทำงาน แบบทดสอบการแปล แบบ Adductive การแก้ปัญหาแบบ inductively มีหลากหลายวิธีจากตอนต้น หรือ ตอนต่อจากคำ ภาษาสำหรับผู้เรียน หรือ ผู้ที่เพิ่งเริ่ม ของรายละเอียดนั้นต้องใช้เวลา และมากกว่านั้น คือ ต้องรู้ที่จะดำเนินงาน เพื่อที่จะได้ง่ายขึ้น Abduction เป็นเรื่องที่ยาก เพราะมันเป็นครั้งแรก induction เป็นเรื่องง่าย เพราะ มันได้ถูกแยกออกให้เป็นเนื้อเดียวกัน โดยที่เรื่องมันมีความสัมพันธ์กัน และ เจาะจงเป็นพิเศษ Deduction เริ่มขึ้นเมื่อผู้แปลมี การวางแผน หรือ กฎเกณฑ์ ในปัจจัยที่จะทำให้รู้สึกมั่นใจ เกี่ยวกับการสร้างหลักการทั่วไป รูปแบบของโครงสร้าง X ในแหล่งที่มาของภาษาให้กลายเป็นรูปแบบของโครงสร้าง Y ในเป้าหมายของภาษา ชื่อของคนไม่ควรที่จะนำมาแปล Deduction เป็นแหล่งที่มาของการแปล โดยมีวิธีการ ,หลักการ, และกฎข้อบังคับ เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของการแปลทฤษฎี
    (จากหัวข้อ3) และเช่นเดียวกันนี้ การโชว์แผนผัง 3 รูปแบบ คือ ประสบการณ์ ,การคาดเดา,การสร้างแบบแผน และ กฎข้อบังคับ ทำให้ผู้แปล และ ผู้เรียน สร้างนิสัย และสร้างกระบวนการความจำอย่างได้ผล และนั่นจะทำให้ผู้แปลเข้าใจในกระบวนการของต้นฉบับและ ส่วนประกอบของวัฒนธรรมมากขึ้น

    ลักษณะที่ 3 สัณชาตญาณของเพียส ,ประสบการณ์, แบบแผน, และการรวบรวม, การเผชิญหน้า, การหลบเลี่ยงในกลุ่มการแปล
    ซึ่งนำไปสู่ขั้นตอนของ การเปลี่ยนแปลง การคัดเลือก การจดจำ การเปลี่ยนแปลงเป็นไปตามระบบตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต การคัดเลือกทำให้มียุคต่อไป นำไปสู่กาารเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมหรือการจดจำ สำหรับทุกสายพันธุ์การใช้ชีวิตในสังคม เพียสกล่าวว่า กระบวนการนี้ให้รายละเอียดได้ดีที่สุดใน 3 ขั้นตอน,การคัดเลือก, การจดจำ
    อย่างที่ เอ็ม กริฟฟิน ได้สรุปแนวคิดของเพียสในหนังสือ “ทฎษฎีการสื่อสารในครั้งแรก” ในขั้นแรกคือกฏเกณฑ์ คือทำทุกสิ่งให้ง่ายเพื่อทำให้สามารถลุยผ่านไปสู่ผลลัพธ์ที่ยากจะเข้าใจ โดยไม่สุ่มเสี่ยง ( กริฟฟิน 1994:280 ) นี้คือความชัดเจนแบบง่ายๆ ซึ่ง ชาร์ท เซนเดอร์ เพียส เรียกว่า “การหลีกเลี่ยง” ออกจากข้อสัณนิษฐาน (หรือ การไม่สุ่มเสี่ยง) จากการที่จะผ่านสถานการณ์ที่ยากเข้าใจที่อยู่รอบตัวคุณ
    การออกจากกฎเกณฑ์เพื่อการคัดเลือก การครอบครองกฎเกณฑ์ ของการรับผิดชอบต่อการวางแผน เราสามารถอธิบายได้ก็ต่อเมื่อเราทำไปแล้ว ทำไมนะหรอ นั้นคือสิ่งที่วิคคิดว่า การกระทำยุ่งยากดีกว่าการที่ไม่ทำอะไร
    เลยการสิ้นสุดการเปลี่ยนแปลงคือสาเหตุที่ทำให้การจัดการได้ผลดีโดยที่ไม่ต้องทดลองก่อน แบบแผนนี้มาจากกฎของ (กริฟฟิน 1994:280)
    วิคกล่าวว่ามี 2 สิ่งที่เลือกคล้ายกัน : กฎเกณฑ์และกระบวนการที่เสร็จสมบูรณ์ กฎ ( สิ่งที่เพียสเรียกว่าการหลีกเลี่ยง) บ่อยครั้งที่มันกลายเป็นกุญแจนำไปสู่แหล่งที่มาของการกระทำ แต่วิคยังสงสัยว่ากฎที่แน่นอนเพียงอย่างเดียวหรือ ที่ใช้ได้กับสิ่งที่ธรรมดาอย่างมีเหตุผล เพราะกฎคือระเบียบแบบแผนโดยทั่วไปมักจะใช้กรณีที่มองว่าเป็นขั้นสูง คนมักพูดว่าความซับซ้อนในสถานการณ์จริงรายงานว่ามันล้มเหลวบ่อยครั้ง ความจริงนั้นกฎ 2 ข้อ นี้ขัดแย้งกันเมื่อใช้พร้อมกัน กับสถานการณ์เดียวกัน มีขั้นตอนยากในการเลือก กฎหนึ่งแก้ปัญหาที่ละส่วนในการแก้ปัญหาที่เหลืออยู๋ ก็ต้องทำตามกฎ กฎอีกข้อคือต้องค่อยๆ แก้ปัญหาไปที่ละนิดเป็นอย่างแรก วิคกล่าวว่า ขั้นตอนส่วนมาก “กระบวนที่เสร็จสมบูรณ์” ถูกใช้มากในการเลือกแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ซึ่งมีความแตกต่างในกระบวนการสำเร็จ แต่ทั้งหมดแล้ว จำนวนครั้งของการทดสอบและความผิดพลาด หรือที่เพียสเรียกว่า บทนำ
    Miss Saowalak Pongsakkajon
    English 3-1 no. 51501030060-3

  3. นางสาวราตรี อะฮีร์ (Ratree A-hee) says:

    PAGE 118

    สวัสดี
    อย่างที่คุณสงสัยกัน ที่ฉันเคยส่งข่าวให้ได้ยินเกี่ยวกับการกระทำของลูกค้าผู้ที่โกหกฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนั้นที่โกหกและบอกกับฉันว่าเธอไม่มีเงิน แล้วจะส่งเช็คมาให้ทางไปรษณีย์ แม้ว่ามีคนเตือนสติให้ฉันอย่าทำเช่นนั้น และแล้วฉันก็ตัดสินใจให้เธอเงินเธอไปเป็นหนสุดท้าย ซึ่งเมื่อนั้นก็ถูกส่งมาและมอบให้ฉันในแบงค์เมื่อเดือนธันวาคม แล้วในเวลาเดียวกันนั้นฉันก็ได้รับการ์ดคริสต์มาสเพื่อขอบคุณมันทำให้ฉันอดใจไม่ได้กับสิ่งอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนั้นยังมีแผ่นเพลงน่าจะเป็นลางบอกเหตุที่ดี ฉันคิดเช่นนั้น ความจริงก็คือ ฉันได้รับเช็คที่ถูกประทับตรราว่า บัญชีนี้ปิด (เช็คเด้ง) จากธนาคารของฉัน ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก ฉันไม่เคยเจออะไรหลอกลวงแบบนี้ ผมโกรธเป็นควัน แต่ก็ได้แต่รำพึงกับตัวเองว่าจะได้รับความช่วยเหลือ ฉันจะทำอะไรต่อไป ลูกค้าอยู่ในอเมริกา ส่วนฉันอยู่ที่เยอรมนี ฉันไม่มีเพื่อนสนิทที่จะพึ่งพิงนั่งอยู่ที่ระเบียงและต้องการเงิน ATA อย่างเดียวที่แจ้งคือ Dun&Bradstreet และฉันควรจะโทรหาครั้งสุดท้ายแล้วถามเธอว่าเธออยู่ในโลกอะไรเธอคิดเธอทำอะไรอยู่ ไม่เข้ามาบ้างเลย
    อีวา
    P.S.และไม่ มันยังสรุปไม่ได้ จัดต้องเตรียมการกับการลงโทษกับคนทำผิดประมาณ 900 ดอลลาห์สหรัฐ.
    ***
    บอกเธอว่าด้วยว่า หากคุณไม่ได้รับเช็คจากคนจ่ายเงิน โดยผ่านบริการส่งด่วนภายในสามวัน คุณจะต้องยื่นคำร้องเพื่อฟ้องร้องกับตำรวจ ที่เธอเป็นหนี้ที่เขียนเช็คผิด หลอกลวง และอาจเป็นไปได้ที่จะส่งเมลล์ลวงมามา สิ่งที่พวกเขาจะต้องได้รับโทษกระทำความผิดทางอาญา ตรวจผ่านกฎหมายว่าเขาจะได้รับโทษที่สมควรจะได้รับจากการฉ้อโกงจากการเขียนเช็คปลอมและแจ้งให้เธอทราบว่าจะต้องอยู่ในคุกนานเท่าใด สิ่งนี้ที่ควรจะทำ ฉันคิดอย่างนั้น โอ้ คุณอาจจะต้องขนานนามเขาเป็นการตอบแทนที่เข้าทำเช็คปลอมที่ผิดกฎหมายขึ้นมา อีกอย่างไม่ว่าเธอจะอาศัยอยู่ที่ประเทศไหนก็ตาม ส่วนไหนก็แล้วแต่..
    โชคดี
    โรสแมรี่
    ***
    Yikes. ฉันอยากจะทำอย่างนั้นจริงๆ Tennessee , BTW…..
    นางสาวราตรี อะฮีร์ อส. 3-1(51501030051-2)

  4. นางสาวราตรี อะฮีร์ (Ratree A-hee) says:

    PAGE 117
    จำนวนของคนที่มีความรู้หรือกำลังทำความเข้าใจเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการแปลนั้นไม่มีอะไรกำหนดโดยสิ้นเชิงเมื่อเปรียบเทียบกับความสงสัยที่เกิดขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหวังว่าจะเอาปัญหานี้ออกไป อะไรที่เป็นประโยชน์เมื่อเขาแปลอย่างพิเศษ งานนี้มันมีค่ามากกว่าเงินเท่าไหร่ มันคือสิ่งที่ใหญ่กว่าลูกค้าที่หน่วยงานต่างแสวงหา มีบุคคลต้องการที่จะติดต่อ บางสิ่งที่มากกว่าทางธุรกิจ เป็นสิ่งที่แทบจะไม่แสดงออกโดยแน่นอน คุณจะต้องอ่านระหว่างบรรทัด(อ่านให้มันลึกซึ้ง) ฟังเสียงเขาเสียงที่เขาคุยกัยกับหน่วยงานที่ติดต่อเพื่องาน
    การที่ลงทุนไปกับหนังสือ จนถึงบุคคลในหน่วยงานที่เป็นลูกค้า ใครเขียนมันขึ้นมาแล้วทำไม? บุคคลที่ทำงานผ่านหน่วยงาน ไม่สามารถจะรู้เกี่ยวกับลูกค้าได้ แต่จะดีมากหากอ่านระหว่างบรรทัดได้ สิ่งที่ควรอ่านหากเขียนด้วยนักเขียนที่มีเทคนิค บรรณาธิการ ผู้จัดการ เลขานุการ ด้านการตลาด หรือคนของประชาชน ผู้เขียนอาจเขียนขึ้นเพื่อตีพิมพ์ เขียนเป็นจดหมายแจ้งข่าว เขียนจดหมายทางธุรกิจ จดหมาย (ฉบับเขียนหรือพิมพ์) ผู้เขียนต้องการจะสื่อให้ผู้อ่านไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงได้เห็น มันเหมือนกับการจัดส่ง ให้พ่อค้าต่อไปยังลูกค้า ใช่ไหม? สิ่งนี้คือสิ่งที่นักเขียนรู้จัก มันจะเป็นกลุ่มเล็กๆ หรือกลุ่มใหญ่ไม่แน่ชัด นักเขียนจะรู้สึกสุขใจในการเขียนไหม? ยกตัวอย่าง รูปแบบในการเขียนที่มีการเว้นริมขอบกระดาษในการจดบันทึก.
    ใครที่คุณจะโทรศัพท์หา ส่งแฟกซ์ หรือส่งจดหมายออนไลน์ ถามเมื่อคุณไม่คุ้นเคยกับคำศัพท์? แล้วพวกเขาจะตอบสนองความช่วยเหลือกับพวกเราอย่างไร? คุณพร้อมที่จะติดบุญคุณเขาแล้วหรือยัง? คุณจะขอร้องเขาอย่างไร? คุณพร้อมที่จะรับคำสัญญาเพื่อที่จะทำอะไรตอบแทนเขาหรือยัง? เงิน,อาหารค่ำ, ช่วยบางสิ่งบางอย่าง หรือจะกล่าวรับคำสัญญา? หากเพื่อนคุณพร้อมที่จะช่วยคุณเต็มที่คุณจะหลีกเลี่ยงถ้อยคำ หรือวลีไหน? เกือบจะแก้ปัญหาของคุณแต่ยังไม่สมบูรณ์ จะมีคำถามเท่าไหร่เพื่อที่จะให้คุณทำงาน สิ่งนี้ไม่อาจจะเกิดขึ้นได้ ถ้าหากคุณคาดเดาไว้แล้ว สิ่งเหล่านี้มันจะมาเมื่อเต็มไปด้วยสิ่งกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็นลายลักษณ์อักษรและไม่เป็นลายลักษณ์อักษรของเพื่อน
    ใครเป็นเป้าหมายของผู้อ่านภาษา? ใครกันน่ะที่เป็นเป้าหมายของผู้อ่านภาษา? มีข้อมูลอะไรไหมที่จะเหมาะสมกับสิ่งนี้? หรือจะมีสักกลุ่มไหมที่อ่านการแปลนี้? คุณรู้อะไรเกี่ยวกับคนที่เป็นเจ้าของภาษา คนที่เจริญเติบโตในวัฒนธรรมอื่น ซึ่งจะแสดงออกในลักษณะที่แตกต่างกันไป จากต้นฉบับเดิมที่เป็นแหล่งของวัฒนธรรม อะไรเป็นเกณฑ์ของภูมิอากาศ ภูมิประเทศ การเมือง ขนาด วัฒนธรรมทางการเมือง และพื้นฐานทางศาสนา ที่จะทำให้ผู้อ่านเป็นไปตามเป้าหมายของภาษานั้น เช่นเดียวกับการตอบรับ บทความที่แตกต่างจากแหล่งที่มาของภาษาของผู้อ่าน อะไรเป็นภาษิต,อุปมา,นิยาย,คัมภีร์แปล,และวรรณคดีร่วมสมัย ลักษณะของเป้าหมายของผู้อ่านที่แตกต่างกันออกไป ตามแหล่งที่มาของภาษาของผู้อ่าน.
    นางสาวราตรี อะฮีร์ อส. 3-1(51501030051-2)

    …………………………………………………………….
    PAGE 118

    สวัสดี
    อย่างที่คุณสงสัยกัน ที่ฉันเคยส่งข่าวให้ได้ยินเกี่ยวกับการกระทำของลูกค้าผู้ที่โกหกฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนั้นที่โกหกและบอกกับฉันว่าเธอไม่มีเงิน แล้วจะส่งเช็คมาให้ทางไปรษณีย์ แม้ว่ามีคนเตือนสติให้ฉันอย่าทำเช่นนั้น และแล้วฉันก็ตัดสินใจให้เธอเงินเธอไปเป็นหนสุดท้าย ซึ่งเมื่อนั้นก็ถูกส่งมาและมอบให้ฉันในแบงค์เมื่อเดือนธันวาคม แล้วในเวลาเดียวกันนั้นฉันก็ได้รับการ์ดคริสต์มาสเพื่อขอบคุณมันทำให้ฉันอดใจไม่ได้กับสิ่งอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนั้นยังมีแผ่นเพลงน่าจะเป็นลางบอกเหตุที่ดี ฉันคิดเช่นนั้น ความจริงก็คือ ฉันได้รับเช็คที่ถูกประทับตรราว่า บัญชีนี้ปิด (เช็คเด้ง) จากธนาคารของฉัน ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก ฉันไม่เคยเจออะไรหลอกลวงแบบนี้ ผมโกรธเป็นควัน แต่ก็ได้แต่รำพึงกับตัวเองว่าจะได้รับความช่วยเหลือ ฉันจะทำอะไรต่อไป ลูกค้าอยู่ในอเมริกา ส่วนฉันอยู่ที่เยอรมนี ฉันไม่มีเพื่อนสนิทที่จะพึ่งพิงนั่งอยู่ที่ระเบียงและต้องการเงิน ATA อย่างเดียวที่แจ้งคือ Dun&Bradstreet และฉันควรจะโทรหาครั้งสุดท้ายแล้วถามเธอว่าเธออยู่ในโลกอะไรเธอคิดเธอทำอะไรอยู่ ไม่เข้ามาบ้างเลย
    อีวา
    P.S.และไม่ มันยังสรุปไม่ได้ จัดต้องเตรียมการกับการลงโทษกับคนทำผิดประมาณ 900 ดอลลาห์สหรัฐ.
    ***
    บอกเธอว่าด้วยว่า หากคุณไม่ได้รับเช็คจากคนจ่ายเงิน โดยผ่านบริการส่งด่วนภายในสามวัน คุณจะต้องยื่นคำร้องเพื่อฟ้องร้องกับตำรวจ ที่เธอเป็นหนี้ที่เขียนเช็คผิด หลอกลวง และอาจเป็นไปได้ที่จะส่งเมลล์ลวงมามา สิ่งที่พวกเขาจะต้องได้รับโทษกระทำความผิดทางอาญา ตรวจผ่านกฎหมายว่าเขาจะได้รับโทษที่สมควรจะได้รับจากการฉ้อโกงจากการเขียนเช็คปลอมและแจ้งให้เธอทราบว่าจะต้องอยู่ในคุกนานเท่าใด สิ่งนี้ที่ควรจะทำ ฉันคิดอย่างนั้น โอ้ คุณอาจจะต้องขนานนามเขาเป็นการตอบแทนที่เข้าทำเช็คปลอมที่ผิดกฎหมายขึ้นมา อีกอย่างไม่ว่าเธอจะอาศัยอยู่ที่ประเทศไหนก็ตาม ส่วนไหนก็แล้วแต่..
    โชคดี
    โรสแมรี่
    ***
    Yikes. ฉันอยากจะทำอย่างนั้นจริงๆ Tennessee , BTW…..
    นางสาวราตรี อะฮีร์ อส. 3-1(51501030051-2)
    …………………………………………………………….
    PAGE 119
    ข้าพเจ้าไม่ค่อยคุ้นเคยกับกฎหมายของรัฐเทนเนสซี ดังนั้นข้าพเจ้าจึงไม่ค่อยแน่ใจ เว้นแต่มันอาจจะไม่เสียหายหากบางทีนำมาใช้กับอัยการเพื่อซักถาม อีกนัยหนึ่งอย่างน้อยคุณก็คงสามารถที่จะอธิบายกับหน่วยงานที่คุณจะเก็บเงิน (ซึ่งมักจะเป็นอันดับต้นๆที่จะเกิดความเสียหาย) และพวกเขาอาจจะริบเงินคุณ พวกเขาจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียม เพียงแค่หาช่องทางใดช่องทางหนึ่งให้คุณเป็นหนี้ เราคุ้นเคยกับสถานการณ์นี้เมื่อ 2-3ปีที่ผ่านมา ว่าพวกเราตั้งใจจะบอกกับลูกค้า พวกเรามีเจตนาที่จะแจ้งตอนจบกับลูกค้าที่อยู่ในสถานการณ์นี้ และบอกพวกเขาว่าข้อความที่แปลนี้ไม่ถูกต้อง (คัดลอกมาจาก “WORK FOR HIRE” เมื่องานนี้ถูกใช้ (เธอใช้คืนภายใน 24 ชั่วโมง.
    Best,
    โรสแมรี่
    ***
    บทย่อกฎหมายเทนเนสซี
    ข้อสังเกตจากการทำเช็คผิดศีลธรรม
    หมายเหตุ: ข้อสรุปดังกล่าวนี้ไม่มีเจตนาที่จะรวมไปถึงข้อสรุปทางกฎหมายว่าด้วยเรื่องการฉ้อโกงเช็ค แต่ได้บรรจุในความและข้อกำหนด
    ข้อกำหนดฝ่ายพลเรือน
    หัวข้อที่47 ว่าด้วยเรื่องเครื่องมือทางพาณิชย์และการติดต่อ
    บทที่29 รวบรวมเช็คที่ผิดศีลธรรม 49-29-101 ความรับผิดชอบที่เกิดจากการทำเช็คที่ให้เกิดความเสียหาย
    อ้างมาจากประมวลกฎหมาย
    ตอร์เกล
    ***
    ตอร์เกลได้จะส่งสิ่งนี้มา ขอบคุณ ข้าพเจ้าได้รับและข้าพเจ้าก็ได้อ่านมันแล้ว มันค่อนข้างไม่น่าเกี่ยวกับตัวข้าพเจ้าเลยด้วยความโมโหในขณะนั้น อย่างไรก็ดี ช่วยรับเรื่องให้อัยการในจังหวัดได้ไหม บางทีข้าพเจ้าต้องการให้เพื่อนของข้าพเจ้าที่อาศัยอยู่ใน นาชวิลล์ (ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้ ที่ข้าพเจ้าเพิ่มเติมเข้าไป) ช่วยหาให้ข้าพเจ้าที
    โชคอาจไม่ดี ข้าพเจ้าอาจไม่สามารถทำให้ลูกค้าจนจบได้ ซึ่งนี้เป็นงานที่ชี้แจงและบันทึกในตอนท้าย

    นางสาวราตรี อะฮีร์ อส. 3-1(51501030051-2)

  5. Chudaporn Somnak says:

    Chapter 1 P.18-20

    หนึ่งในนั้นคือ การทำให้งานแปลมีมูลค่า ผู้แปลจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อทำให้แน่ใจได้ว่างานแปลนั้นน่าเชื่อถือ และป้องกันไม่ให้เกิดความล่าช้า (นักแปลเพียงแค่ทำงานให้เกิดราคาถูก กล่าวคือภาษาของผู้แปลที่ไม่ใช่นักแปลโดยอาชีพคนไหน งานวิจัย งานแปล และการทำหน้าที่ได้อย่างคล่องแคล่วนั้นบางทีอาจไม่เพียงพอกับงานทั้งหมดก็ได้) ผู้ที่ไม่ใช่นักแปลมืออาชีพหรือโดยอาชีพนั้น อาจทำงานได้ไม่ดีพอและไม่สามารถบอกกับนักแปลคนอื่น ๆ ได้ว่า วิธีหยิบยกคำแปลเหล่านั้นมาจากที่ไหน ฉะนั้นการฝึกฝนการเป็นนักแปลมืออาชีพนั้นจำเป็นต้องตั้งกฎเกณฑ์ และรักษากฎเกณฑ์เหล่านั้น ซึ่งจะทำให้แน่ใจได้ว่าจะทำงานได้เสร็จเร็วกว่ากำหนด
    สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้คือกฎเกณฑ์อย่างแท้จริง โดยผู้ใช้หนังสือเล่มนี้จะต้องพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือของงานแปลโดยไม่มีข้อผูกมัด ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องช่วยสำหรับนักแปลมืออาชีพ หากผู้ใช้สามารถทำความเข้าใจสิ่งที่พวกเขาต้องการได้อย่างถูกต้อง พวกเขาอาจสั่งให้เราทำงาน และชำระค่าตอบแทนให้สำหรับงานของพวกเราโดยบางทีก็อาจมองข้ามการพิจารณางานของพวกเราก็ได้ เพราะว่าเราจำเป็นที่จะต้องได้รับค่าจ้างในการทำงาน ถึงแม้ว่าเราเองจะรู้สึดเพลิดเพลินไปกับมันก็ตาม เรามักจะต้องพบกับความคาดหวังที่ผู้ใช้อยากให้เราทำตามที่เขาต้องการเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่นั่นก็เป็นเพราะว่า ความคาดหวังเหล่านั้นไม่สามารถจัดการได้อย่างเต็มที่ ซึ่งผู้ใช้จะต้องตั้งใจที่จะพบกับพวกเราคนละครึ่งทาง
    ฉันรู้สึกประหลาดใจหากทุกคนมีประสบการณ์เหมือนกันกับฉัน ฉันทำงานให้บริษัทขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ในส่วนของการทำสัญญา ซึ่งฉันก็ได้ทำเพียงแค่บางครั้งบางคราว แต่จนถึงวันนี้ก็เป็นเวลามากว่าสองปีครึ่งแล้ว ปัจจุบีนนี้ฉันทำงานเต็มวันบ้าง ไม่เต็มวันบ้าง และบ่อยครั้งที่ฉันจะต้องทำงานล่วงเวลา ซึ่งปริมาณงานก็ยังคงเท่าเดิม และพวกเขาเห็นถึงความจำเป็น และความมั่นคงในงานของฉัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะปฏิเสธที่จะจ้างฉันให้ทำงานอย่างถาวร นอกจากนั้นวกเขามักจ้างพวกวิศวกรที่สามารถพูดหรือเขียนได้สองภาษา ต่พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้มีทักษะทางด้านภาษาศาสตร์ หรือหนังสือรับรองการเป็นนักแปล หรือพรสวรรค์ทางด้านการแปลเลย คณะผู้บริการก็ดูเหมือนว่าจะไม่สนใจในเรื่องของคุณภาพของการแปลซักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีโอกาสในการค้นพบความแตกต่างระหว่าง การแปลภาอย่างถูกต้อง และการแปลภาษาที่ยุงเหยิง หรือกำกวม เพราะพวกเขาคิดว่าจะเป้นการเสียเวลาและสิ้นเปลืองเงินที่จะแก้ไขความผิดพลาดบางประการของนักแปลเก๊ (นักแปลตัวปลอม) ฉันรู้ว่าฉันจะเป็นคนโชคดีอย่างเป็นพิเศษถ้าหากเขาตัดสินใจที่จะจ้างฉันให้ทำงานประจำ
    ตามหลักจริยธรรมแล้ว ฉันไม่สามารถบอกพวกเขาได้ว่างานของคนอื่นที่ทำนั้นมันต่ำกว่ามาตรฐาน วิศวกรส่วนใหญ่ที่ฉันเคยได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดด้วย เขาเข้าใจและรับรู้ว่า ความถูกต้องอะไรและความสนใจเท่าที่จะทำให้ได้ และมีประสิทธิภาพของการสื่อสารมากขึ้น ฉันก้รู้เช่นกันว่าถ้าสมมติว่าสิ่งเหล่านั้นคือส่วนหนึ่งของอาชีพนักแปล ซึ่งฉันเองก็จะทำให้ดีเช่นกัน

    หน้า19
    ผู้ใช้หนังสือเล่มนี้ทุก ๆ คน ที่ต้องการที่จะให้งานแปลมีความน่าเชือ่ถือ จะต้องมีความสนใจในเรื่องของจำนวนผู้ต้องการ หรืออัตราของตลาด และให้มีช่วงระยะเวลาที่สมควรสำหรับความพร้อมและความสำเร็จของมัน ทุกคนต้องการให้งานแปลเกิดความน่าเชื่อถือมากกว่าที่จะสนใจในเรื่องของเศรษฐศาสตร์ เรามีข้อกำหนดที่เป็นองค์ประกอบสำคัญคือ ผลิตผลที่เราสร้างขึ้นนั้น คือ สิ่งที่สำคัญมากสำหรับการทำงานอย่างราบรื่นของเศรษฐกิจโลก การเมือง กฎหมาย ยารักษาโลก และอื่น ๆ มากกว่านั้นผู้ใช้อาจต้องพิจารณาถึงการแลกเปลี่ยนทางอ้อมของการแปล จากนั้นมันยังคงขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราทำและต้องปรับปรุงความเป็นจริงของสถานการณ์นั้นๆ
    สิ่งเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะเรียกเก็บเงิน พวกเรามีหน้าที่ในการทำตามคำสั่งหรือพวกเราเคยละเลยการพิจารณาของผู้ใช้และความคาดหวังไว้ถ้าผู้ใช้ต้องการที่จะเพิ่มความน่าเชื่อถือในขณะที่ความเร่งรีบเพิ่มมากขึ้นและค่าใช้จ่ายที่ลดน้อยลง เราได้ตระหนักถึงความปรารถนาเหล่านั้นและวางแผนเตรียมรับมือกับมันด้วย หนังสือเล่มนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องเสนอแผนการณ์ แผนการณ์เช่นนี้อาจไม่เท่ากันกับสิ่งที่มีอยู่ โอกาสที่มาแทนคือ การถอดตัวอักษร วึ่งเป็นหนึ่งในการเริ่มต้นในการทำงานเป็นนักแปลอย่างแท้จริง และพวกเขาจะรู้สึกอย่างไรในการทำสิ่งเหล่านั้น ในบทที่2 ฉันได้จำกัดความใหม่จาก แนวความคิด หรือทัศนคติของนักแปล ซึ่งแนวความคิดนี้พวกเราได้ไปสำรวจแล้วในบทที่1 ความสำคัญของความน่าเชื่อถือ รายได้ และความพึงพอใจ เป้นแง่คิดสุดท้ายของประสบการณ์ของนักแปล กล่าวคือผู้ใช้สามารถเข้าใจความแตกต่างระหว่างงานที่ทำเป็นอาชีพ และความเหนื่อยยาก
    การพิจารณา
    หลักจรรยาของการแปลมักมีการไตร่ตรอง ซึ่งประกอบด้วย ตัวอย่างนักแปลท่สามารถเข้าใจทัศนคติภายนอกของงานโดยสิ้นเชิง คำนึงถึงข้อคิดเห็นของผู้ใช้ ความแม่นยำเป็นเพียงแค่จุดมุ่งหมายที่เป็นไปได้ของการแปล ซึ่งผู้แปลไม่มีความคิดเห็นส่วนบุคคล หรือการแปลความหมาย การแปลเนื้อหาจากต้นฉบับเป้นสิ่งสำคัญ การพิจารณาหลักการต่าง ๆเป็นสิ่งสำคัญจะเป็นไปได้ไหมที่จะยอมรับว่านักแปลเป็นเพียงคนทั่ว ๆ ไป ความคิดเห็นของพวกเขา การแปลความหมาย ชอบหรือไม่ชอบ ความกระตือรือร้น และความเบื่อหน่าย ในขณะที่เขายังคงยืนยันในพฤติกรรมในอาชีพซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้คาดหวัง
    นักแปลมักจะและรับรู้ได้ถึงเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับระบบชองงานแปล สิ่งที่ให้สัญญากับลูกค้าคิอ ความเร็วที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยของราคาของผู้แปล นักแปลชี้ให้เห็นถึงคุณภาพต่ำหรือความไม่น่าเชื่อถือของงานแปล แต่เทคนิคบางประการที่ได้รับความนิยมกลับไม่ได้รับความนิยมสูง การบังคุบใช้ภาต้นกำเนิด(โดยเฉพาะการเขียน และการกระจายคำที่ไม่กำกวม) ทำให้ความน่าเชื่อถือเกิดขึ้นได้พร้อมกับการแปลได้เร็วขึ้น และมีต้นทุนต่ำ นักแปลจะพบกับความท้าทายได้อย่างไร ปลได้เร็วขึ้น และภาระน้อยลง การจดจำวิธีการดังกล่าวจะกลายมาเป็นก่อน และหลังการเป็นผู้รวบรวมงานแปล เรียนรู้ที่จะแปลงานประพันธ์

    หน้า20
    แบบฝึกหัด
    ลงรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติการแสดงอักษรของประเทศของคุณ ศาสนา กลุ่มของคุณ(เพศ ชั้นเรียน การแข่งขัน การศึกษา คุณภาพชีวิต และอื่น ๆ ) จากนั้นลงรายการรูปแบบหรือคุรลักษณะที่ดีของนักแปล ลักษณะนิสัยเฉพาะของบุคคลที่สามารถทำให้นักแปลนั้นเป้นนักแปลที่ดี หรือน่าเชื่อถือในสายตาของผู้จ้างให้แปลงานหรือลูกค้า ตอนนี้ให้เปรียบเทียบรายการที่ได้เขียนมา ใช้เวลาวิเคราะห์คู่ที่ไม่เหมาะสมกัน ลักษณะของคุณสมบัติต่าง ๆ ที่จะทำให้คนชอบคุณโดยที่ไม่มีเงื่อนไขในวงการงานแปล และอภิปรายถึงการเปลี่ยนรูปที่เป็นสิ่งที่ต้องการทั้งทางสังคมและคนที่จะเป็นนักแปล คำนึงถึงการแปลที่จะทำให้คุณเป็นนักแปลที่ดี
    แสดงละคร เป็นฉากในห้องประชุมของบริษัทระหว่างประเทสขนาดใหญ่ ที่จำเป็นต้องแปลเอกสารให้กับผู้บริการที่เป็นเจ้าของภา ซึ่งมีเวลานัดหมายอย่างแน่นอน อะไรที่เป็นตัวแปรในการสนทนาครั้งนี้ และอะไรที่เป็นประเด็นสำคัญ อะไรคือแรงกดดัน และความกังวล พยายามที่จะรับรู้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จากความคิดเห็นของคนที่ไม่ใช่นักแปล แบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ลงรรายการเกี่ยวกับความแตกต่างของผู้ใช้การแปลในแบบต่าง ๆ (รวมถึงผู้ใช้ที่มีสถานการณ์เดียวกัน และแตกต่างกัน)เท่าที่คุณจะทำได้ จากนั้นระบุชื่อรูปแบบของงานแปลที่มีความน่าเชื่อถือซึ่งแต่ละอันนั้นจะต้องได้รับการยกย่อง อะไรคือสิ่งที่ดีในการแปล
    แบ่งคนในกลุ่มออกเป็นสามกลุ่ม โดยในต่ละกลุ่มนั้นจะเป็นผู้ใช้ภาษาในการแปลจากต้นฉบับ ผู้ใช้ภาษาเป้าหมายในการแปล และนักแปล ทำการแปลโดยใช้สถานการณ์จากบทนี้ และลองเจรจา ก) ใครคือผู้ว่าจ้างและชำระค่าใช้จ่ายในการแปล แปลจากต้นฉบับ หรือเป้าหมาย หรือใช้ทั้งสองอย่าง ใครได้รับผลประดยชน์จากสิ่งนั้นมากที่สุด ผู้ใช้คนไหนที่มีความสามารถทางการเงินเหนือกว่าผู้อื่น และ ข) เงินจำนวนเท่าไหร่ที่จะจ่ายให้กับนักแปล (นักแปลมืออาชีพทำการแปลเพื่อเงินหรือไม่)
    ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมสำหรับการอ่าน
    อันเดอแมน โรเจอร์ และ เดล แวลลี่(2003) โบว์เกอร์ (2002) กัตท์ (1992) ฮัวสัน และ มาร์ติน (1991) ฮอลซ์ เมอตารี่ (1984) โจนส์ (1997) มิกเกลสัน (2006)ฟีแลน (2001) ฟิม (1992a, 1993, 1998 )
    โซเฟอร์ (2000) ตรู จิลโล (1999)

  6. chapter 5 อส.3-1 says:
    นางสาวจุฑามาศ วงศ์สุวรรณธร แปลหน้า 97-100 นางสาวประภาพร เกษกุล แปลหน้า 101-104 นายไพสิฐ สุขทิพยาโรจน์ แปลหน้า 105-107 นางสาวมุกดา ลักษณะวรรณกุล แปลหน้า 108-110 สาขาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล ชั้นปีที่ 3 ห้อง 1 หน้า 97 ประสบการณ์ ประสบการณ์คืออะไร 98 การรู้โดยสัญชาตญาณ ( abduction ) 100 การสร้างแบบอย่าง ( อุปมาน ) 105 กฎและทฤษฎี ( อนุมาน ) 106 การถกปัญหา 109 แบบฝึกหัด 109 คำแนะนำสำหรับการอ่านต่อไป 110 หน้า 98 วิทยานิพนธ์ : ขณะที่มันเป็นจริง “ประสบการณ์” เป็นครูที่ดีที่สุด , ประสบการณ์มาในรูปแบบและขนาดหลายๆแบบ รวมทั้งความป่าเถื่อนหรือการเดาการศึกษาเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ไม่มีทางอธิบายได้ (abduction) การเปิดเผยถึงเหตุการณ์ต่างๆในระยะเวลาที่นาน ซึ่งโดยทั่วๆไป พวกเราจะเรียกว่า “ ประสบการณ์ภาคปฏิบัติ ” ( อุปมาน ) และการสอนทฤษฎีหรือการฝึกหัดขั้นพื้นฐานบนกฎระเบียบหรือหลักการโดยทั่วๆไปจะเรียกว่า ( อนุมาน ) ประสบการณ์คืออะไร? ประสบการณ์ของโลกคือทางเดินซึ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ทั้งหลาย ถ้าปราศจากประสบการณ์การพูดของคนอื่น พวกเราก็จะไม่เคยเรียนรู้ภาษา ถ้าปราศจากประสบการณ์การแสดงปฏิกิริยาของคนอื่น พวกเราก็ไม่เคยเรียนรู้แบบฉบับความประพฤติของสังคมของพวกเรา ถ้าปราศจากประสบการณ์ของการเขียนตำราและการมองเห็นสื่อ พวกเราก็ไม่เคยเรียนรู้เกี่ยวกับโลกที่เหนือไปกว่าสภาพแวดล้อมของพวกเรา ปราศจากประสบการณ์ของโลก ถ้าในความเป็นจริง พวกเราไม่เคยเรียนรู้สิ่งของที่พอจะมองเห็นภาพได้ ประสบการณ์ของโลกคือส่วนที่แบ่งแยกออกไม่ได้ของการเริ่มต้นในโลกของพวกเรา ปราศจากมัน ทั้งหมดนี้อาจจะคงอยู่อย่างยาก คำถามจริงๆ คือ ต่อไป ประสบการณ์ของโลกคือสิ่งซึ่งขาดไปไม่ได้สำหรับงานของผู้แปลใช่หรือไม่? แต่ประเภทของประสบการณ์ของโลกคือสิ่งซึ่งขาดไปไม่ได้สำหรับงานของผู้แปล มันเพียงพอที่จะมีประสบการณ์ของคนหรือภาษาต่างชาติที่ลึกซึ้งและกว้างใหญ่มั๊ย? ถ้าดังนั้น มันเพียงพอที่จะแสดงภาษานั้น หรือภาษาเหล่านั้น หรือเป็นประสบการณ์ของวัฒนธรรม หรือวัฒนธรรมซึ่งมันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพูดภาษาบ้านเกิดในตำราและห้องเรียน ประสบการณ์ของภาษาแม่สำคัญมากอย่างไร? และมีค่าอย่างไร ? มันจำเป็นที่จะแสดงกับคนผู้ซึ่งพูดมันในย่าน สังคม และศาสนาที่แตกต่างกันมั๊ย? หรือมันเพียงพอที่จะอ่านมันอย่างกว้างและตั้งใจมั๊ย? อีกทางหนึ่ง เป็นประสบการณ์ที่กว้างใหญ่ของบางเรื่องราว ถ้าผู้แปลมีความรู้การทำงานเบื้องต้นอย่างน้อยของภาษาต่างประเทศ ถ้าดังนั้น ประสบการณ์ต้องการเป็นประสบการณ์ภาคสนาม ประสบการณ์ของวัตถุ และคนผู้ซึ่งจัดการและพูดเกี่ยวกับวัตถุที่นำไปใช้ได้จริงๆ ใช่มั๊ย? หรือมันเพียงพอที่จะมีประสบการณ์ของตำรา บทความ และงานในเรื่องราวเหล่านั้นมั๊ย? ที่สุดของแก่นสำหรับผู้แปลมืออาชีพที่มีความเลื่อนลอยและมีประสบการณ์ของภาษาต่างประเทสที่ผิวเผินซึ่งจะทำให้ผู้แปลมืออาชีพไม่สะดวก หน้า 99 ประสบการณ์กับพจนานุกรม? หรือในตัวอย่างอย่างน้อยที่สุด มันเพียงพอสำหรับความสามารถของผู้แปลมืออาชีพจากภาษาสเปนและภาษาโปรตุเกสที่ได้ยินภาษาอิตาลีเล็กน้อยและเป็นเจ้าของพจนานุกรมภาษาอิตาลีที่ดี เพื่อที่จะแปลงานประจำจากชาวอิตาลีอย่างง่ายใช่มั๊ย? คำตอบหนึ่งของคำถามเหล่านี้คือ ใช่ ในเรื่องที่แน่นอน การทดสอบความรู้ให้ทะลุปรุโปร่งในภาษาสามารถได้รับโดยการเรียนเป็นพิเศษเฉพาะ เมื่อคุณมีประสบการณ์น้อยหรือไม่มีประสบการณ์ และการทดสอบที่ดีในงานบางครั้งสามารถได้รับโดยงานที่ยากซึ่งเขียนภาษาต่างประเทศซึ่งคุณมีประสบการณ์เล็กน้อย บางครั้งความรู้ของภาษาก็เหมือนกัน และพจนานุกรมสามารถได้รับโดยงานอย่างง่ายซึ่งคุณสามารถอ่านได้ทั้งหมด ขณะที่ความสามารถที่จะทดแทนความไม่สำเร็จในบางครั้งและกำลังทักษะมืออาชีพเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม การถามคำถามในทางนี้คือการชักนำให้เข้าใจผิด ขณะที่ในการระบุสถานการณ์ในระดับหรือประเภทของประสบการณ์ บางทีอาจจะเพียงพอหรือจำเป็น ผู้แปลที่มีความรู้มากจะก้าวหน้า เพราะจะถูกต้องการให้ทำงาน ดังนั้นกุญแจของผู้แปลที่จะสะสมพอกพูนประสบการณ์ของโลกไม่มาก บางทีอาจจะเพียงพอหรือจำเป็นสำหรับการเจาะจงงานแปล มันเป็นประสบการณ์ของทุกสิ่งที่เป็นไปได้ การมีประสบการณ์มากกว่า 1 ในโลกย่อมดีกว่า ผู้แปลที่ดีคือ คนผู้ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์อย่างเดียวที่จะทำงานของเขาหรือของเธอให้ดี มากกว่า 1 ภาษา มากกว่า 1 ขั้น มากกว่า 1 ปีในต่างประเทศ มีหนังสือมากกว่า 50 หรือ 60เล่ม และเขาหรือเธอพร้อมที่จะเริ่มทำงานอย่างจริง แต่วันนั้นไม่เคยมาถึง ไม่ใช่เพราะว่าผู้แปลเป็นคนไม่มีความสามารถหรืออ่อนหัด ไม่ใช่เพราะว่างานของผู้แปลเป็นมาตรฐาน แต่เพราะว่าผู้แปลที่ดีต้องการที่จะเรียนรู้มากขึ้นเสมอ ต้องการมีประสบการณ์มากขึ้นเสมอ ไม่เคยรู้สึกพอใจกับงานที่เขาหรือเธอทำเสร็จเรียบร้อย มีการคาดหวังอยู่ตลอด การก้าวหน้า 1 ขั้น หรือ 3 ขั้น และรักษาความอยากรู้ของผู้แปลในการค้นหาประสบการณ์ที่มากกว่าตลอดไป ประสบการณ์ของโลกบางครั้งก็ยืนยันนิสัยของผู้แปล มีความเป็นปกติที่จะมีชีวิตในสังคม ซึ่งมันทำให้บางลักษณะท่าทางของการทำนายชีวิตของพวกเรา การไปเยี่ยมเมืองหนึ่ง พวกเราไปเยี่ยมหลายครั้งก่อนจะจำเกี่ยวกับเมืองนั้น โรงแรมที่ชื่นชอบ ร้านอาหารหรือร้านกาแฟที่ชื่นชอบ สวนสาธารณะที่ชื่นชอบ พื้นที่ที่ควรหลีกเลี่ยง และอื่นๆ ทุกความพยายามที่จะติดต่อในภาษาต่างประเทศ ซึ่งพวกเรารู้ดีจะยืนยันความทรงจำของพวกเราของภาษาเหล่านั้น การคุ้นเคยคำศัพท์มากหรือน้อย เหมือนสิ่งซึ่งพวกเราจำความหมายของพวกเขาก่อน โครงสร้างการทำงานเหมือนวลีธรรมดาถูกใช้ในสถานการณ์เหมือนกับที่พวกเราเผชิญหน้ากับพวกเขาก่อน แต่เป็นประสบการณ์ที่ถือว่าน่าประหลาดใจสำหรับพวกเรา พวกเรากลับเข้าจนมุมและหาโรงแรมหรือร้านอาหารที่ชื่นชอบนั้นเสียแล้ว หรือการเปลี่ยนเจ้าของและทำให้ดูดีโดยสิ้นเชิง คำศัพท์ที่คุ้นเคยและวลีถูกใช้ในทางที่ไม่คุ้นกัน ดังนั้น พวกเราจึงประกลาดใจว่าพวกเราเชื่อว่าตัวของเราคล่องแคล่วในภาษาได้อย่างไร หน้า 100 ถ้าไม่มีอะไรเหมือนกันเสมอไป เห็นอยู่แน่ชัดว่าพวกเราจะค้นหามันเป็นไปไม่ได้ที่จะกระทำ ไม่มีใครเคยเป็นตำแหน่งที่จะให้ทิศทางกับทุกคนได้ ไม่มีอะไรจะอยู่ได้ยาวนานเพียงพอสำหรับคนที่ “ รู้ ” มันอยู่ที่ไหน หรือมันเหมือนอะไร การสื่อสารจะเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าไม่มีอะไรเคยเปลี่ยนแปลง นิสัยของพวกเราจะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวก พวกเราจะปิดประสบการณ์ภายใน และการคาดหวังของพวกเราอย่างเข้มงวด การทำนายประสบการณ์พื้นฐานเหล่านั้น และหยุดการเรียนรู้ส่วนมากพวกเราพยายามที่จะทำซึ่งในพื้นที่หลายพื้นที่ของการอาศัยอยู่ของพวกเราอาจเป็นไปได้ที่จะกลายเป็น “ นิสัยของสัตว์โลก ” ( วลีซึ่งเหมือนดูถูก ) และเพื่อที่จะควบคุมสภาพแวดล้อมของพวกเราในทางเล็กๆ แต่เหลือความไม่ปลอดภัยอย่างเดียวเท่านั้น “ ความเคยชิน ” ควบคุมเหนือชีวิตทั้งหมดของพวกเรา และความมั่งมีอย่างเดียวเท่านั้นคือสามารถที่จะกระทำให้สำเร็จโดยการควบคุมในความจริง การหยุดพักของพวกเราถูกบังคับนิสัยของพวกเราในทางเล็กๆ 100 ทางทุกวัน และบังคับให้พิจารณาใหม่ จัดเป็นกลุ่มใหม่ เปลี่ยนการเข้าใจของพวกเรา และคาดหมายที่จะยอมให้กับประสบการณ์ใหม่ๆ อย่างช้าและเจ็บปวด บางครั้งเริ่มที่จะสร้างนิสัยไม่ดีขึ้นมาใหม่รอบๆสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง พวกเราดูนิสัยของผู้แปลเป็นไปได้ที่จะแปลเร็ว ไว้ใจได้มากกว่าและสนุกมากกว่า แต่เมื่อนิสัยเหล่านั้นไม่ถูกทำลาย บิดเบี้ยว นวด และปรับปรุงใหม่โดยประสบการณ์ที่สดใหม่ ความสนุก ความเร็วและความเชื่อถือได้จะไหลซึมออก หยุดนิ่งเหมือนเครื่องจักรที่ทำงานมายาวนาน ( ผู้เล่นเปียโนสามารถเล่นอย่างเร็วและไว้ใจได้ และขณะที่คุณสนุกที่จะฟังการเล่นของเขาเหล่านั้น คุณจะสนุกกับมันได้นานเท่าไร? ) ในขั้นตอน 6 -10 ในหนังสือ พวกเรากำลังจะพิจารณาการต่อเนื่องกันเกี่ยวกับประสบการณ์ อาชีพ ภาษา การเชื่อมโยงในสังคม วัฒนธรรม และความสำคัญสำหรับผู้แปล ในแต่ละเรื่องพวกเรากำลังจะสำรวจประเด็นของประสบการณ์ในกลุ่มของ abduction , induction , deduction ของ Charles Sanders Peirce การจู่โจมโดยสัญชาตญาณ การสร้างแบบแผน และกฎ หรือกฎหมาย หรือทฤษฎีโดยทั่วๆไป ในการหยุดของขั้นตอนนี้ ต่อมา ตรวจสอบการถามกลับของพวกเราว่าบทบาทอะไรในแต่ละการเล่นในการพัวพันอยู่กับโลกของผู้แปล การรู้โดยสัญชาตญาณ ( abduction ) บทบาทอะไรควรจะรู้โดยสัญชาตญาณในการแปล ไม่ทั้งหมดในบางคำพูด หรือเล็กน้อยเท่ากับความเป็นไปได้ ไม่มีอะไรควรถูกออกจากโอกาส และตั้งแต่การรู้โดยสัญชาตญาณควรเฉลี่ยให้เท่ากับการเดา และการเดากับการสุ่มหรือโอกาส ความหมายนี้ไม่มีอะไร ในการแปลควรรู้โดยสัญชาตญาณ แต่ในการสมัครที่กว้างที่สุด นี้คือตำแหน่งปลายสุด ซึ่งความเป็นจริงมีน้อยที่จะทำการแปลทุกวัน มันเป็นจริงซึ่งผู้อ่านมีความสามารถอ่านอย่างรวดเร็ว ปฏิเสธการแปลเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ หรือเกี่ยวกับเทคนิค หรือกฎหมาย การแปลขั้นพื้นฐานอย่างกว้างบนการรู้โดยสัญชาตญาณของผู้แปลเกี่ยวกับคำศัพท์และวลีที่ถูกต้อง นี้คือประเภทของการเรียนรู้โดยสัญชาตญาณ เป็นแหล่งที่มาของ หน้า 101 ในโรงแรมที่โตเกียว: “กรุณาอย่าขโมยผ้าขนหนูของโรงแรม ถ้าเธอไม่ใช่บุคคลที่ทำเช่นนั้น เธอก็ไม่ต้องสนใจประกาศ” ในลอบ็บี้ของโรงแรมบัสซาเรส: “ลิฟท์ถูกทำให้ไม่ให้เคลื่อนไหวในวันต่อไป ระหว่างนั้นพวกเราเสียใจ เกรงว่าเธอจะไม่สามารถทนได้” ในลิฟท์ Leipzing : “ห้ามเข้าลิฟท์ทางด้านหลังและเพียงเมื่อมันสว่างขึ้น” ในลิฟท์โรงแรมที่ฝรั่งเศส : “เธอกรุณาออกห่างหนาโต๊ะ” ที่โรงแรมในเอเธนท์ :” แขกถูกคาดหวังถึงการบ่นในสำนักงาน ระหว่างเวลา 9 โมงเช้าถึง 11 โมงเช้าทุกวัน” รายการอาหารของภัตตาคารในสวิซ : “ไวน์ของเราไม่มีตามที่เธอหวัง” รายการอาหารของโรงแรมโพลิช: “การทำสลัดผักด้วยตนเอง;ชุปผักหัวแดงใสกับขนมอบไส้ ผลไม้เนยแข็งในรูปของนิ้วมือ ;เป็ดย่าง;เบคอนเนื้อวัวเป็นที่นิยมของคนในประเทศ” จากสัปดาห์ละคร้งของโซเวียส:”ที่นั่นจะเป็นนิทรรศการศิลปะของมอสโคโดยจิตรกรและชาวแกะสลักสาธารณรัฐโซเวียส 150000คน เหล่านี้ถูกทำพ้นผ่านมาแล้ว 2 ปี” ที่ร้านซักรีดในอิตาลี:”สุภาพสตรีทั้งหลาย ทิ้งเสื้อผ้าของคุณไว้ที่นี้และใช้เวลาในตอนบ่ายให้ป็นเวลาที่มีประโยนช์” ที่วัดในกรุงเทพ: “ห้ามผู้หญิงเข้าแม้แต่ชาวต่างชาติถ้าแต่งตัวเหมือนผู้ชาย” ในบาร์ของโตเกียว:” ค็อกเทลสุดพิเศษสำหรับสุภาพสตรีกับผลไม้เปลือกแข็ง” เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วของสายการบิน Copenhagen:”พวกเราจะนำกระเป๋าของคูณและส่งพวกมันอยู่ในความควบคุมทั้งหมด” บนประตูห้องของโรงแรมมอสโค:”ถ้านี้คือครั้งแรกของคุณที่ไปรัสเซีย เธอจะถูกต้อนรับ” ในห้องรับแขกเครื่องดื่มค็อกเทลในนอร์วิเจียน: “สุภาพสตรีถูกขอร้องห้ามมีเด็กในบาร์” ในสวนสัตว์บูดาเบส:”กรุณาอย่าให้อาหารสัตว์ ถ้าเธอจะให้อาหารอย่างเหมาะสมให้การ์ดที่เป็นผู้แทนให้แทน” ในคลินิกของหมอ Roman:”ผู้ชำนาญพิเศษเกี่ยวผู้หญิงและที่ป่วยเป็นโรคอื่นๆ” จากหนังสือข้อมูลเล่มเล็กของญี่ปุ่น เกี่ยวกับการใช้เครื่องปรับอากาศของโรงแรม:” ความเย็นและความร้อน: ถ้าเธอต้องการปรับเครื่องปรับอากาศห้อุ่นในห้องของคุณกรุณาควบคุมด้วยตัวของคุณเอง” จากแผ่นพับโฆษณาของบริษัทเช่ารถในโตเกียว: “เมื่อผู้โดยสารยกเท้าในระยะที่มองเห็นบีบแตร์รถยนต์ แตร์มีเสียงอย่างไพเราะในครั้งแรกของเขา แต่ถ้าเขากีดขวางทางผ่านของคุณต่อจากนั้นเขาก็จะบีบถี่ขึ้น” ผ้าใบบังแดดของร้านขายขนมปังในฝรั่งเศส:”ความเจ็บปวดทั้งหมดที่สุดคือการถึงเส้นชัยของฝรั่งเศส” หน้า 102 ความมีชื่อเสียง “ด้านการแปลที่เลวร้าย” :ซึ่งพบในร้านขายของหลายๆร้านและในโรงแรมหลายๆโรงแรมและภัตตาคารหลายๆภัตตาคาร และด้วยมือตนเองทั่วโลกแต่ว่าไม่ได้หมายความว่าการเข้าใจโดยสัญชาตญาณคือสิ่งที่แย่และถูกหลีกเลี่ยงการรู้ที่เกิดจากสัญชาตญาณเป็นส่วนที่สำคัญของกระบวนการแปล:สำคํญที่สุดแต่เพียงส่วนสำคัญ ในสถานที่แรกมันเป็นสิ่งที่ยากอย่บ่อยๆที่จะเห็นความแตกต่างการรู้ที่เกิดจากสัญชาตญาณจากสิ่งที่แน่นอนอย่างเงียบ เธอกำลังแปลตามและสะดุดคำที่สั้นๆ อะไรคือที่หมายของภาษา ทันทีทันใดที่มันมาถึงไม่มีที่ไหนบอกมันดูเหมือนและประเภทนิ้วมือของคุณ คุณว่ามันถูกได้อย่างไร แน่นอนคุณต้องรู้ มันรู้สึกใช่ มันรู้สึกว่าเกิดจากสัญชาตญาณที่ใช่ความจำในวิธีการปฏิบัติของคุณถูกควบคุม ในประสบการณ์ของคุณมันถูกใช้ในเหตุการณ์หรือสภาพแวดล้อมอย่างลำบากเหมือนหนึ่งในปัญหาที่ปรากฏเกี่ยวกับคำ ด้วยความลำบาก เหมือนน้ำเสียงและส่วนต่อของวิชาภาษาศาสตร์ว่าด้วยการศึกษาความหมายและการเปลี่ยนแปลงความหมายของคำ เธอคิดทบทวนในหัวของเธอ 3หรือ 4 ครั้งหาตัวอย่างในคำพูดของคุณและไม่ใช่เรื่องราวที่เธอไต่ถาม มันใช่ ดังนั้นเธอเชื่อถือการรู้การเข้าใจโดยสัญชาตญาณของคุณหรือประสบการณ์ของคุณต่อไป เธอไม่ต้องตรวจคำในพจนานุกรม 4 เล่ม หรือส่งสารกับเพื่อนของคุณ ผู้ที่ต้องสามารถบอกให้เธอแน่ใจหรือส่งคำถามออกสู่อินเตอร์เน็ต ความจริงก็คือถ้าเธอทำอย่างที่ว่าทุกๆคำเธอจะไม่เคยเสร็จเลย เธอไม่เคยทำการแปลอย่างที่ใช้กันอยู่อย่างแน่นอน บางครั้งก็ใช่ การเข้าใจโดยสัญชาตญาณของคุณหรือประสบการณ์ของคุณ และมันเป็นอันไหน ที่บอกเธอว่านั้นคือปัญหาที่กังวลเกี่ยวกับคำหรือวลีที่ปรากฏขึ้น ดังนั้นเธอตรวจพจนานุกรมของเธอ และพวกเขายืนยัยตัวเลือกทั้งหมดแต่เธอก็ยังสงสัยอยู่ และพวกเขาให้เธอได้คำตอบที่ขัดแย้งซึ่งเป็นคำตอบที่ไม่ได้ช่วยมันข้นอยู่กับเธอ เธอลุกขึ้นและย่างเท้าไปรอบๆ การกังวลคำเกี่ยวกับการลากและการดึง สุดท้ายคำที่เธอกำลังมองหาเธอก็รู้ในหัวของเธอ และเธอยินดีรีบเร่งคำที่จะเขียนคำที่ว่าลง แต่เธอจะรู้ได้อย่างไร เธอต้องทำ หรือเธอรีบเร่งที่จะเขียนมันลงแค่เพื่อที่จะค้นพบว่า คำสุดท้ายที่เธอจำได้มีความหมายอื่น หรืสมาคมอื่นๆ อันที่ทำให้มันไม่เหมาะสมที่อาจจะเป็นไปได้สำหรับเนื้อความนี้ ตอนนี้เธอมี 2 คำ ที่รู้สึกเป็นฝ่ายที่ถูก และฝ่ายที่ผิดอันไหนที่เธอเลือก หรือเธอเก็บสิ่งที่ทำให้เกิดความเจ็บปวด จนกระทั่งเธอพบคำที่ 3 บางคำที่ดึงความรู้สึกออกจากเธอโดยเท่ากัน ยินดีต้อนรับสู่คำของการแปลที่ลงเอยกันได้ทั่วโลกของกึ่งความถูกและผิด แต่ต่อจากนั้นลักษณะอะไรของโลกของเราที่ไม่เป็นจริง กระบวนการของการจำและรักษาคำและวลี ต่อจากแกนกลางวิชาภาษาสตร์ว่าด้วยการศึกษาความหมายและการเปลี่ยนแปลงความหมายของคำ ได้รับความสูงชันในการรู้ที่เกิดจากสัญชาตญาณ บางสิ่งความรู้เหล่านี้ถูกลับอย่างอัดแน่นในประสบการณ์ที่ยาวนาน อื่นๆในความจำที่เลือนรางของการฉกฉวยการแอบฟังของการสนทนา และมันเป็นไปไม่ได้เสมอที่จะบอก 2 ส่วน ถ้าคำที่รู้เข้าไปในสมองของคุณ โดยปราศจากการลากตามหลังที่เต็มของประสบการณ์ของคุณกับการเดาจากการศึกษาอาจรู้สึกชอบความสงบมากๆแน่นอน ผู้แปลที่ดีจะพัฒนาความรู้สึกที่หยาบเมื่อหล่อนสามารถเชื่อถือความรู้ที่เกิดจากสัญชาตญาณเหล่านั้น และเมื่อพวกเขาจำเป็นที่จะถูกควบคุมเพื่อที่จะปิดความรอบคอบและและการทดสอบที่ขึ้นอยู่กับ แต่ความรู้สึกนั้นไม่เคยมากกว่าสิ่งที่หยาบสิ่งหนึ่ง มัวนิดหน่อยที่แนวแบ่งเขตสำคัญมากเสมอ การรู้ที่เดาจากสัญชาตญาณอาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แม้สำคัญมาก ขอบการนำของกระบวนการแปล แต่เมื่อครั้งหนึ่งที่โคร่งร่างหยาบทำสำเร็จ ผู้แปลก้าวเดินกลับจากงานของหล่อน และแก้ไขมันด้วยความระมัดระวังและสายตาที่สงสัย อย่างน้อยนั่นคือความคิดเห็น และมันก็ไม่ได้เป็นแค่ความคิดเห็นที่ดี มันคือหนึ่งของความสำเร็จอยู่บ่อยๆ หลายๆครั้งผู้แปลจะจับการอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ 2หรือ 3 ความผิดพลาดที่โง่ อันที่หล่อนทำความร้อนของการประดิษฐ์ ฉันสามารถมีความคิดอะไรได้ไหม แม้การแก้ไขถูกลับอย่างหนัก การรู้ที่เกิดจากสัญชาตญาณภายหลังทั้งหมด อะไรคือที่มาของการตัดสินที่มีเหตุผลยอดเยี่ยม อันที่ตัดสินคำหรือวลีคำที่ผิด แหล่งที่มาตรงกับประสบการณ์อันที่ผลิตมันในสถานที่แรกและธรรมดาที่ช่องแคบแตกต่างเล็กน้อย มีสาเหตุในหนึ่งคำที่ใช่ และคำอื่นๆ 17 คำที่ผิด แต่ผู้แปลทำงานคนเดียวและล่าม การทำงานในที่สาธารณะและปราศจากอิสรภาพของการมองสิ่งต่างในหนังสือหลายเล่มที่อ้างอิงหรือการถามคำถามที่ไม่รู้เสมอ คำไหนเป็นที่ถูกและต้องไว้ใจความรู้สึกที่เกิดจากสัญชาตญาณ เธอทำความผิดพลาดหลายความผิด ความผิดพลาดได้รับความถูกต้องและเธอเรียนรู้จากพวกเขาหรือถ้าเธอไม่ได้รับความถูกต้องเธอทำมันอีกครั้ง และเธอปรารถนาว่าเธอสามารถหลีกเลี่ยงการกระทำที่ผิดพลาดเช่นนี้ แต่เธอไม่สามารถที่จะทำมันได้โดยสิ้นเชิง ทั้งหมดเธอสามารถทีจะทำไม่ให้ผิดพลาดตั้งแต่ต้นจนจบอีกครั้ง ยิ่งกว่านั้นขณะที่มันเป็นความปรารถนาที่ถูกพิจารณาสำหรับผู้แปลเพื่อที่จะแก้ปัญหาทั้งหมดในเนื้อเรื่องก่อนการยอมตามผู้แปลเสร็จ มันเป็นไปไม่ได้ บางครั้งผู้แปลจะเรียกตัวแทนหรือลูกค้าและพูด “ฉันไม่สามรถหาความที่ดีเท่ากันสำหรับ X” ถ้า X มันง่ายและผู้แปลควรจะรู้ หล่อนจะเสียหน้าและคงจะเสียงานที่ดีในอนาคต อย่างเห็นได้ชัด ผู้แปลควรจะยอมตามความไม่รู้ แค่หลังจากการทำทุกๆสิ่งในพลังของตัวเองเพื่อจะแก้ปัญหาในครั้งแรก ในทางตรงกันข้าม ผู้แปลผู้ที่ยอมตามความไม่รู้ในการเผชิญหน้ากับความยากที่แท้จริง บางทีแม้ไม่สามารถแก้ตก ปัญหาที่แท้จริงได้รับการเผชิญหน้า ชนะความมั่นใจของตัวแทนหรือลูกค้า เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อที่จะจัดการความจำกัดของตนเองในแต่ละบุคคล การยอมรับความไม่รู้ของคำที่ยากหันไปทางความไว้ใจในส่วนที่เหลือของเนื้อเรื่อง อันที่สามารถถูกสันนิษฐานของสิ่งอันที่ผู้แปลรู้ โครงการการแปลที่ใหญ่บางโครงการ ถูกทำโดยกลุ่มคน คือผู้แปล A แปลครึ่งแรกและส่งต้นตำหรับการแปลถึงผู้แปล B เพื่อที่จะแก้ไข ผู้แปล B แปลครึ่งที่ 2 และส่งต้นตำหรับการแปลถึงผู้แปล A สำหรับการแก้ไข ผู้แปลแต่ละคนทำการเปลี่ยนเป็นฐานบนการแนะนำของคนอื่นๆ “ผลผลิตที่เสร็จ” การร่วมมือกันของพวกเขาถูกตรวจสอบไกลออกไปโดยยบุคคลในสำนักงานที่ตัวแทนก่อนที่มันจะออกไปสู่ลูกค้า บุคคลในสำนักงานคนอื่นๆ ค้นหาฐานข้อมูลในเว็บไซต์ทั่วโลกและแหล่งที่มาอินเตอร์เน็ตอื่นๆ สำหรับศัพท์เฉาะที่มีประโยชน์ ผู้แปลทั้ง 2 คนรวบรวมและทบทวนที่เป็นการทดลองอภิธานศัพท์ ทางออกศัพท์เฉพาะวิชาของพวกเขาอย่างไม่รู้จักหยุดในประเภทของการร่วมมือกัน การรู้ที่เกิดจากสัญชาตญาณไม่เพียงแค่จะได้รับ พวกเขาได้รับการส่งเสริมอย่างหนัก ผู้แปลที่ไม่ทราบคำและมักจะเดามันอยู่เรื่อยๆ ผู้แปลคนอื่นๆเห็นทันทีทันใดว่าการเดาคือความผิดแต่การเดาช่วยให้เขาจำคำที่ถูกต้องหรือที่จะทำให้ดีกว่าการเดา หรือแนะนำแหล่งที่มาที่อาจจะแก้ปัญหาของพวกเขา การเปรียบเทียบอภิธานศัพท์ที่เป็นการทดลองของแต่ละคน เพื่อที่จะรักษาความสม่ำเสมอของศัพท์เฉพาะวิชา พวกเขาระดมความคิดของแต่ละคนและร่วมกันบนปัญหาที่หลากหลายและเปรียบเทียบเหมือนหินลับมีดที่รับทีละเล็กทีละน้อยและขัดเกาคำที่ถูกต้อง ในยอดต่อจากความรู้ที่เกิดจากสัญชาตญาณเป็นส่วนที่จำเป็นของการประดิษฐ์เรื่องของการแก้ไข และพวกเขาคือส่วนจำเป็นของการแก้ไขให้ดีขึ้น เรื่องการอภิปรายและการเจรจาในหมู่ผู้แปล 2คน หรือมากกว่า 2คน ผู้แก้ไขหรือผู้จัดการหลายคนของโครงการ เพราะว่าการรู้ที่เกิดจากสัญชาตญาณเป็นการพิจารณาการเดาโดยทั่วๆไป พวกเขาเก็บรักษาเป็นประจำ “ในสำนักงาน” ของผู้แปลด้านในหรือไม่ และไม่ถูกเปิดเผยถึงตัวแทนหรือตัวแทนข้างในและไม่เปิดเผยถึงลูกค้า แต่ตัวแทนหลายๆคนและแม้แต่ลูกค้าที่มีส่วนร่วมในกลุ่มบางคนตระหนักกว่าผู้แปลไม่ใช่ผู้แปลวิชาวิทยาศาสตร์แน่นอน และบ่อยครั้งที่ทั้งหมดกำลังทำงานไปกับผู้แปลที่มีปัญหาที่เต็มไปด้วยปมปัญหาสุดท้ายแน่นอนมันจะกล่าวว่าไม่ใช่การแปลที่เป็นวิทยาศาสตร์ทั้งหมด หรือเกี่ยวกับวิชาวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่การแปลทั้งหมดที่ถามกลับว่าถูกต้องหรือแม่นยำในการแปลคำ หรือวลี ในการเลียนแบบอย่างอิสระหรือการดัดแปลงคำที่หยาบให้เหมาะสม เช่น เรื่องราวของภาพยนตร์ หรือ ทีวี หรือ นวนิยาย การเล่นในทีวี “ การเล่ากลับ ”ของความคลาสสิคเกี่ยวกับวรรณคดีสำหรับเด็ก และการรณรงค์การโฆษณาในประเทศ ความรู้ที่เกิดจากสัญชาตญาณเป็นสิ่งสำคัญเพื่อที่จะเรียกกลับคำใหม่ให้ถูกต้อง เพื่อที่จะเรียกความสนใจหรือการต่อต้านคำที่ทีผลต่อจินตนาการ หรือพลิกแพลงวลีที่ไม่เหมือนต้นฉบับที่เป็นเชิงสร้างสรรค์และมีผลบังคับใช้ที่ถูกตีราคาเหนือความแน่นอน สิ่งกีดขวางเชิงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแปลที่ดีในความไม่จำเป็นของผู้แปล แต่เป็นกระแสที่อิสระของสิ่งที่นึกคิดไปเองของเขา ความรู้ที่เกิดจากสัญชาตญาณเกี่ยวกับ abduction ที่ช่วยเก็บหรือช่วยเริ่มหลายๆ สิ่งในบางสาเหตุ คำหรือวลีที่ถูกต้องถูกพิสูจน์ที่เป็นปัญหาอย่างสูง เมื่อการแปลจาก Baby lonian ในสมัยโบราณ หรือชาวซูเมอเรียน คำเหล่านี้หมายถึงอะไร ใน 3000 ปีที่ผ่านมาเห็นหุ่นยนต์ ในปี 1997 หรือเมื่อผู้แปลสงสัยว่าผู้เขียนต้นฉบับไม่ถือคำที่ผู้แปลใช้ เมื่อ Diana กวีชาวอเมริกันกำลังทำงานกับนักวิชาการชาวอาเมเนียน เพื่อที่จะแปลแหล่งสะสมของกวีชาวอาเมเนียนรุ่นเดียวกัน แปลเป็นภาษาอังกฤษ มีคำศัพท์สำหรับการปีนเขาที่ผู้แปลรู้สึกถูกต้องเกี่ยวกับกลอน “ แน่นอน ” “ เหมาะสม ” แม้ว่าความหนักแน่นของผู้ที่ร่วมมือกันกับชาวอาเมเนียนมันเป็นความหมายที่ผิด สำหรับคำของชาวอาเมเนียนที่ถูกใช้โดยกวีต้นฉบับ ในสถานการณ์ที่หล่อนกำลังที่จะแปลเกี่ยวกับ abduction และเกี่ยวกับการรู้โดยสัญชาตญาณ ความรู้ที่เกิดจากสัญชาตญาณถูกยืนยันในภายหลังโดยกวีชาวอาเมเนียน ผู้ที่พูดว่าเขาหวังว่าเขามีความคิดที่จะใช้คำของชาวอาเมเนียนเท่ากับคำที่ผู้แปลใช้ เพราะว่ามันไม่ใช่คำที่พิมพ์อยู่ในกลอน เป็นคำที่ถูก หน้า 105 แต่ความคิดเหล่านี้ไม่ได้รับการยืนยืนอย่างน่าพอใจ พวกเขามาถึง เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน พิจารณา และทำตาม นักแปลตัดสินใจ และเหตุการณ์การผ่านไปเป็นอดีต ไม่มีนักแปลคนไหนพูดว่า คุณแปลผิด หรือ คุณแปลถูก ฉันแปลผิด หรือแม้กระทั้งสังเกตข้อผิดพลาด คำที่เลือกใช้เปรียบเสมือนสายน้ำที่ไหลอยู่ใต้สะพาน ไม่มีวันย้อนกลับ นักแปลมีงานแปลใหม่ๆเข้ามา รูปแบบ – โครงสร้าง (การอุปนัย) มีการกล่าวกันว่า น้อยครั้งที่จำเป็นต้องใช้กระบวนทางความคิดของการสร้างรูปแบบผ่านทางประสบการณ์อันมากมายของแต่ละคนซึ่งคือ การอธิบายเพียงอย่างเดียว มากกว่าที่จะใช้การบวนการที่มีความขัดแย้ง มันที่รู้ทั่วไปว่า ความคิดเป็นสิ่งที่นักแปลต้องเผชิญในงานแปลต่างๆ หรือ งานแปลที่เป็นชุดที่ได้รับมา รวมถึงบอกถึงว่า นักแปลถูกฝึก (หรือฝึกด้วยตัวเอง) เรื่องการแปลมาอย่างไร การฝึกอาจจะไม่ได้ทำให้เป็นนักแปลที่เก่ง แต่มันช่วยได้แน่นอน ยิ่งมีคำ วลี หรือประโยค มาให้แปลมากเท่าไหร่ การแปลของคนๆนั้นก็จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่บางความคิดเห็นก็ถูก สิ่งนั้นก็คือ ประสบการณ์ หรือ การฝึกฝน ที่ถูกมองเป็นภาพในลักษณะของความคิด มากกว่าการเผยแพร่ข้อความ…….[ไม่รู้ อึนมาก] สิ่งนี้คือกระบวนการการตรวจสอบอย่างรอบคอบผ่านข้อความต่างๆ และแน่นอนที่จะต้องดูตามกฎ ตามรูปแบบ และหลักการทั่วๆไปที่สามารถนำบางส่วนของหลักการมาใช้ได้ และด้วยเหตุนี้ การคาดเดาและการควบคุมอย่างสม่ำเสมอจะนำไปสู่การทำซ้ำจนกลายเป็นประสบการณ์ การเพิ่มขึ้นบางส่วนของ สมาธิ สามารถกลายเป็นจิตใต้สำนึก การรับรู้โดยจิตใต้สำนึก แต่เพียงเท่านั้น ถ้ามีการกลั่นกรองวิเคราะห์ภายใน การเปรียบเทียบความเหมือนและความต่างทางความคิด ไม่เคยได้รับสิ่งที่แน่นอน เช่น พวกเขามาแต่จะชอบถามเสมอๆ ว่า ทำไม และ ทำไมถึงไม่ได้ และ ทำไมฉันไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน ความหลากหลายเหล่านั้นคือ จิตใต้สำนึกที่เพิ่มขึ้นเป็นประสบการณ์จนนำไปสู่กระบวนการทางความคิดเป็นการพิจารณาซึ่งการเตรียมพร้อมที่จะสังเกตและสะท้อนออกมาเป็นคำ หรือ วลี และบันทึกการเปลี่ยนแปลง รวมถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องในทางภาษาศาสตร์ไปสู่ผู้แปลที่ต้องเผยแพร่ ซึ่งคือ และ วลีคำที่ไม่ปกติ และแน่นอนรวมถึง คำหรือวลีธรรมดาที่อาจจะลืมไปในข้างต้น ซึ่งคล้ายกับคำหรือวลี ที่มีการเปลี่ยนความหมายและการใช้ และอื่นๆอีกมากมาย คุณได้ยินคำที่เสียงคล้ายกัน คำนั้นอาจจะมีการใช้งานที่เหมือนกัน สำหรับบางที่มาของคำในภาษานั้นทำให้คุณต้องยุ่งยากในอดีต คุณต้องหยุดทันทีและถามคำถาม เช่น คุณได้ยินบางคนในประเทศ สเปน ใช้คำว่า เอ็มโพเดอราเมียนโต้ ในการสนทนาโดยบังเอิญ ตัวอย่างเช่น และ คุณเริ่มจะรบกวนผู้พูดโดยการตัดสินใจตั้งคำถามที่ว่า คำนั้นในภาษา สเปน เหมือนกับคำที่ออกเสียงว่า เอ็มพาวเว่อร์เม้นท์ ในภาษาอังกฤษหรือปล่าว หรือว่าคำนั้นเหมือนกับรากศัพท์ในภาษาลาติน สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการเข้าใจที่ผิดโดยบังเอิญ (ทำสิ่งเหล่านี้คือ เพื่อนที่ผิด) การอุปนัยที่ได้ผลคือ ผู้แปลมักจะสะสมคำ หรือ วลี ที่อาจจะเป็นประโยชน์ในบางวันอยู่เสมอๆ บางอย่างบนกระดาษบันทึก หรือ ในคอมพิวเตอร์ไฟล์ สิ่งต่างๆเหล่านั้นอยู่ในหัวของพวกเขา และชนิดความต้องการของกระบวนการการสะสมนั้น จะทำให้นักแปลมีความรู้สึกตลอดเวลา แยกประเภทจากความสนใจโดยแท้จริง และความเป็นไปได้ที่จะมีประโยชน์ และเป็นคำและวลีที่สำคัญ ที่มาจากการไหลบ่าของภาษา ที่เราได้ยินอยู่รอบตัวเราในทุกๆวัน หน้า 106 ที่ความสำคัญ คือ ในขณะที่กระบวนการทางความคิดของการหารูปแบบจากประสบการณ์ที่มีมากซึ่งมีความสามารถที่จะเปลี่ยนความเคยชินของจิตใต้สำนึกของเรา กระบวนการนี้มีผลกระทบเท่านั้น เมื่อมีการรวมกันจนกลายเป็นความเคยชินของจิตใต้สำนึก ในความเป็นจริง กระบวนการการเรียนรู้ทางความคิดของจิตใต้สำนึกนั้นสามารถอธิบายว่า ทำไม ประสบการณ์ทางความคิดนั้นมีประโยชน์มากสำหรับการฝึกฝนตัวผู้แปล มากกว่าการอนุมาน การเรียนรู้และการใช้ในเรื่องของกฎเกณฑ์ทั่วๆไปและทฤษฎี มีการเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ จากการค้นพบอย่างต่อเนื่องและการเข้าใจอย่างถ่องแท้ไปสู่เรื่องของความเคยชินของจิตใต้สำนึก ที่ได้รับการกระตุ้นความคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความคิดถูกเปรียบเสมือนสมาธิอยู่กับบางสิ่งนานเท่าพอที่จะจดจำได้ สิ่งนี้คือลักษณะเฉพาะของความสนใจ และเหนือไปกว่านั้นคือเก็บข้อมูลไว้ และตามความเป็นจริงแล้วยังสามารถหยุดยั้งหรือขัดขวางโดยความคิด แต่มากกว่านั้นอยู่ในส่วนต่อไป กฎเกณฑ์ และ ทฤษฎี(การอนุมาน) อุดมคติ หลักของการอนุมาน กฎเกณฑ์ ตัวอย่าง ข้อบังคับ ทฤษฎี ของการแปล ควรจะเป็นผลมาจากการประสบการณ์ที่ผู้แปลนั้นซึ่ง คือการทดสอบการอุปนัยของสมมติฐานผ่านทางกรณีศึกษาของแต่ละบุคคล นักแปลพยายามจะแปลในสิ่งที่ตัวเธอคิดว่าถูก หรืออาจจะมีความเป็นไปได้ โดยไม่นึกถึงความรู้สึก หรือ ความเหมาะสม นักแปลใช้หลักการกว้างๆที่จะทำให้สิ่งที่พวกเขาเผยแพร่ปรากฏขึ้น และนักแปลเองก็เริ่มที่จะคิดหลักการต่างๆในสิ่งพิมพ์ใหม่ๆโดยวิธีการคาดเดาหรือควบคุมสิ่งที่พวกเขาเกี่ยวข้อง แต่หลักการเหล่านี้ก็เถรตรงเกินจนขัดขวางการรับรู้ความคิดใหม่ๆของนักแปลต่อประสบการณ์(รวมถึงความสามารถในการเรียนรู้และเพิ่มเติมความรู้) การอนุมานต้องถูกว่าอยู่ข้างใต้ ซึ่งต้องเก็บความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อแรงกดดันต่างๆจาก ………….. การอุปนัยที่จะคิดอีกว่าความคิดของเขาหรือเธอเป็นที่เข้าใจ แต่ ความคิดนี้ก็ไม่สามารถนำไปใช้จริงได้เสมอไป ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นไม่มีประสิทธิภาพเท่าไหร่ การเรียนรู้หลักทั่วไปผ่านประสบการณ์ทางคิดคิดและ…..ของบุคคลหนึ่งต้องใช้เวลานาน รวมถึงใช้พลังงานมาก ที่จะกรอบความคิดให้แคบลงเหมือนประสบการณ์ของนักแปลเอง ด
  7. chapter 5 อส.3-1 ต่อ says:

    นางสาวจุฑามาศ วงศ์สุวรรณธร แปลหน้า 97-100
    นางสาวประภาพร เกษกุล แปลหน้า 101-104
    นายไพสิฐ สุขทิพยาโรจน์ แปลหน้า 105-107
    นางสาวมุกดา ลักษณะวรรณกุล แปลหน้า 108-110
    สาขาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล
    ชั้นปีที่ 3 ห้อง 1

    หน้า 106

    ที่ความสำคัญ คือ ในขณะที่กระบวนการทางความคิดของการหารูปแบบจากประสบการณ์ที่มีมากซึ่งมีความสามารถที่จะเปลี่ยนความเคยชินของจิตใต้สำนึกของเรา กระบวนการนี้มีผลกระทบเท่านั้น เมื่อมีการรวมกันจนกลายเป็นความเคยชินของจิตใต้สำนึก ในความเป็นจริง กระบวนการการเรียนรู้ทางความคิดของจิตใต้สำนึกนั้นสามารถอธิบายว่า ทำไม ประสบการณ์ทางความคิดนั้นมีประโยชน์มากสำหรับการฝึกฝนตัวผู้แปล มากกว่าการอนุมาน การเรียนรู้และการใช้ในเรื่องของกฎเกณฑ์ทั่วๆไปและทฤษฎี มีการเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ จากการค้นพบอย่างต่อเนื่องและการเข้าใจอย่างถ่องแท้ไปสู่เรื่องของความเคยชินของจิตใต้สำนึก ที่ได้รับการกระตุ้นความคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความคิดถูกเปรียบเสมือนสมาธิอยู่กับบางสิ่งนานเท่าพอที่จะจดจำได้ สิ่งนี้คือลักษณะเฉพาะของความสนใจ และเหนือไปกว่านั้นคือเก็บข้อมูลไว้ และตามความเป็นจริงแล้วยังสามารถหยุดยั้งหรือขัดขวางโดยความคิด แต่มากกว่านั้นอยู่ในส่วนต่อไป

    กฎเกณฑ์ และ ทฤษฎี(การอนุมาน)
    อุดมคติ หลักของการอนุมาน กฎเกณฑ์ ตัวอย่าง ข้อบังคับ ทฤษฎี ของการแปล ควรจะเป็นผลมาจากการประสบการณ์ที่ผู้แปลนั้นซึ่ง คือการทดสอบการอุปนัยของสมมติฐานผ่านทางกรณีศึกษาของแต่ละบุคคล นักแปลพยายามจะแปลในสิ่งที่ตัวเธอคิดว่าถูก หรืออาจจะมีความเป็นไปได้ โดยไม่นึกถึงความรู้สึก หรือ ความเหมาะสม นักแปลใช้หลักการกว้างๆที่จะทำให้สิ่งที่พวกเขาเผยแพร่ปรากฏขึ้น และนักแปลเองก็เริ่มที่จะคิดหลักการต่างๆในสิ่งพิมพ์ใหม่ๆโดยวิธีการคาดเดาหรือควบคุมสิ่งที่พวกเขาเกี่ยวข้อง แต่หลักการเหล่านี้ก็เถรตรงเกินจนขัดขวางการรับรู้ความคิดใหม่ๆของนักแปลต่อประสบการณ์(รวมถึงความสามารถในการเรียนรู้และเพิ่มเติมความรู้) การอนุมานต้องถูกว่าอยู่ข้างใต้ ซึ่งต้องเก็บความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อแรงกดดันต่างๆจาก ………….. การอุปนัยที่จะคิดอีกว่าความคิดของเขาหรือเธอเป็นที่เข้าใจ

    แต่ ความคิดนี้ก็ไม่สามารถนำไปใช้จริงได้เสมอไป ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นไม่มีประสิทธิภาพเท่าไหร่ การเรียนรู้หลักทั่วไปผ่านประสบการณ์ทางคิดคิดและ…..ของบุคคลหนึ่งต้องใช้เวลานาน รวมถึงใช้พลังงานมาก ที่จะกรอบความคิดให้แคบลงเหมือนประสบการณ์ของนักแปลเอง ดังนั้นนักแปลหลายคนที่มีการอนุมานตั้งแต่เกิดจะคิด
    วัฏจักรที่ว่า “ฉันเชื่อว่าสิ่งสำคัญในการแปลคือความหมายของข้อความต้นฉบับ ไม่ใช่คำที่เราคิดขึ้น” นักแปลที่ใช้การอนุมานในการอภิปรายทางอินเตอร์เนต เช่น ลานตรา? ได้เรียนรู้ว่าเป็นวิธีที่ยากมากผ่านความพยายาม และการตอบโต้อย่างมีสมาธิ ซึ่งสิ่งที่นักทฤษฎีการแปลต่างๆได้บอกนักอ่านเมื่อนานมาแล้ว ประมาณ ศตวรรษที่ 16 ถ้าคุณย้อนทฤษฎีนี้กลับไป

    ตอนนี้ ฉันไม่แค่ยอมรับแต่ประกาศอย่างเต็มใจว่ายอมรับการแปลจากประเทศกรีก ยกเว้นในกรณีของการเขียนบทความทางศาสนา ที่ทุกประโยคต้องมีความเคลือบแคลงใจ ฉันไม่ได้แปลคำต่อคำ แต่แปลจากความรู้สึก

    (โรบินสัน 1997บี: 25)

    หน้า 107

    2 สหัสวรรษมาแล้ว ถ้าคุณนับวันถอยหลังกลับไปสู่ Cicero ปีที่ 55 ยุคก่อนประวัติศาสตร์
    แต่ฉันไม่ได้แปลเช่นเดียวกับที่ผู้แปล แปล แต่แปลเช่นเดียวกับผู้กล่าวคำปราศรัย รักษาความคิดและรูปแบบให้เหมือนกัน หรือเฉกเช่นเดียวกับอีกสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า รูปแบบทางความคิด แต่ในภาษา

    (โรบินสัน 1997บี: 25)

    ผู้สอนการแปลบอกกับเหล่านักเรียนของเขาเกี่ยวกับข้อความนี้เป็นเวลาถึง 1 ทศวรรษอีกด้วย
    จำเป็นจริงๆหรอสำหรับผู้ฝึกสอนการแปลที่จะต้องเรียนรู้หลักการนี้อีก ร่วมกับการที่ต้องพยายามเป็นอย่างมากหรอ สิ่งเหล่านี้ไม่เหมาะสำหรับพวกเขาที่จะบอก ช่วงแรกๆในการทำงาน สิ่งนี้คือกฎที่สำคัญของการแปลที่เป็นที่ยอมรับทั้งหมดทางฝั่งตะวันตก

    ใช่หรือไม่ใช่ ความพยายามทั้งหมดจะไม่สูญปล่าว เพราะว่าเราเรียนรู้สิ่งต่างๆอย่างเต็มที่อยู่เสมอๆ ทำให้พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวจนเป็นนิสัย เมื่อเราเรียนรู้สิ่งเหล่านี้จากประสบการณ์ที่มีค่าที่ได้มาจากเหตุการณ์ อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ก็คือความพยายามของพวกเรา ในบางความเหตุผล ไม่เคยมีใครเรียนทุกสิ่งโดยไม่ได้ทดลองโดยการฝึกฝน แม้ว่าการฝึกฝนนั้นจะให้เพียงประสบการณ์จากการพิสูจน์เนื้อหาจากการพิจารณาภายในชั้นเรียน หรือเปรียบเทียบจากประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้วและดูว่าเข้ากันได้หรือไม่ นักเรียนที่พึ่งเริ่มการแปลซึ่งจะเริ่มการแปลเป็นของตัวเองจะแปลแบบคำต่อคำ นักเรียนจะไม่แปลความหมายจากทั้งประโยคเหมือนที่ครูบอก แปลแบบไม่เป็นคำๆ จนกระทั่งเขาหรือเธอได้ทดสอบหลักการในการแปลว่าได้ผลและรู้สึกถึงการยอมรับผ่านประสบการณ์ ดังนั้น ประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญ แม้กระทั่ง การสอนหลังการอนุมาน

    แต่ในขณะเดียวกัน การบอกเล่าของการเป็นอยู่ยังสามารถหมายถึงการสงวนไว้อย่างมาก และความพยายามที่จะเข้าใจความหมายโดยตัวของคุณเอง ในการเริ่มเรียนการแปลนั้น การบอกถึงความหมายของทั้งประโยคจะยังคงมีการตรวจสอบความถูกต้องในการฝึกฝน แต่ประสบการณ์ การตรวจสอบนี้จะมีจุดความสนใจหรือมีแนวทางโดยกฎ หรือ ตามแบบโครงสร้าง ดังนั้นจึงจะเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วและมีผลทำให้ไปถึงเป้าหมายเกินกว่าที่ต้องการ ถ้าหยุดการพัฒนาโดยตัวของสิ่งเหล่านั้นเอง

    นี่คือสิ่งที่แน่นอน พื้นฐานของเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการฝึกฝนการแปล จะให้บางส่วนของของหลักการทั่วๆไปและความเป็นไปได้ที่มากมายของการทดสอบหลักการเหล่านั้นในการฝึกฝน (และได้รับการตอบรับทางความสามารถในการเข้าใจบนความสำเร็จหรือการล้มเหลวจากการทดสอบเหล่านั้น) ผู้พึ่งเริ่มหัดแปลใหม่นั้นจะมีกระบวนการความสามารถในการพัฒนากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างรวดเร็วกว่าออกมาทำงานในโลกภายนอกโดยตัวของเขาเอง

    ยิ่งไปกว่านั้น การแสดงออกสู่การอนุมานของคนอื่นๆเกี่ยวกับการแปลสามารถช่วยให้นักแปลมีความคิดในการแปลที่กว้างขึ้น เราทั้งหมดเฝ้าดูสมมติฐานที่จะทำให้ภาษาที่ใช้ในการแปลดูสละสลวยในทุกๆที่ และในทุกๆที่นั้น ภาษาสละสลวยมาจากประสบการณ์ของเราในตำแหน่งที่เหมาะสมที่ถูกจำกัดเพียงเล็กน้อย และการสันนิษฐานนี้ยังสามารถเป็นขีดจำกัดร้ายแรง นักแปลผู้ที่สรุปจากประสบการณ์หลายปีในเทคนิคหรือการแปลทางธุรกิจ ที่ซึ่งนักแปลทุกคนจะต้องแปลให้มีความหมายใกล้เคียงกับข้อความต้นฉบับให้แม่นยำเท่าที่จะเป็นไปได้ จะทำให้รู้สึกเป็นอัมพาตเมื่อถามถึงการปรับคำโฆษณาให้เหมาะสม คัดลอกสู่ความต้องการทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน หรือนวนิยายที่ซับซ้อนสำหรับเด็กๆ
    หน้า 108
    “นั่นไม่ใช่การแปล!” ประเภทนี้ของคนมักจะร้องไห้ — เพราะที่ไม่ได้ชนิดของการแปลเธอ / เขายอมรับ.ไม่ว่าอย่างไรก็ตามอยู่นอกแต่ละผู้แปลแต่ละคนจะมีประสบการณ์แคบเป็นธรรมของข้อมูลคือ”ไม่เป็นการแปล”การเปิดเผยรับหักออกของบุคคลคนอื่นเกี่ยวกับข้อมูลที่สามารถเกลี้ยกล่อม การแปลด้วยสมมติฐานที่ติดตัวนี้มีข้อจำกัดของประสบการณ์ของตนเองในโลก
    และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งสำหรับทฤษฎีการแปล การแปลเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้แปล ผ่านแนวคิดแคบของข้อมูลในเชิงลึกขยายเป็นสิ่งที่ได้รับการแปลในประวัติศาสตร์ (ในภาษากลางอายุการเขียนด้วยตัวเองหรือวิจารณ์และสร้างให้เป็นคำแปล) สิ่งที่ คือวันนี้ (การปรับตัวเกี่ยวกับรากฐาน, เลียนแบบเชิงตีความ,การพิมพ์เผยแพร่ในละแวกเดียวกัน) และสิ่งที่อาจจะมีในอนาคตเท่าที่บาง เหล่านี้การสำรวจทางทฤษฎีอาจจะไม่ได้ทันทีใช้กับต้องปฏิบัติแปลของ เทคนิคการแปลภาษาบ้านๆในที่เดียวการแปลบางประเภทของเอกสาร อาจไม่ได้ต้องการผู้เชี่ยวชาญทราบว่าคนแปลในสมัยกลางหรือ การแปลการโฆษณามักจะดำเนินการในปัจจุบัน
    แต่ที่เคยทราบว่าประเภทของความรู้หรือประสบการณ์ที่จะพิสูจน์ว่ามีประโยชน์ในอนาคตบ้านในด้านเทคนิคอาจแปลวันเสนอ การแปลโฆษณา” เพื่อออกที่ป่วยวันนี้คุณคิดว่าคุณอาจมีลักษณะที่โฆษณาเต็มหน้านี้หรือไม่? เขาไม่อยากจะได้กล่าว”ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการแปลโฆษณาฉันไม่เคยคิดเกี่ยวกับมันและจะค่อนข้างเปิดเผยฉันไม่ต้องการคิดเกี่ยวกับมัน”?เพื่อนกับตัวแทนโฆษณาอาจจะมองหานักแปลเพื่อร่วม บริษัท ที่จะแปลวิชาการไม่อยากอยู่ในตำแหน่งเพื่อเลือกระหว่างสองงานเพียงเพราะการแปลการโฆษณา (แน่นอนสิ่งภายนอกหรือประสบการณ์แคบของเขาปัจจุบันเธอ ) จะคิดไม่ถึง
    วิธีหนึ่งในการวางนี้กล่าวว่านักแปลควรจะเรียนรู้ตลอดชีวิตสม่ำเสมอ กระตือรือร้นที่จะผลักดันเข้าสู่ดินแดนใหม่และอย่างน้อยบางครั้งตามลักษณะการเรียนรู้ของตนเอง (ดูบทที่ 3) คนอื่นอาจจะเดินทางในดินแดนเหล่านั้น ไม่มีใครสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่มีประสบการณ์อย่างแรก ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครสามารถมีประสบการณ์กว่าสิบสามสิ่งที่ได้ผ่านหนังสือและหลักสูตรและรายละเอียดอื่น ๆ มือแรก เราต้องอาศัยประสบการณ์ของผู้อื่นเพื่อที่จะดำเนินการขยายโลกของเรา แม้ว่าเมื่อเราได้รับทราบประสบการณ์อื่น ๆ ที่เราต้องการออกไปและเพื่อทดสอบคำอธิบายในการปฏิบัติของเรา
    สิ่งสำคัญที่ควรจำไว้ในนี้มีห้าบทที่เป็นตัวชักนำ การพิสูจน์หาและทุกช่องทางสำคัญของประสบการณ์และการเรียนรู้ แต่ละคนมีที่พิเศษและสิ่งมีค่าในการสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ คาดเดาไม่ต่อเนื่องของการพิสูจน์หา การทดลองปฏิบัติและหาข้อผิดพลาดของการเหนี่ยวนำหรือระเบียบกฎหมายและทฤษฎีการหักลบออกจากผู้ที่เริ่มแปล: การพิสูจน์หาและหักลบออกที่มีความจำเป็นเพื่อความสามารถระดับมืออาชีพ แต่การเหนี่ยวนำโดยมุมมองสดและการสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นในการพิสูจน์หาและแก้ไข”ภาพใหญ่”ของหักลบออกจะกลายเป็นการท่องให้ขึ้นใจ, การเครื่องไหวไม่สะดวกของเครื่องจักร และปราศจากการหักลบ
    หน้า 109
    ประหลาดใจจากโลกของการพิสูจน์หาหรือวางพื้นฐานที่มั่นคงในการฝึกฝนอย่างผู้เชี่ยวชาญจะไม่บังเกิดผลและว่างเปล่า
    การสนทนา
    1.มันพอสำหรับนักแปลที่มีประสบการณ์ลึกซึ้งและกว้างขวางมากกว่าหนึ่งภาษาต่างประเทศ? ถ้ามันเพียงพอที่จะได้สัมผัสกับภาษาที่หรือภาษาที่ในหนังสือและห้องเรียน? หรือประสบการณ์ของวัฒนธรรมที่เป็นเจ้าของภาษาพูดสำคัญอย่างไร
    2.วิธีที่สำคัญคือประสบการณ์มากมายของภาษาแม่ของคุณ และวิธีรวย? สถาบันเหล็กฯ จำเป็นต้องสัมผัสกับคนที่พูดในพื้นที่ที่แตกต่าง, สังคมในห้องเรียนและอาชีพ? หรือมันพอที่จะอ่านได้อย่างกว้างขวางและอย่างเป็นห่วง?
    3.ประสบการณ์ของเรื่องบางเรื่องเพียงพอต่อผู้แปล เป็นถ้าเธอมีความรู้การทำงานเป็นพื้นฐานของภาษาต่างประเทศมาข้อความในเขตข้อมูลที่เขียนใน? ถ้าปริมาณที่พบต้องมือในประสบการณ์ของเขตข้อมูลประสบการณ์ของวัตถุและผู้คนที่จับพวกเขาและทางคนที่พูดเกี่ยวกับวัตถุหรือไม่ หรือมันคือพอมีประสบการณ์ในหนังสือบทความและเรียนเกี่ยวกับเรื่องที่
    4.มันอาจจะเพียงพอในบางกรณีสำหรับนักแปลที่มีประสบการณ์ประเดี๋ยวเดียวและตื้นของภาษาต่างประเทศและเป็นสาระสำคัญ แต่เป็นประสบการณ์ที่หลากหลายและซับซ้อนกับพจนานุกรม มันจะเพียงพอสำหรับนักแปลมืออาชีพอำนาจจากสเปนและโปรตุเกสเคยได้ยินเล็กน้อยอิตาลีและของพจนานุกรมภาษาอิตาลีดีเพื่อแปลข้อความที่ค่อนข้างง่ายและประจำจากอิตาลีหรือไม่
    5.สิ่งที่ควรปรีชาบทบาทที่เล่นในการแปล
    6.การแปลสามารถสอน ถ้าสามารถที่จะสอนผ่านหลักคำสอน กฎเกณฑ์ หลักการต่างๆ หรือสามารถเพียงเป็น”การสอน”การแปลอย่างต่อเนื่องและรับข้อเสนอแนะ
    แบบฝึกหัด
    1.คิดของวัฒนธรรมต่างประเทศที่คุณรู้จักอย่างดีที่สุด ความคิดของคุณโยนกลับไปทุกครั้งเมื่อคุณสังเกตเห็นว่าบางสิ่งบางอย่างโดยเฉพาะทางสิ่งที่พูดหรือทำมีการเปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรมที่ ความรู้สึกในการดำเนินชีวิตเมื่อคุณสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ยากจะเข้าใจ, ระคายเคืองความสนใจและความอยากรู้, ต้องการเพื่อวิเคราะห์และติดตามแหล่งที่มาของการเปลี่ยนแปลง ฯลฯ คุณจะทำอะไร คุณไม่รองรับสถานการณ์ว่าเป็นอย่างไร
    2.อ่านต้นฉบับที่เป็นแหล่งใหม่ของคุณและทำเครื่องหมายดังนี้ (ก.) ขีดเส้นใต้คำและวลีที่คุณคุ้นเคย เพื่อให้คุณไม่ต้องคิดสองครั้งกับการแปล (ข.) วงกลมล้อมรอบคำที่คุณคุ้นเคย แต่คุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับความหมาย คุณอาจต้องการตรวจสอบในพจนานุกรมหรือแหล่งอื่น ๆ
    หน้า 110
    (ค.) ใส่กล่องรอบคำและวลีที่สมบูรณ์ที่คุณไม่คุ้นเคย ตอนนี้มองย้อนกลับไปที่เครื่องหมายและคาดเดาบทบาทที่จะเป็นสัญชาติญาณในการแปลของคำและวลีในสามประเภทแตกต่างกัน
    สุดท้าย มองขึ้นหรือวงกลมหรือชนิดบรรจุกล่องคำหรือวลีในหนังสืออ้างอิงพจนานุกรมหรืออื่น ๆ และตรวจสอบบทบาทที่ปรีชาเล่นจริงในการเลือกจากทางเลือกต่างๆที่ปรากฏนั่นของ”ถูกต้อง”หรือ”ถูกต้อง”หรือ” เทียบเท่า”ดีที่สุดสำหรับแต่ละสิ่ง
    3.ทำงานคู่กับการแก้ไข”ค่อนข้างสั้น (หนึ่งประโยค) งานแปลคนแปลข้อความมารวมกันแล้ว”แปลอื่น ขณะที่คุณทำงานในการแปลบุคคลอื่นให้ตระหนักถึงกระบวนการการตัดสินใจของคุณ : วิธีการ”ตัดสินใจ”(หรือรู้สึก) ว่าบางคำหรือการใช้ถ้อยคำผิดหรือต่างออกไป ; วิธีชำระเมื่อมีทางเลือกที่ดีกว่า คุณมีกฎไวยากรณ์หรือความหมายพจนานุกรมเพื่อปรับแก้ไขแต่ละ”? ถ้าเป็นกฎหรือนิยามสิ่งแรกที่คุณคิดหรือทำคุณมีความรู้สึกที่คลุมเครือของการมีปัญหาและแก้ไขที่เหมาะสมวิเคราะห์? คุณไม่เคยใส่ใจวิเคราะห์งานหมดจดจากนิ่งเฉย”ดิบรู้สึก”? แล้วอภิปราย”เกี่ยวกับปัญหา”กับคู่ของคุณสำรวจความแตกต่างในง่าย (และมีประสบการณ์) การดำเนินการของข้อความพยายามทำงานออกในแต่ละกรณีทำไมดูเหมือนสิ่งถูกหรือผิดที่เจ้าทำไมมันยังดูเหมือนถูกหรือผิด แม้จะไม่เห็นคนอื่น ๆ ; หรือว่ามันเป็นคำอธิบายคนอื่นที่มั่นใจว่าคุณมีข้อผิดพลาดและเธอมีข้อถูกต้อง
    4.ทำงานคนเดียวหรือเป็นกลุ่มเล็กๆเพื่อพัฒนากฎเกณฑ์หรือหลักการจากการแปลคุณได้ทำ – บางคำหรือโครงสร้างประโยคควรเสมอหรือปกติหรือในกรณีที่ระบุบางได้รับการแปล ที่คุณทำงานบนหักลบออกทั่วไป หลักการรู้ว่าคุณกำลังทำอะไรกันที่คุณไปว่าสิ่งที่คุณมีปัญหาในการแก้ไขสิ่งที่คุณต้องเอาอุปสรรคที่ปัญหาและอุปสรรคมาจาก ฯลฯ ในการทำสิ่งที่สมาชิกในกลุ่มของคุณไม่เห็นด้วยกับกฎเกณฑ์หรือกฎหมายที่เหมาะสมจะมาจากทางที่กำหนดหรือไม่ ไม่เห็นต้นกำเนิดมาจากที่ใด ความรู้สึกแตกต่างของคนธรรมดา หรือส่วนขยายของรูปแบบบางอย่าง พยายามที่จะระบุลักษณะของแต่ละปัญหาหรือไม่เห็นด้วย
    คำแนะนำสำหรับการอ่านต่อ
    Campbell (1998),Gorlee (1994:42-9),Kussmaul (1995), Robinson (2001), Venuti and Baker (2000)

  8. Sorasit Pankum says:

    หน้า 84
    ใจความ : การแปลสำหรับนักแปลมืออาชีพ มันคือ วัฏจักรแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องซึ่ง เคลื่อนที่ตามสัญชาตญาณ ประสบการณ์ นิสัย และในประสบการณ์ที่มีในด้านการเดาความหมาย การสร้างรูปแบบ และกระบวนการนั้น นักแปลที่เป็นมืออาชีพจะมีจิตใจหรือความคิดที่สลับซับซ้อนเป็นธรรมชาติ ส่วนผู้ที่เรียนรู้ใหม่จะต้องเผชิญและ แก้ไขกับปัญหาใหม่ๆอย่างมีสติ

    ประสบการณ์ และ นิสัย
    ในบทที่ 3 เราได้รู้บางส่วนของความหลากหลายในการจดจำรูปแบบและลักษณะการเรียนรู้ซึ่งช่วยคนเราได้อย่างมาก รวมทั้งการแปล หรือล่าม เราจดจำข้อมูลและ การแสดงบทบาท เราจำความจริงและความรู้สึกได้ เราเรียนรู้สิ่งต่างๆได้มากขึ้นจากบริบทซึ่งช่วยพัฒนาความสามารถในการจดจำของเราอีกด้วย ถ้าเรามีความสนใจในเนื้อหาที่เรากำลังเรียนรู้เราก็จะตั้งใจกับมัน และจดจำมันได้ขึ้นใจ
    ในบทนี้ เราจะเน้นข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับความทรงจำ การเรียนรู้ให้เป็นรูปร่างสำหรับกระบวนที่นักแปลนิยมใช้ เช่น วิธีการที่นักแปลควบคุมกับนิสัยและความชอบส่วนตัวกับกระบวนการทั่วไปสำหรับการเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้เป็นที่น่าสนใจ กล่าวโดยย่อ การจินตนาการรูปร่าง นักแปลจะต้องคิดสลับไปมาในแง่มุมที่ต่างกัน 1) มีผลต่อจิตใจราวกับว่านักแปลไม่เคยคิดฝันมาก่อน ราวกับนิ้วของนักแปล หรือ ปากของล่ามกำลังทำงาน นั่นหมายถึงนักแปลสามารถจะฝันในขณะที่ร่างกายแปลอยู่ และ 2) การวิเคราะห์ที่ใช้สมาธิมากซึ่งนักแปลดูคำเหมือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูคำศัพท์ในพจนานุกรม สารานุกรม และอื่นๆ ตรวจไวยกรณ์ วิเคราะห์โครงสร้างประโยค ความหมายของคำ วัฒนธรรมการใช้ และอื่นๆ

    หน้า 85
    นักแปลบางคนอาจจะต้องอยู่ที่ทำงานจนกว่าจะทำเสร็จ แต่ถ้าเป็นนักแปลที่มีประสบการณ์จะทำเสร็จอย่างรวดเร็ว ดังเช่นที่เราทราบในบทที่ 2 ยิ่งเราทำเสร็จเร็วเท่าไหร่ นั่นหมายถึงรายได้ที่เราจะได้รับ งานจะออกมาดีถ้าไม่มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเนื้อหา หรือตอนที่ปัญญาใกล้จะได้รับการแก้ไขโดยปราศจากการวิเคราะห์อย่างมีสติ การวิเคราะห์ คือสิ่งที่ให้ชื่อเสียงในด้าน ความซื่อสัตย์และ ความมีไหวพริบ แม้ว่าจะช้า และบางทีรายได้น้อย แต่ถ้านักแปลไม่ผ่านในจุดนี้ ก็จะไม่สามารถทำอะไรที่ยากกว่านี้ได้ และอาจจะเกิดข้อผิดพลาดกับงานง่ายๆอีกด้วย รายได้ของเขาก้อจะค่อยๆเหือดแห้งหายไป
    การอุปมาอุปมัย เกิดจากการเรียบเรียงสิ่งต่างๆเข้าด้วยกัน แน่นอนมันก็เหมือนกับการเย็บผ้า การอุปมาอุปมัยอาจจะทำให้เกิดกลไกในการแปล ดังเช่นการใช้เข็มแทงขึ้น-ลง แต่มันไม่ใช่เพราะคุณอาจจะทำให้มันเกิดความแตกต่างกันโดนสิ้นเชิง แท้จริงแล้วมันเกิดจากประสบการณ์และปัจจัย เราจำไปค้นหาคำตอบกันในบทที่ 5-11 ประสบการณ์จากหลากหลายภาษา วัฒนธรรม ผู้คน การแปล ใจความ จิตวิทยา สังคม ความแตกต่างระหว่างพวกมันคือ สิ่งที่ได้จากประสบการณ์หรือการวิเคราะห์คือ การเก็บสะสม การนำความรู้เดิมมาใช้จนกลายเป็นความเคยชิน ในด้านการวิเคราะห์ จะนำมาจากนิสัยส่วนตัวของเราเอง
    ประสบการณ์ โดยเฉพาะ ประสบการณ์ที่แปลก สดใหม่ มันจะเป็นข้อแตกต่างของนิสัย ประสบการณ์ที่แปลกใหม่จะช่วยให้เรามีชีวิตชีวาเราจะรู้สึกถึงสิ่งนั้นจริงๆไม่ใช่แค่ทะลุผ่านไปเหมือนวิญญาณ
    นักแปลจำเป็นต้องใช้ความเป็นตัวเองในงานเพื่อให้ความสนุกสนาน มันมีความกดดันทั้งในเรื่องความช้า-เร็ว , ยาก-ง่าย, ใหม่-เก่า

    หน้า 86
    การย้อนกลับไปมาระหว่าง นิสัยและประสบการณ์ใหม่คือ กุญแจที่สำคัญที่สุดในความสำเร็จ ประสิทธิภาพ และความสนุกสนาน เราต้องการทั้งความชำนาญ และการเรียนรู้จัดการกับสิ่งที่ไม่เคยพบเจอ ถ้าไม่มีนิสัยเหล่านี้ เราก้อไม่ต่างอะไรกับหอยทาก ถ้าปราศจากความสดใหม่ ก็ไม่ต่างอะไรสิ่งที่ผ่านๆมา

    Charles Sanders Pierce กับประสบการณ์ สัญชาตญาณ และความเคยชิน

    วิธีที่มีประโยชน์ในการแตกความเชื่อมต่อระหว่างประสบการณ์และความเคยชินในการแปลนั้น อยู่ในผลงานของเขา (1857-1913) นักปรัชญาและผู้ก่อต้องวิชาว่าด้วยเครื่องหมาย เขากล่าวว่า ความเชื่อต่อหรือกระบวนการ3ขั้นตอน เกิดจากประสบการณ์ สัญชาตญาณ และความเคยชิน
    สัญชาตญาณ คือสิ่งแรกหรือการอ่านทั่วๆไป, ประสบการณ์ อย่างที่สอง คือการเข้าถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลก, ความเคยชิน อย่างที่สาม คือการผสมผสานประสบการณ์และสัญชาตญาณเข้าด้วยกัน ประสบการณ์บางทีก็ไม่ได้มาจากสิ่งรอบตัว มันกำกวมเพราะมันมีความหลากหลายมาก ประสบการณ์เกิดขึ้นจากสัญชาตญาณความชอบของบุคคล แปลข้อความที่แน่นอน, เช่น
    กระบวนการแปลของ Pierce อาจสรุปได้ว่า นักแปลเริ่มต้นจากไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเนื้อหา (สัญชาตญาณ) แปลกลับไป-มาระหว่าง 2 ภาษา รับรู้ถึงความเหมือน-ต่างของคำและโครงสร้าง (ประสบการณ์) และจัดการกับปัญหาที่มี (ความเคยชิน) ซึ่งจะช่วยให้คุณแปลได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

    บทที่ 4 หน้า 84-86 แปลโดย นาย สรสิช ปาลคำ 51501030063-7 อ.ส. 3-1

  9. หน้า 90-92
    ให้ความ สนใจในวัฏจักรของการเหนี่ยวนำ คุณ รอบออกไปจากปัญหาในการค้นหาทางออก เก็บเกี่ยวการเรียนของการกระทำตามที่คุณไป และ วัฎจักร ก็จะกลับมาสู่ปัญหาถึงสิ่งที่คุณได้เรียนไป คุณพยายามทำบางสิ่ง แต่มันไม่ได้ผล ซึ่งหมายถึงการนำกลับไปสู่ที่ๆคุณเริ่ม นอกจากตอนนี้ คุณรู้หาทางที่จะไม่สำเร็จ คุณจึงสร้างมันขึ้นมา และคุณก็พยายามอีกครั้งในอนาคตข้างหน้า
    บางทีวัฎจักรที่สำคัญที่สุดของการแปล ที่แวค เรียกว่า การปรับการตอบสนอง และ การเกี่ยวข้องกับความเห็นจากผู้คนที่ซึ่งเป็นเส้นทางและการกระทำผิดพลาดมีผลกระทบ และการเปลี่ยนแปลงในการกระทำ วัฎจักรนี้เรียกโดยทั่วไปว่า การตัดสินใจร่วมกันทำ มันเกี่ยวข้องถึงการที่ผู้คนพูดคุยกันเป็นรายบุคคล หรือ ในกลุ่มเล็กๆ โทรไปหาพวกเขาทางโทรศัพท์ ส่งแฟกซ์ไปให้พวกเขา หรือ ข้อความอีเมลล์ พาพวกเขาไปกินข้าว สอบความคิดเห็น ให้พวกเขาตรวจสอบงานของพวกคุณ เป็นต้น ในแต่ละปฎิกิริยาโต้ตอบ ไม่ใช่แค่ผลิตทางแก้ไขปัญหา จุดรวมสมองผู้อื่น มันยังกำจัด สิ่งที่เก่าๆที่ไม่ได้ทำงานออกไปอีกด้วย การย้ายความซับซ้อนของสถานการณ์ค่อยๆต่อความชัดเจนและความแน่นอนในการตัดสินใจ อย่างที่ เอท กิฟฟิน พูด “ช่น เปิดเต็มของข้อเหวี่ยงที่ เสื้อผ้าแต่ละรอบการสื่อสารบีบออกที่ไม่แน่นอนของสถานการณ” (กิฟฟิน 1994:281)
    ระยะที่ 3 ของความจำซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของพฤติกรรมของ เปิยส ไม่เหมือนกับเปิยส อย่างไรก็ตาม แวคปฐิเสธที่จะเห็นความจำในรูปแบบคงทนของกระบวนการ แวคพูดว่า “ควรที่จะได้รับการลูแลเหมือนสัตว์ แมลงต่างๆ ในขณะที่ความจำส่วนใหญ่ยังคงอยู่”
    แวคได้กระตุ้นผู้นำต่างๆ เพื่อต่อ การสูญเสียสิ่งที่พวกเขาคิดเอาไว้ ข้อสงสัย ข้อโต้แย้ง ความหวาดระแวง การโต้ตอบ ความท้าทาย คำถาม วอกแวก และ แม้แต่จอมปลอม เจ้าเล่ห์ (กิฟฟิน 1994:283)

    กระบวนการของการแปล
    อะไรคือรูปแบบขบวนการการแปลแนะนำในเงื่อนไขของ เปิยส จากนั่น คือสิ่งที่ผู้ที่เริ่มหัดแปล เริ่มต้นด้วยการ เข้าถึงบทความด้วยสัญชาตญานที่พวกเขารู้ว่าจะทำยังไงกับมัน นั่นพวกเขาจะเก่งขึ้น และอาจจะสนุก และที่เป็นอยู่จริง
    ประสบการณ์ในตำรา พวกเขาตระหนักว่าว่าควรจะดำเนินการอย่างไร แต่ก็ควรคาดเดาและในไม่ช้าการแปล การเรียนมีอิทธิพลต่อตามที่พวกเขาทำโยการทดลองในวิธีต่างๆและขจัดวิธีที่ผิดออกไปการกระทำที่ผิดพลาดและการเรียนรู้จากความผิดพลาด อนุมานรูปแบบแบบค่อยเป็นค่อยไป กฎเกณฑ์ที่ทำให้พวกเขาแปลได้รวดเร็วขึ้นและดึงดูดมากขึ้น ในที่สุดรูปแบบและกฎเกณฑ์เหล่านี้ก็จะกลายเป็นนิสัยและเป็นธรรมชาติและหลอมรวมเป็นจิตใต้สำนึกในที่สุด กิจกรรมซึ่งพวกเขาทำเป็นแค่จิตสำนึกบางครั้งบางคราว พวกเขามีพลังอย่าสม่ำเสมอที่จะทบทวนสิ่งที่พวกเขาจากการดูตำราใหม่ๆ
    การแปล: อย่างแระต้องทำเหมือนกันว่าเข้าไปอยู่ในหนังสือเล่มนั้นและแปลจากสัญชาตญาณ
    แก้: คิดว่าสิ่งไหนที่คุณทำแล้ว ทดสอบสัญชาตญาณของคุณตอบตรงข้ามกับสิ่งที่คุณรู้ แต่ต้องแก้สัญชาตญาณของคุณด้วย ยินยอมให้สัญชาตญาณมาก่อนการแปลเพื่อความท้าทาย หลักในการปฏิบัติที่สมเหตุสมผลที่คุณเชื่ออย่าสุดใจ ปล่อยให้ตัวคุณยึดติดระหว่างสัญชาตญาณอย่าแท้จริงและรับรู้ความสงสัยอย่าเลือกโดยทันทีในหนึ่งกฃหรือมากกว่าอื่นๆ ใช้การทำเหมือนว่า คำตอบ ในวัฎจักรของกฎระเบียบที่เฉียบขาด
    ผ่านหนังสือ ที่เป็นรูบแบบของกะบวนการการแปลจะแนะนำคุณเกี่ยวกีฃับการแปลโดยเฉพาะผู้แปลเกี่ยวกับการศึกษารวมถึงผู้ที่กำลังฝึกด้วย และการเรียนผ่านการค้นพบตัวบุคคลและเข้าใจอย่างชัดเจน และเป็นประสบการณ์ประเภทไหน

    การโจน อุปนัย คัดเลือก ทดสอบ การลงความเห็นในลักษณะกว้างๆ นั่นจะช่วยให้นักแปลปรับปรุงการแปลให้เป็นมือชาชีพ? จะทำยังไงให้เป็นนิสัย เปลี่ยนแปลง ”ล่าสุด” ประสบการณ์ หรือ บทเรียนต้องถูกคิดอย่างระมัดระวังในทางเทคนิค ที่ดูเหมือนจะเป็นไปตามธรรมชาติ?
    อย่างที่ เปิยสเริ่มคิด ว่า การเคลื่อนที่ของสัญชาตญานผ่านประสบการณ์ สู่นิสัย นิสัยคือ จบ สัญชาตญาณและประสบการณ์มันรวมอยู่ในนิสัย และมันจะหยุด แวคคิดว่า ที่จริงแล้วรูปแบบของ เปียส น่าจะแบนไปในวัฎจักร โดยเฉพาะการแสดงออก และ การตอบสนอง
    กราฟสามารถวาดได้เหมือนวงล้อของรถ เส้นข้ามข้างบนทำให้เห็นวิธีการเคลื่อนที่ของรถ เดินหน้าไปทางขวา ถอยหลังไปทางซ้าย ตราบใดที่ล้อหมุนตามเข็มนาฬิกา รถเดินหน้าไป การแปลก็จะไปเป็นอย่างนุ่มนวล และ นักแปล/คนขับ คือโอกาสที่จะระวังการหมุนของล้อ เส้นผ่านข้างบน คิอ นิสัยที่ขัดแย้ง และ สัญชาตญาณ
    ผู้แปลเข้าถึงบทความใหม่ งานใหม่ สถานการณ์ใหม่ ด้วนสัญชาตญาณ หรือ การชี้แนะความเตรียมพร้อม ความรับรู้ถึงพรสวรรค์ของตัวพวกเขาและเธอในภาษาของเขาเองและการแปลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยประสบการณ์ นิสัยที่ทำโดยอัตโนมัติจนเกินควร ที่เป็นไปตามสัญชาตญาณ
    เค้าโครงที่ 4 ล้อของประสบการณ์

    นุชสรา ผิวอ่อน อ.ส 3-1 51501030046-2

  10. หน้า 90-92 บทที่ 4
    ให้ความ สนใจในวัฏจักรของการเหนี่ยวนำ คุณ รอบออกไปจากปัญหาในการค้นหาทางออก เก็บเกี่ยวการเรียนของการกระทำตามที่คุณไป และ วัฎจักร ก็จะกลับมาสู่ปัญหาถึงสิ่งที่คุณได้เรียนไป คุณพยายามทำบางสิ่ง แต่มันไม่ได้ผล ซึ่งหมายถึงการนำกลับไปสู่ที่ๆคุณเริ่ม นอกจากตอนนี้ คุณรู้หาทางที่จะไม่สำเร็จ คุณจึงสร้างมันขึ้นมา และคุณก็พยายามอีกครั้งในอนาคตข้างหน้า
    บางทีวัฎจักรที่สำคัญที่สุดของการแปล ที่แวค เรียกว่า การปรับการตอบสนอง และ การเกี่ยวข้องกับความเห็นจากผู้คนที่ซึ่งเป็นเส้นทางและการกระทำผิดพลาดมีผลกระทบ และการเปลี่ยนแปลงในการกระทำ วัฎจักรนี้เรียกโดยทั่วไปว่า การตัดสินใจร่วมกันทำ มันเกี่ยวข้องถึงการที่ผู้คนพูดคุยกันเป็นรายบุคคล หรือ ในกลุ่มเล็กๆ โทรไปหาพวกเขาทางโทรศัพท์ ส่งแฟกซ์ไปให้พวกเขา หรือ ข้อความอีเมลล์ พาพวกเขาไปกินข้าว สอบความคิดเห็น ให้พวกเขาตรวจสอบงานของพวกคุณ เป็นต้น ในแต่ละปฎิกิริยาโต้ตอบ ไม่ใช่แค่ผลิตทางแก้ไขปัญหา จุดรวมสมองผู้อื่น มันยังกำจัด สิ่งที่เก่าๆที่ไม่ได้ทำงานออกไปอีกด้วย การย้ายความซับซ้อนของสถานการณ์ค่อยๆต่อความชัดเจนและความแน่นอนในการตัดสินใจ อย่างที่ เอท กิฟฟิน พูด “ช่น เปิดเต็มของข้อเหวี่ยงที่ เสื้อผ้าแต่ละรอบการสื่อสารบีบออกที่ไม่แน่นอนของสถานการณ” (กิฟฟิน 1994:281)
    ระยะที่ 3 ของความจำซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของพฤติกรรมของ เปิยส ไม่เหมือนกับเปิยส อย่างไรก็ตาม แวคปฐิเสธที่จะเห็นความจำในรูปแบบคงทนของกระบวนการ แวคพูดว่า “ควรที่จะได้รับการลูแลเหมือนสัตว์ แมลงต่างๆ ในขณะที่ความจำส่วนใหญ่ยังคงอยู่”
    แวคได้กระตุ้นผู้นำต่างๆ เพื่อต่อ การสูญเสียสิ่งที่พวกเขาคิดเอาไว้ ข้อสงสัย ข้อโต้แย้ง ความหวาดระแวง การโต้ตอบ ความท้าทาย คำถาม วอกแวก และ แม้แต่จอมปลอม เจ้าเล่ห์ (กิฟฟิน 1994:283)

    กระบวนการของการแปล
    อะไรคือรูปแบบขบวนการการแปลแนะนำในเงื่อนไขของ เปิยส จากนั่น คือสิ่งที่ผู้ที่เริ่มหัดแปล เริ่มต้นด้วยการ เข้าถึงบทความด้วยสัญชาตญานที่พวกเขารู้ว่าจะทำยังไงกับมัน นั่นพวกเขาจะเก่งขึ้น และอาจจะสนุก และที่เป็นอยู่จริง
    ประสบการณ์ในตำรา พวกเขาตระหนักว่าว่าควรจะดำเนินการอย่างไร แต่ก็ควรคาดเดาและในไม่ช้าการแปล การเรียนมีอิทธิพลต่อตามที่พวกเขาทำโยการทดลองในวิธีต่างๆและขจัดวิธีที่ผิดออกไปการกระทำที่ผิดพลาดและการเรียนรู้จากความผิดพลาด อนุมานรูปแบบแบบค่อยเป็นค่อยไป กฎเกณฑ์ที่ทำให้พวกเขาแปลได้รวดเร็วขึ้นและดึงดูดมากขึ้น ในที่สุดรูปแบบและกฎเกณฑ์เหล่านี้ก็จะกลายเป็นนิสัยและเป็นธรรมชาติและหลอมรวมเป็นจิตใต้สำนึกในที่สุด กิจกรรมซึ่งพวกเขาทำเป็นแค่จิตสำนึกบางครั้งบางคราว พวกเขามีพลังอย่าสม่ำเสมอที่จะทบทวนสิ่งที่พวกเขาจากการดูตำราใหม่ๆ
    การแปล: อย่างแระต้องทำเหมือนกันว่าเข้าไปอยู่ในหนังสือเล่มนั้นและแปลจากสัญชาตญาณ
    แก้: คิดว่าสิ่งไหนที่คุณทำแล้ว ทดสอบสัญชาตญาณของคุณตอบตรงข้ามกับสิ่งที่คุณรู้ แต่ต้องแก้สัญชาตญาณของคุณด้วย ยินยอมให้สัญชาตญาณมาก่อนการแปลเพื่อความท้าทาย หลักในการปฏิบัติที่สมเหตุสมผลที่คุณเชื่ออย่าสุดใจ ปล่อยให้ตัวคุณยึดติดระหว่างสัญชาตญาณอย่าแท้จริงและรับรู้ความสงสัยอย่าเลือกโดยทันทีในหนึ่งกฃหรือมากกว่าอื่นๆ ใช้การทำเหมือนว่า คำตอบ ในวัฎจักรของกฎระเบียบที่เฉียบขาด
    ผ่านหนังสือ ที่เป็นรูบแบบของกะบวนการการแปลจะแนะนำคุณเกี่ยวกีฃับการแปลโดยเฉพาะผู้แปลเกี่ยวกับการศึกษารวมถึงผู้ที่กำลังฝึกด้วย และการเรียนผ่านการค้นพบตัวบุคคลและเข้าใจอย่างชัดเจน และเป็นประสบการณ์ประเภทไหน

    การโจน อุปนัย คัดเลือก ทดสอบ การลงความเห็นในลักษณะกว้างๆ นั่นจะช่วยให้นักแปลปรับปรุงการแปลให้เป็นมือชาชีพ? จะทำยังไงให้เป็นนิสัย เปลี่ยนแปลง ”ล่าสุด” ประสบการณ์ หรือ บทเรียนต้องถูกคิดอย่างระมัดระวังในทางเทคนิค ที่ดูเหมือนจะเป็นไปตามธรรมชาติ?
    อย่างที่ เปิยสเริ่มคิด ว่า การเคลื่อนที่ของสัญชาตญานผ่านประสบการณ์ สู่นิสัย นิสัยคือ จบ สัญชาตญาณและประสบการณ์มันรวมอยู่ในนิสัย และมันจะหยุด แวคคิดว่า ที่จริงแล้วรูปแบบของ เปียส น่าจะแบนไปในวัฎจักร โดยเฉพาะการแสดงออก และ การตอบสนอง
    กราฟสามารถวาดได้เหมือนวงล้อของรถ เส้นข้ามข้างบนทำให้เห็นวิธีการเคลื่อนที่ของรถ เดินหน้าไปทางขวา ถอยหลังไปทางซ้าย ตราบใดที่ล้อหมุนตามเข็มนาฬิกา รถเดินหน้าไป การแปลก็จะไปเป็นอย่างนุ่มนวล และ นักแปล/คนขับ คือโอกาสที่จะระวังการหมุนของล้อ เส้นผ่านข้างบน คิอ นิสัยที่ขัดแย้ง และ สัญชาตญาณ
    ผู้แปลเข้าถึงบทความใหม่ งานใหม่ สถานการณ์ใหม่ ด้วนสัญชาตญาณ หรือ การชี้แนะความเตรียมพร้อม ความรับรู้ถึงพรสวรรค์ของตัวพวกเขาและเธอในภาษาของเขาเองและการแปลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยประสบการณ์ นิสัยที่ทำโดยอัตโนมัติจนเกินควร ที่เป็นไปตามสัญชาตญาณ
    เค้าโครงที่ 4 ล้อของประสบการณ์

  11. Miss Chonnikarn Chuenkosum อังกฤษสื่อสาร 3-1 says:

    Chapter. 1 Page. 15 – 17
    By. Miss Chonnikarn Chuenkosum
    อังกฤษสื่อสาร 3-1 (51501030045-4)

    Werner Maurer
    ผู้ว่าราชการจังหวัดของประเทศฟินแลนด์เป็นบุคคลบันเทิงจากเคนย่า และเขาต้องการที่อยู่ของนักแปลในประเทศอังกฤษ ภาษาอังกฤษของเขาไม่เพียงพอกับการทำงาน ดังนั้นเขาจึงเขียนบรรยายอยู่หนึ่งหน้ากระดาษเป็นภาษาฟินแลนด์และมีการแปลเป็นภาษาอังกฤษอย่างชัดเจน ถ้าเขาเขียนขึ้นหลังจากอาหารมื้อเที่ยงก็ไร้ประโยชน์เพราะข้าราชการมีงานยุ่งเกินไปที่จะเขียนบรรยายที่ดีขึ้นได้ เขาควรจะเขียนในตอนเช้าให้เสร็จสิ้นก่อนเวลาอาหารกลางวัน และพนักงานรอบ ๆตัวเขาจึงเริ่มเรียกร้องทันทีเพื่อหาผู้ที่สามารถแปลเอกสารหน้าเดียวนี้ให้ได้ก่อนเที่ยง จากนั้นอาจารย์ผู้สอนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยจึงทำสัญญาให้เขาทำงานด้วย คนเดินหนังสือจึงได้จัดส่งข้อความไปยังสำนักงานของเขา และในสำนักงานมีการจับกลุ่มประท้วงขึ้น ในขณะที่เขารอเอกสารแปลเพื่อนำข้อความที่เสร็จแล้วกลับไปยังสำนักข้าราชการ

    โรงเหล็กในประเทศจีนกำลังหาวิธีการดำเนินงานให้ทันสมัย และในการตอบแบบสอบถามได้รับการเสนอมาห้าข้อ คือหนึ่งจากญี่ปุ่น สองจากสหรัฐอเมริกา หนึ่งจากสเปนและหนึ่งจากอียิปต์ ตามคำขอเสนอราคาทั้งห้าข้อนี้เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งคณะกรรมการสามารถอ่านออกรู้เรื่องได้ เมื่อเสนอราคามาแต่กรรมการพบว่าภาษาอังกฤษไม่สามารถอ่านได้ โดยเฉพาะการเสนอราคาจากญี่ปุ่น, สเปน และอิยิปต์ เนื่องจากพวกเขาเขียนโดย nonnative ของอังกฤษไม่ได้ก่อปัญหา สำหรับกรรมการในตอนเช้ากำหนดให้สิบวันก่อนที่พวกเขาตัดสินใจที่จะมีการเสนอราคาห้าข้อ เนื่องจากจะต้องอ่านอย่างน้อยสี่วันและประเมินการเสนอราคาที่แท้จริง พอแปลแล้วรวมได้กว่า 20,000 คำในหกวัน ทีมงานของอาจารย์ภาษาอังกฤษและนักเรียนในมหาวิทยาลัยดำเนินงานโดยมีเวลาปิดการสอนและปิดการศึกษา

    ทั้งหมดของหนังสือการสนทนาแปลชนิดบรรจุกล่องเล่มนี้มาจาก l – lantra กลุ่มการสนทนาทางอินเทอร์เน็ตสำหรับนักแปล สมัครสมาชิกได้โดยส่งข้อความไปที่ listserv@segate.sunet.se เท่านั้น SUBSCRIVE LANTRA – L 1 YOUR NAME เก็บ l – lantra ที่เก็บไว้ในโลกกว้างที่ web http://segate.sunet.se/archives/lantra-lhtml และทุก passages quoted ที่นี่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนที่สามารถค้นหาข้อมูลการสมัครเพื่อ listservs แปลอื่น ๆ โปรดดูภาคผนวก

    จึงยากที่จะจินตนาการใน 1,000 หรือ 2,000 ปี ไม่ช้าก็เร็วเมื่อจะมามันก็จะมีเวลาและวันที่บอก
    ระยะเวลาสามารถเปลี่ยนแปลงได้และมีความยืดหยุ่น อย่างน้อยเมื่อการแปลถูกเชื่อมโยงและใช้แสดงวันที่หรือวันเดือนปีอย่างเฉพาะเจาะจงกับสถานการณ์

    สิ่งหนึ่งที่พบบ่อยที่สุด นักแปลร้องเรียนเกี่ยวกับความต้องการตามความเหมาะสมในเรื่องของเวลา เนื่องจากพวกเขาได้เขียนข้อเสนอของตนเองว่าการที่จะทำให้คนของเขาเขียนเอกสาร 40 หน้าได้ภายในสองสัปดาห์ เนื่องจากพวกเขาไม่เคยแปลอะไร พวกเขาจึงคาดหวังว่าจะแปลเอกสารนี้ได้ภายใน 2 วัน
    ซึ่งทำให้กลายเป็นล่าช้าและการแปลไม่ได้ผล(ในเวลาการผลิตข้อความทั้งหมด) และเป็นหนึ่งในปัจจัยหลายประการที่ฝันถึงเครื่องช่วยแปล ขณะที่คอมพิวเตอร์สามารถคำนวนในหนึ่งส่วนของล้านของหนึ่งวินาที ที่มันจะใช้เกี่ยวกับชั่วโมงของมนุษย์, วัน, สัปดาห์. ดังนั้นเครื่องแปลจะทำการแปลข้อความภายในหนึ่งนาที ในขณะที่คน 5 คนใช้เวลา 2 สัปดาห์ในการแปล คิดว่าผู้ใช้จะมุ่งเน้นเกี่ยวกับการแปลที่เป็นผลิตภัณฑ์ขับเคลื่อนด้วย สิ่งหนึ่งที่เริ่มต้นด้วยความปรารถนาสุดท้าย ในกรณีที่พบการกำหนดเวลาที่สั้นมากแล้วสั่งมันขึ้นมา วิธีการที่จะทำคือ สิ่งที่มนุษย์ใช้เป็นปัญหารอง ถ้าแปลในห้องเป็นประจำก็จะบ่นเกี่ยวกับปริมาณงานก่อนถึงกำหนดเวลา หากหน่วยงานให้คุณพยายามรับรู้เกี่ยวกับปัญหา และความล่าช้าของการแปล เริ่มที่คณะกรรมการของมหาวิทยาลัยสร้างซอฟต์แวร์ให้บริษัทคุณโดยเฉพาะ และที่สำคัญการแปลต้องเชื่อถือได้และทำได้อย่างรวดเร็ว (อย่างถูกต้อง – มากขึ้นในไม่ช้า) ถ้ามนุษย์ใช้เครื่องคอมฯแปลนานเกินไป ควรแก้ปัญหาโดยการสำรวจซ่อมคอมพิวเตอร์

    มันยังไม่ได้รับการยอมรับข้อเรียกร้องของเวลา ซึ่งคล้ายกับข้อเรียกร้องของความเชื่อถือได้ จึงให้คำบรรทัดฐานของทฤษฎีหรือความจงรักภักดีเป็ฯจริง ตรงเวลาตามรูปแบบของความน่าเชื่อถือ เมื่อความคิดของการแปลเป็นผลิตภัณฑ์ขับเคลื่อน คำถามทั้งหมดของกระบวนการนี้ควรจะเชื่อถือได้ในความซับซ้อนของการสร้างผลิตภัณฑ์อย่างสมบูรณ์ตามความต้องการ (และต้นทุนไม่มากเกินไป) ถ้านักแปลคนนั้นสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้ ถือว่าการแปลออกมาประสบความสำเร็จ

    นี่ไม่ใช่การวางผลิตภัณฑ์ที่ควรบอกผู้ใช้ให้รู้ตัวก่อนจะเป็นอันตราย มันมักจะดูเหมือนใจดำกับนักแปลผู้ที่ขอให้ดำเนินการ เช่น การทำงานในชั่วโมงเวลาการทำงานที่ซ้ำซากเป็นเวลานาน จะน่าเบื่อและคาดว่าจะไม่บ่น. (แน่นอนต้องขอบคุณสำหรับการทำงาน) แต่มันไม่ใช่ความสำคัญในสิ่งนี้ นักแปลไม่ได้ทำงานคนเดียวเป็นเวลานานแม้งานจะน่าเบื่อ แน่นอนผู้ที่คาดว่าจะทำการแปลได้ทำอย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้ ความเป็นจริงในสถานการณ์ใดก็ตามแต่ ไม่ใช่เฉพาะแต่ในโลกธุรกิจ เป็นปกติของงานจำนวนมหาศาลที่จะต้องทำทันที ในโลกแห่งความคิดไม่มีใครที่จะต้องเบื่องานจนกว่าจะมีคนสร้างโลกนั้นขึ้นเองอย่างไรก็ตามเราติดอยู่ในโลกแห่งความคิดนี้ในที่ซึ่งกำหนดเวลา ทั้งหมดดูท่าทางจะไม่น่าเป็นไปได้และมักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ
    สิ่งที่เราจะสามารถเป็นนักแปลหรือครูผู้สอนแปลได้ คำถามอีกคำถามหนึ่งของมุมมองภายใน การเป็นนักแปลและการปรับปรุงตัวของนักแปลเอง เราสามารถเพิ่มความเร็วของนักแปลได้ ไม่เพียงแต่ mechanizing จะเพิ่มเติมในบทต่อไป

    คุณค่าของการแปล

    คือ เชื่อถือได้,รวดเร็วและถูกต้องแม่นยำ ต้นทุนการควบคุมราคาของการแปลเกือบทั้งหมด แปลว่าลูกค้าเห็นว่าแพงเกินไปก็จะไม่ได้ทำ การแปลที่นักแปลเห็นว่าถูกเกินไป อาจไม่สามารถรับงานทำได้ การแปลจะมีความแข็งแรงเพียงพอต่อตนเอง มูลค่าหรือความถูกต้องของตลาดเพียงพอที่จะปฏิเสธในการทำงานฟรี และพวกเขาต้องการเรียนรู้กลไกของตลาด เมื่อพวกเขาได้ยินตัวเลข ballpark ที่ทำให้พวกเขาตกใจ ”ผมคิดว่าบางทีก็ 200 บางทีก็ 5000″ ซึ่งจะไม่ได้รับการแปลอย่างมืออาชีพ ในโลกของกลุ่มเล็ก ๆ กึ่งนักแปลมืออาชีพสามารถตัดราคานักแปลมืออาชีพ และให้ค่าผลตอบแทนที่ดูเหมือนมากเกินไปโดยผู้แปลที่ 40 อัตราตลาด ต่อ 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แปลได้ก็แทบอยู่เหนือเส้นความยากจน เมื่อ”คุณภาพ”หรือความน่าเชื่อถือเป็นผล (และมักจะไม่มี) มันก็จะง่ายต่อการตำหนิในวิชาชีพโดยรวมทั้งหมด

    การแลกเปลี่ยน

    จากผู้ใช้ภายนอกดูชัดเจนแปลได้อย่างเหมาะสมน่าเชื่อถือได้และฟรี เช่นอุดมคตินี้เป็นไปไม่ได้มากที่สุดไม่มีอะไรเชื่อถือได้อย่างเต็มที่ ทุกอย่างต้องใช้เวลาไม่เหมือนอาหารกลางวันฟรี

    แม้ในโลกทางความคิด สิ่งหนึ่งที่คาดหวังว่าจะเจอผลลัพธ์เป็นไปได้ดีที่สุด แปลว่าเป็นเหตุผลที่เชื่อถือได้ ส่งตรงตามเวลาและราคาไม่แพงมาก ขออภัยยังความคาดหวังเหล่านี้ที่มักจะไม่มีเหตุผลในการค้า ไม่มีขอบเขตในการพิจารณา:
    – ความพยายามที่จะใกล้ชิดสิ่งหนึ่งที่สามารถเชื่อถือได้อย่างสมบูรณ์แบบ ยิ่งการแปลจะใช้เวลานาน (สองหรือสามภาษาที่ผู้ตรวจสอบการทำงานของแต่ละคน จะเพิ่มความน่าเชื่อถือและความรวดเร็วในขณะที่มีการเพิ่มค่าใช้จ่ายและเวลา)
    – น้อยกว่าช่วงเวลาที่ได้รับอนุญาตสำหรับการแปลจะเสียค่าใช้จ่ายและยากที่จะรับประกันความน่าเชื่อถือ (ทั้งหมดจะทำงานได้อย่างรวดเร็วขึ้นและจะคิดค่าธรรมเนียมอย่างรีบเร่ง การติดตั้งอาจทำให้อ่อนเพลียไม่สามารถจับข้อผิดพลาดของกลุ่มนักแปล และจะเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นอาจนำไปถึงถ้อยคำที่ขัดแย้งกัน)

  12. Siri-orn Choeichit says:

    chapter3 page 55-57

    หน้า55-57

    ความสมบูรณ์ของประโยคก็จะไม่น่าสนใจ เพราะนั่นมันยากเกินที่จะคิดตาม ผู้แปลซึ่งสามารถเดินทางไปไหนมาไหนก็จะเก็บประสบการณ์มาเขียน

    ความสัมพันธ์
    ความสัมพันธ์น้อยที่สุดที่จะสื่อถึงตัวคุณ มันยากที่เราจะจำได้ และสิ่งที่เกี่ยวกับคุณมากที่สุด มันก็จะง่ายที่คุณจะจำ สิ่งที่ไม่เกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตของพวกเรา “ไปกับสิ่งที่เรารู้ และอย่าไปกับสิ่งที่เราไม่รู้” นี่แหละทำไมถึงบอกว่าง่ายต่อการที่เรียนการแปลหรืออธิบายว่ากำลังทำอะไร ในโลกของความเป็นจริง การได้เงินนั้นเสมือนเป็นห้องเรียนธรรมชาติที่ต่างประดิษฐ์ขึ้นและทำไมจึงประสบความสำเร็จ การแปลและโปรแกรมการแปลความหมายซึ่งได้รวมเข้าด้วยกันกับประสบการณ์เรา มันเป็นทางที่ง่ายที่จะจำคำศัพท์หรือวลีที่คุณต้องการรู้ เพื่อที่จะสื่อสารสิ่งบางอย่างให้เพื่อนหรือคนรู้จักเพื่อที่จะประสบผลสำเร็จในการแปลงานได้ ที่คุณคาดว่าจำจำได้ดีในการทำข้อสอบและมันเป็นทางที่ง่ายที่จะจำการแปลบทความ ในการทกระทำที่มีปัญหาการแปลซับซ้อนหรือบทแปลสำหรับงาน คุณต้องอ่านหนังสือหรือตั้งใจดูบนกระดาน
    ความหลากหลาย
    กฎขั้นพื้นฐานสำหรับการจำนั้นต้องมีsenseให้มาก ใช้จดและจำบางอย่าง มันจะง่ายที่จะจำ นี่คือการเรียกการแปลความอย่างหลากหลาย ซึ่งการใช้คำ มาจากความจริง ความคิดหรือข่าวสาร ซึ่งมาจากความรู้สึก การใช้สายตา การได้ยิน การสัมผัส การลิ้มรส
    สไตล์การเรียนรู้ของผู้แปล
    – การฟังดนตรี เป็นความสามารถที่จะได้ยินเป็นทักษะที่ซับซ้อนและต้องสนใจในรายละเอียด ความสนใจในเสียงดนตรีคือความสัมพันธ์ที่จะต้องใกล้ชิดกับเสียงดนตรี แต่แตกต่างอย่างชัดเจนกับการคำนวณ
    – การบริหารร่างกาย เป็นความสามารถที่จะเข้าใจการล้อเรียนคนหรือท่าทางต่างๆ เพื่อแสดงรายละเอียดของอารมณ์ ความเก่งในตัวเองเรียกอีกอย่างว่า “emotion intelligence” ความสามรถที่สามารถสื่อสารได้ ความรู้สึกของเราและความรู้สึกของผู้อื่น เช่น พ่อแม่ที่ดี ครูที่ดี เพื่อนที่ดี
    – ความมีเหตุผล สามารถที่จะรับรู้ที่จะจัดการและสมพันธ์กับสิ่งบนโลกและทฤษฎีทางความคิด
    – เกี่ยวกับภาษา ความสามารถทางการได้ยิน จัดการความซับซ้อนของภาเดียว ความสามารถในการเรียนรู้ภาต่างประเทศและได้ยินและจัดการความซับซ้อนของการเผยแพร่ทางภาษา

    สุดท้ายความชัดเจนระหว่างผู้แปลและล่ามและภาษา ควรทำให้เหมือนผู้แปลและล่ามเพียงอย่างเดียว เพื่อที่จะจดจำไว้ใช้ในการทำงานเพื่อที่จะเข้าใจและจัดการภาษาได้
    แท้จริงแล้วทักษาที่ค้นพบโดยการเรียนรู้เมื่อไม่กี่ปีมานี้ มันแตกต่างจากการเรียนรู้ของคนมาก หรือเรียกว่าstyle และเริ่มมีผู้แปลที่ดีที่จะเริ่มกลายเป็นผู้แปลอย่างเต็มตัว ซึ่งเรียกผู้เรียนการแปลได้ดี ซึ่งเรียนเกี่ยวกับภาษาและวัฒนธรรมการแปล มันเป็นประโยชน์มากทั้งนักเรียนและผู้เชี่ยวชาญการแปลแล้ว

    การรับรู้จะเป็นตัวช่วยในหลายๆทาง สำหรับผู้เรียนมันจะช่วยให้เรียนได้ง่ายขึ้น และต้องเรียนโครงสร้างทางธรรมชาติของการแปล มันยากที่จะอธิบายเกี่ยวกับสาเหตุความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำที่ไม่รู้ตัว หาความรู้สึกได้จากการฟังเพลงในวิทยุ ตัดสินใจอย่างแน่นอนว่าเราต้องการทำงานกลุ่มหรือเดี่ยว การเรียนอย่างฉลาดเราต้องจดจำstyle การเรียน
    การรับรู้ของstyle การเรียนรู้จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจมากขึ้น อย่างไรก็ตามจะช่วยให้คิดค้น ทดลองผิดถุกได้ ตัวอย่างเช่น คุฯแนะนำว่าประโยชน์ของผู้รู้จะพัฒนาผู้เรียนและความสามารถได้ดี ความสามารถในหลายๆด้านก็จะเพิ่มขึ้น
    บริบท
    มันจะทำให้รายละเอียดต่างๆจากผู้เรียน ว่าที่ไหน อย่างไร สภาพแวดล้อมต่างๆ

    Field dependent/independent
    จะมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมโดยตรงหรือว่าคุณได้เรียนรู้อย่างไร?
    Field dependent ผู้เรียนเรียนโดยธรรมชาติจะดีที่สุด บริบทในสิ่งที่เรียนบางอย่างจะปราศจากความพยายาม ในการเรียนและประสบการณ์ไม่เหมือนกัน ประเภทของผู้เรียนว่าต้องการเรียนตัวต่อตัวหรือกับผู้สอน

  13. Mr.Attasit Ponsen says:

    Mr.Attasit Ponsen Eng.3-1 translation Eng-thai
    ID: 51501030111-4

    Chapter 7 Working people – Page 127-136
    หน้า 128
    บทความวิจัย : มันยากที่จะเข้าใจ ถึงการเรียนรู้และการจดจำคำศัพท์เฉพาะ, หนึ่งในความกังวลหลักของนักแปลมืออาชีพ,ถ้าคิดว่ามันเป็นเพียงวิธีการทำงานของคนที่พูดและเขียน, มากกว่าพยายามจดจำชื่อยาว ๆ ของคำที่ออกจากบริบท.

    ดูที่คำศัพท์ใหม่
    หนึ่งส่วนที่สำคัญที่สุดของอาชีพงานแปลคือการจัดการของคำศัพท์ : ที่กำลังเปิดเผยออกมา, การประเมินความถูกต้องของคำศัพท์ หรือความเหมาะสมในบริบท, โดยเฉพาะการจัดเก็บและเรียกใช้.ธรรมชาติในการเน้นหนักสำหรับการแปลคำศัพท์ได้ทำการศึกษาหนึ่งในสาขาย่อยสำคัญในด้านกว้าง ๆ ของการศึกษาการแปล;
    เรียนรู้คำศัพท์เฉพาะเป็นหนึ่งที่เน้นหลักในหลาย ๆ หลักสูตรบนทางกฎหมาย, ทางการแพทย์, พาณิชยกรรม, หรือเทคนิคอื่นๆทางการแปล และ ;“วิธีการคุณพูด X, Y, และ Z ในภาษาที่สอง?”
    เป็นคำถามที่ถามบ่อยในกลุ่มออนไลน์สนทนาการแปลเช่น Lantra – L

    แต่การศึกษาคำศัพท์ดังตามธรรมเนียมในอดีตทำให้รู้สึกเป็นระเบียบวิธีการแบบพื้น ๆ โดยทั่วไป ที่ละทิ้งหนึ่งสิ่งที่เป็นจุดสำคัญ: อย่างคำศัพท์ที่เรียนรู้ได้ง่ายที่สุด(เช่น…เก็บไว้ในหน่วยความจำเพื่ออำนวยความสะดวกในภายหลังเรียกดู)
    ในบริบท — ในการใช้งานจริง — สถานการณ์, ซึ่งคนผู้ที่ใช้คำดังกล่าวในชีวิตประจำวันของพวกเขาคือการพูดหรือการเขียนและอื่น ๆ. ไม่ว่านักประพันธ์จะละเลยหรือลดความจริงนี้;มันก็สำคัญในสิ่งที่มันเป็น, ในสิ่งที่ตรงกันข้าม, ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในการศึกษาของคำศัพท์. แต่สาขาวิชาย่อยจะเน้นอย่างหนักในคำที่ตรงกันข้ามการพูด,ประชาชน,หรือบทสนทนาบริบทระดับสูง,หรือสถานที่ทำงาน,ผลสะท้อนของมันที่สมมติฐานเบื้องต้นดังคำศัพท์เป็นความจริงของวัตถุประสงค์ที่มีเสถียรภาพ ที่อยู่ในบางระบบวิถีทาง “ ในภาษา ”และเป็นเพียงครั้งที่สอง “การใช้” โดยประชาชน – มักใช้ในทางที่สับสนและขัดแย้ง,ในความเป็นจริงซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้จินตนาการของชัดเจนหรือมีเสถียรภาพ “รัฐ”หลัก ๆ ที่น่าสนใจ

    การแกล้งทำ ( การลักพาตัว )
    นักแปล ที่กุขึ้นมา Pretenders Impostors

    นักแปลและนักล่ามใช้ชีวิตแบบแกล้งทำให้เหมือนเป็น (หรือที่น้อยสุดของการพูดหรือเขียนราวกับว่าอย่างที่พวกเขาเป็น)
    ใบอนุญาตผู้การประกอบอาชีพที่พวกเขามักจะไม่เคยมีความชำนาญ.ในฉากนี้พวกเขาต้องการนักแสดง
    “การเข้าถึงในบทบาท”เพื่อโน้มน้าวให้บุคคลที่สาม( ผู้ที่ชม”,”ผู้ใช้การแปล ) ที่พวกเขาเป็น, ไม่ใช่คุณหมอและทนายความและเจ้าหน้าที่ช่างอย่างแน่นอน, แต่พอที่จะเหมือนกับพวกเขาที่มีเครื่องประกันในความไม่แน่นอนใจโดยการไม่เชื่อ.“ผู้เชี่ยวชาญพฤติกรรม ” เป็น Paul Kussmaul (1995:33) “ทำให้ได้รับ

    หน้า 129
    และพวกคุณจะทำมันอย่างไร ? ตามความเป็นจริงแล้วนักแปลและล่ามบางคนจะต้องมีประสบการณ์ในการทำงาน.
    ดังที่พวกเขาเรียกในโอกาสนี้ว่า “การหลอกหลวง”. นี้ทำให้เป็น “พฤติกรรมที่ไม่จริงใจ”ง่ายมากขึ้นในการบรรลุเป้าหมาย,แน่นอน; และอีก ๆ ลำดับของประสบการณ์นี้ตามที่คุณมี ,ที่ดีที่สุด , ที่ฉันได้อ่างถึงก่อนหน้านี้, การแปลได้รับการขนานนามว่าเป็นอาชีพทางเลือกที่สอง ; ถ้าตัวเลือกแรกของคุณเป็นบางสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง,คุณก็จะอยู่ในตำแหน่งที่ดีเยี่ยมถึงกับผู้เชี่ยวชาญในการแปลของการเขียนข้อความโดยผู้ประกอบการในวิชาชีพก่อนหน้านี้ของคุณ.
    คนอื่น ๆ ก็จะเลือกแปลไปพร้อม ๆ กัน กับวิชาชีพอื่น, และอาจจะรู้สึกผิดเกี่ยวกับการไร้ความสามารถของพวกเขาที่จะเป็นทางเลือกระหว่างพวกเขาเอง ; พวกเขาได้ผลประโยชน์ที่ใหญ่โตเกินกว่าการทำงานการแปลในระดับเดียวกัน,
    แต่เป็นเพราะพวกเขาเอง “คนวงใน” การควบคุมของคำศัพท์ .

    ส่วนใหญ่นักแปลและล่าม, อย่างไรก็ตาม, อาจจะไม่โชคดีมากนัก. พวกเราส่วนใหญ่จะต้องแสร้งทำเล็กน้อยหรือไม่ก็ทำเป็นไม่มีประสบการณ์การทำงานบนซึ่งเป็นพื้นฐานข้ออ้างขอบคุณ.การแก้ไขปัญหาบางเรื่องของปัญหานี้โดยผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่กำหนด – การแปลการแพทย์, การแปลกฎหมาย, อื่น ๆ …บางคนในสาขาแคบ ๆเหมือนกับสิทธิบัตร, หรือการประกันภัย, การอ้างสิทธิ์ – และแต่ละการนำเอาการเรียนการสอนในสาขาวิชาชีพหรือการอ่านในสิ่งที่กว้างขวาง, ทั้งสองภาษา.ล่ามได้เช่าในตอนสุดสัปดาห์หรือต่อเดือนเพื่อที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมก้าวหน้าในวิชาชีพของตน.
    ที่ค่อย ๆ เกิดขี้น ๆ, ปีที่ผ่านมา, นักแปลและล่ามเริ่มที่จะเชี่ยวชาญในการแสร้งทำเป็นผู้ประกอบการในวิชาชีพของพวกเขา. พวกเขายังไม่เคยที่จะชำนาญการเลยในส่วนที่สามของการแพทย์หรือ กฎหมาย ( หรืออะไรก็ตาม ) คำแนะนำ. (อีกส่วนอยู่ภารใต้การหาความจริง, ที่ไม่สมเกียรติ.)

    แต่ส่วนใหญ่ของการหลอกลวง, การทำงานแบบที่ไม่มีประสบการณ์และบางที่การอ่านเพียงน้อยนิดในวิชาสาขาตน,แต่ ไม่เคยเพียงพอซะทีเดียว.การติดต่อของตัวแทนบริษัททางการแพทย์รายงานการแปล ;
    คุณไม่ได้มีเทคนิคการแปลในก่อนหน้านี้, พวกเขาเหมือนและเชื่อถือในคุณ , พวกเขาได้รับแหล่งที่ดีเยี่ยมของรายได้ในอดีตของคุณ, และคุณต้องการช่วยพวกเขาในทางใด ๆ ก็ตามที่คุณสามารถ ; พวกเขามีความต้องการอย่างมากที่จะแปลอย่างรวดเร็วเท่าที่สามารถเป็นไปได้.คุณรู้เพียงเล็กน้อย หรือ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับศัพท์ทางการแพทย์.
    แล้วคุณจะทำอะไรดี ? คุณจะยอมรับงาน , ดีแล้วหรือที่จะหลอกลวงมัน , และได้มีการตรวจสอบการแปลโดยคุณหมอ , หรือ โดยเพื่อนซึ่งเป็นผู้ที่ปลอมแปลงเก่งกว่าคุณอีก.

    อะไรที่มันเกี่ยวข้องกัน , แล้ว , ใน “การแกล้งทำมัน” – ในการทำให้ติดการแปล โดยการแกล้งทำเหมือนเป็นมืออาชีพกับประสบการณ์ตามความเป็นจริงอันน้อยนิดอย่างมาก หรือ ความรู้ซึ่งเป็นฐานข้ออ้างของคุณ?
    ขั้นตอนแรก คือ จิตนาการ : สิ่งที่มันจะเป็น เหมือนกับที่จะเป็นหมอ ?อะไรที่จะเหมือนกับที่จะเป็นหมอของผู้ที่เขียนนี้? คุณจะมองโลกในแง่ไหน ? คุณคิดและรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับตัวคุณ? คุณเป็นคนแบบไหนที่คุณเป็น?
    นิสัยของมืออาชีพที่จะผูกติดในสิ่งที่เป็นนักสังคมวิทยาฝรั่งเศส Pierre Bourdieu (1986)
    เรียกว่า“habitués,”( บุคคลที่ชอบไปสถานที่หนึ่งๆเป็นประจำ ) แบบแผนทั้งหมดของโครงสร้างการดำเนินชีวิต , กิจกรรม,กิริยาท่าทาง,ความรู้สึกนึกคิด. คุณจะเป็น “habitués,”แบบไหน ถ้าสิ่งที่คุณอาจไม่เป็นนักแปลหรือไม่ก็เป็นหมอ ?

    และอีกสิ่งที่แคบ ๆ : คุณควรจะเขียนรายงานตามความเป็นจริง, หรือออกคำสั่ง ? การทำรายงานในแบบออกคำสั่ง?
    ความแตกต่างในการสร้างการเขียนควรมีหรือไม่?

  14. somboon says:

    ให้ส่งคำแปลที่ Leave a Comment แล้วกด Submit ส่ง โดยพิมพ์เลขหน้า/ชื่อผู้แปล ไว้ด้านบน

  15. Thanyanit Worasarn says:

    นางสาวธัญญานิตย์ วรสาร 3-1
    Chapter 3 หน้า 68 ย่อหน้าสุดท้าย ถึงกลางหน้า 71ค่ะ

    บริบทครอบจักรวาล
    ผู้เรียนแบบบริบทครอบจักรวาลมักจะถูกอธิบายว่าเป็น นักกระโดร่ม พวกเขาเห็นถาพใหญ่ๆว่าตัวเองกำลังลอยสูงขึ้นไป และมักจะไม่ค่อยสนใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ พวกเขาต้องการที่จะคว้าจุดที่สำคัญอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างความหมายทั่วไปของทั้งหมด และหลังจากนั้น จึงเติมรายละเอียดลงไป พวกเขาต้องการที่จะรู้ก่อนว่าสิ่งหนึ่งแปลว่าอะไรและมันเกี่ยวเนื่องกับประสบการณ์ของพวกเขาอย่างไร อย่างเช่นความเกี่ยวข้องของสิ่งนั้น วัตถุประสงค์ของมัน และเพียงแค่รู้สึกถึงแรงกระตุ้นที่จะหาคำตอบว่ามันเหมือนอะไร และลักษณะที่แท้จริงของมัน พวกเค้าคือ มนุษย์หลายงาน ผู้ซึ่งชอบที่จะทำงานหลายๆอย่างพร้อมๆกัน และจะกระโดดจากปัญหาหนึ่งไปยังปัญหาอื่นเมื่อมันเริ่มน่าเบื่อ และวิงวอนที่จะเปลี่ยนงานหรือปัญหาเหล่านั้น พวกเขาตรวจสอบข้อมูลด้วยสัญชาตญาณและการอนุมาน และบ่อยครั้งที่ใช้ความรู้สึกตามสัญชาตญาณ เพื่อหาคำตอบหรือการแก้ปัญหา หรือข้อสรุปในครึ่งทางระหว่างขั้นตอนการแปล
    นักแปลบริบทครอบจักรวาลทั้งหลาย และล่าม ค่อนข้างที่จะชอบงานที่ให้ความสำคัญด้านความแม่นยำน้อย มากกว่างานทั่วไปที่ต้องถูกต้องทั้งหมด หรือความเหมาะสมทางด้านวัฒนธรรมเป้าหมาย ชอบที่จะเป็นล่ามผู้ติดตามมากกว่าเป็นล่ามให้ห้องพิจารณาคดี ชอบการแปลหนังสือและการแปลในด้านการค้า มากกว่าการแปลด้านวิทยาศาสตร์และการแปลทางเทคทิค พวกเต้องการที่จะได้รับความรู้สึกทั่วไปของต้นฉบับเพื่อที่จะสร้างข้อมูลเป้าหมายที่รู้สึกากหรือน้อยกว่ากัน และดูเหมือนจะทำงานมากหรือน้อยกว่ากัน เมื่อพวกเขาถูกร้องขอ ในลักษณะของงานที่มีความถูกต้องแม่นยำมากกว่า นักแปลบริบทครอบจักรวาลชอบที่จะทำการแปลหยาบๆอย่างรวดเร็ว (ส่วนที่สนุกสนานของพวกเขา) และจากนั้นค่อยย้อนกลับไปอีกครั้ง เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ (งานที่หนักหนาของเขา) นักแปลบริบทครอบจักรวาลผู้ประกอบวิชาชีพอิสระส่วนมากจะค่อนข้างสะเพร่ากับการทำบัญชีของตน และมากจะลืมเสมอว่าใครจ่ายเงินแล้วและใครยังไม่จ่าย พวกเขามีพจนานุกรมและงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องของเขาเอง แต่ยากที่มีเวลาในการปรับปรุงพวกมันให้ทันสมัย และบ่อยครั้งที่จะโทรฯหาผู้เชี่ยวชาญหรือไม่ก็ เช็คคำศัพท์จากเพื่อนทางอินเตอร์เน็ต มากกว่าที่จะใช้พจนานุกรมของตนเองให้ถูกต้อง เมื่อนักแปลบริบทครอบจักรวาลและล่ามกลายมาเป็นนักทฤษฏี พวกเขามีแน้งโน้มที่จะสร้างงานแบบหลวมๆ ใช้สัญชาตญาณสูงในทฤษฏีที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อของนักแปล และหรือ กิจกรรมที่นำไปสู่ วัตถุประสงค์ของวัฒนธรรมเป้าหมาย
    รายละเอียดที่เป็นไปตามลำดับ /หนึ่งมิติ
    ผู้เรียนที่เรียกว่า รายละเอียดที่เป็นไปตามลำดับ หรือ หนึ่งมิติ นั้น ชอบที่จะควบคุมลำดับการเรียนให้ได้มากที่สุดโดยการทำงานครั้งละงาน คือ จดจ่ออยู่กับงานๆเดียวจนเสร็จ และดำเนินงานทีละขั้นตอน ผู้เรียนแบบนี้ต้องการที่จะทราบวิธีที่จะทำงานล่วงหน้า พวกเขาต้องการแผนที่ สูตร รายการให้เลือก และรายการตรวจสอบ พวกเขาเป็น ผู้ทำการวิเคราะห์ เป็นเหตุเป็นผล เป็นไปตามลำดับ เป็นนักคิดมิติเดียว มีแบบฉบับที่เป็นเหตุเป็นผลสูง และมีความฉลาดทางด้านคณิตศาสตร์ ผู้ซึ่งเชื่อในการเป็นระบบ และสมบรูณ์แบบไปเสียทุกเรื่อง
    นักแปลแบบรายละเอียดที่เป็นไปตามลำดับ หรือหนึ่งมิตินี้มักจะโอนเอียงไปทางด้านการทำงานที่มีโครงสร้างสถานการณ์ และต้นฉบับบที่แน่นอน การจ้างงานแบบมั่นคงที่มีเงินเดือนคงที่เป็นสิ่งที่พวกเขาชอบ มากกว่าการเป็นผู้ทำงานอิสระที่ไม่แน่นอน ถ้าเป็นไปได้นักแปลประเภทนี้ต้องการจะรู้ล่วงหน้าว่าพวกเขาจะต้องแปลอะไรในวันพรุ่งนี้ ในอาทิตย์หน้า ในเดือนหน้า เพื่อที่พวกเขาจะได้สามารถหาข้อมูลด้านนั้น เรียนรู้คำศัพท์และจดบันทึกไว้ และเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะเริ่มงาน พวกเขาต้องการจะชำนาญในด้านที่แน่นอน อย่างเช่น เกี่ยวกับชีวแพทย์ศาสตร์ สิทธิบัตร หรือผู้จัดเรียงซอฟต์แวร์ เพื่อที่พวกเขาจะสามรถเรียนในด้านนั้นได้ทั้งหมด ล่ามแลลรายละเอียดที่เป็นลำดับจะโน้มเอียงไปทางด้าน วิชาการ และการประชุมทางการเมือง ที่ผู้พูดอ่านจากบทที่มีการเตรียมไว้ และจะหลีกเลี่ยงบริบทที่เกิดขึ้นเองถ้าเป็นไปได้ อย่างเช่นการเป็นล่ามในห้องพิจารณาคดี ที่พวกเขาจะไม่มีทางรู้เลยว่าผู้พูดจะพูดอะไรต่อไป (นักแปลและล่ามแบบบริบทครอบจักรวาล ชอบที่จะทำต้นฉบับที่เกิดขึ้นให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และจะประสาทเสียกับความเบื่อหน่ายถ้าพวกเขาถูกบังคับให้แปลต้นฉบับที่ คล้ายๆกับในด้านที่เจาะจงแบบแคบๆ เป็นอาทิตย์ๆ เป็นเดือนๆ หรือเป็นปีๆ) ถ้านักแปลผู้เชี่ยวชาญท่านไหนเคยวิเคราะห์รายละเอียดเกี่ยวกับต้นฉบับก่อนการแปล เขาก็คือ นักแปลแบบรายละเอียดที่เป็นไปตามลำดับ นักแปลแบบรายละเอียดที่เป็นไปตามลำดับจะมีพจนานุการที่ใหม่ที่สุดในสาขาของตน และเชื่อพจนานุกรมมากกว่านักแปลบริบทครอบจักรวาล พวกเขาพิถีพิถันที่จะดำรงความเป็นส่วนตัวของฐานข้อมูลด้านคำศัพท์ของตนไว้ (และเป็นไปได้ที่จะรวมไปถึงหมู่คณะ) และปรับปรุงมันเมื่อพบคำศัพท์ใหม่จากงานต้นฉบับหรือสื่อการอ่านอื่นๆ เมื่อล่ามและนักแปลแบบรายละเอียดที่เป็นไปตามลำดับกลายมาเป็นนักทฤษฏี พวกเขาจะสร้างต้นแบบที่เข้าใจง่ายและละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะอธิบาย(หรือแนะนำตัวเลือกของนักแปลใน) ทุกๆขั้นตอนการแปลพวกเขาวิตกกังวลกับ ภาษาศาสตร์ จิตวิทยาภาษา และรูปแบบสังคมภาษา และเมื่อพวกเขาเรียนเกี่ยวกับรูปแบบวัฒนธรรมที่ควบคุมมากขึ้นการแปลพวกเขาชอบระบบรูปแบบการอธิบายที่มากขึ้นด้วย
    เป็นจินตนาการ(เป็นนามธรรม)
    ผู้เรียนที่เป็นจินตนาการหรือนามธรรมนี้ ลำดับข้อมูลมีผลกระทบมากในหลักการระดับสูงทั่วไปและระยะทางอันยิ่งใหญ่ของความวุ่นวายใจในประสบการณ์การฝึก พวกเขาชอบที่จะพูดถึงหรือคิดถึงการทำ และรักที่จะสร้างระบบที่สลับซับซ้อนและสง่างาม ซึ่งมีความคล้ายคลึงในความซับซ้อนของชีวิตจริง
    นักแปลหรือล่ามแบบเป็นจินตนาการหรือนามธรรม มักจะหมดความอดทนกับการฝึกหัดการแปลและการเป็นล่ามที่น่าเบื่อ และจะโน้มเอียงไปที่มหาวิทยาลัยที่สอนการแปล (หรือที่ที่อบรมการแปลที่นักเรียนไม่เหมือนกันทางภาษาและวรรณคดี) และเขียนทฤษฏีการแปล งานทางทฤษฏีของพวกเขามักจะมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือในความน่าหลงใหลและความฉลาดของประเภณี (โดยเฉพาะ จิตนิยมของเยอรมัน และ หลังความนิยมทางด้านโครงสร้างของฝรั่งเศส)มากกาว่าการเปลี่ยนแปลงของประสบการณ์การแปล มันมกจะมีการละเอียดมากมาย และการสิทธิภาพสูงในการคิดนวัตกรรม แต่ยากที่ใช้ในโลกแห่งความเชียวชาญ
    ตายตัว (วัตถุประสงค์และความรู้สึก)
    ผู้เรียนแบบตายตัวชอบที่จะลับดับข้อมูลโดยการจัดการมันในวิธีที่สัมผัสได้มากที่สุด พวกเขาจะสงสัยในทฤษฏี ตัวอย่างที่เป็นนามธรรม และการสร้างหลักการขึ้นมา เช่น ความรู้ทางวิชาการทั่วๆไปที่หันเหไกลไปจากการสัมผัสในเชิงปฏิบัติแบเป็นจริงและประสบการณ์การฝึก
    นักแปลและล่ามแบบตายตัวมักจะไม่เป็นมิตรและเคลือบแคลงในการอบรมการแปล และชอบที่จะเรียนการแปลในวิธีของตนเองโดยการทำสิ่งนั้น ระหว่างการฝึกอบรมการแปล เขาจะแสดงออกอย่างเปิดเผยในความขาดความอดทนและการรังเกียจทฤษฏีตัวอย่าง และทัศนะที่ไม่ได้ช่วยงานแปลของเขาโดยตรงหรือการล่ามในข้อความที่เจาะจงให้ดีขึ้น เมื่อนักแปลและล่ามแบบตายตัวเป็นนักทฤษฏีพวกเขาจะโน้มเอียงไปทางความแตกตากทางด้านภาษา ไม่ก็อธิบายรูปแบบที่เจาะจงร่างหว่างแต่ละภาษา หรือบอกผู้อ่านเกียวกับวิธีที่ถูกต้องในการแปล ตัวอย่างมากมายที่คล้านคลึงกันในภาษาแต่ละประเภท เช่นหัวข้อ ประโยคเพื่อเติม และคำถามอย่างใกล้ชิด
    การตอบสนอง
    ถ้าเกิดมีปฏิกิริยาใดๆ การตอบสนองต่อข้อมูลที่รับมาของคุณ และลำดับขั้นตอนนั้นจะเป็นการกระทำที่คุณทำ การกระทำนั้น นักทฤษฏีด้านรูปแบบการเรียน เบอร์นีซ แม็คคาร์ธี เสนอว่า ถูกกรองโดยปัจจัยต่างๆของทัศนะคติของผู้อื่น การโอนอ่อนผ่อนตามกฏเกณฑ์ และเวลา เจนเซน เสนอหกประเภทของการตอบสนองตัวกรอง อ้างอิงภายนอกและภายใน การเข้ากันและไม่เข้ากัน การทดลองที่ไร้การไตร่ตรอง และวิเคราะห์การสะท้อนกลับ
    อ้างอิงภายนอกและภายใน
    ผู้เรียนอ้างอิงภายนอก ตอบสนองกับการรับข้อมูงจำนวนมากที่เป็นส่วนสำคัญของการคาดหวังและทัศนคติของผู้อื่น มาตรฐานสังคมและคุณค่า ควบคุมพฤติกรรมของพวกเขาอย่างมาก “สิ่งที่ควรจะทำคืออะไร” แสดงถึงคำถามว่า “ผู้ปกครองของชั้นอยากให้ชั้นทำอะไร” หรือ “คนที่คิดถูกเสมอจะทำอย่างไรในสถานการณ์ของชั้น”

  16. น.ส.จีรนุช คมขำ อ.ส.3-1 says:

    หน้า 111,115-116
    ผู้แปล น.ส.จีรนุช คมขำ อ.ส.3-1
    หน้า 111
    บทที่ 6
    บุคคล

    ความหมายของคำ
    ประสพการณ์ของบุคคล
    ความประทับใจครั้งแรก (การลักพาตัว)
    ความคุ้นเคยอย่างลึกซึ้ง (การพิสูจน์)
    การอภิปราย
    แบบฝึกหัด
    ข้อเสนอแนะสำหรับส่งเสริมการอ่าน

    หน้า 115-116
    ความประทับใจครั้งแรก (การลักพาตัว)

    จากประสพการณ์ของคนคนนึงเกี่ยวกับ “การดึงดูดความสนใจ” คือ ทำความพยายามที่ไม่ราบรื่นในครั้งแรกที่จะเข้าใจว่า พื้นฐานของคนบนหลักฐานที่ขัดแย้งกันก่อนหน้านี้ – อะไรที่พวกเราโดยทั่วไปเรียก “ความประทับใจครั้งแรก” คนเราคิดอย่างหนัก เราสามารถอยูกับผู้คนได้เป็นทศวรรษ และยังคงแปลกใจกับการกระทำของเขา หรือเธอ สองสามครั้งต่อวัน คนเรามักแก้ปัญหาโดยการโต้เถียงกัน แม้แต่การล้อเลียนท่าทางของบุคคลที่มีชื่อเสียงทั้งหมดมักจะถูกผสม ถูกทำให้ไม่ชัดเจน ถูกทำให้ไม่แน่นอน มันคือความพิเศษที่จะได้ประติดประต่อ หรือ รวมกันเป็นหนึ่งในการลอกเลียนแบบตัวบุคคลเป็นครั้งแรก ในความเป็นจริงนั้น พวกเรามีแนวโน้มที่จะจำโอกาสนั้นได้เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น

    “มันคือรักแรกพบ”

    “ฉันไม่รู้ มีบางอย่างเกี่ยวกับเขา บางสิ่งที่ชั่วร้าย เขาทำให้ฉันรู้สึกกลัว”

    “ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมไม่ไว้ใจเธอ”

    ( ความยุ่งยากซับซ้อน ข้อความที่ค้านกัน ความขัดแย้งจะเป็นต้นเหตุต่อไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่สำหรับชั่วขณะหนึ่ง จะรู้สึกว่าขณะที่ถ้าจิตใจของบุคคลอื่นถูกจัดวางใก้เหมาะสมก่อนคุณ และทั้งหมดก็จะเหมาสมกันเหมือนกับการต่อจิ๊กซอล )

    แม้ว่าอย่างไรก็ตาม ความสับสนวุ่นวายที่มีส่วนประกอบมากมายของความประทับใจที่แตกต่างกันไปที่พวกเราทำการพิจารณาอย่างละเอียดกับบุคคลที่เราพบในครั้งแรก – บางทีโดยการกระโดดไปยังบทสรุป การบรรยายที่ดีอะไรจองเพียรย์ที่เรียกการลักพาตัว มีอย่างน้อยสามหนทางที่จะทำแบบนี้ได้:

    บทพูด, แผ่นซีดี “ฉันรู้จักนิสัยของเธอ เธอสัญญากับคุญกับทุกสิ่งในโลก แต่เธอไม่เคยทำตามนั้นเลย” “เขาขี้อาย ไม่มั่นใจในตัวเอง แต่เขาดูเหมือนจะมีเสน่ห์มาก ๆ” “เธอเป็นคนประเภทที่ใครก็สามารภใช้งานเธอได้” “เธอ/เขา มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนฉัน” “มันเป็นเรื่องโรมานซ์หรอ ลืมมันไปได้เลย ฉันเกลียดเรื่องโรมานซ์” “โอ้ มันคือหนึ่งในตัวแทนเหล่านั้น ฉันรู้จักประเภทที่คุณหมายถึง” เราเข้ากันได้กับความซับซ้อนโดยการทำให้มันน้อยลงไปยังแบบอย่างที่ธรรมดาอย่างตรงไปตรงมา ที่พวกเราสร้างขึ้นจากการเผชิญหน้ากับคนอื่น ๆ (หรือข้อความ)
    การพิจารณาเลื่อนเวลาออกไปทำให้วิธีการง่ายขึ้น “ฉันคิดว่าเขาสามารถเป็นเพื่อนที่ดีได้” หรือ “ฉันไม่คิดว่า ฉันจะสามารถมีเพื่อนซักคนที่สามารถเป็นเพื่อนที่ดีได้” “เธออาจจะพิสูจน์ประโยชน์ที่ได้จากทางลงบางที่” หรือ “เราจะไม่เคยได้อะไรจากเธอ” “บางทีฉันจะถาม เธอ/เขา ออกไป” หรือ “เขา/เธอไม่เคยต้องการออกไปกับฉัน” “มีบางสิ่งที่น่าสนใจที่นี่ที่ฉันต้องการสำรวจ ดังนันฉันจะอ่าน” หรือ “นี่คือการเขียนที่ห่วยที่สุด มันไม่สามารถเป็นไปได้ว่าจะดี ดังนั้นฉันจะลบมันทิ้งเดี๋ยวนี้” เรารูสึกว่าการควบคุมความสัมพันธ์ของเรากับบุคคลหรือข้อความพวกนี้อาจทำให้เป็นไปได้ และอธิบายได้ว่า “ความรู้สึกร่วงหน้า” ของเราเองกับ ใช่/ไม่ใช่ ลูกกรงธรรมดา เป็นเพื่อน หรือ ไม่เป็นเพื่อน รัก หรือ ไม่รัก น่าสนใจ หรือ ไม่น่าสนใจ เป็นต้น

    การเลียนแบบ นักล้อเลียน นี้คือการหัวเราะที่มักจะเข้าใจผิดบ่อย ๆ นักล้อเลียนแบบบางคนมีเจตนาเพื่อแหย่ให้สนุก แน่นอน – แต่ไม่ทั้งหมด การเสแสร้งเป็นคนหรือลียนแบบการกระทำของเขาหรือเธอ เลียนแบบเสียงของเธอหรือเขา เลียนแบบหน้าตา แสดงอากัปกิริยาท่าทาง การเครื่อนไหวร่างกายสามารถเป็นหนทางที่มีประสิทธิภาพ ให้ได้มาซึ่งความเข้าใจในบุคคลนั้นอย่างเต็มที่จาก “ภายใน” ในแบบที่เป็น เพราะฉนั้นการพูดว่า “อย่าจับผิดเขาจนกว่าคุณจะได้เดินเป็นไมล์ด้วยรองเท้าของเขา” การเดินเป็นไมล์ด้วยรองเท้าของใครบางคนนั้น หมายถึง การทำตามที่คนคนนั้นทำอยู่จริง อยู่ในปัญหาเช่นเดียวกันกับเขา แต่มันก็ประยุกต์ให้ดีเท่า ๆ กัน ไปยังจินตนาการของคุณเองในที่ของคนคนนั้น หรือ “กำลังยืน” ในร่างกายของคุณเองที่ร้างกายของคนคนนั้น และการตอบสนองที่ใช้คำพูดไปถึงสถานการณ์ มันคือการทำให้ประหลาดใจว่ามีความเข้าใจบุคคลอื่นอย่างแท้จริงเท่าไหร่ที่การวางตัวหรือการกระทำชนิดนี้สามารถปรากฎออกมาให้เห็น – ถึงแม้ว่าชนิดของความเข้าใจนี้ไม่สามารถถูกเชื่อมกันบ่อย แค่รู้สึกเท่านั้น

    การ “แสดงออก” นี้ คือ การผึกที่ขาดไม่ได้สำหรับนักแสดง ดาราตลก ตัวตลกละครใบ้ – ดังนั้นผู้แปล และล่าม ผู้ซึ่งเองก็อยู่ในธุรกิจของการเสแสร้ง ที่จะต้องกลายเป็นบางคนที่เขาไม่ได้เป็น อะไรคือกฏของผู้แปลที่จะต้องปฎิบัติ อย่างไรก็ตาม การเสแสร้งก็คือทนาย ใช่การเขียนที่ในฐานะเขา/เธอเป็นทนายหรือเปล่า อะไรคือวงการแพทย์ที่ผู้แปลต้องทำ ต้องทำตัวเป็นหมอ หรือพยาบาลหรือเปล่า ผู้เชี่ยวชาญด้านการแปลแสร้ทำเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียน ผู้แปลกลอนกฺแสร้งเป็นนักกวี

    ความคุ้นเคยอย่างลึกซึ้ง (การพิสูจน์)

    ประสพการณืที่เพิ่มขึ้นของบุคคลที่คุณมี – ทั้งในเรื่องส่วนบุคคล และเรื่องทั่วไป – ซึ่งมากพอที่จะทำนายได้ว่าพวกเขาเป็นอย่างไร แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์เพียงพอ แต่ละคนมีความวุ่นวายมากกว่านั้น แต่การเพิ่มขึ้นของประสพการณ์ในเรื่องส่วนบุคคลจะช่วยให้คุณเข้าใจในการกระทำของคน การเพิ่มขึ้นของประสพการณ์ กับลักษณะที่แน่นอน (ประกอบด้วยบุคคลกับวัฒนธรรมอย่างแท้จริง หรือบุคคลผู้ซึ่งพูดภาษาของเขาอย่างแท้จริง) จะช่วยให้คุณเข้าใจคนแปลกหน้าจากกลุม่คนเหล่านั้น ประสพการณ์ที่เพิ่มขึ้นของความเป็นมยุษย์โดทั่วไปจะทำให้เห็นพฤติกรรมที่แปลกประหลากโผ่ลออกมา ความแปลกใจจะเข้าไปเป็นแบบอย่าง แบบอย่างจะทำให้สมเหตุสมผลขึ้น สิ่งแปลกประหลาดใหม่ ๆ ที่ไม่เข้ากับแบบอย่างจะทำให้คุณต้องใช้กำลังในการปรับให้เหมาะสมกับความคิดของคุณซึ่งจะสร้างความยุ่งยากมาให้กับแบบอย่างของคุณ และดังนั้นนี่คือกระบวนการแบบดั้งเดิมที่เรียกว่ามีอิทธิพลอย่างมีเหตุผล การเครื่อนย้ายจากปริมาณของรายละเอียดเวลาหรือประสพการณ์ที่เฉพาะเจาจงไปยังแบบฉบับที่ใหญ่กว่า

    กระบวนการการพิสูจน์ ของการได้รู้จักกับบุคคล และการเข้าใจพวกเขา ส่วนประกอปที่สำคัญทั้งหมดของมนุษย์คือ แน่นอนแต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คนเหล่านั้นของเราผู้ซึ่งทำงานกับบุคคล และผลิตภัณฑ์ที่แสนแพงจากความคิดของคน ช่างผู้ชำนาญการอาจจะได้เนื่องจากปราศจาคความเข้าใจในตัวบุคคล ผู้ชำนาญทางด้านการเขียนต้องการที่จะรู้อย่างน้อยให้เพียงพอกับบุคคลที่สามารถจินตนาการได้ตามที่ผู้อ่านต้องการ แลผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแปลยิ่งต้องการรู้มากกว่าอะไรทั้งหมด เพราะรายชื่อของบุคคลผู้ซึ่งเขา/เธอ จะต้องการเข้าใจคือยาวที่สุด ตัวแทนที่เป็นตัวแทนผู้ที่เสนองานให้เธอหรือเขา บริษัทการตลาด หรือเทคนิคในการสนับสนุนบุคคล ผู้ซึ่งต้องการที่จะแปลข่อความผู้ชำนาญในการเขียน ผู้ซึ่งเขียนข้อความ เพื่อน ผู้ซึ่งอาจจะรู้ว่านี้หรือนั้นที่เป็นคำสำคัญ และเป้าหมายสุดท้าย คือ ผู้ใช้ภาษา และผู้อ่านภาษา

  17. Purin Teekapowan says:

    นายภูรินท์ ฑีฆะโภวรรณ
    หน้า 79-81

    ศิลปะแบบไหนที่คุณชอบที่จะชมที่สุด
    V ภาพวาด, ภาพถ่าย หรือ งานปติมากรรม
    A บทกวี หรือ เพลง
    K การแสดงหรือการเต้นรำ
    ศิลปะแบบไหนที่คุณชอบที่จะทำที่สุด
    V วาดภาพหรือวาดภาพลงสี
    A เขียนหรือร้องเพลง
    K แสดง เต้นรำ หรือแกะสลัก
    เมื่อคุณต้องการที่จะบันทึกเหตุการณ์อย่างไหนที่คุณอยากจะทำที่สุด
    K ถ่ายภาพ
    A อัดเทปบันทึกเสียง
    V อัดวีดีโอ
    คุณชอบแปลอะไรมากที่สุด
    V งานเขียน
    A การแปลในที่ประชุมหรือเป็นล่ามในห้องพิจารณาคดี
    K การเป็นล่ามผู้ติดตาม
    ตอนที่คุณแปล อะไรที่ทำให้คุณเสียสมาธิมากที่สุด
    V ความยุ่งเหยิง ในต้นฉบับ หรือบนโต๊ะของคุณ
    A เสียงรบกวน เสียเพลง เสียงผู้คน
    K การเคลื่อนไหว
    5 คนเดียวหรือเป็นกลุ่ม เขียนแบบวิเคราะห์เหมือนแบบฝึกหัดที่ 4 1 ข้อหรือมากกว่านั้นโดยใช้คำรูปแบบการเรียนรู้ดังต่อไปนี้
    1. แรงกระตุ้นจากความมีสัมพันธ์
    2. เป็นเรื่องจินตนาการ แน่นนอตายตัว
    3. การหาข้อมูลภายนอก การหาข้อมูลภายใน
    4. การจับคู่ที่เหมาะสม การจับคู่ที่ไม่เหมาะสม
    5. ตามสภาพแวดล้อมทั่วโลก, ละเอียดตามลำดับ
    6. การทดลองที่ไร้การไตร่ตรองม ผลลัพธ์จากการวิเคราห์
    คิดถึงสถานการณ์การเรียนรู้ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องรียนในทุกๆวัน และใช้คำจำกัดความในบทนี้ จินตนาการถึงวิธีต่างๆของผู้เรียนในแบบต่างๆที่อาจจะตรงกับคุณ ยกตัวอย่างเช่น ใช้คอมพิวเตอร์ หรือใช้ระบบการเขียนรุปแบบใหม่ หรือใช้โปรแกรมผู้เรียนรู้จากแรงกระตุ้นของความสัมพันธ์ จะช่วยอย่างมากกับคนที่สอนคนอื่น, ให้การส่งเสริมยังไงหรือเขาไม่อดทนยังไง และจะเรียนรู้เร็วมากขึ้น และสนุกไปกับบรรยากาศความเกื้อหนุนของมิตรภาพ ผู้เรียนจากแรงกระตุ้นจากเนื้อหาจะไม่ต้องมีครู และจะสนใจเฉพาะคำสั่งที่เขาได้รับและจะเรียนรู้ได้ดีที่สุด ถ้าคำสั่งเหล่านั้นชัดเจนและสอดคล้องกัน ผู้เรียนรู้จากจินตนาการจะทำให้มีความต้องการเรียนรู้เรื่องนั้นๆเป็นอย่างแรก
    ผู้เรียนรู้จากการหาข้อมูลแบบธรรมดา และผู้เรียนรู้แบบจับคู่จะต้องทำตามกฏเกณฑ์ที่ผู้จัดโปรแกรมจัดไว้ ผู้เรียนรู้จากการหาข้อมูลแบบไม่ธรรมดาและผู้เรียนรู้แบบจับคู่ที่ไม่เหมาะสม จะต้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจากทางขวา โดยใช้ระบบช่องโหว่, ทางลัด, กลเม็ด และกลวิธี ผู้เรียนตามสภาพแวดล้อมทั่วโลกและการทดลอง จะต้องเรียนรู้อย่างกว้างขวาง “ชนิดอะไร” ของระบบก่อนค่อยทำความเข้าใจของผู้เรียนเอง (ผู้เรียนจะอ่านคู่มือชี้แนะอย่างเดียว เป็นหนทางสุดท้าย) ผู้เรียนรู้แบบละเอียดตามลำดับหรือผู้เรียนรู้จากผลลัพธ์การวิเคราะห์ จะต้องอ่านคู่มือชี้แนะอย่างเข้มงวด เข้าหลักสูตรตามระบบหรือตามโปรแกรมการสอนที่สอดคล้องกัน ดูว่าลักษณะการเรียรู้แบบไหนที่เหมาะกับผู้เรียน อย่างไหนที่จะทำให้ไม่สมหวังหรือทำให้ผู้เรียนหงุดหงิด ยกตัวอย่างผู้เรียนรู้แบบละเอียดตามลำดับจะพอใจก็ต่อเมื่อ การเรียนการสอนที่กระชับ ได้ใจความ และชัดเจน ที่ได้ผลลัพธ์ตามที่พวกเขาคาดหวัง และจะไม่สมหวังและหงุดหงิดเมื่อต้องทำตามที่คู่มือแนะนำไปตามลำดับอย่างเที่ยงตรง และไม่รับประกันผลลัพธ์ที่ได้ การเรียนรู้จากการทดลองโดยสัญชาตญาณจะพอใจในลักษณะของเพื่อผู้ใช้ซึ่งรับประกันสูงสุดที่ทำด้วยความสมัครใจและตัวเลือกอิสระ และจะไม่สมหวังและหงุดหงิดกับอะไรที่เที่ยงตรงไม่ยืดหยุ่นซึ่งดักพวกเขาอยู่ในวงคด ซึ่งพวกเขาหนีไม่ได้นอกเสียจากอ่านคู่มือการเรียนการสอนหรือเรียกผู้ช่วยทางเทคนิค
    ตั้งแต่ความชอบของผู้คนหลากหลายกับสถานการณ์การเรียนรู้ ทำให้แน่ใจโดยคุณจินตนาการสถานการณ์ต่างๆ (อย่างน้อย 5-6) สำหรับการเรียนรู้ทั้ง 2 รูปแบบการเรียนรู้ของบุคคล ประกอบด้วยส่วนต่างๆอย่างซับซ้อน หรือจากการตอบสนองมากมายทำให้เป็นผลเฉลี่ยให้แบบฝึกหัด 1 หรือ 3 หรือสร้างตารางการตอบสนองต่างๆ (สิ่งที่มีโครงสร้างต่อเนื่องในแบบฝึกหัด 2, เส้นตรงพิกัดคาร์ทีเซียน ฯลฯ ) สร้างหรือเลือกแบบฝึกหัดที่คุณใช้ก่อนหน้านี้ และปรับไปใช้ในรูปแบบการเรียนรู้ต่างๆนานา ถึงคุณลักษณะที่กล่าวมาในบทนี้ คุณและกลุ่มทำแบบฝึกหัดเปลี่ยนแปลง ระวังการเปลี่ยนแปลงการะบวนการที่ผ่านไปของผู้เรียนและคำถามที่ปรากฏขึ้น เลือกหนึ่งแบบฝึกหัดที่คุณทำเสร็จไปแล้ว และบ่งบอกถึงรูปแบบการเรียนรู้ของคุณซึ่งตัดสินใจ โดยแบบฝึกหัดในรูปแบบต่างๆ เช่น สังเกต(วาดรูปหรือแผนผัง), การฟัง(สนทนาทางโทรศัพท์โดยคุณบอกลักษณะตัวเองที่ถูกบรรยายในแบบฝึกหัดกับเพื่อนๆเล่าเรื่องนี้) หรือ ไคด์เนสเทอทิคคอลี่(การแสดงออก,การบอกใบ้)

  18. Anirut Meechai says:

    93-95
    นายอนิรุธต์ มีชัย เลขที่ 51501030065-2 อ.ส. 3

    และนิสัยสำหรับ พีส มีทั้งคุณจะจำและพร้อมที่จะกระทำซึ่งแต่สิ่งเดียวที่แตกต่างระหว่างพวกเขาก็คือ นิสัยที่กำกับโดยประสบการณ์
    ประสบการณ์เริ่มด้วยความรู้ทั่วไปของโลก (บทที่ 5) ประสบการณ์วิธีการแสดงออกและการพูดจากของผู้คนที่หลากหลาย (บทที่ 6) ประสบการณ์แห่งวิชาชีพ (บทที่ 7) ประสบการณ์ของความซับซ้อนอย่างมากมายของภาษา (บทที่ 8) ประสบการณืของเครือข่ายสังคม (บทที่ 9) และประสบการณ์ของความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรม มาตรฐาน คุณค่าและฐานคติ (บทที่ 10) ความรู้หรือประสบการณ์เหล่านี้จะต้องการที่จะถูกค้นหาอย่างแข็งขัน ถูกตีความ และถูกรวมเป็นหนึ่งเดียวโดยเฉพาะ แต่ไม่ใช่เพียงสำหรับการเริ่มต้นของอาชีพการแปล ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาจากบทละครหรือบทเพลงที่เป็นที่รู้จักกันดีของนักแปลที่เบาเกินกว่าจะกระตุ้นให้ตื่นตัวจากโลกแห่งประสบการณ์จะขยายและควบคุมความรู้ที่เขาหรือเธอรู้สึกได้
    ในยุคของการการติดต่อสือสารด้วยข้อความที่มีอยู่ในเวลานี้หรือด้วยสถาการณ์ นักแปลจำเป็นต้องมีความสามารถด้านกรรับรู้โดยสัญชาติญาณและจินตนาการที่จะแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อที่จะกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางไปสู่วิธีการแก้ปัญหาใหม่ได้ และเพื่อลงสู่รูปแบบต่างๆ ซึ่งเป็นการอุปนัย เมื่อนักแปลเริ่มที่จะตะหนักและสื่อสาร หรือ อ่าน หรือ เรียน เกี่ยวกับรูปแบบและความเป็ระบบระเบียบการหักหลบจะเริ่มที่การสร้างทฤษฎีของการแปล
    ในระดับที่ง่ายที่สุดในการหักเกี่ยวข้องกับบทละครของการแก้ปญหาที่ง่ายไปยังชั้นหนึ่งของปัญหาพื้นฐานหนึ่งและยังทฤษฎีสำหรับภาษาหลายรูปแบบที่ต้องการการแปล แต่ละหลักการนิรนัยของนักแปลถูกสร้างขึ้นโดยปกติผ่านการเดินทางเป็นวัฏจักร นักแปลแต่ละคนจะพัฒนาทฤษฎีเพิ่มเติมหรือเชื่อมโยงกัน แม้ว่าหล่อนหรือเขาค่อนข้างจะสามารถทำมัน (มันอาจ จะอ่อนเกินส่วนใหญ่; ในความเป็นจริงสิ่งที่ไม่สอดคล้องในทฤษฎีมีแนวโน้มที่จะเป็นความขัดแย้ง ระหว่างส่วนอ่อนเกินซึ่งพัฒนาผ่านประสบการณ์และข้อส่วนที่มีการเรียนรู้มาก ที่สุดเป็นศีล) เพราะจัด เรียงนี้ของทฤษฎีที่มีประสิทธิภาพเกิดจากการปฏิบัติของตนเองของบุคคลอื่นโซ ลูชั่นนิรนัยปัญหาเฉพาะเสนอในหลักสูตรทฤษฎีหรือหนังสือเช่นมักจะจำยาก, รวบรวมและดำเนินการในทางปฏิบัติ ในระดับที่ สูงกว่านี้ทำงานนิรนัยระเบียบสินค้าลงทะเบียนทั้งหมดจะเกี่ยวกับชนิด – ข้อความและวัฒนธรรม; ดังนั้นรูปแบบของข้อความภาษาต่างๆวิเคราะห์ (บทที่ 8) กระบวนการทางสังคม (บทที่ 9) และการวิเคราะห์ระบบของวัฒนธรรม (บทที่ 10)
    นี้ เป็น”รุ่น”สมบูรณ์แบบของรูปแบบของการแปล เราทั้งหมดต้องการให้มันทำงานตลอดเวลา แต่มันไม่เป็นผล มี กำลังการผูกปมมากมายในกระบวนการจากหน่วยความจำไม่ดีและไม่เพียงพอพจนานุกรม ตลอดทางขึ้นผ่านคำแปลไม่ได้และวลี ที่ปัญหาแก้ไม่ได้จริงการ แปลความแตกต่างในอำนาจมหาศาลระหว่างการพูดภาษาอังกฤษและภาษาต่างๆของประเทศโลกที่สาม แผนภาพจะช่วยให้เราคิด เหล่านี้ผูกปม คุณหยุดรถที่เคยโยนย้อนกลับไปที่หลีกเลี่ยงอุปสรรคหรือใช้ถนนอื่น นี้อาจจะเป็นความเคลื่อน ไหว ทวนกลับของเข็มนาฬิกานักบินอัตโนมัติไม่ อ่อนเกิน; สิ่งที่เกิดขึ้นว่าคุณไม่สามารถแก้ไขด้วยมีอยู่ (บทที่ 11) ในหลายกรณีอ่อนเกินกระบวนการจะหยุด โดยอัตโนมัติทำให้งงงัน, ไม่สามารถดำเนินการต่อไปในกรณีอื่น ๆ ที่คุณจะเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่สบายใจเกี่ยวกับทิศทางการแปลคือการจนในที่สุดคุณไม่สามารถตั้งความ ตึงเครียดระหว่างความสำเร็จชัดเจน”อ่อนเกิน”และความคลุมเครือกัดของความล้ม เหลวและโยนในเบรคและสำรอง ที่เราได้เห็นคุณ ยังสามารถสร้างระบบการเตือนอาจฉุกเฉินอัตโนมัติระบบเบรก, ลงในนิสัย””หรือทำงานอ่อน เกินเพื่อให้คำบางวลีลงทะเบียนวัฒนธรรมบรรทัดฐานหรือต้อง การหยุดดำเนินการและบังคับให้คุณจัดการใส่ใจ, เตือนวิเคราะห์กับปัญหาประเภท ปลุกหรือระบบเบรกนี้โดยเฉพาะที่สำคัญเมื่อการแปลในบริบททางการเมืองยาก หรือมีความสำคัญเป็นเมื่อคุณรู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ของคุณเองเพื่อ ให้คนต่างด้าวจากแหล่งที่มาของผู้เขียนว่าข้อผิดพลาดสติเป็น อย่างมากโอกาส (เช่นเมื่อแปลทั่วไฟฟ้าสร้างความแตกต่าง ตามเพศเชื้อชาติหรือประสบการณ์อาณานิคม) หรือเมื่อคุณพบว่าตัวเองในฝ่ายค้านเพื่อดูผู้ที่มาของและเพื่อบังคับจากอ่อนเกิน แปลคุณเริ่มเลื่อนไปใส่ใจ, วิเคราะห์ด้วยความตระหนัก ทางปัญญาเต็มไปรอบวงกลมผ่าน หักและด้านต่างๆของการ เหนี่ยวนำให้ลักพาตัว — เผ่นง่าย เพื่อแก้ปัญหาใหม่บางอย่าง ที่อาจบินในหน้าของทุกสิ่งที่คุณรู้และ แต่เชื่อว่ายังคงรู้สึกขวา เวลาหนึ่งการล้มเหลวทุก ท่านไป อื่น คำเหมือนรายชื่อไม่ได้ช่วยให้คุณเปิดพจนานุกรม คำหรือ วลีไม่ได้อยู่ในพจนานุกรม หรือตัวเลือกที่เสนอทั้งหมดดูหรือรู้สึกผิดจึง คุณโทรหรือโทรสารหรืออี เมล์ เพื่อนหรือคนรู้จักที่อาจ จะช่วยหรือ ส่งแบบสอบถามไปรายชื่อผู้ ให้บริการอินเตอร์เนตพวกเขาจะไม่ช่วยทำให้คุณไถ
    โดยสารานุกรมและวัสดุอ้าง อิงอื่น ๆ หากคุณมีโชคไม่นั่น คุณเรียกหน่วยงานหรือ ลูกค้าและสุดท้ายถ้าไม่มีใครรู้ว่าคุณไปกับคุณ ความง่าย สร้างการแปลอาจเครื่องหมายจุดด้วย เครื่องหมายคำถามสำหรับ หน่วยงานหรือลูกค้าเพื่อติดตามในภายหลัง การแปล กลอนคุณอาจต้องการกระโดด เกือบจะทันที และทราบว่าขั้นตอนต่อไป หลังจากการลักพาตัวย้ายไปรอบวงกลม ทวนเป็นอีกครั้งแปลอ่อน เกินการบินอัติโนมัติ แก้ ปัญหานี้โดยเฉพาะไม่ว่าจะ สร้างนิรนัย, อุปนัยหรือ
    (หรือผ่านการรวมกันของทั้ง สาม) เป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งเป็นบางส่วน ละครเป็นนิสัยของคุณซึ่ง อาจจะใช้อีกครั้งในการแปลในอนาคต การทดสอบอาจอุปนัย, ทั่วไปในหลักการนิรนัยแม้ทำ ตามแนวทางทฤษฎีใหม่เพื่อ การแปล
    ส่วนที่เหลือของหนังสือ เล่มนี้เป็นโครงสร้างตามวงกลม : เข็มแรกใน บทที่ 5-10 เริ่มต้นด้วยการแปลอ่อนเกินและย้ายผ่าน
    รูปแบบต่างๆของประสบการณ์ อุดม; แล้ว (ค่อนข้างมาก อย่างรวดเร็ว) ทวนเข็มนาฬิกาในบทที่ 11 สำรวจสติวิเคราะห์
    การแปลใช้การแปลเมื่อไม่ อ่อนเกิน ในแต่ละกรณีเรา จะเกี่ยวข้องกับความตึงเครียดระหว่าง ประสบการณ์และนิสัยที่ทำให้ตกใจและอ่อนเกิน — โดยเฉพาะกับการภาพนิ่ง หนึ่งจากที่อื่น ๆ ทำให้บริสุทธิ์สด ค้นพบประสบการณ์ที่มี ประสิทธิภายในการแปล”นิสัย”ใหญ่กลับออก การแปลเป็นหลายอ่อนเกิน นิรนัย, อุปนัยและ วิธีการแก้ปัญหา
    การสนทนา
    ทฤษฎีส่วนใหญ่ของการแปลคิดว่าแปล คือการทำงานใส่ใจวิเคราะห์ เตือนแบบที่นำเสนอในบทนี้จะถือว่า ไม่ค่อยใส่ใจงานแปลเท่านั้น ส่วนใหญ่ให้อ่อนเกินหรือ นิสัยการทำงาน เก็งกำไรในธรรมชาติและ แหล่งกำเนิดนี้ ความแตกต่างของความคิดเห็น ทฤษฎีดั้งเดิมเป็นทฤษฎีของ การใส่ใจตัวเอง บทนี้คิดตามชาติบางแห่ง ที่มีความเป็นจริง นิสัยนักแปลการออกกำลังกาย
    นิสัยสิ่งที่คุณอาศัยในวัน ต่อวัน อยู่ในสิ่งที่พวกเขาช่วย วิธี คุณจะผ่านวันเมื่อพวกเขา เป็นความรับผิดชอบ, เครื่องนุ่งห่มที่รัดแขนบังคับให้ จะลดลงหรือหนีประมาณกี่ นาทีต่อวันคุณจะกระตือรือร้น ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น รอบตัวคุณสิ่งที่คุณกำลังทำ นักวิทยาศาสตร์ พฤติกรรมของมนุษย์กล่าวว่า ยังไม่ได้เป็นจำนวนมาก : พฤติกรรมการทำงานมากที่สุดของชีวิตของเรา สิ่งที่เกี่ยวกับ ค้นพบอะไรใหม่ได้ที่ทำใน ชีวิตของคุณที่มีตั้งแต่เป็น “ธรรมชาติลำดับที่สอง, ” ส่วนหนึ่งของละครเป็นนิสัยของคุณ จำกระบวนการ โดยที่ความคิดใหม่และความ ท้าทายหรือการเป็นเก่าและง่าย และคุ้นเคย เช่นจำซับซ้อนขับรถลำบาก เมื่อคุณได้เรียนรู้ก่อน ที่จะทำวิธีการอัตโนมัติที่ง่ายและดูเหมือนว่าตอนนี้ ชีวิตอีกกระบวนการใน จินตนาการของคุณลงหรือขั้นตอนหลักช่วงเวลาในการเปลี่ยนสิ่งที่เป็นปัญหาบ้าง โดยพื้นที่ทั่วไปในการรวมกันของภาษาคือคำหรือวลีที่ควรจะตั้งเมื่อปิดระฆังให้สะดุดในข้อความ

    คำแนะนำสำหรับการอ่านต่อ
    Chesterman และ Wagner (2001), Gorlée (1994), Kraszewski (1998), Lörscher
    (1991), Peirce (1931-1966), Robinson (2001), Schäffner และ Adab (2000),
    Seguinot (1989), TirkkonenCondit
    และ Jääskeläinen (2000), Weick (1979)

  19. Namfon Nantawong says:

    แปลบทที่ 6 หน้า 112-114
    หน้า 112
    งานวิจัยคือวิธีการที่มีคนเป็นศูนย์กลางในข้อความ ภาษา หรือวัฒนธรรมใด ๆ ที่จะสมบูรณ์กว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่าการเน้นที่โครงสร้างภาษาตามนามธรรมหรือวัฒนธรรมประชุม
    ความหมายของคำ
    การแปลมักจะเป็นหลักเบื้องต้นเกี่ยวกับคำและความหมายของพวกมัน คำใด ๆ ในแหล่งความหมายของต้นฉบับ แล้วก็คำไหนในเป้าหมายของภาษาที่จะเป็นสิ่งที่ยึดและเป็นตัวถ่ายทอดความหมายที่ดีที่สุด
    ขณะที่คำและความหมายต่าง ๆไม่ใช่ปัญหาที่สำคัญ อย่างไรก็ตามพวกมันเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งอย่างมากสำหรับนักแปล (ของคนส่วนมาก) ในบริบทความสมจริงของบางคนที่พวกเขาใช้ ในการพูด หรือการเขียนให้คนอื่น เมื่อนักปรัชญาชาวออสเตรีย ในหนังสือชื่อ Philosophical Investigations (ปีค.ศ. 1958 ย่อหน้าที่ 43) ว่า “ ความหมายของคำคือการใช้ของมันทางภาษา” เขาหมายความว่าคนที่ใช้ภาษาโดยตลอดจะให้ความสำคัญกว่า หรืออย่างน้อยควรให้ความสำคัญบ้าง คือการมีความหมายเกินจริงในพจนานุกรม เขตข้อมูลของความหมายในทางนามธรรม
    จิมและมาเรียศัยอยู่ด้วยกัน จิมเป็นเจ้าของภาษาชาวอเมริกาเหนือ มาเรียเป็นเจ้าของภาษาชาวอาร์เจนติน่าสเปน ภาษาอังกฤษของมาเรียดีกว่าภาษาสเปนของจิม ดังนั้นส่วนมากพวกเขาจะใช้ภาษาอังกฤษในการสนทนา มาเรียจะโกรธเคืองจิมอยู่บ่อย ๆ เวลาที่จิมเรียกเธอว่า “นางโง่” ในที่สุดจิมก็พูดจาก้าวร้าวกับเธอบ่อยครั้งเกินไป เธอจึงตัดสินใจพูดกับเขา จิมกล่าวว่าเขาหมายถึงคำที่แสดงึงความรักความเมตตา คือว่าในตอนวัยเด็กของจิม ทุกคนให้ครอบครัวใช้คำว่า “โง่” เป็นคำที่เป็นที่รัก มันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับบางคน ที่งี่เง่า มันหมายถึงความตลก ขบขัน ร่างเริง น่ารักเหมือนเด็ก เป็นคนดี มาเรียก็อธิบายว่าหล่อนเรียนรู้จากคำในโรงเรียน ที่ที่เธอถูกสอนมาว่ามันหมายความว่า “โง่ งี่เง้า ไร้สาระ” จากบทสรุปของการสนทนาครั้งนี้คือ จิมจะระมัดระวังในการใช้คำว่า “โง่” ในบริบทที่เขาหวังว่าเป็นการแสดงึง แสงสว่าง อารมณ์สนุก น้ำเสียงของความรักความเมตตา จะทำให้มันแสดงความชัดเจนต่อมาเรีย ที่เขาไม่ได้หมายความที่จะทำลายความรู้สึกของหล่อน ส่วนมาเรียก็เริ่มที่จะสังเกตส่าคำที่จิมใช้มันมีความหมายอย่างแตกต่างจากสิ่งที่เธอเคยเรียนรู้มาจากที่โรงเรียน แต่บางครั้งเธอได้ยินมันใช่ในทางที่น่ารักน้อย ดังที่พวกเขาได้โต้แย้งกันและจิมก็สั่นศรีษะของเขาในท่าทางรังเกียจ และหายใจรุนแรงในการตอบสนองกับสิ่งที่เธอเพิ่งพูดไป “อย่ามางี่เง่า” หล่อนเดาอย่างถูกต้องว่าเขาทำอย่างนั้นในบริบทเฉพาะของคำว่า “โง่” หมายความว่ามากหรือน้อยกับสิ่งที่เธอถูกสอนมา “โง่ งี่เง้า ไร้สาระ” แต่เธอยังคงยอมรับในสิ่งที่จิมเป็น ที่ส่วนใหญ่เขาหมายถึง “ตลก ขบขัน ขี้เล่น”

    หน้า 113
    ชีวิตสามัญประจำวันทั่วไป คำศัพท์ และความหมาย มนความหมายของที่สำคัญในการเชี่ยมต่ออย่างสนิทสนมกับผู้คน พวกเขาใช้ในความหมายถึงคนเหล่านั้นเกิดขึ้นจากประสบการณ์ ความต้องการ และความคาดหวังแล้วพวกเขาบอกเราเพิ่มเติมเกี่ยวกับคนรอบตัวที่เรารู้มาก่อนที่จะช่วยให้เราเข้าใจได้ดีขึ้น พจนานุกรมได้แสดงสองความหมายที่ต่างกันของคำว่า โง่ โดนการระบุแยก สองขอบเขตของความหมาย คือ 1) โง่ งี้เง่า ไร้สาระ 2)ตลก ขบขัน ขี้เล่น แต่นี้จะเป็นเพียงการเลียนแบบของการดำรงชีวิตที่ซับซ้อนของจิม และความรู้สึกของมาเรีย ในคำที่บ่ายเบี่ยงต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา
    เรามักจะเรียนรู้คำและความหมายจากคนและหน้าที่ของคำสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของผู้คน สถานการณ์เดียวที่เชื่อถือได้อย่างมาก ในการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ตามความเป็นจริง ในบริบทดังที่ได้ถูกใช้โดยคนอื่น ในสถานการณ์จริง หรือไม่ก็ถูกใช้ในภาษาพูดหรือเขียน ทางเดียวที่จะสร้างคำใหม่ที่ยังคงอารมณ์ของมนุษย์ไว้ ถูกกำหนดโดยคนที่เคยใช้มัน ทางเดียงที่ทำให้มันเหมือนมีชีวิตจริงของมนุษย์อย่างเต็มที่ เเม้ว่าในตัวพจนานุกรมเองความหมาย คือ ความถูกต้อง คนอื่น ๆ ทีรู้คำคำนั้นแล้วอาจรู้สึกไม่ค่อยคุ้นในการใช้ของคำคำนั้น
    ตัวอย่างที่สำคัญของชิ้นงานนักเรียนชิ้นนี้ไม่ตรงกับคำที่ออกตรงตามพจนานุกรม คำบทสนทนาจริงหรือการเขียนประโยคที่นักเรียนไม่เคยเห็นหรือได้ยิน สำหรับครูผู้รู้จึงใช้งานทั้งหมดมาดูมันเหมือนการพูดพล่อย ๆ เพราะคำที่ถูกใช้อย่างอัตโนมัติ และปราศจากการเอาใจใส่ในความแต่งต่างของภาษาที่มนุษย์ใช้พูดหรือเขียนจริง มีอีกตัวอย่าง ดังที่พวกเราเคยเห็นในบทที่ 5 คือ คำว่า แย่ แปลโดยคนที่ไม่ได้พูดภาษาตามเป้าหมายได้อย่างคล่องแคล่วและบากบั่นที่จะพบทุกคำในพจนานุกรม
    คนที่มีประสบการณ์
    สิ่งที่เกี่ยวข้องอย่างหนึ่งในการฝึกอบรมวิชาชีพหรือการเจริญเติบโตอย่างมืออาชีพของนักแปลคนหนึ่งเป็นการเริ่มต้น
    นักแปลควรมีความสนใจในผู้คนทุกคนและควรใช้ทุกโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีที่แตกต่างที่ทุกคนกระทำ บรรดาเพื่อน เพื่อนร่วมงาน ที่ไปโดยไม่มีคำลา แต่ยังร่วมถึง เจ้าของร้าน คนขายของ ช่างไฟฟ้าและช่างประปา คนส่งจดหมาย พนักงานเสริฟ์ พนักงานธนาคาร ทุกคนที่เราติดต่อในชีวิตประจำวันของเรา คนแปลกหน้าที่สมบูรณ์แบบ คนที่เราไม่เคยเจอโดยบังเอิญ การกลั้วคอของทารก การเกาหูของสุนัข ขณะขึ้นลิฟต์ คนที่เราพบโดยบังเอิญตอนข้ามถนน หรือตอนขึ้นรถ เรามองดูพวกเขาเราได้สังเกตพวกเขาอย่างใกล้ชิด เราเปลี่ยนคำได้มากกว่าในหูและปากของเรา เราสงสัยเหมือนว่าเราเคยเจอคนคนนั้นแล้ว
    การสังเกตอะไรที่เราให้ความสำคัญ ความเคยชิน ความกังวล นิสัย ท่าทาง และอากัปกิริยา การแสดงสีหน้า รูปแบบการเดินหรือการพูดคุย

    หน้า 114
    ใช่ บางครั้งพวกเราก็กลัวมาก บรรดาเพื่อน ๆ และครอบครัวคือว่าพวกเราอยากคุยเกี่ยวกับบางสิ่ง เช่น การคำนวณโกดังที่ทันสมัยหรือนักกระตุ้นสำหรับสือกลาง พวกเขาเริ่มบทสนทนาเกี่ยวกับหัวข้อแล้วนี้ก็เป็นทางเดียวที่จะแก้ปัญหาคำต่อคำที่เราแค่อยู่เบื้องหลังของคำ
    บางครั้งฉันฟังในบทสนทนา เช่นในรถไฟใต้ดิน และเมื่อเวลาที่บางคนใช้คำคำหนึ่งที่ฉันต้องหาเป็นเวลานาน ฉันอยากจะจับมือกับพวกเขา แต่แน่นอนว่าฉันไม่ได้ทำ
    ผู้เชียวชาญด้านคำ
    เวริน์เนอร์ ริชเชอร์
    ตัวเลือกคือ คำและวลีที่แน่นแนต่าง ๆ จะกระตุ้นความทรงจำที่มีชีวิตชีวาของผู้ที่ใช้มันจริงในสถานการณ์จริง พวกเราจะจำรายละเอียดของนาทีเกี่ยวกับสถานการณ์ คือวันนั้นเป็นวันที่ร้อน อะไรที่คุณสวมใส่ วิธีที่คนหัวเราะ ความรู้สึกที่คลุมเครือของความไม่สบายใจ กับคำและวลีต่าง ๆ ที่เราจำทำงานหนักเพื่อเอาชนะสมาคมของพวกเขากับผู้คนจริงหรือสถานการณ์จริง เมื่อเวลาาที่คำคำหนึ่งยั่วหัวเราะคุณตอนคุณเป็นเด็กแต่คุณต้องการที่จะใช้มันอย่างจริงจังเมื่อคุณโตขึ้น หรือเมื่อคำที่สมาคมตั้งขึ้นมาสำหรับนำคุณกลับบ้านในภาษาท้องถิ่นของคุณ แต่คุณสามารถที่จะใช่มันกับตนเอง

    เมื่อเวลาที่คำคำหนึ่งทำให้เราหัวเราะคิกคักเมื่อเวลาคุณเป็นเด็ก แต่เวลาที่คุณโตเป็นผู้ใหญ่ คุณก็จะสามารถที่จะใช้มันกับตนเอง และการที่ภาษาที่คุณใช้มีความหยืดหยุ่น สิ่งที่ดีกว่าที่นักแปลจะเป็น ยิ่งลดมันจะดูเหมือนคุณโดดเดียว “คุณสมบัติ” ของบุคคลเดี่ยว ๆ หรือเป็นกลุ่ม นี้เป็นความซับซ้อนและหยืดหยุ่นของการใช้เพื่อบรรลุเป้าหมาย ต่อสู้ในสิ่งที่ซับซ้อนกว่าและหยืดหยุ่นกว่า ในการใช้ภาษา สิ่งที่ดีกว่าที่นักแปลจะเป็น แต่การมุ่งมั่นสู่เป้าหมายไม่ได้แปลว่า “ละเลย” สมาคมส่วนบุคคลและสถานการณ์ของคำและวลีหมายถึงภายในภาษาโดยมาก ดังนั้นพวกเขาหลายคนจึงค่อย ๆ หายไปใต้จิตสำนึกหรืออ่อนเกินที่จะกระตุ้นความรู้ เป้าหมายมีไว้เพื่อ “เก็บ” เท่าที่ความทรงจำที่สดใสของคนจะพูดหรือเขียนเหมือนที่คุณสามารทำได้ แต่การเก็บเป็นนิสัยทางภาษาที่ที่คุณไม่จำเป็นต้องมีสติในทุกความจำ ที่คุณรู่ว่าสิ่งเหล่านั้น คือ “ปัจจุบัน” และงานที่คุณทำมีอานาจและมีประสิทธิภาพ แต่กระตุ้นให้คุณรู้สึกภายใต้จิตสำนึกแห่งการรับรู้
    มันสำเร็จได้อย่างไร พวกเราอาจคิดถึงเรื่องกระบวนการ “การจัดเก็บ” ในเวลาที่กำหนดของเหตุผลสามประการของ Peirce คือการล่อลวง การชักจูง และคาดคะเน การล่อลวงน่าจะครอบคลุมึงผลกระทบขอความประทับใจในแรกพบ การชักจูงคือการะบาวนการต่อเนื่องของการสร้างแบบแผนประสบการณ์ที่มีค่าที่เราพบอยู่ทุกวัน และ การคาดคะเน คือการศึกษาทางจิตวิทยา

  20. 123-125/น.ส.พนัชกร ไร่พิมาย says:

    หลักสูตรจิตวิทยาเพื่อประโยชน์และศักยภาพในการแปล

    จิตวิทยาอุตสาหกรรม
    จิตวิทยาการโฆษณา
    จิตวิทยาการเรียนรู้
    จิตวิทยาของการแก้ปัญหา
    หน่วยความจำของมนุษย์และความรู้
    จิตวิทยาของภาษา
    พลวัตกลุ่ม
    พฤติกรรมร่วมกัน
    การตัดสินใจและการควบคุมการรับรู้
    จิตวิทยาสังคมขององค์กร
    เอกลักษณ์ทางสังคม ความขัดแย้งทางสังคม และการประมวลผลข้อมูล
    ประสานงานเครือข่ายและสังคม
    การพัฒนาทีม
    จิตวิทยาที่ใช้กับธุรกิจ
    จิตวิทยาและกฎหมาย
    อิทธิพลระหว่างบุคคลและการสื่อสาร
    การฝึกอบรมข้ามวัฒนธรรม
    วิธีสังคม – จิตวิทยาให้ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

    นอกจากนี้ควรจดจำไว้ว่าจิตวิทยา จิตบำบัด จิตวิเคราะห์ และจิตเวชเป็นสาขาอาชีพที่สร้างข้อความสำหรับการแปล นักแปลจะถามถึงแปลจิตเวชและการประเมินเวชระเบียน รายงานนักสังคมสงเคราะห์ และงานเขียนวิชาการต่างๆในเขตข้อมูล (เอกสารการประชุมบทความวารสารหนังสือวิชาการ) เจ้าหน้าที่ที่แปลในศาลจะขอให้ตีความพยานหลักฐานจากพยานผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชและจิตวิทยา ล่ามในที่ประชุมวิชาการในสาขาชัดดีจะต้องรอบรู้ว่านักจิตวิทยาและจิตแพทย์อย่างไร พวกเขาเห็นโลกของเขาอย่างไร
    ในการศึกษาจิตวิทยาในคำอื่น ๆ หนึ่ง ไม่ควรลืมว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องในสายงานไม่เพียงเรื่องของทฤษฎีของนักจิตวิทยาและการทดสอบ พวกเขายังมีนักจิตวิทยาเอง ถ้านักแปลเคยถามถึงการแปลข้อความทางจิตวิทยา การเรียนจิตวิทยาในชั้นเรียนที่มหาวิทยาลัยจะให้ประวัติที่ดีเยี่ยม ไม่เพียงแค่เพราะว่านักแปลจะมีความคุ้นเคยกับเงื่อนไขและแนวคิด แต่เพราะเขาจะได้เพิ่มความคุ้นเคยกับชีวิตจริงของนักจิตวิทยา หรืออาจารย์ในหลักสูตร

    สุดท้ายไม่มีเหตุผลว่าทำไมนักแปลถึงไม่ควรค่อยๆกลายเป็นนักจิตวิทยาสมัครเล่นในสิทธิของตนเอง ในความเป็นจริงไม่กี่สัปดาห์จากการอ่านโพสต์ในกลุ่มสนทนา e – mail อย่าง Lantra – L เช่นจะโน้มน้าวให้โลกของนักแปลว่าส่วนใหญ่ของงานเขียนนักแปล นักจิตวิทยามือสมัครเล่น ผู้ที่มีการพัฒนาทฤษฎีของพฤติกรรมของมนุษย์ที่พวกเขาจะซับซ้อนสำหรับคุณที่มีความยาวมาก ทฤษฎีเหล่านี้เพิ่มขึ้นจากการเหนี่ยวนำประสบการณ์ซึ่งเป็นแหล่งที่ดีที่สุดสำหรับทฤษฎี แต่พวกเขามีตั้งแต่เป็นสูตรในด้านกว้างทั่วไปเป็นหลักการนิรนัยพร้อมอธิบายการเล่นโวหารบุคคลหรือลักษณะที่มาพร้อม สิ่งที่อันตรายจริงๆในทฤษฎีนี้เป็นอันตรายเดียวกันในการคิดนิรนัยหรือทฤษฎีทั้งหมด ว่าหลักการทั่วไปกลายเป็นเข้มงวดเพื่อที่พวกเขาไม่เปลี่ยนแปลงอีกต่อไปเพื่อตอบสนองประสบการณ์ ที่พวกเขากลายเป็นปลอกแขนสำหรับประสบการณ์ ดังนั้นความสำคัญของการล่อลวง และอุปนัยยังแปลก, ประสบการณ์ที่”ทฤษฎี”ไม่สามารถอธิบายได้ โดยไม่ต้องบิด เช่นในงานนิรนัย นักแปลจะหยุดการเจริญเติบโต

    การสนทนา
    ถ้าเป็น Ludwig Wittgenstein กล่าวว่า “ความหมายของคำนั้นไปใช้ในภาษา”และการใช้งานที่แตกต่างจากบุคคลกับบุคคลและจากสถานการณ์กับสถานการณ์ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะรู้ในสิ่งที่คนอื่นหมายถึง

    แบบฝึกหัด
    ให้พจนานุกรมให้คำจำกัดความของ “สุนัข” และ “แมว” ในภาษาแม่ของคุณ
    คิดเทียบเท่าคำในภาษาต่างประเทศหลักของคุณ ได้เทียบเท่ามั่นคงในจินตนาการของคุณ
    ขณะนี้ทำตัวให้สบายในเก้าอี้ของคุณ แล้วหลับตา หากนั่นสิ่งที่ช่วยให้คุณ “คิดฝัน”ได้ดีกว่า คิดถึงบ้านสัตว์เลี้ยงของเด็กๆของคุณ เห็นภาพพวกเขา สัมผัสถึงพวกเขา จินตนาการถึงตัวเองว่าครอบครองพวกเขาบนตักของคุณหรือหมุนรอบๆพื้นกับพวกเขา (สิ่งที่คุณได้สัมผัสใกล้ชิดกับพวกเขา) จำได้ว่าคุณรักพวกเขา (หรือหนึ่งโดยเฉพาะ หนึ่ง) เกลียดพวกเขา กลัวของพวกเขา แตกต่างกับพวกเขา ถ้าหากคุณมีความรู้สึกเชิงลบสำหรับพวกเขา จำรายละเอียดโดยเฉพาะเมื่อคุณรู้สึกถึงความรู้สึกที่รุนแรงที่สุด ขณะที่สุนัขคำรามแยกเขี้ยวใส่คุณ กัดคุณ เมื่อแมวส่งเสียงฟู่ๆใส่คุณ และข่วนคุณ

    ต่อไป สะท้อนถึงหลายๆความหมายที่แป็นนัยทั้ง บวกและลบ และประเพณีของ “สุนัข” และ “แมว” ในภาษาอังกฤษและภาษาอื่นๆ (ในภาษาอังกฤษบางคนเรียกหญิงที่ไม่สวยว่า “สุนัข” และหญิงน่ารังเกียจว่า “แมว” “ชีวิตของสุนัข” เป็นขัดหูหนึ่ง แต่ “สุนัขเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์” และคนที่น่ารักเป็นลูกแมว ) ประเพณีไหนที่คุณร็สึกว่าถูก และอันไหนที่รู้สึกว่าผิดรู้สึกผิด
    หารือกับกลุ่มนั้น : สิ่งที่เชื่อมต่อที่มีประสบการณ์ทางกายภาพระหว่างบุคคลและของใช้ของเราเป็นรูปเป็นร่างของคำทั่วไปเช่น “สุนัข” และ “แมว”? อะไรที่เหมือนและความแตกต่างระหว่างประสบการณ์ของคนของเราและประสบการณ์ของสัตว์ (โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงของเรา ) และจะทำความเหมือนและความแตกต่างอย่างไรที่มีผลต่อวิธีที่เราใช้ภาษาได้
    คิดว่าตัวเองเป็นคำต้องห้ามแข็งแกร่งคุณสามารถคิดในภาษาพื้นเมืองของคุณ เอาใจใส่ต่อร่างกายของคุณที่คุณบอกคำให้ตัวเอง นั่นคือ คุณรู้สึกอย่างไร คุณรู้สึกว่าคุณรู้สึกดีหรือไม่ดี เครียดผ่อนคลาย อบอุ่นหรือเย็น ตื่นเต้นหรือกังวล ตอนนี้พูดได้อย่างเงียบ ๆ และดังๆ และชำเลืองมองเพื่อนบ้านของคุณเพื่อดูว่าพวกเขามีปฏิกิริยาอย่างไร ในขณะที่การตรวจสอบปฏิกิริยาของร่างกาย ตอนนี้คิดว่ากำลังพูดกับแม่ของคุณอยู่ พูด100 ครั้ง มันเสียบางส่วนหรือทั้งหมดของกำลัง พลังจะตกไหม
    สุดท้ายจินตนาการสถานการณ์หรือบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่คุณรู้สึกสบายในการใช้คำพูด จำสถานการณ์ที่คุณสอนไม่ใช้ภาษาและผู้คน (หรือกลุ่ม) ที่อยู่ในแต่ละกรณี และคุณรู้สึกอย่างไรเมื่อคุณกระดากอายหรือฟาดสำหรับใช้มัน
    จำสถานการณ์ที่คุณใช้กับเพื่อนหรือพี่น้องและรู้สึกกระด้างกระเดื่อง (ถ้าไม่เคยลองจินตนาการอย่างเช่นสถานการณ์ จินตนาการกล้าและกล้าพอที่จะทำลายการยับยั้งของคุณและบรรทัดฐานทางสังคมที่ควบคุมและทำมันได้ )
    หารือกับกลุ่ม : ทัศนคติของคนอื่น ความคาดหวังและปฏิกิริยาปกครอง “ความหมาย” ของคำสาบานอย่างไร เมื่อเราเปรียบเทียบสาบานคำในภาษาต่างๆเราจะสามารถบอกได้ยังไงว่าอันไหนที่ “เข้มข้น” และอันไหนที่ “ไม่กระชับ”
    คิดคำหรือวลีในภาษาแม่ของคุณที่ครูของคุณสอนคุณพิจารณา “ต่ำ” “ต่ำกว่ามาตรฐาน” “ไวยากรณ์แย่” ฯลฯ และพูดออกมาดังๆกับคนที่อยู่ถัดไปจากคุณ แล้วตรวจดูการตอบสนองของร่างกาย มันรู้สึกดี ไม่ดี อบอุ่น ไม่สบายใจ หรือว่าอะไร? ถัดไปพยายามจะให้ตัวเองในกรอบของความคิดที่คุณภูมิใจคำหรือวลีที่ใช้จะรวมถึงคุณในความอบอุ่น และการต้อนรับจากสังคม สุดท้าย รู้สึกขัดแย้งขึ้นในร่างกายของคุณระหว่างชุมชนที่ต้องการให้คุณใช้คำและวลีที่ต้องการและชุมชนที่ปฏิเสธมัน

    อภิปรายกันในกลุ่ม ว่าการมีขอบเขตระหว่างชั้นมาตรฐานและไม่เป็นมาตรฐาน (ภูมิภาค เชื้อชาติ เพศ อายุ) ภาษาถิ่นที่ควบคุมโดยบุคคลและกลุ่มคนเป็นอย่างไร บุคคลและกลุ่มต่อต้านรักษาควบคุมอย่างไร ประสิทธิภาพความต้านทานของพวกเขาเป็นอย่างไร
    สนทนาสั้นๆกับเพื่อนบ้านของคุณในรูปแบบที่ขาดบางคำพูดไป เหมือนคำพูดเด็กหรือชาวต่างชาติฯลฯ และพยายามจะให้ตัวเองอยู่ในร่างกายของผู้พูด หรือพยายามรู้สึกว่ามันยากลำบากในการบอกถึงตัวเองโดยไม่มั่นใจในตัวเอง คล่องแคล่วง่าย ขณะที่คุณกำลังพูดภาษานั้นยังรู้สึกขัดแย้งระหว่างความต้องการของคุณที่จะพูดภาษาของคุณ “ถูก” และการส่งเสริมการฝึกนี้จะพูดว่า “ผิด”

  21. Assama Temaji says:

    Page 52 chapter 3

    การแสดงตัวอย่างแทนการจำสามารถช่วยให้ผู้แปล กำหนดคำที่จะหาในดิคชันนารี ; ขั้นตอนการจำสามารถช่วยฝให้ผู้แปลใช้คำให้เป็นประโยชน์ในการแปลได้ การแสดงตัวอย่างสามารถจะช่วยนักเรียนในการถอดแบบได้
    กฎของการแปลในการสอบ; ขั้นตอนการจำจะช่วยให้นักศึกษาใช้กฎเหล่านี้ในการแปลฉบับจริง
    ในขณะที่รูปแบบของการจำทั้งสองนั้นจำเป็นสำหรับการแปล ความสำคัญของมันก็คือการเปรียบเทียบแบบพิเศษ,ขั้นตอนการจำจะมีประโยชน์มากเมื่อหลายๆสิ่งเป็นไปในทางที่ดี : เมื่อต้นฉบับเป็นเหตุเป็นผลกัน ,คำศัพท์ถูกต้องตามหลักไวยกรณ์; เมื่องานที่แปลเด่นชัดดี , จุดประสงค์และเป้าหมายของมันก็เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจได้อย่างชัดเจน ; เมื่อผู้เรียบเรียง หรือ ผู้ใช้ หรือ นักวิจารณ์ คนใดคนหนึ่ง ชอบในงานแปลหรือไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ในการแสดงตัวอย่างแทนการจำจะมีประโยชน์น้อยเมื่อบางอย่างเป็นไปในทางที่ไม่ค่อยดีนัก : เมื่อนักเขียนตระหนักถึงกฎไวยกรณ์และความแตกต่างที่ดี , เมื่อผู้รับผิดชอบงานแปล แปลงานอย่างคลุมเครือ และไม่มีทางเสร็จสิ้น จนกว่านักแปลจะเกลี้ยกล่อมให้เขาหรือเธอว่าถ้าเขามีความมุ่งมั่นงานก็จะสำเร็จได้ ; เมื่อกฎ,ความสม่ำเสมอ,แบบแผน และทฤษฎี จะต้องทำตามอย่างละเอียด คนที่มีความรู้ จะดูรู้ว่าบางทีมันอาจจะดูเหมือนเป็นงานแปลที่แย่มาก แต่จริงๆแล้วมันก็เป็นงานที่ดีอันหนึ่ง
    ใส่ข้อตกลงต่างๆเพื่อใช้ในส่วนที่เหลือของหนังสือเล่มนี้ : ขั้นตอนการจำ เป็นหนึ่งในแนวทางที่จะกระตุ้นนักแปลได้ ; การแสดงตัวอย่างแทนการจำเป็นแนวทางที่นักแปลต้องตระหนักถึง,ขั้นตอนในการจำช่วยให้นักแปลแปลได้อย่างรวดเร็ว;การแสดงตัวอย่างมักจะถูกใช้เมื่อการรับรู้มีปัญหา เมื่อการแปลอย่างเร่งด่วนทำไม่ได้ หรือไม่เหมาะสม
    สติปัญญา และ กรใช้อารมณ์
    นักวิทยาศาสตร์ ได้เขียนความแตกต่างของระบบประสาทด้านการจำ ผ่านทางระบบ hippocampus , การบันทึกความจริงหรืออื่นๆผ่านทางระบบ amygdale , บันทึกเกี่ยวกับความเป็นจริง คือ Goleman
    ถ้าคุณพยายามที่จะขับรถผ่านไปบนถนนสองเลนส์บนไฮเวย์และมันก็แคบจนเกือบจะเกิดการชนกันได้,The hippocampus จะจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะ : เราจะไปทางถนนที่กว้างกว่านี้ ,รถคันอื่นๆดูเป็นอย่างไร , แต่ Amygdala จะมีความกังวลและคิดว่าเราเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้หรือเปล่า เหมือนอย่างที่ Joseph LeDoux นักวิทยาศาสตร์ของ มหาวิทยาลัย New York เพิ่มเติมไว้ว่า “ The hippocampus จะให้ความสำคัญและจดจำหน้าญาติของคุณได้ แต่ Amygdala จะเพิ่มเติมในส่วนที่ว่า คุณไม่ชอบเธอเลย”
    บันทึกเพิ่มเติมส่วนหนึ่งคือ Amygdala arousal “ความทรงจำของอารมณ์” ที่จะต้องเรียนรู้ นี้คือเหตุผลว่าทำไมเรามักจะจำสิ่งที่เราใส่ใจได้ง่ายๆ,ทำไมสิ่งที่เราชอบ(หรือเคยไม่ชอบ) มักจะคงอยู่ในความทรงจำได้มากกว่าสิ่งที่เราไม่ใส่ใจ ความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตของคนเรามักจะเป็นสิ่งที่มีผลกับอารมณ์ของเรามากๆ : จูบแรก ,วันแต่งงาน , วันที่ลูกเกิด,และเหตุการณ์ตื่นเต้นต่างๆหรือเหตุการ์ร้ายๆที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเรา

  22. Assama Temaji says:

    นางสาวอัสมา เต็มใจ 3-1 (51501030013-2)
    Page 52 chapter 3

    การแสดงตัวอย่างแทนการจำสามารถช่วยให้ผู้แปล กำหนดคำที่จะหาในดิคชันนารี ; ขั้นตอนการจำสามารถช่วยฝให้ผู้แปลใช้คำให้เป็นประโยชน์ในการแปลได้ การแสดงตัวอย่างสามารถจะช่วยนักเรียนในการถอดแบบได้
    กฎของการแปลในการสอบ; ขั้นตอนการจำจะช่วยให้นักศึกษาใช้กฎเหล่านี้ในการแปลฉบับจริง
    ในขณะที่รูปแบบของการจำทั้งสองนั้นจำเป็นสำหรับการแปล ความสำคัญของมันก็คือการเปรียบเทียบแบบพิเศษ,ขั้นตอนการจำจะมีประโยชน์มากเมื่อหลายๆสิ่งเป็นไปในทางที่ดี : เมื่อต้นฉบับเป็นเหตุเป็นผลกัน ,คำศัพท์ถูกต้องตามหลักไวยกรณ์; เมื่องานที่แปลเด่นชัดดี , จุดประสงค์และเป้าหมายของมันก็เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจได้อย่างชัดเจน ; เมื่อผู้เรียบเรียง หรือ ผู้ใช้ หรือ นักวิจารณ์ คนใดคนหนึ่ง ชอบในงานแปลหรือไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ในการแสดงตัวอย่างแทนการจำจะมีประโยชน์น้อยเมื่อบางอย่างเป็นไปในทางที่ไม่ค่อยดีนัก : เมื่อนักเขียนตระหนักถึงกฎไวยกรณ์และความแตกต่างที่ดี , เมื่อผู้รับผิดชอบงานแปล แปลงานอย่างคลุมเครือ และไม่มีทางเสร็จสิ้น จนกว่านักแปลจะเกลี้ยกล่อมให้เขาหรือเธอว่าถ้าเขามีความมุ่งมั่นงานก็จะสำเร็จได้ ; เมื่อกฎ,ความสม่ำเสมอ,แบบแผน และทฤษฎี จะต้องทำตามอย่างละเอียด คนที่มีความรู้ จะดูรู้ว่าบางทีมันอาจจะดูเหมือนเป็นงานแปลที่แย่มาก แต่จริงๆแล้วมันก็เป็นงานที่ดีอันหนึ่ง
    ใส่ข้อตกลงต่างๆเพื่อใช้ในส่วนที่เหลือของหนังสือเล่มนี้ : ขั้นตอนการจำ เป็นหนึ่งในแนวทางที่จะกระตุ้นนักแปลได้ ; การแสดงตัวอย่างแทนการจำเป็นแนวทางที่นักแปลต้องตระหนักถึง,ขั้นตอนในการจำช่วยให้นักแปลแปลได้อย่างรวดเร็ว;การแสดงตัวอย่างมักจะถูกใช้เมื่อการรับรู้มีปัญหา เมื่อการแปลอย่างเร่งด่วนทำไม่ได้ หรือไม่เหมาะสม
    สติปัญญา และ กรใช้อารมณ์
    นักวิทยาศาสตร์ ได้เขียนความแตกต่างของระบบประสาทด้านการจำ ผ่านทางระบบ hippocampus , การบันทึกความจริงหรืออื่นๆผ่านทางระบบ amygdale , บันทึกเกี่ยวกับความเป็นจริง คือ Goleman
    ถ้าคุณพยายามที่จะขับรถผ่านไปบนถนนสองเลนส์บนไฮเวย์และมันก็แคบจนเกือบจะเกิดการชนกันได้,The hippocampus จะจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะ : เราจะไปทางถนนที่กว้างกว่านี้ ,รถคันอื่นๆดูเป็นอย่างไร , แต่ Amygdala จะมีความกังวลและคิดว่าเราเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้หรือเปล่า เหมือนอย่างที่ Joseph LeDoux นักวิทยาศาสตร์ของ มหาวิทยาลัย New York เพิ่มเติมไว้ว่า “ The hippocampus จะให้ความสำคัญและจดจำหน้าญาติของคุณได้ แต่ Amygdala จะเพิ่มเติมในส่วนที่ว่า คุณไม่ชอบเธอเลย”
    บันทึกเพิ่มเติมส่วนหนึ่งคือ Amygdala arousal “ความทรงจำของอารมณ์” ที่จะต้องเรียนรู้ นี้คือเหตุผลว่าทำไมเรามักจะจำสิ่งที่เราใส่ใจได้ง่ายๆ,ทำไมสิ่งที่เราชอบ(หรือเคยไม่ชอบ) มักจะคงอยู่ในความทรงจำได้มากกว่าสิ่งที่เราไม่ใส่ใจ ความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตของคนเรามักจะเป็นสิ่งที่มีผลกับอารมณ์ของเรามากๆ : จูบแรก ,วันแต่งงาน , วันที่ลูกเกิด,และเหตุการณ์ตื่นเต้นต่างๆหรือเหตุการ์ร้ายๆที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเรา

  23. Panuruk Seesuay says:

    นายภานุรักษ์ สีสวย หน้า 74-76 Chapter 3
    ผู้เรียนสามารถวิเคราะห์และส่งผลต่องานที่แปล (และสนับสนุน) งานให้ใช้เวลาในการคิดว่าสิ่งที่คิดอย่างระมัดระวังก่อนดำเนินการ เรียงลำดับสถานการณ์ของบริษัทที่วิศวกรและช่างเทคนิคและ บรรณาธิการ ที่มีความต้องการด้านความเร็ว และไม่ค่อนสนใจมากเกี่ยวกับลักษณะหรือผลกระทบต่อสำนวนในภาษา การใช้ภาษาหรือผู้ใช้ “ภาพใหญ่” พิจารณาจะทำให้ นักแปลวิเคราะห์ สะท้อนความกังวลมาก ถ้าที่ดินนั้นคืองาน พวกเขาจะไม่มีเวลานานนัก ไม่นานพวกเขาอาจจะรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน ในหน่วยงานการแปลที่แม้ว่าความเร็วเป็นสิ่งสำคัญ, ความเก่ง, ความเชื่อถือได้ของผู้ฝีมือคือสิ่งทีเท่าเทียมหรือมากกว่าความสำคัญ การวิเคราะห์ผลกระทบต่อผู้แปลน่าจะเหมาะสมกว่าการทำงานแบบอิสระ เนื่องจากการทำงานที่บ้านจะช่วยให้พวกเขามีเตรียมในงานของตนเองและอะไรก็ตามก่อนการแปล ในการวิเคราะห์ใจความและในการค้นหาข้อมูลพื้นฐาน พวกเขารู้สึกถึงความจำเป็นในการเป็นมืออาชีพที่มีคุณภาพในการทำงาน เพราะว่าพวกเขาจะทำงานช้ากว่าการทดลองแรงกระตุ้นของผู้แปล พวกเขาจะต้องวางในเรื่องของเวลาว่าทำงานชั่วโมงได้เงินเท่าไหร่ แต่พวกเข้าจะได้รับความไว้วางใจและความเคารพของลูกค้าและหน่วยงาน สำหรับผู้ที่ทำงาน เนื่องจากการแปลที่พวกเขาแปลไม่ค่อยจะต้องแก้ไขอะไรเพิ่มเติม
    การสนทนา
    แม้ว่าอุปกรณ์เกี่ยวกับวิชาว่าด้วยความจำที่เกี่ยวข้องกับการมองเห็น การแสดงออกและความชอบเป็นอีกช่องทางที่ทำให้การจดจำบันทึก มีประสิทธิภาพกว่ามาก “สติปัญญา” หรือ วิธีการวิเคราะห์ เป็นวิธีการที่เหมาะสมกับกิจกรรมดังกล่าวในชั้นเรียนมหาวิทยาลัยหรือไม่ ในสิ่งที่เป็นวิธีการเกี่ยวกับการตั้งสมมติฐานเงียบเรื่อง “ความสมควร” กิจกรรมที่เหมาะสมควบคุมโดยความทรงจำกระบวนการ “การปฏิบัติการความจำ” จากชั้นก่อนหน้านี้ในมหาวิทยาลัยและก่อนหรือไม่ การอภิปรายเกี่ยวกับผลกระทบของหน่วยความจำกระบวนการที่นักเรียนและครู ผลการศึกษาแสดงความเต็มใจที่จะลองสิ่งใหม่เข้าสู่ประสบการณ์ใหม่ และใช้กับการแปลการสอน
    อะไรเป็นความทรงจำบางกระบวนการที่ได้ช่วยให้คุณแปล พวกเขาได้รับมาอย่างไร ทำงานยังไง ขณะที่ใครบางคนทำงานไม่เสร็จ อย่างไรที่ถึงจะต้องปรับปรุง เพียงวิธีที่เป็นประโยชน์ต่อนักแปลความรู้เกี่ยวกับการเรียนรู้แบบที่นำเสนอในบทนี้หรือไม่ ไม่ใช่เพียงแค่เป็นผลหรือมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อ ”ชอบ” สิ่งที่ไม่รู้ว่าคืออะไร
    สิ่งที่ไม่เท่ากันตามลำดับ / นำเสนอการวิเคราะห์รูปแบบการเรียนรู้ในบทนี้ บิดเบือนความซับซ้อนของการเรียนรู้ของมนุษย์หรือไม่ อะไรจะเป็นสิงที่ครอบคลุมทั้งหมด/ ของบริบท / สัญชาตญาณของวิธีคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้รูปแบบ ในขณะที่หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนเพื่อดึงดูดเป็นประเภทต่างๆของผู้เรียนมากที่สุด แต่หนังสือย่อมสะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบการเรียนรู้ของผู้เขียนในหลายวิธี ยกตัวอย่าง “ภายใต้ความสัมพันธ์การกระตุ้นของผู้เรียน” ข้างต้นนี้ ความสัมพันธ์ของผู้เรียนได้พูดถึง “คนที่สนใจ”และ ‘คนที่ทำงาน’ ในบทที่ 6 และ 7 ของหนังสือเล่มนี้ จะเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เรียนประเภทนี้” บทที่ยืนยันว่าความสัมพันธ์ที่กระตุ้นด้วย (หรือคนตะวันออก) การเรียนรู้มีประสิทธิภาพกว่าเนื้อหาการขับเคลื่อนการเรียนรู้เพียงเพราะว่าเป็นวิธีการที่ผู้เขียนรู้ดีที่สุด การพิจารณาหัวข้อที่ 4 แนะนำถึงสื่อการเรียนในแบบต่างๆในบท แบบฝึกหัดที่ 4 ด้านล่างจะอ้างอิงภายนอกและการวิเคราะห์ไตร่ตรองต่อไปยังผู้เรียน แบบฝึกหัดที่ 5-7 ภายในอ้างอิงเพื่อการทดลองใช้งานอย่างง่าย อย่างไรคือวิธีเริ่มเรื่องการจำกัดประสิทธิภาพของหนังสือเล่มนี้ สิ่งใดที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในหนังสือเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สิ่งใดที่หนังสือจะต้องการ หากใช้การเพิ่มเติมรูปแบบในการเรียนรู้ของคุณ
    ประเภทใดของครูและรูปแบบการสอนที่ดึงดูดคุณมากที่สุด ทำไม คิดจากตัวอย่างที่ผ่านมาจากประสบการณ์ของคุณ อะไรสามารถทำให้นักเรียน (ปราศจากความโกรธของครู) เพื่อมีชีวิตชีวาขึ้นจากชั้นเรียนที่น่าเบื่อ พิจารณาเกี่ยวกับเทคนิคบางอย่างที่ทำให้ตัวเองทำงานอย่างแข็งขันมากขึ้นในเรื่องนี้
    แบบฝึกหัด
    สำรวจความแตกต่างระหว่างแสดงความจดจำ และวิธีปฏิบัติการจดจำโดยในเรื่องของการมีสติในการแปลความหมายในคำใหม่ในการจดจำระยะยาว การเปิดดิกชันนารีในคำที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อนและได้ศึกษาและบันทึกในการจำ สักสองสามนาที แล้วคิดอีกครั้งในตัวคุณเอง เพื่อทบทวนว่าในใจของคุณหรือมีสิ่งที่ดังออกมาก หรือบนกระดาษ นั้นคือสิ่งที่คุณได้เรียนรู้
    ตอนนี้เปรียบเทียบกับความจำที่ “กระบวนการ” ความจำของคุณ ที่มีวิธีการออกจากบ้านไปโรงเรียน หรือมีวิธีการแปล
    ”มีวิธีอย่างไรบ้างที่จากบ้านไปโรงเรียน” เป็นภาษาอื่น อะไรคือส่วนที่แตกต่างระหว่างประโยคนั้น
    ทำงานกับคนอื่นๆ 2-3 คนในการแปลแต่ละประโยคจาก Gallagher (1997:129) ในภาษาอื่นๆ “เหตุผลหนึ่งที่เราทำงานอย่างหนักเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมของเราคาดการณ์ไว้ คือเราพึ่งพาพวกเขาเพื่อช่วยให้เราทำต่ออย่างราบรื่นจากบทบาทบทบาทตลอดทั้งวัน” ขณะนี้การศึกษาเกี่ยวกับการแปลแบบดั้งเดิม และพยายามคิดค้นหลักการ หรือ “กฎ” ของความเกี่ยวข้องที่อาจช่วยให้คุณแปลได้เหมือนกันได้ง่ายขึ้นในครั้งต่อไป (ยกตัวอย่างเช่น การทำงานอย่างหนักเพื่อรักษา และพึ่งพาพวกเขาเพื่อช่วยเหลือ แสดงถึงเป้าหมายของโครงสร้างประโยคเดียวกันของภาษา อะไรคือสิ่งที่จำเป็นในคำเพื่อให้จุดมุ่งหมายของข้อความเสียงเป็นธรรมชาติ Segue เป็นคำที่มาจากเพลง คือสิ่งที่มีเหมือนกันแน่นอนในจุดมุ่งหมายภาษาของคุณ ถ้าไม่งั้น อะไรคือวิธีบันทึกในสิ่งที่คุณต้องทำเพื่อทำงานใช่ไหม ฯลฯ ) หากบรรยายในแง่ของประสบการณ์ของท่าน — เสียงของคำ สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ หรือที่คุณเคยได้ยิน หรือว่าคำหรือโครงสร้าง — เพื่อ”ปรับ”กฎหรือหลักการ และเพื่อให้เกิดความทรงจำแก่คุณ การบันทึกและหารือกับสมาชิกอื่น ๆ ในกลุ่มของคุณ ซึ่งเกี่ยวข้องกับ “ปัญหา” สำหรับสิ่งใดก็ตามในการโต้แย้งหรือขัดแย้งกับผู้ที่เสนอโดยสมาชิกของกลุ่มอื่นๆ โดยการเลือกกระบวนการเทคนิคแบบง่ายๆ (ทำรองเท้าจากเปลือกส้ม หรือ การใช้ดามแปรงสีฟันทำเตียง) และจัดการประกวดหรือการสอน บุคคลมีความแตกต่างกันจึงมีหลายวิธีในการสอนพวกเขา เช่น การบรรยาย งานจับกลุ่มทำงาน การลงมือทำการบ้าน หรือการแปลคำอธิบายเขียนของกระบวนการแปลงบทละคร ฯลฯ ) และโหวตชั้นเรียนที่มีซึ่งประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งมาในที่สองและที่สาม ตามลำดับ
    ดังนั้น การที่ต้องคุณครูมากกว่าอีกหนึ่งคน เพราะว่าพวกเขาเรียนรู้มากมายจากเธอและเขา หรือเพียงเพราะว่า เธอตลก และว่าทั้งสองสิ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นในความขัดแย้ง
    ตอบคำถามต่อไปนี้เกี่ยวกับประเภทการ (มองเห็น,เสียง, การเคลื่อนไหว) โดยวงกลมสองตัวที่เหมาะสมที่สุดในแบบของคุณ ยกตัวอย่างเช่น หากในคำถามเฉพาะภาพและเสียง คำตอบของคุณดูเหมือนจะอธิบายพฤติกรรมที่ปกติ ก็วาดวงกลมที่ตัว V และวงกลมที่ตัว A หากเพียงหนึ่งคำตอบตรงกับแบบของคุณ ก็วาดวงกลมสองรอบที่ตัวอักษรเหมือนกัน เมื่อคุณทำเสร็จตากการทดสอบ เพิ่มขึ้นตามจำนวน Vs, As, และ Ks และเปรียบเทียบ (Based loosely on Rose 1987:147–9.)
    เมื่อคุณพยายามที่จะเห็นภาพบางสิ่งที่ไม่ก่อเกิดในจิตใจของคุณ
    (a) V ภาพที่ซับซ้อนและรายละเอียด
    A เสียง
    K มัว ภาพไม่ชัดใจในการเคลื่อนไหว
    เมื่อไรที่คุณโกรธ คุณจะทำอะไร
    (b) V อดกลั้น เงียบ ต่อความโกรธปราบปราม
    A โห่ร้องและกรี๊ด
    K เหยียบรอบๆ แตะและขว้างสิ่งของที่อยู่ใกล้
    เมื่อคุณเบื่อ คุณจะทำอย่างไร
    (c) V ขยุกขยิก
    A คุยกับตัวคุณเอง
    K เดินไปมา อยู่ไม่สุข
    เมื่อไหร่ที่คุณจะบอกสิ่งใดสักอย่างกับเพื่อน คุณค่อนข้างจะ?
    (d) V เขียนโน้ต จดหมาย แฟกซ์ หรือ e-mail ข้อความ
    A คุยกับเขาหรือเธอทางโทรศัพท์
    K เดินไปหาทั้งเขาและเธอ
    เมื่อไหร่ที่คุณพยายามจำเบอร์โทรศัพท์ คุณจะทำ
    (e) V จำหมายเลขไว้ในหัว
    A พูดเสียงดังให้ตัวคุณ
    K กดโทรหรือจดไว้ตามนิ้ว

  24. Taiki Momiki says:

    นายไทอิกิ โมมิกิ หน้า66-68 Chapter 3
    Kinesthetic
    ผู้เรียนแบบ Kinestheticเรียนได้ดีที่สุดจากการได้ลงมือทำ อย่างที่แนะนำชื่อ คะแนนของพวกเขาสูงในความฉลาดในตัวแบบ Kinesthetic พวกเขาชอบวิธีที่การเรียนที่กระโดดเข้าไปข้างในนั้นโดยปราศจากซึ่งความรู้ และทำอย่างไรถึงจะรู้จะเห็นหน้าตาของมันจากการจัดการการกระทำพวกนั้น เครื่องจักใหม่ถูกซื้อ ผู้ที่เรียนจากการมองก็จะเปิดคู่มือของตนเพื่อดูรูปภาพต่างๆ ผู้เรียนจากการฟังจะอ่านวิธีใช้ในภาษาของตน พวกเขามั่กจะเปลี่ยนความหมายของคำพูดนั้นๆให้ตนเข้าใจได้อย่างดีเป็นประจำแต่หากถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยพวกเขาก็จะตามช่าง ผู้เรียนแบบ Kinesthetic จะเสียบปลั๊กและเริ่มลงมือลุยด้วยตนเองกับปุ่มต่างๆมากมาย ผู้เรียนแบบ Kinesthetic มั่กกจะพูดน้อยแต่จะลงมือทำมากกว่า พวกเขาจะสำผัสถึงความรู้สึกและมั่กจะรู้สึกถึงบางสิ่งที่พวกเขาได้เข้าถึงเป็นประจำ แต่พวกเขาสามารถรู้สึกอย่างชัดเจนได้น้อย และมั่กจะเข้าใจรูปภาพใหญ่ๆได้น้อย(ผู้เรียนจากการมอง) หรือคิดที่จะมองทะลุผ่านบางอย่างโดย
    สรุบได้อย่างถูกต้องอีกด้วย(ผู้เรียนจากการฟัง)

    (แต่จำได้หรือป่าว นั้นเราเรียนมาหมดแล้วในความแตกต่างหลายๆแบบ) พวกเราเป็นทั้งแบบผู้เรียนโดยการมอง ผู้เรียนจากการฟัง และผูเรียนแบบ Kinesthetic แต่ในหมวดที่เราเรียนนี้เป็นวิธีที่จะบรรยาย จุดประสงค์ และ ความพอใจ ในความซับซ้อนของส่วนต่างๆในแบบที่ทับกันอย่างที่เราเห็นมาก่อน คุณควรจะยอมรับในตัวคุณในวิธีทางเล็กๆในแบบทุกๆอย่างในรายการนี้

    ผู้เรียนแบบรับรู้ด้วยการสำผัสแบบ Kinesthetic จะเป็นต้อง ถือของในมือของพวกเขา จำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับร่างกายของตนเป็นประจำ เกี่ยวกับการสำผัสและการเคลื่อนไหว พวกเขาเป็นหนึ่งในผ็ที่ต้องคอยเตือนเป็นประจำว่าอย่าไปแตะต้องอะไรในพิพิธพันธ์ พวกเขาทนไม่ไหวที่จะยืนดูเฉยๆอยู่ไกลๆ และทนฟังเสียงพูดพึ่มพำของไกด์ที่บรรยายถึงสิ่งๆนั้น พวกเขาต้องการที่จะสำผัส ผู้เรียนแบบรับรู้ด้วยการสำผัสภาษาขแบบKinesthetic จะเรียนได้ดีที่สุดที่ต่างประเทศ และในห้องเรียนที่มีการแสดงแบบสมจริง ทั้งล้อเรียนและบทสนทนา และรวมถึงความเหมือนต่างๆ พวกเขาหาวิธีที่จะเรียนร็ได้ง่ายที่สุดจากวลีนี้ “เปิดหน้าต่าง” ถ้าพวกเขาเดินไปที่หน้าต่างและพูดในขณะที่เปิดหน้าต่างอยู่ ในจำนวนนักเรียนแบบรับรู้ด้วยการสำผัสแบบ Kinesthetic ส่วนใหญจะไม่สนใจในอุปกรณ์หรือห้องเรียนในแบบเก่าๆ ต่างจากการเรียนจากการฟังและการดู(และคาดว่าประมาณร้อยละ15ในผู้ใหญ่จะเรียนได้ดีที่สุดจากการสำผัส) นักแปลหรือล่ามในแบบ Kinesthtic จะรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของภาษในขณะที่แปลได้มันอยู่ในภาษาต่างๆ อย่างที่จังหวะและเสียงมันจำเป็นและทำให้ผู้เรียนจากการฟังนั้นตื่นเต้นได้ แต่พวกเขาจะรู้สึกถึงจินตนาการอย่าง คลื่นหรือ การไหลทะลักของแม่น้ำในภาษามากมายจากหนึ่งภาษาไปยังภาษาอื่นๆ เหมือนกับการชนหรือความโค้งในถนน (อ้างอิงจาก Robbinson 1991:104-9) พวกเขาจะมองเห็นอย่างที่ข้อความที่แปลโดยพวกเขาเอง พวกเขามีแรงผลักดันของเขาเอง พวกเขาออกจากกลุ่มของผู้คนหรือ หน้าขางในร่างกาย และออกผ่านจากปากพวกเขา หรือนิ้วที่มีพลัง นักแปลหรือล่าม จะรู้สึกถึง การนำทางหรือ ช่องทาง การไหลเหมือนกับการจัดการในภาษาเป้าหมาย เท่ากับที่มาของภาษาคำศัพท์และบทวลี ปะญหาจากคำศัพท์หรือวลีนั้นจะทำให้หยุดหรือขัดขวางการไหล เปลือนๆกับคอขวดหรือ ที่เต็มไปด้วยหินเล็กน้อยเมื่อปัญหาพวกนี้ได้เกิดขึ้นนักแปลหรือล่ามในแบบ KinesthticจะเปิดDictionaries หรือหาคำเหมือนในมือของเขาได้ดี แต่ในความตื่นเต้นขั้นพื้นฐานคือหนึ่งในการพยายามเริ่มต้นการไหลใหม่ การวิเคราะห์จัดการ นั้นจะช่วยให้นักแปลนั้นตัดสินใจในธรรมชาติของภาษา ปัญหาและการพัฒนาของภาษาเป้าหมาย วิธีการแก้ปัญหานั้นสำคัญที่จะเป็นนักแปลหรือล่ามในแบบ Kinesthtic มาก แต่ในการประมวลผลแบบนี้นั้นมั้กจะเข้าสู้ถึงแก่นแท้ของภาษามากกว่าผู้เรียนจากการดูและฟัง และดูเหมือนว่าปัญหาเหล่านั้นจะหายไป หรือวิธีแก้ปัญหาต่างๆจะเข้ามาสู่พวกเขาจากที่มาต่างๆจากข้างนอก เมื่อพวกเขาทำให้มองเห็นคำศัพท์หรือวลีโดยตนเอง พวกเขาจะจัดการจับและเคลื่อนไหวพวกมัน พวกเขาสามารถจินตนาการว่ามือพวกเขานั้นสำผัสถึง หยิบขึ้นมา หมุน ยก หรือควบคุมได้ พวกเขารู้สึก ตัวของพวกเขานั้นขยัยและหมุนไปรอบๆได้
    ผู้เรียนในแบบ Kinesthtic จากภายใน จะใช้ความรู้สึกของตน หรือประสบการณ์ ไว้กลั่นกลองว่าทำไมถึงต้องเรียน สิ่งของหรือ ความคิดนั้นๆ “รู้สึกดี” หรือให้กับผู้เรียน ได้ดีและง่าย

    นักแปลที่ภาษาของพื้นเมืองคือภาษาอังกฤษ แต่เขาซึ่งอยู่ในประเทศฟินแลนด์มาหลายปี กำลังนั่งอยู่ในบ้านที่ อิลินอย และกำลังแปลคู่มือของเลื่อยยนต์ จากภาษาอังกฤษให้เสร็จ ในขณะที่เขากำลังแปลอยู่ จิตใต้สำนึกเขาได้สร้างความเข้าใจในใจเขาในชิวิตในฟินแลนด์ของเขา ความจำในการตัดต้นไม้ด้วยลื่อยยนต์ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงหน้าร้อนนี้ที่อิลินอย เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นในหัวของเขาในฤดูหนาว เขารู้สึกได้ถึงหิมะ ได้รองเท้าเขา ความตื่นเต้นในถุงมือ และหิมะที่ต้นไม้ เขาอยู่กับเพื่อนผู้ชายหรืลูกพี่ลูกอพี่น้องเจ้าของเลื่อยยนต์นั้น ผู้ซึ่งขอให้เขาช่วยตัดต้นไม้ (พ่อเขาได้สอนวิธีการใช้ให้แล้วเมื่ออยู่ที่ วอชิงตัน อย่างไรก็ตามเข้าได้แปลมันใน Finnish) ในจิตใต้สำนึกเขาได้สร้างความจำเกี่ยวกํบเลื่อยยนต์ใหม่อีกรอบ เขาสามารถรู้สึกถึงน้ำหนักของเลื่อยยนต์ เอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมจะเริ่มทำงาน เขาเริ่มใช้การกดไก และใบเลื่อยผ่านต้นไม้ที่โยกไหวอยู่ เขาสามารถเห็นเพื่อนเขา หรือลูกพี่ลูกน้องกับใบเลื่อยที่ยื่นออกมา ความคมของใบเลื่อย “เหมือนฝันกลางวัน” เงียบไปชั่วขณะหนึ่งและเกือบจะทั้งหมด Kinesthetic เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว และสำผัสมากกว่า ลายละเอียดจากการดู แต่ช่างน่าอัศจรรย์ ความเชี่ยวชานในส่วนของเครื่องมือ ไก,คันโยก,ที่จับ,และที่ป้องกัน,ใบเลื่อย เข้ามาสู่เขาในขณะนี้ ไม่ใช้พวกเขาทั้งหมด เขาใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ ในการส่งแฟกซ์แล้วการโทรหาเพื่อนในฟินแลนด์ ผู้ที่ช่วยเขาหาในคำศัพท์ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ศัพท์นั้นเขาไม่ได้ยินมาเป็นเวลาถึงเจ็ด แปด ปี ในบางคำนั้นได้ยินเพียงหนึ่งถึงสองครั้งซึ่งมาจากเขาในความฝันกลางวัน

    ในการเรียน ในทางตรงกันข้ามหรือน่าสงสัย การตอบสนองของความกล้าหาญจะสร้างความเป็นไปได้อย่างแท้จริง เพื่อเก็บและเปิดใจ การจะนำเสนอที่มีมากกว่าที่ตัวมันมีนั้นสำคัญมาก ความราบรื่น หรือ อย่างคร่าวๆ ความง่ายหรือความงุ่มง่าม ความอ่อนน้อมหรือเร่งรีบ ความแปร่งปรั่งหรือประดับด้วยอารมณ์ความหรูหร่าบนเนื้อผ้า ผู้เรียนภาษา Kinesthetic จากภายในเป็นผู้ที่มีพลังมากเกี่ยวกับอารมณ์ของภาษาที่ง่ายต่อการเบื่อหน่ายโดยการประดิษฐ์ประดอยขึ้นจากอาจรย์ผู้สอน โดยนักเรียนและผู้พูดสำเนียงภาษาจากเทป ผู้ที่ทำงานหนักเพื่อสร้างมันขึ้นมาเพื่อให้มันไม่เป็นธรรมชาติให้กับผู้ฟังต่างชาติ มันเป็นสิ่งสำคัญที่น่าสนใจสำหรับเขา เช่นในประโยค John is late เป็นการสร้างเกี่ยวกับอารมณ์ กับ ความโกรธ หรือความขุ่นเขือง กับความเศร้าหรือยอมจำนน กับความลับที่จะมุ่งร้าย และประโยคนั้นจะร็สึกถึงความสำคัญ แตกต่างในความไว้วางใจของพวกเขา ถ้าพวกเขาพูดหรือเปร่งเสียงออกมา ในเสียงปกติในห้องเรียนหรือในเทป มันจะดูไม่เหมือนภาษาทั้งหมด ดังนั้น ในเหตุผลของผู้เรียนจาภษาต่างชาติได้ดีที่ในประเทศนั้นๆ หรือจากคนรัก หรือจากเพื่อนสนิท ผู้ที่พูดสำเนียงนั้นๆ หรือในห้องเรียนที่ผู้เรียนได้แสดงถึงบทบาทของภาษาที่เรียนผ่านร่างกายของตนอย่างสมบูรณ์ (นี่คือแบบที่ผู้เรียนภาษารักที่จะหัวเราะผู้ที่ทำผิดพลาด) สันญานของผู้ที่หัวเราะไม่เพียงแต่เป็นขอผิดพลาดของมันเองแต่รวมถึงพูดอย่างไรได้อย่างเจ้าของภาษาพูดรู้สึกเกี่ยวกับข้อผิดพลาดและ ดังนั้นจึงจัดหาให้บอกถึงวิธีพูดอย่างไรซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก ผู้เรียนภาษา Kinesthetic จากภายใน ซึ่งห่างไกลมากจากการเป็นนักแปลมากกว่าการเป็นล่าม ซึ่งบางครั่งจะไม่ชัดชัดเจนในการใช้ปาก พวกเขาก็เหมือนกันผู้แปลที่สัมผัสถึง Kinesthetic รู้สึกถึงภาษาที่ไหลจากตัวอักษรไปยังภาษาเป้าหมาย โดยใช้พลังจากตัวเขาเอง ซึ่งเรารู้ดีถึงการไหลของผู้ที่แปลโดยสัมผัสถึงภายในภาษา ซึ่งเป้นประสบการณ์ที่น่ายินดี การรู้สึกนั้นพวกเขาต้องการให้มันรุนแรงขึ้นหรือยาวนานมากขึ้น พวกเขาก็เหมือนกัน ทำให้จินตนาการ คำศัพท์ของพวกเขาเองซึ่งสัมผัสและเคลื่อนไหวตลอดเวลา แต่ในภาพของ Kinesthetic ซึ่งเหมือนกับการจิตนาการมากกว่า การเชื่มโดยงใกล้ชิดมากกว่าการรู้สึกกับการประสลการณ์สัมผัสแบบสัมผัสรูปธรรม
    การจัดการ
    ความแตกต่างของผู้เรียนนั้น ขึ้นอยู่กับการจัดการข้อมูล ในความโดดเด่นของความแตกต่างในแต่ละวิธี Jensen(1995a: 136-7) การจัดชนิดของความแตกต่างในรูปแบบการจัดการ ใน4แบบหลักๆได้แก่ Contextualglobal, Sequential-detailed/linear, conceptual, and concrete.

  25. Piyapong Ponggaroon says:

    นายปิยะพงศ์ พงศ์การุณ หน้า77-79 chapter 3
    เมื่อไรที่คุณนึกถึงใครคนหนึ่ง คุณจะจำคนคนนั้นแบบไหน
    V. จำหน้าตา ( แต่มักจะลืมชื่อ )
    A. จำชื่อ ( แต่มักจะลืมหน้า )
    K. จำเหตุการณ์บางอย่างที่เคยทำด้วยกัน
    เมื่อไรที่จะพูดถึง ( อารมณ์ เหตุผล ลักษณะท่าทาง อื่น ๆ )คุณจะพูดถึงอะไร
    V. การแสดงออกทางสีหน้า
    A. โทนเสียง
    K. การเคลื่อนไหว
    เมื่อคุณนึกคำไม่ออก คุณจะ
    V. วาดรูป
    A. พูดอึก ๆ อัก ๆ
    K. แสดงลักษณ์ท่าทาง หรือ เลียนแบบคน ๆ นั้น
    เมื่อไรที่คุณฝัน คุณจะฝันถึง
    V. เห็นภาพที่มีชีวิตชีวา
    A. ได้ยินเสียงอะไรซักอย่าง
    K. ปล่อยตัวให้เคลื่อนไหวไปตามความรู้สึก
    เมื่อคุณนึกถึงเพื่อนซักคนหนึ่ง คุณจะนึกถึงอะไรของเขา และ เธอเป็นอับดับแรก
    V. หน้า
    A. เสียง , น้ำเสียง
    K. ลักษณะ , ท่าเดิน , โทนเสียง

    เมื่อคุณกำลังเรียนหรือสอนในห้องเรียน คุณชอบอะไรที่สุด
    V. สไลด์ , โครงงาน , คอมพิวเตอร์ , ตำราเรียนที่สวยงามเรียบร้อย
    A. คุย ( จด , ปรึกษากัน ,ทบทวน)
    K. ขยับแขนออกกำลังกาย , ความรู้ , การลุกเดิน , การแสดงออก
    เมื่อคุณกำลังเรียนรู้บางสิ่งด้วยตัวเอง อะไรช่วยคุณได้มากที่สุด
    V. ภาพประกอบ
    A. เพื่อนที่คอยอธิบาย
    K. ไม่ต้องการการช่วยเหลือและทำด้วยตัวเอง ถึงแม้จะผิด
    ถ้าสัญญาณเตือนไฟไหม้ดังขึ้น คุจะทำทำอย่างไร
    V. ประเมินสถานการณ์ คิด วางแผน และหาทางหนีไฟ
    A. ตะโกนว่า “ ไฟไหม้ ” และกลัวเหมือนคนบ้า
    K. วิ่งไปที่ทางหนีไฟ และช่วยคนอื่น ๆ
    เมื่อคุณกำลังชมทีวีหรือภาพยนตร์ คุณชอบชมอะไรที่สุด
    V. ท่องเที่ยว , เกี่ยวกับฟิล์ม
    A. เดี่ยว ไมค์. , ข่าว , ตลก , น้ำเน่า
    K. กีฬา , ผจญภัย , โรคจิต
    เมื่อคุณอ่านนวนิยาย หรือ หรือชมภาพยนตร์ ฉากไหนที่คุณชอบที่สุด
    V. การพรรณนา (นวนิยาย) , หรือแนะนำบทบาท
    A. การสนทนาระหว่างตัวละคร
    K. ตอนแสดงกิริยา บทบาท ต่าง ๆ

  26. Thamonlak Luangchuang says:

    หน้า 120
    ความต้องการของลูกค้าคือสิ่งที่ซับซ้อนอย่างสุดขีด (บริษัท หมายถึงบริษัทที่ให้คำปรึกษาหรือตัวแทนการแปล คนผู้นี้คือคนที่คิดอย่างเด่นชัดที่จะทำงานของเธอด้วยตนเอง ถ้าฉันไม่ได้ทำอะไรผิด นั้นก็คือฉัน
    อีว่า
    ***
    สวัสดีคุณอีว่า
    เข้าไปตรวจสอบได้ที่ http://wwwww.co.eaton.mi.us/ecpa/proslist.htm
    (ธนายความนำเดินคดี ธนายความเขต ธนายความทั่วไป และ ธนายความแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา)
    โชคดี คุณไมเคิล ริง
    มันเป็นสิ่งที่สำคัญ ขณะที่ประสบการณ์ “ การคาดคะเน” ของคนที่มีผลกระทบโดยตรงต่องานของนักแปลที่มีประโยชน์มากที่สุดในงานนั้นอยู่ตลอด มันไม่ได้เป็นไปได้เสมอที่จะทำนายผู้คนเหล่านั้นที่จะได้เจริญก้าวหน้า บรรดาผู้แทนหน่วยงานใหม่และลูกค้าที่มาโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า ผู้ที่เป็นล่ามจะถูกถามให้แปลให้สิ่งที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คือไม่ใช่บรรดานักเขียนที่มีเทคนิคเหมือนกันทุกคน และก็ไม่ใช่นักเขียนทางการแพทย์ นักเขียนทางกฎหมาย ฯลฯ ความแตกต่างทางบุคคลหมายถึงรูปแบบที่แตกต่าง ทางที่ดีกว่าที่นักแปลหรือล่ามสามารถจำจดและเข้าใจแบบของบุคคลที่คาดไม่ถึง ยิ่งดีกว่าที่เธอจะทำได้อีกอย่างก็คือ ปฎิบัติต่อรูปแบบที่เป็นลักษณะเฉพาะอย่างมีประสิทธิภาพให้กลายเป็นความหมายของภาษา
    และนี้หมายถึงมันไม่เคยพอสำหรับนักแปลที่จะรู้จักคนบางคนอย่างแท้จริง หรือรูปแบบที่แท้จริงของผู้คน คุณไม่เคยรู้ว่าบุคลิคภาพต่างๆ หรือรูปแบบส่วนบุคคลจะเป็นประโยชน์ในงานแปลหรือ งานล่าม ดังนั้นคุณจำเป็นต้องเปิดใจให้กว้าง ให้ความสนใจกับทุกทุกคน และพร้อมที่จะบันทึกข้อมูลของของบุคคลใด ๆ ในสำนวนที่รุณจะจดจำใครก็ตามที่คุณรู้จัก
    นี้คือการเปลี่ยนความต้องการกรอการสังเกตบางอย่างที่แน่นอนของใจ ผู้คนที่เฝ้ามองความสามารถทางสติปัญญาอย่างระมัดระวังอยู่ตลอดสำหรับพฤติกรรมที่ประหลาดผิดปกติ (ไม่ใช่การพูดถึงความปกติ) เปลี่นวลี เสียงสูงเสียงต่ำ ทำนอง ท่าทาง และยังมีอื่น ๆ อีก บรรดานักแปลที่ “เก็บสะสม” ข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับผู้คนพวกเขาได้พบ ทุก ๆ ข้อความที่พวกเขาอ่าน แล้วก็พลิกกลับไปมาในใจของพวกเขา หลังจากที่เก็บสะสมมานาน มันเป็นไปได้อย่างมากที่พร้อมสำหรับข้อความที่มีลักษณะเฉพาะมากกว่าที่ผู้คนเหล่านั้นที่เจาะประเด็นในเรื่องโครงสร้างทางภาษาทั้งหมดทางนามธรรม
    ทางหนึ่งของการพัฒนารูปแบบใหม่ที่สำคัญออกมาจากศึกษาของความหลากหลายและอัจฉริยะและรูปแบบการเรียนรู้ต่าง ๆ (ในบทความที่ 3) คือการศึกษาของ “ความอัจฉริยะส่วนบุคคล ” หรือ สิ่งที่ตอนถูกเรียกว่า “ความอัจฉริยะทางอารมณ์” แต่งโดยเดเนียล โกลแมน (ปี ค.ศ. 1995 หน้าที่ 43 ย่อหน้าที่ 4) สรุปย่อๆ มี 5 ส่วนสำคัญของความอัจฉริยะทางอารมณ์

    หน้า 121
    อารมณ์ในการควบคุมตนเอง คือการที่เราจะรู้ว่ารู้สึกอย่างไรในบางสิ่งบางอย่าง แล้วก็เหนือสิ่งอื่นใดที่คุณกำลังรู้สึกอยู่นั้นเป็นการตัดสินอย่างที่มืออาชีพโดยมากเป็นพื้นฐานของปฏิกิริยาของคนเรา นี้ทำให้เราตะหนักได้ว่ากำลังแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ที่จะจัดการกับการตัดสินใจอย่างประสบความสำเร็จ ดังที่ คุณโกลแมนได้เขียนไว้ “การขาดความสามารถที่จะควบคุมความรู้สึกต่าง ๆที่แท้จริงในตนเองที่ทิ้งซึ่งความมีเมตตา” ตัวอย่างเช่น คุณไม่ชอบในงานของตัวเอง ในไม่ช้าคุณก็ตระหนักได้และดำเนินการต่อให้สิ่งที่คุณทำแล้วสนุกกว่า ดีกว่า ในสิ่งที่คุณเป็น ถ้าคุณรักส่วนต่าง ๆ ของมันและเกลียดสิ่งอื่น ๆ การตระหนักถึงความรู้สึกที่ปะปนกันอยู่เหล่านั้นจะช่วยเข้าหาในส่วนที่ไม่ชอบได้ไปสู่ส่วนต่าง ๆ ที่คุณสนุกและหลีกเลี่ยง หรือลดลงหรือเรียนรู้ที่หักเหในส่วนที่คุณไม่ชอบ และความฉลาดในการรับรู้ความเความใจในตัวเองจะมีมากขึ้น สิ่งที่ดีกว่าที่คุณยิ่งจะได้รับ
    การควบคุมอารมณ์ตนเอง
    การเปลี่ยนแปลงและการนำทางอารมณ์ของไปในทางบวกและเป็นผลดีหลายข้อ นักแปลหลายคนทำงานเพียงลำพัง หรือร่วมงานกับคณะที่เข้ากัน และต่อสู้กับความเปลล่าเปลี่ยว ความน่าเบื่อ และความกดดัน คุณสามารทำได้ดีถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ เพิ่มเติมรสชาดในวันที่จืดชืดด้วยการคุยโทรศัพท์หรือพูดคุยผ่านทางอินเตอร์เน็ต หรือจะเป็นการนั่งพักจิบกาแฟหรือไม่ก็ “คิด ” (สอดสายตา สูดอากาศ ประโลมใจ) ตัวคุณเองออกจากความเงียบหงอย เมือผลเป็นเชิงบวกมากเท่าไร คุณก็จะประสบความสำเร็จมากเท่านั้นตามอย่างที่นักแปลจะเป็น บรรดาลูกค้า และหน่วยงานจะทำในสิ่งที่ทำให้คุณฉุนเฉียว ยิ่งคุณสมบัติที่ดีกว่าที่สามารถปกปิดหรือเปลี่ยนแปลงอารมณ์ฉุนเฉี่ยวของคุณในเวลาที่กำลังพูดอยู่กับพวกเขา ให้เต็มใจมอบหมายงานให้คุณทำมากเท่านั้น
    อารมณ์ในการจูงใจตนเอง
    แรงจูงใจภายในตนเองที่จะบรรลุถึงเป้าหมายอย่างมืออาชีพ ในเกือบทุกกรณีที่นักแปลต้องดำเนินการด้วยตนเอง พวกเขาต้องการที่จะเริ่มงานและทำให้สำเร็จภายในครั้งเดียวในงานที่พวกเขาได้รับมอยหมาย พวกเขาพลักพลักดัน ให้ตัวเองทำงานเพิ่มชั่วโมงหรือสองชั่วโมงให้การหาคำศัพท์เฉพาะที่ยากแสนเข็ญ วิธีที่ง่าย ๆ ที่ใช้กับอยากแรกที่พวกเขาพบในพจนานุกรม ทางที่ดีที่พวกเขาสามารถนำทางความรู้สึกของชีวิตไปยังการบรรลุผลสำเร็จของเป้าหมาย ยิ่งถ้าเหล่านักแปลสนุกกับงานที่พวกเขาทำมากเท่าไร ยิ่งพวกเขาจะทำมันอย่างมีประสิทธภาพมากเท่าไร การยอมรับให้ในความเป็นมืออาชีพที่จะได้รับ ยิ่งถ้าพวกเขาสามารถนำทางความรู้สึกของชีวิตบรรลุผลสำเร็จของเป้าหมาย ยิ่งถ้าเหล่านักแปลสนุกกับงานที่เขาทำมากเท่าไร ยิ่งพวกเขาทำมันอย่างมีประสิทธภาพมากเท่าไร และยิ่งจะเป็นการยอมรับในความเป็นมืออาชีพที่จะได้รับ ในระดับที่สูงสุดของแรงบันดาลใจในตนเอง ประสบการณ์ของนักแปล “การไหลเวียน” ได้ถูกระบุไว้โดย Mihaly Csikszentmihalyi (ในปีค.ศ. 1990) ส่วนที่เหลือของโลกที่ดูเหมือนจะค่อย ๆ จางไป และกลายเป็นความยินดี แล้วการรับรู้และการนำอารมณ์ต่าง ๆ ที่มีคุณเป็นเจ้าของยิ่งจะช่วยคุณพัฒนาความสามารถของ
    การเอาใจใส่ คือการจดจำ การเข้าใจ และการตอบโต้กับผู้อื่น นี้เป็นทักษะที่โหดร้ายของบรรดามืออาชีพในการติดต่อสำหรับชีวิตความเป็นอยู่ของตน ในขณะที่นักแปลหลายคนทำงานตามลำพัง พวกเขาก็ยังมีลูกค้าอยู่หลากหลายผู้ซึ่งต้องการความคาดเดาสถานการณ์ที่สองและสนองความต้องการที่อาจมีคำแนะนำที่สถาบันที่ซับซ้อนของงานที่พวกเขาพยายามจะทำให้สำเร็จ บรรดาเพื่อนและคนรู้จักที่รู้บางของเขตอย่างเชี่ยวชาญและอาจสามารถช่วยในเรื่องปัญหาทางด้านคำศัพท์เฉพาะ การคิดถึงในเรื่องที่คำต้องการ
    หน้า 122
    หรือการตอบสนองของคุณต่อความต้องการ จะช่วยให้คุณมีปฏิกิริยาต่อพวกเขาในทางบุคคล และมารยาทความพึงพอใจอย่างมืออาชีพที่จะนำไปสู่งานที่มากขึ้นและความเพลิดเพลินที่เพิ่มขึ้นในงานของคุณเอง และแน่นอนว่าทางที่ดีที่คุณสามารถเอาใจใส่ผู้อื่นได้ เป็นจึงสิ่งที่ดีกว่า
    การรับมือความสัมพันธ์ คือการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีอย่างมืออาชีพและส่วนตัวที่ดีกับผู้คนที่ซึ่งพึงพาการดำรงชีวิตของคุณ การแปลคือธุรกิจอย่างหนึ่งและขณะที่ธุรกิจจะเกี่ยวข้องการการเงิน และในกรณีของคำศัพท์ วลีและข้อความต่าง ๆ มันยังเหมือนกับการแสดง เกี่ยวกับผู้คน คือความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จส่านมากประสบความสำเร็จทางสังคมอยู่ตลอด อย่างดีเท่ากับการการเงิน เพราะว่าสิ่งสองสิ่งนี้ไปด้วยกัน นี้อาจจะชัดเจนเมื่อเงินไม่ได้เกี่ยวข้อง คุณจะ “จ่าย” อย่างไรสำหรับความช่วยเหลือด้านคำศัพท์ที่หาค่าไม่ได้ โดยส่วนมากการกระทบกระเทือนอารมณ์ความรู้สึก สังคม และความสัมพันธ์อยู่ตลอด คือการสร้างมิตรภาพและการเชื่อมต่อความสัมพันธ์ แต่ถึงแม้ว่าเวลาที่ลูกค้าหรือหน่วยงานที่กำลังจะจ่ายค่าจ้างให้คุณที่คุณทำงานให้ ทางที่ดีที่คุณสามารถที่จะรับมือกับความสัมพันธ์ แม้ว่าในหลายกรณีที่ความสัมพันธ์โดยอาชีพกับพวกเขา ความสุขที่มากกว่าที่จะได้รับเงินค่าจ้างในงานนี้และงานต่อไปในอนาคต
    จิตวิทยา (การอนุมาน)
    ถ้าหากจะเน้นหลักการทั่วๆไป อันดับแรกสุดในการแก้ปัญหา จากนั้นหลักการขั้นต้นก็เข้าเป็นปัญหาของผู้ค้าจะกระทำอย่างนี้คือจิตวิทยา โดยเหตุผลนี้ขั้นต่อมาจะอยู่เหนือความตั้งใจต่อผู้คนสำหรับนักเรียนแปลที่จะเข้าเรียนในด้านจิตวิทยา แต่นี่อาจจะทำให้ผิดหวังสำหรับจำนวนของเหตุผล สิ่งแรกและสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือจิตวิทยาของการแปลที่ยังคงไม่ได้รับการพัฒนา ดังนั้นวินัยทางวิชาการไม่น่าจะเป็นไปได้ที่คุณจะหาหลักสูตรต่างๆในด้านนั้นที่มหาลัยของคุณ และหลักสูตรทางจิตวิทยาที่คุณอาจไม่เกี่ยวข้องอย่างยิ่งสำหรับความต้องการต่างๆของนักแปล
    อีกครั้ง อะไรคือความต้องการของนักแปล พวกเราเพิ่งได้เห็นโดยอุปนัย จวบจนต่อผู้คนที่เป็นได้ที่จะทำนายอย่างถูกต้อง คนแบบไหนที่ต้องทำความเข้าใจในความรู้ที่เป็นประโยชน์ในการแปลได้ ความเหมือนไปสู่หลักการที่จะเข้าใจอย่างดี มันค่อนข้างที่จเปป็นไปได้อย่างกว้างขวางในการเรียนของจิตวิทยาที่อยากหลีกเลี่ยงสัญญาณในผู้คนที่จะช่วยให้นักแปลแปลได้อย่างดี
    ตัวอย่างเช่นเหตุผลที่สองว่าทำไมวิชาจิตวิทยาไม่น่าสนใจของนักแปลคือจิตวิทยาเหมือนการฝึกฝน เป็นสัญลักษณ์การเกี่ยวข้องกับโรคจิต ส่วนบุคคลและคนที่เรียนการแปลที่เกี่ยวงกับความเชี่ยวชาญด้านการแปล แต่นี่สามารถที่จะเปลี่ยนไปสู่คำแนะนำด้าน ถ้ามีหลักสัญชาตญาณเสนอที่มหาลัยของคุณในวิชาจิตวิทยา ของคนธรรมดาพวกเราอาจจะแสดงประโยชน์ได้อย่างดีทีเดียว โดยเฉพาะถ้าพวกเขาจัดการกับหัวข้องานที่เกี่ยวข้องกันได้

    หน้า 126
    การหารือกับกลุ่ม คือทักษะอื่นๆนอกเหนือจากทักษะด้านภาษานี้คุณต้องกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ต้องพูดภาษาของคุณได้อย่างคล่องแคล่ว ความสามารถเหล่านั้นอย่างน้อยบางส่วน เมื่อตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ยามเมื่อมีไข้ขึ้นสูงเวลาที่คุณ ดื่มอย่างหนัก ทำให้มันชัดเจนในสิ่งที่คนอื่นทำผิดพลาด ไม่ผิดจริงๆที่จะมีอารมณ์ขุ่นเคือง โกรธหรือว่าตกใจ พูดว่าไม่ว่าอะไรก็ตามบรรดาพ่อแม่หรือครูหรือคนที่เคยพูดถึงคุณว่าตอนคุณเป็นเด็ก “ ไม่เอาน่ะมันไม่ดีอย่างมาก เธอเป็นเด็กที่แย่ อย่าทำแบบนี้อีกน่ะ เกิดอะไรขึ้นกับคุณ ไม่อะไรก็ตามที่คุณกำลังคิดจะทำ คุณกล้าไหม จนกระทั่งพ่อคุณจะกลับถึงบ้าน!” ตอนนี้ก็เปลี่ยนหน้าที่แล้วก็สังเกตปฏิกิริยาของร่างกายทั้งมารยาและน่าอับอาย การหารือกันในกลุ่มคือผลกระทบสุดท้าย อะไรที่ทำให้การเลียนแบบของการพูดอย่างหนักในเด็กที่หัดใช้ภาษาต่อมา ในหนทางอะไรที่ภาษาต่างประเทศถูกปล่อยให้เป็นไปตามกฏ.

  27. Mattika Chaywichit says:

    นางสาวมัตติกา ฉายวิชิต หน้า 63-65 Chapter 3
    เนื้อหาที่ว่าการผลักดันเป็นตัวอย่างที่กล้าหาญในการใช้ภาษาและตรรกวิทยา,คณิตศาสตร์ นอกจากบุคคลนั้นจะมีสติปัญญาแล้วเขาก็จะสนใจผลมากกว่าข้อมูลที่ระบุเป็นลายลักอักษรหรือการพูดการเรียนรู้ขึ้นอยู่กับผลในการนำเสนอข้อมูล,ไม่ว่าผู้เรียนจะมีความรู้สึกเกี่ยวกับการนำเสนออย่างไร,การผลักดันทางด้านภาษาที่ ผู้เรียนชอบมากกว่าในการเรียนภาต่างประเทศตามเหตุผลมีความหมายและแตกต่างกันในระบบ,การผลักดันนักเรียนที่เรียนแปลที่จะเรียนแปลตามกฎมากกว่า,คำสั่งและระบบแผนภาพ.การผลักดันผู้แปลให้สนใจในการดุเวลาที่กำหนดคำศัพท์และวัตถุประสงค์ของพวกเขาเป็นตัวอย่าง;โครงสร้างและการเชื่อมโยงของรูปแบบ;รูปแบบในการลงทะเบียนผ่านอุปสรรคในภาษา.การผลักดันการแปลของนักทฤษฎีเป็นการเข้าหาจุดศูนย์กลางของโลกไปยังภาษาในทุกๆรูปแบบการบรรยายการเขียนการแปลและเป็นระบอบวัฒนธรรมที่เรียน.
    ทางเข้า
    การสัมผัสข้อมูลเมื่อเข้าสู่สมองเป็นสิ่งสำคัญ.การใช้จิตบำบัดเป็นวิธีการของระบบประสาททางภาษา,นักวิชาการ,Jensenได้จำแนก3ความต่างของการสัมผัสของรูปแบบได้ตัวอย่างข้อมูล,การมองเห็น,การฟังและการเคลื่อนไหว(การเคลื่อนไหวและการสัมผัส)แตก
    ต่างกันระหว่างภายในและภายนอกเป็นส่วนประกอบ
    การมองเห็น
    การมองผู้เรียนรวมทั้งการทำให้มอง,แต่ละการค้นหาจากภายนอกหรือจากการสร้างภาพด้วยจิตใจโดยสิ่งที่เขาได้เรียน.เขามีรอยยักในสมองสูง.เขาอาจจะต้องการภาพร่างแผนผังโดยการรวมความคิดก่อนที่เข้าจะสามารถเข้าใจหรือชื่นชมมันเขาคอยที่จะดูผู้ที่จะเป็นนักสะกดคำที่ดี,เพราะเขาสามารถเห็นคำศัพท์ที่เขาต้องการที่จะสะกดด้วยสายตาของเขา.ผู้คนกับ “ผู้คนกับภาพความจำ”เป็นการมองของผู้เรียน;และเมื่อความจำของเขาคือภาพที่ไม่มีการยุติ,การมองของผู้เรียนจะจดจำคำศัพท์, ตัวเลขและภาพกราฟดังนั้นเขามีการมองดีกว่าการสนทนาเขามีคำบรรยาย การฟัง.
    ผู้เรียนที่จะเรียนได้ดีที่สุดด้วยการมองของเขา,หรือการพิจารณารูปภาพของเขา; เขาชอบวาดบนกระดานดำหรือเครื่องฉาย,สไลด์และวีดีโอ,handoutsหรือcomputer graphics.การมองภายนอกภาษาที่ผู้เรียนจดจำคำศัพท์ใหม่และวลีที่ดีที่สุดด้วยการเขียนเขาพิจารณาแล้วว่าการเขียน, มีการมองผู้เรียนในต่างประเทศจะใช้เวลาการเดินบน

    ถนนและการออกเสียงทุกถนนและร้านค้าด้วยสัญลักษณ์.การมองภายนอกผู้เรียนอาจจะมีความรู้สึกต่อต้านตั้งแต่แรกโดยการร่างที่แตกต่าง; ตัวอักษรโบราณหรืออังษรกรีก อักษรอิสราเอลหรืออักษรอาหรับ,อักษรของชาวญี่ปุ่นหรือชาวจีนภาษาโรมันมีมากที่สุดในโลก “ข้อมูลต่างประเทศ” นี้ไม่ใช้ครั้งแรกที่นำไปสู่การมองเห็นความหมายและดังนั้นก็ไม่ได้ยืมมันมา จากการมองเห็นการจดจำของพวกเขา.ตราบนานเท่านานการมองภายนอก ผู้เรียนออกเสียงคำศัพท์ด้วยอักษรโดยตัวอักษรมันจะเป็นไปได้ที่การจดจำในการพิจารณาลายลักษณ์อักษรในเอกสารต่างประเทศ; เขาจะเปลี่ยนการใช้ภาษาตั้งแต่กำเนิด.
    เอกสารที่เห็นถึงการจดจำถึงงาน.มองภายนอก ผู้แปลส่วนใหญ่จะไม่กลายมาเป็นลาม;
    ในความจริง,มันอาจจะเหือนกันถ้าผู้แปลไม่มี “แหล่งของข้อความ” แม้แต่น้อยเพราะเขาไม่สามารถเห็นมัน.ถ้าแผนภาพหรือการวาดมีความเหมาะสมที่จะแปลงานได้,เขายืนยันว่าของเขามี; ยังดีกว่า,เมื่อเป็นไปได้, คือการเยี่ยมชมโรงงานหรืออื่นๆอีกบนโลกแห่งความจริงคำอธิบายและการบรรยาย ในข้อความ. ในการแปลผู้คนมักจะมีวิธีที่ทำให้มองเห็นแหล่งข้อความในการสร้างประโยคดังช่องว่าง ลำดับการปรับปรุง โดยเฉพาะต้นฉบับบ ตอน ถึงการพบเป้าหมาย-ของภาษา การสร้างประโยคความต้องการก็เหมือนการจบ-ตัวอย่างภาษาอังกฤษ 😦 ตั้งแต่การมองภายในผู้เรียนจะต้องการแผนภาพ):
    นี้เป็นประเภทของการแปลอาจจะเป็นการดีที่จะดึงความแตกต่างของภาษา, ด้วยความพยายามถึงการสร้างสรรค์เช่นการเปรียบเทียบของภาษาทั้งหมด.
    การมองภายในผู้เรียนที่เรียนได้ดีที่สุดโดยการสร้างการมองภาพถึงสิ่งในหัวของเขา.
    ผลดังกล่าว,เขามักมีฝันกลางวันอยู่บ่อยๆหรือเมื่อเขามีความสามารถในการแสดงออกเป็นคำพูดในความคิดของเขาอีกด้วย,ดังที่นักกวีหรือผู้มีเวทมนตร์.มองเห็นภายในตัวผู้เรียนที่เรียนศัพท์ต่างชาติคำใหม่ และวลีที่ดีที่สุดด้วยภาพในหัวของเขา-การสร้างการมองเห็นภาพของวัตถุที่ระบุไว้,ถ้ามีเพียงสิ่งเดียว,หรือการสร้างภาพโดยการรวมตัวของเสียงหรือการมอง ในการส่งภาษาจะเป็นการระบายสีที่เห็นได้ชัดของเงาด้วยสีฟ้าหรือสีเหลืองหรืออะไรก็ตาม ความมั่นคงการมองเห็นภายในทำให้ผู้แปลมองเห็นคำและวลีของการแปลมันไม่มีแผ่นภาพหรือการวาดของเครื่องมือหรือวิธีการ,เขาจินตนาการสิ่งหนึ่ง.ถ้าคำและวลีของเขาไม่มีความชัดเจนในการมอง.ในข้อความคณิศาตร์สำหรับตัวอย่าง-เขาได้สร้างสิ่งหนึ่ง พื้นฐานในการมองความเท่าเทียมหรือบางอย่างร่วมกันในการเชื่อมโยง
    การฟัง
    การฟังผู้เรียนที่เรียนได้ดีที่สุดโดยการฟังและการตอบคำถามด้วยปาก,อย่างอื่นๆแต่ละคนและเสียงด้วยหัวของเขา.เขาติดตามการเรียนด้วยตนเองเกือบจะตลอดเวลา:
    “อะไรที่ทำให้ฉันรู้ได้เรื่องนี้?”มันทำให้เกิดความรู้สึก นี้ฉันทำอะไรได้บ้าง?เขามักจะมีสติปัญญาสูงในด้านดนตรี.เขามีการลอกเลียนแบบได้ดีเลิศและสามารถจำเรื่องตลกและทั้งหมดของการสนทนาได้ด้วย ความประหลาดที่มีอย่างแม่นยำ.เขาเอาใจใส่ถึงฉันทลักษณ์และลักษณะของการพูดหรือการเขียนข้อความ; เป็นประจำ,คุณภาพ,จำนวน,จังหวะในการจดจำของเขามีการดำเนินการดูแลเป็นมากกว่าแนวตรง ดังนั้นการมองของผู้เรียน: ขึ้นอยู่กับการมองเห็นที่ผู้เรียนจะนำมันออกมาจากในความคิด,
    ในรูปแบบช่องว่างในการฟังผู้เรียนจะเรียนในลำดับของจังหวะนั้นต้องเป็นไปตามความแม่นยำหลังจากในลำดับนี้ตลอดไป
    การฟังภายนอกผู้เรียนมักจะได้ยินบางคนบอกถึงสิ่งก่อนที่เขาจะสามารถจำมันได้.การให้แผนภาพหรือบัญชีสถิติ,เขาจะพูดว่า “คุณสามารถชี้แจงกับฉัน?” หรือ”คุณสามารถพูดผ่านฉัน?”การฟังภายนอกของภาษาผู้เรียนที่เรียนดีโดยธรรมชาติสถานการณ์ในวัฒนธรรมต่างประเทศ, การฟังภายนอกผู้เรียนจะเขาไปยังการอธิบายสำหรับเหตุผลที่ชัดเจน เมื่อเขาแปลการเขียนข้อความเสียงทั้งสองจะปรากฏออกมาจากแหล่งที่มาของข้อความ ส่วนจังหวะและการเขียนข้อความเป็นส่วนที่สำคัญจังหวะนั้นไม่แน่นอน และอาจเกิดการผิดพลาดได้ การฟังภายนอกผู้แปลจะรวมมือกันในกลุ่มจะต้องเป็นสมาชิก
    ความสามารถนั้นเป็นแนวทางทั้งหมดในการดำเนินการเกิดความสนุกสนานในการแปลหลายๆครั้งในสำนักงานและมีการปรึกษาซึ่งกันและกันและมีการเขียนล้อเลียนข้อความที่โด่งดัง
    การฟังภายใน ที่ดีที่สุดผู้เรียนจะใช้การพูดด้วยตัวของเขาเองเพราะในหัวของเขาเกิดการโต้แย้ง การฟังภายในผู้เรียนที่ดีจะใช้การสนทนาเป็นการอธิบายและผู้เรียนต้องการที่จะทบทวนสิ่งที่เขามีอยู่ เหมือนกับการฟังภายนอกเขาต้องการเสียงที่เหมือนกับธรรมชาติเมื่อพูดกับชาวต่างชาติ อย่างไรก็ตามในจิตใจเขาการออกเสียง การปฏิบัติ เสียง และจังหวะ ของภาษาต่างประเทศ ความรู้สึกที่ได้ยิน การฟังภายนอกผู้เรียนแทบจะไม่กลายเป็นนักแปล ผู้เรียนเกิดความกดดันถึงเสียงของเขา และการพูดออกมาเสียงดังมันทำให้เขาเกิดความอ่อนแอ ภายในการฟังผู้เรียนสนใจจังหวะและความแน่นอนของเสียงแหล่งที่มาของข้อความที่ปรากฏถึงเป้าหมายของข้อความภายใน การเพิ่มการฟังภายใน
    ผู้แปลมักจะชอบเครื่องมือที่เล่นดนตรีที่มีลักษณะนิ่มนวลในขณะที่เขากำลังทำงาน

  28. Thippawan Sitthi says:

    นางสาวทิพวรรณ สิทธิ
    หน้า 71-74 Chapter 3

    การแปลเอกสารอ้างอิงภายนอก และชุดแปลคำสั่งที่เกือบได้รูปแบบส่วนใหญ่มือของอาชีพ เขายืนยันกิจกรรมเชี่ยวชาญทั้งหมดของเขาทั้งหลาย และภาพพจน์ของตัวเขาเอง ในส่วนย่อยที่ควบคุมทางราชการเกี่ยวกับสังคมต่างๆ ผู้แต่งต้นกำเนิด และผู้ได้รับมอบหมายอำนาจหน้าที่การแปล(ผู้ซึ่งแนะนำการแปลประมวลผล และจ่ายค่าธรรมเนียม), และผู้อ่านเป้าหมาย กระบวนการชักเหตุผลของเขาทั้งหลาย ผู้แต่งต้นกำเนิดให้ความสำคัญถึงบางสิ่งที่มีความสำคัญกล่าวว่า ความสำคัญของข่าวสารคือ หลักฐานทางราชการโดยทางราชการมีความสำคัญเกี่ยวกับสังคมผู้ซึ่งตัดสินใจนั่นควรจะนำเสนอแก่ผู้นำในภาษาอื่นๆซึ่งดีกว่า ข่าวสารสำคัญพอเพื่อทำให้มันซึ่งเลี่ยงไม่ได้ ที่มันถูกขนย้ายผ่านข้ามสิ่งกีดขวางเกี่ยวกับภาษา และเกี่ยวกับวัฒนธรรมโดยปราศจากการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ เครื่องแปลคือเครื่องมือในกระบวนการสั่งเพื่อทำให้สะดวก สิ่งนี้ขนย้าย-โดยปราศจาก-เครื่องแปล ต้องส่งมอบของเขา หรือเธอโดยสิ้นเชิง ที่มาของข้อความ และ ความหมายของมันที่ดี เนื่องจากทางราชการมีส่วนเกี่ยวกับสังคมสำหรับการแปลดีที่สุด และจะจ่ายเครื่องแปลสำหรับการทำงาน ส่งผลให้การกำจัดสิ่งที่ไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ออก(อย่างน้อยที่สุดขณะที่แปล) ของส่วนบุคคลของเครื่องแปล โดยเฉพาะของการล่อใดๆที่จะ”อธิบาย”อาศัยเหล่านั้น idiosyncratic ความโน้มเอียง, เครื่องแปลสามารถมีความคิดเห็นส่วนตัวที่ทำงานภายนอกงานของการแปล,อย่างเต็มที่ แต่ต้องส่งมอบให้ทางราชการเป็น ที่อ้างอิงถึงเครื่องแปล และชุดแปลคำสั่งสิ่งนี้คือเกี่ยวกับหลักจริยธรรมรวมทั้งเนื้อหาที่ถูกกฎหมาย เครื่องแปลผู้ซึ่งละเมิดกฏหมายนี้ไม่เฉพาะผู้เชี่ยวชาญที่แย่แต่เป็นบุคคลที่แย่
    เอกสารอ้างอิงภายในตัวผู้เรียนรู้พัฒนารหัสส่วนบุคคลมากกว่าการศึกษาหรือไหวพริบของบุคคล ตอบสนองให้อาศัยกฏเกณฑ์ภายในสิ่งซึ่งอาจจะหันเหหรือไม่ก็ตามจากสังคมกลุ่มใหญ่ และ สถานการณ์…

    มันที่ง่ายพอเพื่อระบุเครื่องแปลวัวที่ยังไม่ตีตราต่างๆตามที่ Ezra pound,Paul อย่างภายใน Blackburn และเครื่องแปลเกี่ยวกับหนังสืออื่นๆที่กล่าวถึงใน Venuti ตั้งแต่ปี( 1995:190 – 272 คือ ตัวอย่างที่ดี ความลำบากที่จะระบุเจาะจง อย่างไรก็ตามเครื่องแปลเหล่านี้จำนวนมากที่ไม่เพียงแค่ดูจากการอ้างอิงถึงภายในเพราะว่าต้นกำเนิดของเอกสารอ้างอิงภายในของเขาทั้งหลายนั้นไม่ใช่เอกสารอ้างอิงทั่วไป ซึ่งจะเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป ตัวอย่างของ Venuti นั้น จะมึเครื่องแปลซึ่งปฏิเสธเอกสารอ้างอิงภายนอกที่บังคับโดยสังคมนายทุนซึ่งต้องการเครื่องแปลที่จะสร้างข้อความได้อย่างคล่องแคล่วสำหรับเป้าหมายผู้อ่าน แทนที่มันจะเป็นแบบดั้งเดิมมากกว่า(ขัดจังหวะสังคมนายทุนยังซึ่งไม่เห็นด้วย เอกสารอ้างอิงภายนอก ต่างประเทศ เครื่องแปลซึ่งตามรอยของข้อความต่างประเทศของข้อความต้นกำเนิดในของเขา หรือการแปลของเธอดูท่าทางดังเช่น”อ้างอิงถึงอย่างตัวอย่างภายใน”โดย เป็นพื้นฐานของสังคม แต่ไม่ได้อยู่ในข้อเท็จจริงที่อ้างอิงของเขา หรือไม่ได้ตอบสนองตำแหน่งของของเธอ เป็นทางเลือกหนึ่ง ข้อความต้นกำเนิดภายนอก หรือต้นกำเนิด ของวัฒนธรรม แนวความคิดเกี่ยวกับหลักจริยธรรมสำหรับวัฒนธรรมเป้าหมายตามที่เปลี่ยนรูปแน่ชัด
    โดยติดต่อ กับชาวต่างชาติ
    เครื่องแปลกระบวนการของ Barbara Godard, Susanne Lotbiniere – Harwood, Myriam Diaz-Diocaretz, and Susanjill Levine นั้นดูเหมือนจะอ้างอิงถึงอย่างภายในโดยมาตรฐานของสังคม เพราะว่าเขาปฏิเสธอันใดอันหนึ่งเพื่อแปลข้อความโดย คนและดูตัวเองหลักเพื่อแทรกแซงในข้อความของผู้หญิงอย่างมูลฐานที่เขาแปลตามลำดับที่จะโฆษณา’ของเขาประกาศ และ กระบวนการที่เขาแปลข้อความเพศชาย,จริงๆ ตัวอย่างของ Lotbiniere- Harwood เช่น ถ้าเต็มใจที่จะสร้างรูปพวกเขา และเครื่องแปลเหล่านี้เขียนเกี่ยวกับความคิดของเขาทั้งหลาย ที่จะแปลเช่นเดียวกับเขา ทำราวกับว่าความกดดันของบางคนมาจากข้างใน-ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำ และพูดเพราะการทำให้ตกต่ำ และความรังเกียจตัวเองเธอรู้สึกขณะที่ Lucien ที่แปลการตัดสินใจและผลที่ตามมาของเธอไม่เคยแปลข้อความเพศชายอื่นๆ และเขียนของความเจ็บปวดส่วนบุคคลของเธอเป็น กระบวนการที่แปลงานของเขาแบ่งแยกเพศ ในการพิมพ์อีกส่วนยาวกว่าการของเธอ ขณะที่การแปลของนักกวี Adrienne ที่มากมายเข้าไปในอาการปวดของเธอบนการตัดสินใจอย่างเจาะจงดูท่าทางความเจ็บปวดส่วนบุคคล และรหัสส่วนบุคคลของจริยศาสตร์ซึ่งเติบโตจากความพยายามไม่หยุดยั้งของผู้หญิงเหล่านี้ที่จะรักษาว่าความเจ็บปวดทั้งสองอ้างอิงถึงในภายนอกและการย้ายที่ของผู้หญิง กับความสัมพันธ์กัน กับผู้หญิงอื่นๆที่หมั้นในเดียวกันรักษากระบวนการนั้น…อีกด้วย
    สำหรับเครื่องแปล และ ผู้แปล บางทีประโยชน์มากกว่าที่จะพูดอ้างอิงถึงอย่างสามัญ และเอกสารอ้างอิงของผู้ที่ค้นคว้า อย่างไม่เป็นไปตามกฎทั่วไป สิ่งเหล่านั้นเต็มไปด้วย มาตรฐานเกี่ยวกับสังคมซึ่งเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป และสิ่งเหล่านั้น จะมีผู้ที่รวมเข้าด้วยกัน อะไรก็ตามของความเจ็บปวดส่วนบุคคล ส่วนแบ่ง ส่วนตัว และการกำหนดความแน่นอนของหมู่คณะที่จะต่อสู้ต้นกับต้นกำเนิดของความทุกทนข์นั้น จะเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจในการแปลของเขาทั้งหลายให้ทางราชการ ซึ่งยอมรับกันโดยทั่วไปของทางราชการ นอกจากนั้นกรณีจำนวนหนึ่งอาจจะมีแม้แต่เครื่องแปลเองนั้นก็ไม่การเชื่อมต่อกับการเคลื่อนไหวซึ่งไม่เห็นด้วย หรือการสนับสนุนภายนอกอื่นๆ;ในส่วนมาก และชุดแปลคำสั่งของเขาทั้งหลายจะทำให้สับสนในส่วนพื้นที่ของการขัดแย้งทางราชการภายนอก,คือใคร? และอาจจะมีทั้งที่ถูกสรรเสริญ และโจมตีสำหรับการแปลในข้อความเดียวกันโดยกลุ่มความคิดเห็นที่แตกต่าง…บ่อยๆ

    การมีคู่แข่งจะมีการตอบสนองส่วนมากที่แข็งแรงพอสมควร และเห็นด้วยกับกลุ่ม หรือการตั้งขึ้นด้วยภาวะที่ไม่ลงรอยกัน เนื่องจาก ความคิดเห็นที่รู้สึกผิดถึงของพวกเขา การจำกัดความการคิดว่าอันตรายจะเป็นกระบวนการของวัชพืชที่จะชี้วัดสิ่งนี้สิ่งนั่นที่ไม่มี ความคิดเห็นจากโครงร่างของสังเกตเห็น ข้อเท็จจริงในดีที่ตั้งขึ้นจากการไปศึกษาวัฒนธรรมจาก บุคคลทั่วไปซึ่งมีแนวโน้มจะยอมรับกันโดยทั่วไป
    ในของการแปล และอธิบายหลักความคิดของที่พวกเขามีจุดประสงค์ในการแปลทั้งหมดกำลังจะบรรลุผล ตามเป้าหมาย แต่ต้องจับคู่ต้นกำเนิดตามที่เป็นแล้วจะทำให้หันเหเท่าที่เป็นไปได้จากข้อความต้นกำเนิดสร้างความกังวลให้กับพวก เขา และยังต้องการอย่างอันใดอันหนึ่งเพื่อซ่อมเครื่องแปล ผู้นั้นคือ บรรณาธิการ ที่จะสามารถวืจารณ์ได้ เพราะเขาคือคนนอกที่จะสามารถวิจารณืได้อย่างเต็มที่
    การไม่มีคู่แข็งตอบสนองส่วนมากจะเป็นไปอย่างแข็งแรง พอสมควร และจะไม่ตกลง กับกลุ่ม และจะตั้งความคิดเห็นขึ้น เพราะว่าเขาคือบางสิ่งที่น่าสงสัยอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเจำนวนผู้คนเพียงหนึ่งคนที่มีนิ้วเท้าเหมือนกัน จำกัดความการคิดว่าอันตรายเป็นกระบวนการของหาแนวทางทะนุถนอมสิ่งนี้สิ่งนั่น’ไม่มี และความคิดเห็นในโครงร่างของสังเกตเห็นข้อเท็จจริง,,,ในทางดีที่ตั้งขึ้นจากการไปศึกษาวัฒนธรรมจาก บุคคลทั่วไปซึ่งมีแนวโน้มจะยอมรับกันโดยทั่วไป
    ในส่วนพื้นที่ของการแปล และการอธิบายอาจจะรู้สึกไม่สะดวกสบาย กับความคิดของความคิดที่เท่ากัน มันอาจจะรู้เหมือนกับการใส่เจ๊แก็ต นั้นคือผลของมัน เขาตั้งใจเพื่อลงไปยังพื้นที่ส่วนพิเศษซึ่งยอม และกระตุ้นแม้แต่ สิ่งในเชิงประดิษฐ์ เป็นรูปแบบจำนวนหนึ่งของการโฆษณา และการแปลเกี่ยวกับบทกวีหรือนักกวี หรือการแปลสำหรับเด็ก พวกเขาจะหนีรูปแบบของการแปลในสิ่งที่ถูกทำให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เช่นเดียวกันกับ ระบบที่ถูกต้องตามกฏหมายจะขยายสิ่งนั้นว่าเขาเกี่ยวข้องทฤษฎีการแปล กับทำให้ปฏิบัติตามของการอธิบาย อาจจะหนีทฤษฎีอีกด้วย Lefevere เมื่อเขาเขียนทฤษฎีการแปลด้วยตัวเขาเอง เพื่อตั้งใจที่จะไม่สนใจอธิบายทฤษฏีทั้งหมด หรือ ที่มันในมีมูลฐานข้อมูลสำหรับ ตัวอย่าง ที่จะอธิบาย คือความคิดเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ที่ว่าไม่เคย แน่นอนแต่ค่อนข้างจะคล้ายการซื้อขายสมการของสองสิ่ง เป็นปริมาณจำนวนหนึ่งของอาหารสำหรับปริมาณจำนวนหนึ่งของเงิน Robinson จะมองดู การแปลนวนิยายซึ่งช่วยเครื่องแปลจำนวนหนึ่งจัดระเบียบงานของเขาทั้งหลาย ดังนั้นการหมุนออกไปจากข้อความต้นกำเนิดไปยังวัฒนธรรมเป้าหมาย…
    ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอารมณ์ในกระตุ้นและตอบสนอง
    ให้ข้อมูลข่าวสารใหม่ผ่านการทดลอง และ คำแนะนำ หรือคำร้องทีกระโดด ถูก และ ที่จะมีทำบางสิ่ง เป็นครั้งแรก เขาทดลองบางสิ่ง ที่ไม่มีสิ่งใดอับอาย;มันคือส่วนของเรียนรู้กระบวนการ ที่ทุกขั้นตอน ประเมินค่าไว้สูงเป็น อันดับแรก คือสิ่งจำเป็นสำหรับ ผู้ศึกษา สิ่งเหล่านี้ที่จะทำให้ตื่นเต้นจะบอกถึงขีดความสามารถของเขาทั้งหลาย และ ความเข้าใจ เพื่อความรู้ความเข้าใจที่ง่ายขึ้น
    ผู้เชี่ยวชาญด้านอารมณ์ในกระตุ้นจะกลายเป็นสิ่งที่พิเศษสุดในการอธิบายพร้อมกัน ทำให้เขาตื่นเต้นกับการเป็นอยู่ตลอดเวลาที่จะบังคับการแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างเร็ว และให้ ข้อมูล ที่โผล่ออกมาอย่างอัตโนมัติ จากเครื่องแปลชองผู้เชี่ยวชาญ เพื่อค้นพบทางอื่นๆ และจะสงวนไว้ในลักษณะของตัวมันเองที่จะพบเจอบ่อยๆ เพราะในสิ่งที่อ้างอิงถึงนี้จาก Philip Stratford
    โดยปกติไม่รู้เพื่ออะไรแต่ถัดไปคือความตายของเด็กสำหรับ ผู้อ่าน อุปสรรคต่อกระบวนการในเชิงประดิษฐ์ ขณะที่ ผู้แต่งนวนิยาย และนักกวีไม่เขียนอย่างอย่างสมบูรณ์ ทำให้ไม่มั่นใจอย่างมากบนไหวพริบของ การค้นพบ เข้าไปในที่ไม่รู้เช่นเดียวกับเขาปฏิบัติตามหัวข้อของเขาทั้งหลาย และคาดว่าผู้อ่านของเขาทั้งหลาย. . จะท้าทายสำหรับเครื่องแปล…และจะค้นพบการคัดลอกเพื่อทำสำเนานี้ ในเชิงประดิษฐ์ ไหวพริบของการแปล เป็นกระบวนการทางความคิดเครื่องแปล นักแสดงชายที่กำลังเลียนแบบเทคนิค และเทคนิคจะเป็นตะปูหัวใหญ่จำนวนหนึ่งที่จะสร้างมายาของการเคลื่อนย้ายเข้าไปใน สิ่งที่ไม่รู้ คนตาบอดคนหนึ่งอาจจะไม่เคยอ่านสิ่งหนึ่งแต่ต่อไปนี้คนมองเห็นจะแปลอย่างระมัดระวัง ช่วยหน่วยคืนความจำอีก…ครั้งหนึ่ง

    การวิเคราะห์เกี่ยวกับผู้เรียนรู้ ว่าชอบการตอบสนองอย่างใดมากกว่า และ มีภาษิตคำขวัญ”ดู ก่อนที่ คุณกระโดด”.เขาใช้ในข้อมูลข่าวสาร และสะท้อนบนข้อสอบ มันต่อต้านทุกสิ่ง ที่เขารู้ และ เชื่อ ที่มันมีสำหรับปัญหา และหลุมพราง ถาม ผู้คนอื่นๆ และต่อมาการเป็นอยู่อย่างระมัดระวังแสดงให้เห็นถึงความประพฤติ เกี่ยวกับความเป็นจริง(“สิ่งที่ดีอะไรคือสิ่งนี้?วิธีผลกระทบที่มันจะมีกับฉัน และสิ่งแวดล้อม?”) และซึ่งได้จากประสบการณ์(“วิธีความถูกต้องคือสิ่งนี้?วิธีไหนที่ฉันสามารถไว้ใจมัน?”).ไม่เหมือน ผู้ซึ่งตั้งใจเพื่อเล็งให้เห็นถึงประสบการณ์ เกี่ยวกับการวิเคราะห์ของผูเรียนรู้ และตั้งใจเล็งในส่วนนี้(“วิธีทำสิ่งนี้เหมาะกับสิ่งที่ฉันรู้จากประสบการณ์ผ่านหรือไม่?วิธีทำมันจับคู่ กันทำให้หันเหจากตั้งมากขึ้นธรรมเนียมหรือไม่?”) หรืออนาคต(“อะไรก็ได้ที่เป็นผลที่ตามมาอนาคตจะสามารถรู้ข้อมูลข่าวสารนี้ด้วยตัวเอง หรือไม่? ” ) มันจะเปลี่ยนแปลงรูปซึ่งเป็นที่ทำให้เราคิดหาวิธีการทำ และรู้สึกเกี่ยวกับมัน

  29. Supansa Waiweerayooth says:

    นางสาวสุพรรษา ไววีระยุทธ

    Page 37-39 Chapter 2

    สวัสดี Lantrans

    คุณต้องการอย่างไรกับเรื่องราวแบบนี้

    นักแปลส่งประวัติการสมัครของเขาให้แก่ฉันและตัวการแปล(ฉันไม่ได้สั่งเขาเลย) เพียงแค่ถามเขาเพื่อจะส่ง 1 ในการแปลที่เขาทำสำเร็จแล้วให้ฉันนั้นเป็นสิ่งสำคัญ

    ฉันตอบเขาโดยการอธิบายบางอย่างที่ผิด ในตัวอย่างการแปลของเขาและความจริงที่เขาไม่ยอมรับกับข้อเรียกร้องของฉัน ที่จะระบุเอกสารประวัติการสมัครงานของเขาด้วยนามสกุลของเขา ฉันเขียนถึงเขา : คุณรู้ไหมว่ามีเอกสารมากเท่าไหร่ที่ระบุ resume.doc ที่ฉันได้รับทุก ๆ วัน เขาตอบกลับมาว่า แล้วคุณรู้ไหมว่ามีตัวอย่างการแปลมากเท่าไหร่ ที่ฉันต้องทำการค้นหาเพื่อสมัครงาน ฉันเพียงแค่ ไม่มีเวลาที่จะขัดเกลาเขาเท่านั้น แน่นอน ฉันจะทำอย่างถูกต้องมากกว่าทำงานตามความเป็นจริง เนื่องจากฉันจะไม่สิ้นเปลืองเวลาในการค้นหาของฉันสำหรับงานที่ได้รับมอบหมาย

    เขามีเสน่ห์พอไหม

    Natalie McElhearn

    ***

    ฉันแน่ใจว่าเขาสามารถได้งานที่แมคโดนัลด์

    Kirk McElhearn

    ***

    อีกสิ่งหนึ่ง ที่หลายคนทำการส่งเนื้อหาที่ไม่ได้ขอความกรุณาให้กับคุณโดยที่ไม่ได้คิด นั่นคือ คุณอาจจะไม่มีเลขานั่งอยู่ที่นี่ ผู้ซึ่งไม่ดีไปกว่าที่จะทำมากกว่า ที่คัดเลือกผ่านเรื่องไร้สาระที่มาถึง

    นึกถึงวันที่ผ่านมาไม่นานมากเกินไปของฉัน เมื่อฉันได้รับใบสมัครงานที่เขียนด้วยลายมือที่ไม่ได้ขอความกรุณา เกือบจะทุก ๆ วันในเมล์ เพราะว่าพวกเราปรากฎอยู่ในสมุดปกเหลือง ไม่ทุกคน ที่จะรู้ว่าการสมัครงานให้โอกาศแก่พวกเขา ที่จะแสดงความสามารถการประมวลคำของพวกเขา ใครที่พวกเขาคิดตั้งใจที่จะสอนพวกเขา พวกเขาคิดว่ามีบางคนที่นี่ที่จะพิมพ์การแปลของพวกเขาใช่ไหม

    หญิงสาวคนหนึ่งนำเอาปัญหามาให้ เมื่อเธอโทรมาร้องเรียนและทำการว่า ฉันไม่ตอบใบสมัครงานที่ไม่ได้ขอความกรุณาของเธอ เมื่อฉันบอกเธอว่าฉันเพียงไม่มีเวลา เธอต้องการให้ฉันส่งใบสมัครกลับคืนมาให้เธอ มันเป็นใบสมัครงานโดยทั่วไป ที่ประกอบด้วยใบรับรองและใบรายงานผลการศึกษาทั้งหมด ฉันบอกว่าฉันไม่ต้องการที่จะจ่ายเงินเป็นจำนวน 1.50 ดอลลาร์ สำหรับบางสิ่ง ที่ฉันไม่ได้ขอร้อง ซึ่งถ้าเธอต้องการมัน เธอเป็นอิสระที่จะมานำมันไป เธอไม่เคยยอมรับข้อเสนอ ที่ฉันคิด

    Amy Bryant

    ***

    เหตุผล คือ น่าจะไม่นานมากเกินไป อาจจะ10-15 ปีก่อน การเขียนด้วยมือเป็นรูปแบบที่ถูกใช้สำหรับการสมัครงาน อาจจะเป็นไปได้ที่นายจ้างคิดการศึกษาบางสิ่งจากลายมือเขียน จิตใจคุณ ที่ซึ่งตอนนั้นเมื่อฉันอาจจะสั่งใบสมัครงาน แต่ลายมือของฉันแย่มาก ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจที่จะซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของฉันในปี 1983 หรือต่อมา ฉันส่งใบสมัครงานไปเพียงแค่ครั้งเดียว ในระยะเวลา 10 ปีต่อมา โดยการจัดวางรูปเล่มของสิ่งตีพิมพ์ที่สมบูรณ์อย่างแน่นนอน ไม่ได้งานเนื่องจากตัวแทนพิมพ์หลายภาษา สำหรับศูนย์กลางเทคโนโลยีทางชีววิทยาที่นี่ในเวียนนา และ ฉันมีความสุขมากในตอนนี้

    Werner Richter

    ***

    หัวหน้าทรัพยากรมนุษย์ สำหรับศูนย์กลางการแพทย์ลาคอนเนอร์(และตำแหน่งทุกสิ่งทุกอย่างอื่น ๆ ที่นี่ เว้นแต่ การจัดหาการดูแลทางการแพทย์) ฉันต้องการใบสมัครงาน เพื่อที่จะพิมพ์ยืนยัน การสมัคร ที่ซึ่งจะต้องไม่ผิดพลาด ฉันจะไม่สัมภาษณ์นางพยาบาลของเขาที่ป้องกันจดหมาย จดหมายถูกทิ้งด้วยความผิดพลาดในการพิมพ์หรือการสะกดคำผิด แต่ฉันมีแบบฟอร์มสำหรับ พวกเขา เพื่อที่จะกรอกแบบฟอร์มด้วยมือ เมื่อพวกเขามาถึงสำหรับสัมภาษณ์ ที่ซึ่งรวมถึงตอนที่ต้องการ 2-3 ประโยคที่ใช้ด้วยกัน วิธีนั้นฉันได้เห็นการเขียนของพวกเขา และสิ่งอื่นใดหรือไม่พวกเขาสามารถสะกด,เขียน

    ที่กล่าวมานั้น เมื่อลูกชายฉันอยู่ตอนคริสต์มาส มันน่าประหลาดใจสำหรับฉัน เมื่อเขากล่าวว่า เขาอยู่เพียงคนเดียวได้กับคอมพิวเตอร์แล็ปท๊อปในโปรแกรมการแปลทั้งหมด ที่ซึ่งการสอบจะเป็นการเขียนด้วยมือ ลูกชายและหลานชายของนายแพทย์ ลายมือการเขียนของพวกเขาไม่เคยอ่านได้ง่าย อย่างพิถีพิถัน

    เขากล่าวปฏิเสธที่จะมีทุกสิ่งที่ทำด้วยคอมพิวเตอร์ โปรแกรมเสนอหลักสูตรในเทคโนโลยี (TRADOS,แน่นอน) และสาระสำคัญของอินเตอร์เน็ต (อีริคมีข้อดี) แม้ว่าครูคนหนึ่งบอกเขาเพื่อที่จะใช้ดิกชั่นนารี เพราะว่า คุณไม่สามารถถูกต้องทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณพบเห็นในเน็ต เขาคือคณะกรรมการ สาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น การแนะนำสิ่งที่ทุกคนใช้คอมพิวเตอร์สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง

    ทำให้คุณประหลาดใจ

    Susan Larsson

    ***

    Werner

    >เหตุผลคือน่าจะไม่นานมากเกินไป

    >เป็นรูปแบบที่ถูกใช้สำหรับการสมัครงาน นายจ้างอาจจะคิด

    >การศึกษาบางสิ่งจากลายมือเขียน

    ฉันตระหนักว่านี้กำลังเกิดขึ้น เมื่อไม่นานมานี้พอ ๆ กับ 1-2 ปีก่อน โดยตอนนั้นสถาบันสำหรับ การประยุกต์ใช้ที่เกี่ยวข้องกับภาษาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยท้องถิ่น (มหาวิทยาลัย Saarland ใน Saarbruucken เยอรมันนี) กำลังเสนอ กระบวนการประมวลคำ และการฝึกความจำเกี่ยวกับการแปล

    หลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรเลือก แต่ฉันจะผ่านได้ นักเรียนจะได้รับข้อความที่ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างแน่นอน ถ้าพวกเขาต้องการที่จะทำมันในโลกแห่งความจริง

    ปีก่อน ฉันเข้าร่วมกลุ่มนักศึกษาที่ทำงานวิจัยค้นคว้า TRADOS อย่างไม่เป็นทางการ ถูกก่อตั้งโดยวิทยาลัย มันเป็นการดำเนินการในห้องคอมพิวเตอร์ของสถาบัน ฉันเกือบจะอ้าปากค้าง เมื่อฉันเห็น ซอฟต์แวร์ TM ทั้งหมด ที่ติดตั้งในเครื่องจักรเหล่านั้น (อย่างน้อย 5-6 โปรแกรม)

    Amy Brtant

    ***

    มากกว่า 10 ปีก่อน อาจารย์ที่มหาวิทยาลัย McGill กำลังบอกการแปลแก่นักเรียนว่าเขาไม่ยอมรับ

  30. นาย ธนาวุฒิ ธรรมเนียมใหม่ chapter 3 page 49-51 says:

    บทความ:การแปลคือกิจกรรมที่ฉลาดทั้งเข้าใจขบวนการซับซ้อนและไม่เข้าใจการ เรียน พวกเราสามารถเรียนวิถีทางที่แตกต่างและสถาบันการศึกษาควรมีความ
    ยึดหยุ่นและซับซ้อนและมีค่าที่เป็นไปได้่ ดังนั้น การกระตุ้นผ่านช่องทางอันซึ่งนักเีีีรียนแต่ละคนมีการเรียนที่ดี

    ความรู้ความเข้าใจของผู้แปล

    คำถามกำหนดโดยตอนที่ 2 คือ ผู้แปลสามารถทำอย่างไรให้เร็วและสนุกในขณะที่ไม่ช้าลง(เป็นไปได้ในขณะที่ เพิ่มระดับ) เชื่อถือได้? ผู้แปลแปลอย่างไรให้เร็วขึ้น และมีความสนุกในการทำมัน ขณะที่ความก้าวหน้าและความยึดมั่น สมควรที่จะได้รับชื่อเสียงในฐานะผู้แปลที่ดี?

    ขั้นตอนแรก มองแบบผ่านๆสิ่งที่ต้องการแปลด้วยความเร็วและแปลอย่างน่าเชื่อถือได้มี ประสิทธิภาพได้เปรียบกว่าอีกอย่างหนึ่ง การตัดสินสมมุติฐานที่ดี พูดว่า ความเร็วที่คุณทำบางสิ่งนั้น เป็นไปได้มากที่คุณจะทำผิดพลาด ทำงานอย่างช้าๆ เป็นไปได้ที่งานจะมีความเชื่อถือ ความเชื่อถือของผู้แปลไม่ควรจะผิดพลาด ดังนั้น เค้าไม่ควรแปลเร็ว

    แต่การเพิ่มความเร็ว จุดที่น้อยที่สุด แท้จริงผลกระทบสิ่งเดียวที่น่าเชื่อถือเมื่อคุณทำอะไรบางอย่างใหม่ๆหรือไม่ คุ้นเคย บางสิ่งที่คุณตั้งใจอันซึ่งต้องใช้เวลาเป็นประจำ การกระทำที่เก่าและคุ้นเคย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิสัยเคยชิน สามารถกระทำได้ทั้งคู่ความเร็วและน่าเช่อถือ เพราะว่าใช้ความนิสัยมาก คุณสายในตอนเช้า ดังนั้น คุรแปรงฟันของคุณ คุณสวมรองเท้า คุณโยนเสื้อ คว้ากุญแจและกระเป๋าหนังหรือกระเป๋าเงินและวิ่งไปประตู สตาร์ทรถ และไปตามถนน ทั้งหมดนี้ภายใน 2 นาที และคุณลืมอะไรบางอย่าง คุณลืมผูกเชือกรองเท้า คุณลืมยิ้มช้อนส้อมแทนกุญแจ เพราะว่าคุณต้องทำของเหล่านี้ทั้งหมดในเวลามากก่อนร่างกายของคุณนั้นรู้อะไร ที่ทำและทำมัน

    และมีความสำคัญที่เท่ากันระหว่างความจำและการแปล ประสบการณ์ของผู้แปลนั้นเร็วเพราะเค้าแปลมันหลายครั้งนั้นทำมันบ่อยๆ ถ้าไม่ใช่สมองของเค้าทำการแปลบ่อยๆ นิ้วของเค้า พวกเขาคุ้นเคยแหล่งที่มาของภาษา โครงสร้างและพวกเขาแทบจะไม่หยุดก่อนนิ้วพวกเขาจะพาดลงแป้นพิม การทอดควากลายเป็นสิ่งที่ดี-ขาด เป้าหมายของภาษา โครงสร้างมีค่าเท่ากัน ติดกับพจนานุกรมคล้ายว่ามาโดยอัตโนมัติ ปราศจาก สติคิดหรือการวิเคราะห์ ในเวลาเดียวกันผู้ิิแปลไม่คิดทั้งหมด ผู้สังเกตุผู้คอยดูมีความสงสัยเป็นไปได้ไหมที่คิดเร็วๆ? ไม่ มันเป็นไปไม่ได้ คำศัพท์ต้องจากผู้แปลที่ไหนซักแห่ง จากความรู้สึกหรือควาลึกลับในส่วนของสมองปกติของคนที่ขาดในสิ่งนั้น

    คุณควรเคลียร์อย่างไรก็ตาม มันมาก นิสัยหรือความรู้สึก การแปลไม่้เหมือนประเภทของกิจกรรม การใส่รองเท้าหรือการแปรงฟันของคุณ การแปลด้วยความฉลาดบ่อยๆ เมื่อมันดูท่าสติกับการวิเคราัะห์น้อยที่สุด การแปลระดับสูงซับซ้อน กระบวนการความต้องการฉับพลันซึ่งมีการวิเคราะห์หลายชั้น การสร้างประโยค สังคมวิทยาและจิตวิทยาของผู้นำ หรือผู้ฟัง การตอบรับ และวัฒนธรรมที่แตกต่าง ดูเหมือนทั้งหมดภาษาที่ใช้ การแปลความคิดแน่วแน่ ไม่หยุดหย่อน การทวนนวนิยายสถานการณ์และต้องข้องเกี่ยวกันอย่างคาดไม่ถึงปัญหา การแก้ไข และการแปลส่วนมากภาระหน้าที่มหึมาซับซ้อนมากกว่าขอวเขาเหล่านั้น วิลเลี่ยม เอช แคลวิน เขียนใน หนังสือสมองคุณคิดอย่างไร(1996:1,13)

    เพียเก็จใช้การพูดที่ชาญฉลาดคือการใช้เมื่อเค้าไม่รู้สิ่งที่เค้าทำ … ถ้าคุณพบสิ่งที่ดีในการตอบชีวิตของคุรฃณหลายเท่ามาก คำถาม คุณเท่แต่คุณฉลาดมากกว่า หลักเกณฑ์ความคิดอาศัยคุณคิดค้นเองบางสิ่งที่ใหม่ ”การบิน” การจับปัจจัยสำคัญใหม่ๆ การเลียนแบบและงุ่มง่าม ความสามารถที่ต้องการเมื่อไม่คำตอบที่ถูก , เมื่อธุรกิจเป็นปกติแต่ไม่พอใจ ความฉลาดการกระทำโดยไม่เตรียมก่อน ความคิดการแสดงดนตรีแจ็สสดค้อนข้างผลิตผลที่เรียบง่ายเช่น โมสาร์ท หรือ แบช คอนเซอโต้ ความฉลาดคือกระบวนการที่ไม่ได้ตะเตรียมและปราณีตบนระยะเวลาความคิดและการ กระทำ

    หนังสือนี้เกี่ยวกับความฉลาดโดยมันเป็นประโยชน์ในการแปลระดับมืออาชีพ มันค้นคว้าทั้งสอนคุณเกียวกับความฉลาดนั้นแบะทำให้คุณใช้ความฉลาดนั้นได้รวด เร็วและน่าเชื่อถือมากและเส้นทางแห่งความสนุก นี่จะนำซึ่งทั้งการพัฒนาความสามารถการวิเคราะห์ของคุณ และทำให้การเรียนดีขึ้นกลายเป็นทั้งดีขึ้นและเร็วขึ้นที่จะวิเคราะห์บทความ หรือต่อจากบทความเดิมผู้คนและประเภทของกริยาดีขึ้นเพราะความแน่นอนมาก รวดเร็ว เพราะว่าความรู้ตัวของคุณน้อย โดยเฉพาะกระบวนการวิเคราะห์ฺโดยผู้ฝึกหัดค่อยๆเกิดขึ้นกลายเป็นประสบการณ์ มืออาชีพ ในตอนที่ 4 พวกเราจะพัฒนาแบบการสมมุติฐานเพื่อกระบวนการแปลและตอนที่ 5 ผ่านไปถึง11 พวกเราจะเคลื่อนผ่านระดับขอบเขตการสนทนาภายในการแปล ประชากร ภาษา เครือข่ายสังคม วัฒนธรรมที่แตกต่างอันซึ่งกระบวนการที่ต้องประยุกต์ใช้ได้

    ความจำของผู้แปล

    การแปลกิจกรรมที่ฉลาด ความต้องการคิดปัญหา แก้ไขในนวนิยาย บทความ สังคมและสภาพวัฒนธรรม พวกเราควรมองกิจกรรมความฉลาดนี้คือการมีสติบางครั้ง มากกว่้าเวลาที่ไม่มีสติ ภายใต้จิตสำนึกความรู้สึกของเ้รา มันมีความฉลาดน้อยเมื่อไม่ทราบมัน ไม่คิดและไม่วิเคราะห์ นี่ไม่ใช่ความลึกลับของการแปล ความฉลาดที่สูงขึ้นนั้นสร้างความเป็นไปได้สำหรับพวกเราที่จะแปลด้วยความเร็ว น่าเชื่อถือและสนุก คือผลิตผลทางการเรียนรู้ อันที่พูดประสบการณ์ ห้องของความจำในวิถีทางที่ทำง่ายมันเห็นจริง ฟื้นฟูและยืดหยุ่น และ ประโยชน์ที่ใช้หลายอย่าง

    การกระทำไม่มีความหมายนั้นผู้แปลที่ดีต้องมีความจำทางภาษามากๆและความรู้ วัฒนธรรม ความเป็นจริงตราบเท่าที่พวกเรานำความจำที่หมายความว่าจิตสำนึกการตัดสินใจ ที่แน่นอนและท่องจำอย่างเดียวหรือเครื่ื่องจักรการบรรจุความจริงไปยังสมอง ของพวกเรามันตรงข้ามทั้งหมด ผู้แปลต้องมีห้องความจำประสบการณ์ที่ดีและเอาประสบการณ์เหล่านั้นกลับมาใช้ เมื่อต้องการแก้ไขปัญหาการแปลที่ซับซ้อน แต่พวกเราไม่ทำสิ่งนี้โดยความจำ ความจดจำเรียนรู้การทำงานที่แตกต่าง การเรียนรู้อะไรที่เกิดขึ้นเื่มื่อคุณทำบางสิ่งบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสนุกบางสิ่ง แต่บางครั้งไม่สนุก ถ้าประสบการณ์ของเราออกจากสิ่งที่ประทับใจของคุณ ผู้แปลเรียนรู้คำศัพท์วลี รูปแบบและคุณภาพเสียงและภาษาศาสตร์และแผนวัฒนธรรม ขณะที่การแปล ขณะที่การอธิบาย ขณะที่การอ่านหนังสือ หรือคลื่นอินเตอร์เน็ต ขณะที่การสนทนาของผู้คน ขณะที่นั่งเงียบๆและการคิดเกี่ยวกับบางสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นๆ การสื่อสารกับผู้คนในต่างประเทศ พวกเขาเรียนรู้ภาษา ลักษณะภายใน 10ใน1000ของคำศัพท์และวลีและการเรียนรู้สามารถใช้อย่างยืดหยุ่นและความคิด สร้างสรรค์ ในวิถีทางสร้างไหวพริบกับผู้คนรอบๆพวกเขา ปราศจากข้อสังเกตุของเขาเหล่านั้น ”ความจดจำ” ผู้แปลต้นฉบับพวกเขาส่ง อธิบายคำศัพท์นั้นออกจากแหล่งที่มาจากปากของผู้พูดพวกเขาเรียนรู้การย้าย รูปแบบและรูปแบบเหล่านั้นที่กัดกร่อนสมองของพวกเขา ง่ายและฉลาด วิธีเข้าบางครั้ง ปราศจากความรู้สึกตัวนั้นพวกเขามีเช่นหลายสิ่ง ความโดดเดี่ยวเป็นความสามารถที่ชัดเจนของพวกเขาในการวิเคราะห์ การควบคุมแนวทาง ทั้งหมดพวกเขารู้คำศัพท์แน่นอนและวลี การกระตุ้นให้นิ้วทำงานบนแป้นพิมพ์ และการแปลดูเหมือนการเขียนตัวมันเอง หรือการเปิดปากและกระแสของเป้่าหมายบทความออก ขับเคลื่อนโดยกำลังนั้นพวกเขาไม่จำแนกบ่อยเช่นของพวกเขาเอง

    การแทนและขบวนการจำ
    ความจำของผู้ชำนาญจำแนกระหว่างการแทนความจำและขบวนการจำ การแทนความจำบันทึกอะไรที่คุณมีเช่น อาหารมื้อเช้าในตอนเช้า หรือคู่ของคุณบอกว่าให้ไปที่ห้อง โดยเฉพาะเหตุการณ์ ขบวนการความจำช่วยคุณตรวจอีเมลล์หรือขับรถไปทำงาน ช่วยความสามารถปฏิบัติหรือการกระทำนั้นให้เร็วขึ้น สูงขึ้นโดยไม่รู้สึกตัว
    และผู้แปลและผู้อธิบายทั้งคู่ พวกเขาต้องการการแทนความจำเมื่อเขาต้องการจำโดยเฉพาะคำศัพท์ ”คนเยอรมันคือกลุ่มคำอะไร?” หรือดีขึ้น เพราะว่าความซับซ้อนที่มากของบริบทในการกำหนดบุคคลและเหตุการณ์(ดูข้างใต้) ”ชาวเยอรมันทำอะไรกับคอมพิวเตอร์ครั้งสุดท้ายช่วงฤดูร้อนในแฟรงค์เฟิร์ต เรียกว่า กลุ่มคำ?” พวกเขาต้องการขบวนการจดจำเพื่อนทุกสิ่งทุกอย่าง รูปแบบและความสามารถคอมพิวเตอร์ ภาษาศาสตร์ และ ความสามารถการอธิบายวัฒนธรรม แหล่งที่มาบทความ กระบวนการ ภาษาศาสตร์และผลิตผลทางวัฒนธรรมเพื่อเป้าหมายบทความคิดสร้างสรรค์และย้ายรูป แบบระหว่างทั้งสอง

  31. Porn-uma Ponjang says:

    น.ส.พรอุมา ผลแจ้ง
    Page 6-8 Chapter 1

    วิทยานิพนธ์ : การแปลนั้นสามารถสังเกตเห็นได้จากลักษณะภายนอก ซึ่งมาจากทัศนคติของลูกค้าหรือผู้อ่านคนอื่นๆ หรือจากลักษณะภายใน นั่นมาจากทัศนคติของผู้แปล และในขณะที่หนังสือเล่มนี้ได้สร้างทัศนะของผู้แปลเอาไว้ ซึ่งทัศนะของผู้แปลมีประโยชน์ต่อความรู้สึกที่ว่าอะไรคือความต้องการของลูกค้าหรือผู้ที่อ่านของเราและด้วยเหตุใด
    ความรู้จากทัศนะภายในและภายนอก
    การแปลนั้นเป็นสิ่งที่แตกต่างกันสำหรับคนหลากหลายกลุ่ม สำหรับคนที่ไม่ใช่ผู้แปลนั่น ก็เริ่มจากบทความหนึ่ง แต่สำหรับคนที่เป็นผู้แปลเริ่มจากการทำกิจกรรมการแปล หรือเช่นเดียวกับ แอนโทนี่ พลิม (1993: 131, 149-50) ได้ใส่สิ่งเหล่านี้ลงไป การแปลบทความหรือข้อความมาจากทัศนะของความรู้ภายนอก แต่ กิจกรรมการแปล (ประสงค์ที่สรรค์สร้างบทความหนึ่ง) มาจากทัศนะของความรู้จากภายใน
    ทัศนะภายในของผู้แปล
    ผู้แปลคิดพิเคราะห์ และพูดถึงเกี่ยวกับการแปลจากกระบวนการภายใน การรู้วิธีการที่สมบูรณ์ มีความเป็นเหตุเป็นผลในโลกชีวิตจริงอย่างเหมาะสมรวมถึงปัญหาต่างๆ ทางออกของปัญหาต่างๆ และขอบเขตบนปัญหาเหล่านั้น (ผู้แปลมองออกว่า ไม่มีการแปลใดใดที่จะน่าเชื่อถือโดยสมบูรณ์แบบ ตัวต้นฉบับจะเป็นตัวชี้นำ)
    ทัศนะภายนอกของผู้อ่าน
    ผู้ที่ไม่ใช่ผู้แปล (โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อ่านที่รู้ภาษาเดียว หรือเขียนได้เพียงภาษาเดียวในภาษาเป้าหมาย ทั้งโดยตรง และโดยอ้อม ลูกค้า หรือผู้ซื้อหนังสือจะจ่ายสำหรับการแปล ) คิด และพูดถึงเกี่ยวกับการแปลจากกระบวนการภายนอก ไม่รู้วิธีการที่จะทำให้สมบูรณ์ เช่นเดียวกับ แซมมัว จอห์นสัน ครั้งหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า คนที่ไม่ใช่ช่างไม้จะสร้างตู้ให้ดีได้ ก็ต่อเมื่อหญิงหรือชายคนนั้นได้เห็นตู้นั้นเสียก่อน
    จากทัศนะภายในของผู้แปล กิจกรรมการแปลเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ซึ่งเป็นกระบวนการของการกลายเป็นผู้แปลที่ดี จะรับฟัง และจัดการกับความต้องการที่จะแปลโดยเฉพาะ ทำการค้นคว้า เชื่อมโยง การแปลถ้อยคำ วลี และ รูปแบบของภาษาต่างๆ เรียบเรียงการแปล การเสนอบทความอันเสร็จสิ้นต่อนายจ้าง หรือลูกค้า การคิดราคาลูกค้าสำหรับผลงานที่สมบูรณ์ และได้รับค่าจ้าง แน่นอนว่าบทความเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการนั้น แม้แต่บางทีส่วนที่สำคัญที่สุด ก็ไม่เป็นส่วนประกอบของทั้งหมด
    จากทัศนะภายนอกของผู้ไม่ใช่ผู้แปล บทความเป็นผลงาน หรือ เป็นสินค้าที่สำคัญมาก และในขณะที่หนังสือเล่มนี้เริ่มเกี่ยวข้องกับ (และแน่นอนว่าถูกเขียนจาก) ความรู้ภายในของผู้แปลเอง ดังนั้นด้วยกิจกรรมของการแปล ผลสุดท้ายเป็นตำราเรียนสำหรับผู้ศึกษาการเป็นนักแปล ตำราเรียนคุ้มค่าที่จะเผยแพร่ทัศนะภายนอกอย่างย่อไว้ในบทที่ 1 ถ้าเพียงจำแนกอย่างชัดเจนจากผู้แปลจะทำให้เข้าใจมากขึ้นและเข้ามาใกล้ส่วนที่เหลือของหนังสือเล่มนี้ คนที่มีความสามารถจัดสรรความคิดและการสอนเกี่ยวกับการแปล ในอดีตถูกควบคุมโดยความรู้จากภายนอกเป็นอะไรที่จำเป็น บทความทำให้เข้าใจและเข้าใกล้ยิ่งขึ้น นั่นอาจจะคิดถึงความสนใจต่อผู้ไม่ใช่ผู้แปลมากกว่าผู้ที่แปลอย่างมาก อันที่จริง ทัศนะภายนอกเหล่านั้นมีหลายหนทางที่จะมามีขอบเขตของอิทธิพล
    เพียงพอที่จะขัดแย้งกับความจริง ตามรูปแบบเข้าใกล้เป็นหลักความต้องการของผู้อ่านที่ไม่ได้แปลสำหรับจำพวกบทความมักชอบเพียงแต่ที่จะเพ็งเล็งไปที่หนึ่งในความต้องการของผู้อ่าน ก็คือ ความน่าเชื่อถือ (บ่อยครั้งที่เรียกว่า “ความเสมอภาค” หรือ “ความซื่อสัตย์”) ทำให้ผู้ใช้เข้าใจอย่างเต็มที่ที่จะเข้าใกล้การแปล ซึ่งจะยอมรับที่ว่าความเหมาะสมแก่เวลา และราคา เป็นปัจจัยที่สำคัญเท่าเทียมกัน ลองพิจารณา 3 ด้านของการแปลนี้ดูเป็นการสังเกตเห็นได้จากภายนอก ความต้องการของผู้ใช้ที่จะมีบทความที่ถูกแปล อย่างน่าเชื่อถือ อย่างรวดเร็ว และ ในราคาต่ำ ตามลำดับ
    ความน่าเชื่อถือ
    ผู้อ่านการแปลต้องการที่จะสามารถไว้วางใจบนการแปลได้ พวกเขาต้องการที่จะสามารถใช้การแปลเป็นพื้นฐานที่น่าเชื่อถือได้สำหรับการกระทำ ในเหตุผลที่ว่าถ้าพวกเขาได้กระทำบนความเชื่อที่ว่าการแปลให้ประเภทข้อมูลกับพวกเขา ซึ่งพวกเขาต้องการเกี่ยวกับต้นฉบับ ซึ่งการกระทำนั้นไม่เป็นผลเนื่องจากการแปล และผู้อ่านต้องการที่จะสามารถคาดหวังกับผู้แปลที่ไว้วางใจได้ เสนอการแปลที่น่าเชื่อถือได้โดยกรอบของเวลา ได้รับความช่วยเหลืออะไรก็ตามที่ต้องการที่จะจัดการในกรอบเวลาที่กำหนด และสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้และมีประโยชน์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้อ่าน ลองดู 2 ด้านของการแปลน่าเชื่อถือนี้ที่แยกออกจากกัน

    ความน่าเชื่อถือของต้นฉบับ
    ความน่าเชื่อถือของบทความเกิดจากผู้อ่านมอบความไว้วางใจให้ในบทความ หรือสนับสนุนคนอื่นๆให้ไว้วางใจในบทความอีก เป็นการแสดงออกหรือการถอดแบบของต้นฉบับ ที่ใส่ความแตกต่างกัน ความน่าเชื่อถือของบทความอยู่ที่ความเต็มใจของผู้อ่านที่จะเป็นพื้นฐานการกระทำในอนาคตบนข้อสันนิษฐานของความเกี่ยวข้องกันระหว่าง ต้นฉบับกับฉบับที่แปล
    ยกตัวอย่างเช่น ถ้าการแปลเป็นสิ่งที่นำเสนอ ผู้อ่านเชื่อถือบริษัทนี้มาก ผู้ที่เสนอสร้างความน่าเชื่อถือ ในกรณีนี้หมายความว่า การแปลอย่างแม่นยำคือการแสดงออกอย่างถูกต้อง อะไรที่บริษัทต้องการจากการแปลคือความไว้วางใจได้เป็นหลักสำคัญสำหรับการกระทำ การถอดความที่อธิบายรายละเอียดอย่างพิถีพิถันในทุกๆด้านของการนำเสนอนั้นสัมพันธ์ต่อการตัดสินใจหรือไม่ที่จะยอมรับสิ่งนั้น ถ้าการแปลทำเสร็จภายในหน่วยงาน หรือถ้าลูกค้าให้คำสั่งเจาะจง บริษัทตัวแทนหรือผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ ผู้แปลอาจจะอยู่ในตำแหน่งที่จะสรุปข้อความให้แน่ใจ ขณะที่ทำอย่างพิถีพิถันในการปิดการอ่านอย่างมั่นใจในข้อความอื่นๆที่เป็นหัวใจสำคัญ

    หรือถ้าการแปลเป็นผลงานประพันธ์ชิ้นเอกที่ผู้ใช้อาจจะเป็นคุณครูหรือนักเรียนในชั้นเรียนหนึ่ง กำลังอ่านและอภิปรายบทความหรือข้อความนั้น ถ้าในชั้นเรียนนั้นถูกสอนในสำนวนที่เป็นภาษาแม่ หรือเปรียบเทียบในแผนกวรรณคดี “ความน่าเชื่อถือ” อาจจะหมายความว่า ผู้อ่าน เห็นด้วยกับการกระทำนั้นยังกับการแปลเป็นเหมือนบทความต้นฉบับจริงๆ สำหรับจุดประสงค์นี้ การแปลที่ว่าอ่านประหนึ่งถูกเขียนโดยแรกเริ่มในภาษาเป้าหมาย จะเป็นไปได้เพียงพอ ถ้าชั้นเรียนนั้นเป็นการแบ่งที่สูงขึ้น หรือจบหลักสูตรการสอนในภาษาสมัยใหม่ หรือแผนกคลาสสิค “ความน่าเชื่อถือ” ก็อาจจะหมายถึง การแปลที่ถูกต้องตามโครงร่างการสร้างประโยคของต้นฉบับ และเนื่องด้วยเหตุนี้เองจะช่วยนักเรียนในการอ่านบทความยากๆในภาษาต่างประเทศ สำหรับวัตถุประสงค์นี้บทแปล หรือการเชื่อมต่อระหว่างบรรทัดที่หลากหลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เหมือนกับ การแปลNew Testament ถูกตีพิมพ์ สำหรับช่วยเหลือการกุศลของโรงเรียนสอนธรรมมะของกรีก ผู้ที่ต้องการติดตามบทความต้นฉบับของกรีกด้วยคำต่อคำ หรือด้วยการแปลของแต่ละคำที่ถูกเขียนออกมาโดยตรง ใต้คำที่แสดงนั้น

    หรือถ้าการแปลเป็นการเลียนแบบโฆษณา ผู้อ่านอาจจะอยู่ในแผนกการตลาดในตัวบริษัทแม่ หรือนักธุรกิจท้องถิ่นนั้น ทั้งสองอาจคาดหวัง สันนิษฐานการแปลอย่างน่าเชื่อถือได้ ที่จะขายผลผลิตหรือการบริการต่างๆ โดยปราศจากความเป็นไปไม่ได้ หรือ ไม่น่าจะเป็นความจริง หรือ เรียกร้องอย่างผิดกฎหมาย หรืออาจจะเป็นลูกค้าผู้มุ่งหวัง ซึ่งเป็นผู้ที่คาดหวังการแปลที่แสดงถึงผลงาน หรือการบริการโฆษณาที่น่าเชื่อถือ ในด้านความหมายนี้ ถ้าลูกค้าซื้อผลงานชิ้นหนึ่ง พวกเขาจะไม่รู้สึกว่าการแปลนั้นมีการบริการที่บิดเบือนข้อเท็จจริง หรือผลงานยังเป็นที่นิยมอยู่

    แม้ว่าพวกเราเห็นที่อ้างอิงข้างบนแล้ว แต่การอภิปรายในเรื่องบทความของความน่าเชื่อถือนี้เป็นการลงทุนตามขอบเขตรูปแบบดั้งเดิม ที่เรียกว่า “ความถูกต้องแม่นยำ” หรือ “ความมีนัยตรงกัน” หรือ “ความตรงตามต้นฉบับ” ในความเป็นจริงคำศัพท์เหล่านี้เป็นชวเลข เหมาะสำหรับความน่าเชื่อถือที่หลากหลายอย่างกว้างขวาง ที่จะควบคุมทัศนะของผู้อ่านบนการแปล มีความน่าเชื่อถือของต้นฉบับแต่ละชนิดที่แตกต่างกันออกไป ก็คือไม่มีมาตรฐานเพียงอันเดียวสำหรับการแปลที่ไว้วางใจได้ แน่นอนว่า ไม่มีรูปแบบตายตัวที่เรียบง่าย สำหรับสรุปความหมายในภาษา (การสร้างประโยคเท่านั้น) “ความมีนัยตรงกัน” สามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างง่ายและไม่เป็นปัญหาในทุกๆกรณี ประเด็นทั้งหมดนี้ผู้ใช้ที่ไม่ได้แปล ก็คือ การแปลนั้นจะเชื่อถือในวิธีนั้นๆได้มากหรือน้อย ชายและหญิงคาดหวัง (บางครั้งไม่รู้ตัว) ความถูกต้องแม่นยำ หรือ มีประสิทธิภาพ หรือ ทั้งสองอย่างรวมกัน การอ่านตามตัวอักษรอย่างยากเย็น หรืออ่านได้อย่างง่ายดายในภาษาเป้าหมาย หรือภาษาที่อยู่ในช่วงการพัฒนา นี่คือจุดประสงค์ของชายและหญิงสำหรับความไว้วางใจในบทความ

    บทความนั้นที่สนองความต้องการจะถูกเรียกว่า การแปลที่น่าเชื่อถือ หรือ ประสบผลสำเร็จ ยิ่งกว่านั้นถ้าผู้อ่านคนอื่นๆก็จะคาดหวังที่แตกต่างกัน จะพิจารณาผลงานได้ไม่ดี หรือไม่เป็นผลสำเร็จ บางบทความที่ถูกพิจารณาล้มเหลวโดยผู้อ่านบางคน เพราะบทความนั้นไม่พบสิ่งที่เขาต้องการที่น่าเชื่อถือได้ บางทีอาจมีชื่อเสียงที่ดีอย่างพรั่งพรู เป็นของใหม่ ไวต่อการเปลี่ยนแปลง หรือถูกต้องแม่นยำอย่างสูง โดยผู้อ่านคนอื่นๆก็เป็นได้

    บางทีบทความไม่เป็นที่พึงปรารถนา แต่คงจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ว่าแบบมาตรฐานจัดสรรไว้ครอบครองสำหรับหนึ่งกลุ่มของผู้อ่าน หรือ ใช้สถานการณ์ต่างๆ สามารถสรุปอย่างกว้างๆเพื่อที่จะประยุกต์ใช้ได้ทั้งหมด เพราะผู้ใช้บางคนต้องการแปลตามตัวอักษร ตัวอย่างเช่น ความคิดที่เผยแผ่ไปว่า การแปลนั้นไม่แปลตามตัวอักษรทั้งหมด และเพราะบางกลุ่มต้องการความหมายในภาษา (เป็นเหตุเป็นผล) ความนัยตรงกัน หรือความคิดที่ว่าการแปลเป็นเจ้าของความหมายในภาษา ไม่ใช่แนวทางในการแปลได้ทั้งหมด

  32. Hattaya Jaichum says:

    นางสาวหัทยา ใจชุ่ม ปอส. 3-1 (51501030068-6)

    หน้า 9
    ดังต่อไปนี้มีการเล่าในอีกรูปแบบหนึ่งของงานเขียนที่เป็นอมตะสำหรับเด็กอาจจะแยกตามตามประเภทการปรับตัวแทนที่งานแปลและการโฆษณางานแปล ทำให้หันเหไปอย่างน่าสะดุดตาจากต้นฉบับดั้งเดิมเพื่อที่ว่าตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้อ่านหรือผู้ชม (เช่น การขายสินค้า หรือ การบริการ) อาจจะคำนึงถึง บทความใหม่ๆ แทนที่จะเป็นการโฆษณางานแปล
    แต่ละผู้ใช้ในการแปลค่อนข้างที่จะจำกัดทัศนพิสัยของเธอหรือเขาเกี่ยวกับสถานที่ตั้งโดยจำเป็นค่อนข้างที่จะพิถีพิถันพอสมควรจมดิ่งอยู่กับความเชื่อที่มีอยู่พอสมควร จริงๆแล้วเธอหรือเขาไม่ได้ต้องการทั้งหมด แต่ต้องการความเรียบง่ายและคุณสมบัติที่แท้จริงของมันต่างหาก งานแปลทั้งหมดคือ Thus และ Such เพราะนั่นคืองานแปลที่ต้องการจะเป็น และแตกต่างกันอย่างไร สามารถแปลแตกต่างกันได้อย่างไร? ในความเป็นจริงพวกเขาสามารถทำให้แตกต่างได้ จริงๆแล้วผู้ใช้มีความคาดหวังในสิ่งอื่นๆ อีก
    ความผิดพลาดนี้เกือบจะเป็นแหล่งขยายแพร่หลายอย่างแน่นอนความคิดที่ซื่อสัตย์นั้น มีประสาทสัมผัสที่พอดิบพอดี มีความสอดคล้องระหว่างต้นฉบับกับงานแปล นั่นแหละคือเป้าหมายของนักแปล ในความคิดเบื้องต้นเมื่องานแปลโดยเฉพาะสินค้าหรือว่าวัตถุดิบ (แทนที่จะเป็นกิจกรรมหรือว่ากระบวนการ) และเมื่อความน่าเชื่อถือของสินค้านั้นระยะเวลาหวุดหวิดความสอดคล้องระหว่างต้นฉบับ (แทนที่ความเป็นไปได้ของการแลกเปลี่ยนสเปคตรัม)
    ต้นฉบับงานแปลที่น่าเชื่อถือครอบคลุมเนื้อหาอย่างมีขอบเขตจากการเขียนใหม่เป็นอย่างมาก โดยต้องถูกต้องแม่นยำและสม่ำเสมอ นักแปลประมาณหนึ่งมักจะไม่มีห้องเกี่ยวกับอาชีพการแปลสำหรับทักษะและทัศนคติเป็นไปอย่างมีเหตุมีผล สัมผัสต่อสัมผัสของการแปลคือการแปล เพราะฉะนั้นนักแปลจึงไม่เคยคาดหวังที่จะแก้ไข สรุปความ อธิบายประกอบ หรือเลียนแบบบทความ
    ในระหว่างที่ความพยายามบางอย่างของผู้ใช้ในการศึกษาน่าจะมีความสำคัญ โดยปกติมักเป็นอะไรที่ง่ายๆสบายๆ สำหรับงานแปลดั้งเดิม เพื่อที่จะตรวจสอบการเปลี่ยนเกียร์ (ทำให้แน่ใจ) อะไรคือสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการหรือขาดหวังและตระเตรียมสิ่งนั้นไว้ให้ โดยปราศจากความพยายามเพื่อให้ความกระจ่างแก่ผู้ใช้เกี่ยวกับความไม่แน่นอนและความแปรปรวนเช่นนั้นกับสิ่งที่คาดหวัง ผู้ว่าจ้างจำนวนมากเรียกร้องถึงความไม่มีเหตุผล ไม่สมจริง เป็นไปไม่ได้ในหลายๆครั้ง เมื่อการจัดการการตลาดของความต้องการบริษัทระหว่างประเทศ นั่นเป็นการรณรงค์โฆษณาในความแตกต่างทั้ง 14ภาษาอย่างเดียวกันดั้งเดิม และนักแปลทั้ง 14 ภาษาแสดงให้เห็นถึงความต้องการโดยสิ่งที่จัดเตรียมไว้ให้ตามพื้นหลังของตัวอักษรในงานของเขา ในขณะนั้นนักแปลจะตัดสินหรือไม่ พวกเขาพร้อมที่จะลงมือทำงานเหล่านั้นทั้งหมด และถ้าพวกเขาเข้าใจในงานเหล่านั้นทั้งหมด ทำให้เกิดความพอใจแก่ผู้ว่าจ้างโดยปราศจากการนัดพบโดยสิ้นเชิงเขาหรือเธอโดยไม่ต้องการเหตุผล
    สำหรับความเป็นจริงในการแปล ภายในความรู้สามารถทำได้อย่างยากเพื่อทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นต่อทัศนพิสัยภายนอกของผู้ที่ไม่ใช่นักแปล ผู้ซึ่งได้มาจากรายได้ทั้งหมด เช่น แอนโทนี่ พาม (1993: 149) เป็นการแซวในประโยคสนทนากับผู้ว่าจ้าง มันเป็นสัมผัสเล็กๆ เพื่อเน้นองค์ประกอบของจินตนาการเพื่อการเป็นล่ามในงานแปลทั้งหมด นี่จะเป็นการเข้าใจผิดจากมุมมองของผู้ว่าจ้างภายนอกเท่านั้น “creative interpretation” สะกดอย่างเด่นชัดทำให้ผิดไปจากดั้งเดิม และต่อไปนี้จะดูเป็นบทความที่ไม่น่าเชื่อถือจากงานแปล

    หน้า 10
    ประเภทของบทความที่น่าเชื่อถือ
    1) การยึดถือตามตัวอักษร
    งานแปลควรติดตามคำศัพท์ดั้งเดิม คำต่อคำ หรือปิดที่จะทำให้เป็นไปได้เกี่ยวกับโครงสร้างของแหล่งที่มา บทความเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดในงานแปล
    2) ประเพณีชาวต่างชาติ
    เพื่อให้การอ่านงานแปลสมบูรณ์ราบรื่นแต่อาจจะทำให้รู้สึกแปลกประหลาดนิดๆ สามารถทำให้บอกเล่าถึงการอ่านได้ นั่นคืองานแปลไม่ใช่ต้นฉบับ
    3) ความคล่องแคล่ว
    งานแปลซึ่งหาได้กับการอ่านเพื่อเป็นเป้าหมายทางด้านภาษาผู้อ่านต้องการที่จะอ่านเป้าหมายที่แท้จริงของภาษา มันไม่เคยที่จะหยุดหรือว่าสะท้อนกลับไปจากความจริงเลยแม้แต่นิดเดียว
    4) การสรุปใจความ
    งานแปลนั้นปกคลุมไปด้วยประเด็นหลักและใจความสรุปที่เป็นแบบดั้งเดิม
    5) คำอธิบาย
    งานแปลสามารถคลี่คลายเพื่อซ่อนความยุ่งยากของต้นฉบับโดยมีส่วนเกี่ยวข้องกันอย่างถี่ถ้วนและยังคงเหลือคงไว้อยู่ แม้ไม่ได้กล่าวถึงต้นฉบับ
    6) การสรุปและการอธิบาย
    การสรุปงานแปลอย่างย่อ ในขณะที่การอธิบายอย่างใกล้ชิดสิ่งนั้นๆ บทความที่เป็นต้นฉบับนั้นมีผลกระทบกับผู้ใช้มากที่สุด ส่วนที่มีความสำคัญน้อยที่สุดของบทความคือการสรุป
    7) ฉบับปรับปรุงใหม่
    งานแปลที่นำมาเขียนใหม่แสดงถึงความปารถนาและผลกระทบของผู้ชม นั้นมีความแตกต่างเป็นอย่างมากจากต้นฉบับ และเมื่อหนังสือสำหรับผู้ใหญ่นั้นถูกดัดแปลงมาให้เป็นหนังสือสำหรับเด็ก การเขียนบทความถูกดัดแปลงมาสำหรับโทรทัศน์ หรือรูปแบบการโฆษณาถูกเชื่อมโยงมาสู่ตัวสินค้าพร้อมกับขัดเกลาโดยทั้งหมดแตกต่างกับภาพพจน์ของ Sophistication จากแหล่งที่มาของเป้าหมายในด้านภาษา
    8) การสร้างรหัสลับ / การนำข้อความมาเข้ารหัส
    งานแปลที่ถูกเขียนใหม่จากต้นฉบับเพื่อซ่อนความหมายหรือข้อความจากคนหนึ่งกลุ่ม ในขณะที่ยังคงสามารถเข้าถึงคนอีกกลุ่มหนึ่งได้ง่าย นั่นแหละเป็นกุญแจของเจ้าของงานแปล

    หน้า 11
    “การเป็นล่ามที่มีความคิดสร้างสรรค์” ความเป็นจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ทังหมดเกี่ยวข้องกับกระบวนการเขียนบทความหรือการจบการศึกษาของการเป็นนักแปลและอยู่ไกลออกไป สัมผัสของนักแปลมักจะต่อต้านมากหรือน้อยต่อกิจกรรมของเขาหรือเธอ
    เมื่อความถูกต้องอย่างโดดเดี่ยวเป็นความกว้างของสัญลักษณ์…….(โดย ไมเคิล เบนิส)
    ความถูกต้องแม่นยำเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่ดีของการแปล แต่มันไม่สามารถรับประกันได้ว่างานเขียนนั้นจะมีประสิทธิภาพ
    การฝึกการเขียนเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความหลากหลายอย่างยิ่งสำหรับหลายๆสิ่งจากคู่มือทางเทคนิคเพื่อการพูดและการโฆษณา ในความหมายของผู้อ่านด้วยความคาดหวังต่างกันเพราะความแจ่มแจ้งและความมีประสิทธิภาพของบทความ ถ้ามีการเขียนใหม่ที่สอดคล้องหรือเหมาะสม
    ผลประโยชน์ที่โดดเด่น รวมถึงการใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ เมื่อสิ่งนั้นผ่านไปแล้วในเวลาเดียวกันของการแปล แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของทั้งหมด คุณสามารถแน่ใจกับงานเขียนใหม่จะไม่แปลความหมายเกินไปจากต้นฉบับดั้งเดิม คล้ายเกมของ “Chinese whispers”
    นั่นเป็นค่าใช้จ่ายอย่างธรรมดามากกว่า “straight translation” แต่เมื่อคุณตัดสินใจถึงความแตกต่างของสินค้าที่เป็นภาพลักษณ์พื้นฐาน ในทุกวันนี้การตลาดพัฒนาเต็มที่มันเป็นการลงทุนที่ยาวไกลสำคัญและมีประสิทธิภาพสูงสุด
    ผลกระทบเล็กๆน้อยๆ ของภาพลักษณ์มีประสิทธิภาพสูงสุดของการติดต่อสื่อสาร ทำให้มั่นใจพวกเขาคือการดูแลรักษามือ

    ความน่าเชื่อถือของนักแปล
    บทความไม่ได้เป็นแค่องค์ประกอบสำคัญของความไว้เนื้อเชื่อใจเท่านั้นสำหรับผู้ใช้ แต่นักแปลควรที่จะมีความน่าเชื่อถืออีกด้วย
    การประกาศนั่นคือรายการที่เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดเพื่อเป็นประเพณีความต้องการ นั่นคือนักแปลต้องถูกต้องแม่นยำ และจริงๆแล้วยังยับยั้งความต้องการภายใน ใต้ความสนใจสู่รายละเอียด แต่นั่นเป็นความคิดที่มีความต้องการมากของความน่าเชื่อถือกว่าเพียงแค่สิ่งที่คาดหวัง นักแปลควรทำงานบนความถูกต้อง คำที่มีความหมายใกล้เคียงกันที่ดีที่สุดสำหรับนักแปลที่มีความน่าเชื่อถือย่อมจะไม่ “ถูกต้องแม่นยำ” แต่เป็นผู้ที่มีความชำนาญ นักแปลที่มีความน่าเชื่อถือมักจะมีหลายทางเลือกในการปลอบประโลมพวกเขาหรือว่าพวกเธอคล้ายกับมืออาชีพ ผู้ว่าจ้างจะถามเกี่ยวกับการสรุปและการได้รับที่แม่นยำและเป็นประจำงานแปล จะไม่เรียกนักแปลที่มีความน่าเชื่อถือ ในความเป็นจริงอาจจะไม่เรียกนักแปลอีกครั้ง นักแปลที่มีความอ่อนไหวและอเนกประสงค์จะยอมรับ เมื่อมอบหน้าที่ความต้องการบางอย่าง นอกจากนี้ “ความต้องการ” ต่างกันจากการสรุปหรือการอธิบายหรือการปรับปรุง ลักษณะประเภทที่หลากหลายของความนึกคิด และถ้าผู้ว่าจ้างไม่สามารถชี้แนะให้กระจ่างแจ้ง จะทำให้แน่ใจก่อนที่จะเริ่มงาน

  33. Wannapa Sae-Heng says:

    Chapter7 p.134

    ดี ในทางเลือกนั้น คำแนะนำอื่นๆ มักถูกใช้ สำหรับทุกๆคน ดูเหมือนจะเป็นอันขวา คุณไม่เพียงเกลียดลูกปืนเหล่านั้น หลังจากการส่งมอบเอกสารคำลูกปืน 10,000ลูกแต่เช้ากว่าสัปดาห์นี้

    มิเชลล์
    สถานที่ ที่น้อนที่สุดอยู่ในฝรั่งเศส (และฉันรู้ตั้งแต่ทำงานในร้านอาหาร เพื่อที่จะหาเงินจ่ายค่าการศึกษาของฉันพี่ชายและฉัน ฉันได้เป็นเจ้าของภัตตาคารอาหร25ปี การตั้งค่าของกินอาหารเครื่องเย็น (ไม่เพียงเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร โอ่งมัสตาร์ด อื่นๆ ถูกสะอาด และทุกสิ่งทุกอย่างนั้นพร้อมกับการบริการ) มันทำโดยพนักงานเสริฟ์ ใช้ห้องครัว ตลอดเวลาของสถานที่หรือเช้ากว่าอาหารที่จะเตรียม อื่ๆ พวกเขาไม่ต้องอะไร ที่จะทำกัยกับสถานที่โดยตัวมันเอง มันดูเหมือนว่าถึงฉันนั้น นี่เอกสารอิตาเลี่ยน เครื่องแสดงฝรั่งเศส สถานที่มิส เอน แทนที่จะมาก แต่ถูกใช้ความหมายว่าจะเป็นการให้เนื้อความว่า คือพวกเขาน่าดูเกี่ยวกับโต๊ะ การกำหนดการจัดที่นั่งใช่ไหม
    กางเกงผ้าใบ มันคือความสอดคล้อง การขอบคุณกางเกงผ้าใบ มิเชล ไดแอน เคริค์ และเดนนิส (ฉันพลาดใครสักคน) ฉันยอมรับกางเกงผ้าใบที่อิตาเลี่ยนผู้ประพันธ์เอกสารต้องถูกใช้มันดีกว่า
    เห็นด้วยมาก
    เอมี่
    (จากเอกสารสำคัญของแลนตร้า แอล เดือนกุมภาพันธ์1, 2002)
    ทรัพยากรให้คุณขัดกัน คำตอบ คุณรู้พจนานุกรม และฐานข้อมูลภาคเรียนเล่มนั้นโดยธรรมชาติไว้ใจทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้ และผลลัพธ์ของพวกเขาต้องตรวจ คุณจะตรวจพวกเขาอย่างไร คุณทำอะไรมากที่สุดเกี่ยวกับมืออาชีพผูแปลใ ทำอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ คุณค้นหาอยู่บนข้อกำหนดการต่างๆ และตรวจดูการตีจำนวนเท่าไหร่ คุณได้สำหรับในแต่ละ1 200,000 หรือ 2 ถ้าคุณได้เพียงเล็กน้อย พวกเจาน้อยที่สุดที่อยู่ในเว็บไซต์สร้างและเขียนโดยกำเนิด ไมโครโฟนภาษาเป้าหมายของคุณใช่ไหม เนื้อความที่แตกต่างคำไหน หรือวลีไหน

    หน้า135

    ปรากฎดูเหมือนว่าบางอย่างเหมือนอยู่ในข้อความข้อมูลของคุณ ถ้าคุณได้100 ของ1000ของการตีการเก็บเล็กน้อย ดูเหมือนว่าคล้ายข้อความของคุณและการศึกษาของพวกเขาอย่างปิด และตอนนี้ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่คุณต้องตัดสินใจ อันไหน 1 คือสิทธิ โรงงาน ดรงงานไหนดีที่สุด การให้ต้นฉบับทั้งหมดแสดงหลักฐาน อยู่บนพื้นฐานของอันไหน คุณมีคำนามสร้างความรู้สึกที่ซับซ้อนอย่างซับซ้อน ที่ตลาดนัดบัญชีซื่อคุณกำลังทำงานใน ใครสักคนอันไหนรู้สึกดีที่สุดอยู่ในเนื้อความเฉพาะของคุณ หรือการวางที่อยู่ในข้อตกลงของการทำงาน
    (อีกครั้ง ใครสักคนอันไหนรู้สึกชอบ มันจะได้ถูกใช้โดยผู้คนที่ทำงานในประเภทนี้ (ถูกกฎหมายหรือเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลหรืออะไรก็ตาม) สำหรับการอาศัย ปัญหาได้ถกเถียง ผู้แปลกับ การใช้ถ้อยคำ คำถามคือว่า การได้คำตอบขอใช้ที่ใดก็ตามจากหลายชั่วโมงถึงหลายวัน การจบของกระบวนการคุณจะรู้มากกว่า คุณต้องรู้ประมาณปัญหา อย่างจริงจัง ถ้าคุณทำงานในหลักภาษา ) แต่กระบวนการขอใช้นานกว่า คุณสามารถมีเวลา คะแนนสุดท้าย1คะแนน อยู่ใต้ การกระเกณฑ์ ผู้แปลมืออาชีพด้วย และสำหรับความน่าเชื่อ อยู่ในพื้นที่ต้องการเสียงเหมือนกัน อยู่กลุ่มพื้นที่การอภิปราย ใครสักคนอ่านเป็นครั้งเป็นครั้งคราวจากผู้แปล คุณต้องชอบที่จะแปล แต่จริงๆต้องทำงานที่บ้าน หน้าแปลที่ซับซ้อนจะกระตุ้นของเนื้อหา แต่พวกเขาต้องทำกับข้อเท็จจริง ดูเหมือนว่าปรากฎชัดในเรื่องความรู้ทั่วไปอย่างใช้การได้จริง บางทีมากที่สุด โรงงานผู้แปลที่บ้าน จะไม่เป็ยผู้แปลเรียบร้อย บุคลากรถามคำถาม อยู่ในคำอื่นๆ ไม่เสียงชอบของผู้แปลและอย่างน่าจะเป็น ไม่โครงงานดดยปราศจากความน่าเชื่อ มันจะเป็นไปได้อย่างตามความจริงที่จะทำการอาศัยกรแปลที่บ้าน ทั้งหมดวิธีของวิชานี้คือ เป็นไปด้วยความหวัง
    ความต้องการผู้ที่เพิ่งเป็นที่จะเรียนรู้คุย เพื่อความชำนาญของผู้แปล ที่ข้อแม้แต่เหมือนสิ่งสำคัญในเรื่อง ความสามารถในความเป็นจริงที่จะแปลใช่ไหม อยู่ในข้อตกลงการงานได้ กลุ่มการอภิปรายผูแปลคือสถานที่ดี1แห่งที่จะเรียนรู้นี้ ตัวเองในการเขียนการมีส่วนรวม คุณเขียนชอบผู้แปล ไม่คุยเหมือน1การปรึกษาผู้แปล และผู้แปลควรฝึกฝนโปรแกรม คือสถานที่ดีเยี่ยมอื่นๆสำหรับการเรียนความชำนาญ สำคัญมาก ถ้าคุณเก็บหูของคุณเปิดและสร้างเป็นรูปขึ้น การพูดและพฤติกรรมจะอยู่ระดับมืออาชีพรอบคุณ
    การใช้ถ้อยคำการศึกษา (การหักออก)
    ถ้าประสบการณ์คือครูที่ดีที่สุด ความหมายอย่างนั้น ดดยวิธีพิจารณาจากหลักทั่วไป ห้องเหมือนทรัพยากรในการเรียนเป็นพิเศษไหม พจนานุกรมและอุปกรณ์ เครื่องมือเอกสารอ้างอิงอื่นๆ และตามเหตุผลงานอยู่บน การใช้ถ้อยคำการจัดการให้ประสบผลสำเร็จ ไม่มีที่ทั้งหมด
    สำคัญที่จะจำ ทุกสิ่งประสบ(พวกเราไม่เคยสิ่งประสบไม่ และประสบการณบางประสบการณ์รวยกว่า

  34. Thamonlak Luangchuang says:

    แปลใหม่
    chapter 6
    หน้า 120-122 และ 126

    หน้า 120
    ความต้องการของลูกค้าคือสิ่งที่ซับซ้อนอย่างสุดขีด (บริษัท หมายถึงบริษัทที่ให้คำปรึกษาหรือตัวแทนการแปล คนผู้นี้คือคนที่คิดอย่างเด่นชัดที่จะทำงานของเธอด้วยตนเอง ถ้าฉันไม่ได้ทำอะไรผิด นั้นก็คือฉัน
    อีว่า
    ***
    สวัสดีคุณอีว่า
    เข้าไปตรวจสอบได้ที่ http://wwwww.co.eaton.mi.us/ecpa/proslist.htm
    (ธนายความนำเนินคดี ธนายความเขต ธนายความทั่วไป และ ธนายความแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา)
    โชคดี คุณไมเคิล ริง
    มันเป็นสิ่งที่สำคัญ ขณะที่ประสบการณ์ “ การคาดคะเน” ของคนที่มีผลกระทบโดยตรงต่องานของนักแปลที่มีประโยชน์มากที่สุดในงานนั้นอยู่ตลอด มันไม่ได้เป็นไปได้เสมอ(เป็นไปไม่ได้เสมอ) ที่จะทำนายผู้คนเหล่านั้นจะได้เจริญก้าวหน้า บรรดาผู้แทนหน่วยงานใหม่และลูกค้าที่มาโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า ผู้ที่เป็นล่ามจะถูกถามให้แปลให้สิ่งที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คือไม่ใช่บรรดานักเขียนที่มีเทคนิคเหมือนกันทุกคน และก็ไม่ใช่นักเขียนทางการแพทย์ นักเขียนทางกฎหมาย ฯลฯ ความแตกต่างทางบุคคลหมายถึงรูปแบบที่แตกต่าง ทางที่ดีกว่าที่นักแปลหรือล่ามสามารถจดจำและเข้าใจแบบของบุคคลที่คาดไม่ถึง ยิ่งดีกว่าที่เธอจะทำได้อีกอย่างก็คือปฎิบัติต่อรูปแบบที่เป็นลักษณะเฉพาะอย่างมีประสิทธิภาพให้กลายเป็นความหมายของภาษา
    และนี้หมายถึงมันไม่เคยพอสำหรับนักแปลที่จะรู้จักคนบางคนอย่างแท้จริง หรือรูปแบบที่แท้จริงของผู้คน คุณไม่เคยรู้ว่าบุคลิคภาพต่างๆ หรือรูปแบบส่วนบุคคลจะเป็นประโยชน์ในงานด้านการแปลหรือล่าม ดังนั้นคุณจำเป็นต้องเปิดใจให้กว้าง ให้ความสนใจกับทุกทุกคน และพร้อมที่จะบันทึกข้อมูลของของบุคคลใด ๆ ในสำนวนที่คุณจะจดจำใครก็ตามที่คุณรู้จัก
    นี้เป็นการเปลี่ยนความต้องการของกรอบการสังเกตบางอย่างที่แน่นอนของใจ การคอยดูผู้คนทางความสามารถด้านสติปัญญาอยู่ตลอดในพฤติกรรมที่ประหลาดผิดปกติ (ไม่ใช่การพูดถึงความปกติ) การเปลี่ยนวลี เสียงสูงเสียงต่ำ ทำนอง ท่าทาง และยังมีอื่น ๆ อีก บรรดานักแปลที่ “เก็บสะสม” ข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับผู้คนที่พวกเขาได้พบ ทุก ๆ ข้อความที่พวกเขาอ่าน แล้วก็พลิกกลับไปมาในใจของพวกเขา หลังจากที่เก็บสะสมมานาน มันเป็นไปได้อย่างมากที่พร้อมสำหรับข้อความที่มีลักษณะเฉพาะมากกว่าที่ผู้คนเหล่านั้นที่เจาะประเด็นในเรื่องโครงสร้างทางภาษาทั้งหมดทางนามธรรม
    ทางหนึ่งของการพัฒนารูปแบบใหม่ที่สำคัญออกมาจากศึกษาของความหลากหลายและความเชี่ยวชาญและรูปแบบการเรียนรู้ต่าง ๆ (ในบทความที่ 3) คือการศึกษาของ “ความอัจฉริยะส่วนบุคคล ” หรือ สิ่งที่ถูกเรียกว่า “อัจฉริยะทางอารมณ์” แต่งโดยคุณเดเนียล โกลแมน (ปี ค.ศ. 1995 หน้าที่ 43 ย่อหน้าที่ 4) สรุปย่อๆ มี 5 ส่วนสำคัญของอัจฉริยะทางอารมณ์

    หน้า 121
    อารมณ์ในการควบคุมตนเอง คือการที่เราจะรู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไรในบางสิ่งบางอย่าง แล้วก็เหนือสิ่งอื่นใดที่คุณกำลังรู้สึกอยู่นั้นเป็นการตัดสินอย่างมืออาชีพโดยมากเป็นพื้นฐานของปฏิกิริยาของคนเรา นี้ทำให้เราตะหนักได้ว่ากำลังแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ที่จะจัดการกับการตัดสินใจอย่างประสบความสำเร็จ ดังที่ คุณโกลแมนได้เขียนไว้ “การขาดความสามารถที่จะควบคุมความรู้สึกต่าง ๆที่แท้จริงในตนเองที่ทิ้งซึ่งความมีเมตตา” ตัวอย่างเช่น คุณไม่ชอบในงานของตัวเอง ในไม่ช้าคุณก็ตระหนักได้และดำเนินการต่อให้สิ่งที่คุณทำแล้วสนุกกว่าและดีกว่า ในสิ่งที่คุณเป็น ถ้าคุณรักส่วนต่าง ๆ ของมันและเกลียดสิ่งอื่น ๆ การตระหนักถึงความรู้สึกที่ปะปนกันอยู่เหล่านั้นจะช่วยเข้าหาในส่วนที่ไม่ชอบได้ไปสู่ส่วนต่าง ๆ ที่คุณสนุกและหลีกเลี่ยงได้ จะลดลงหรือเรียนรู้ที่จะหักเหในส่วนที่คุณไม่ชอบ และความฉลาดในการรับรู้ใจตัวเองจะมีมากขึ้น สิ่งที่ดีกว่าที่คุณยิ่งจะได้รับ
    การควบคุมอารมณ์ตนเอง
    การเปลี่ยนแปลงและการนำทางอารมณ์ของไปในทางบวกและเป็นผลดีมีหลายทาง นักแปลหลายคนทำงานเพียงลำพัง หรือร่วมงานกับคณะที่เข้ากัน และต่อสู้กับความเปล่าเปลี่ยว ความน่าเบื่อ และความกดดัน คุณสามารทำได้ดีถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ เพิ่มเติมรสชาดในวันที่จืดชืดด้วยการคุยโทรศัพท์หรือพูดคุยผ่านทางอินเตอร์เน็ต หรือจะเป็นการนั่งพักจิบกาแฟหรือไม่ก็ “คิด” (สอดสายตา สูดอากาศ ประโลมใจ) ตัวคุณเองให้ออกจากความเงียบหงอย เมือผลเป็นเชิงบวกมากเท่าไร คุณก็จะประสบความสำเร็จมากเท่านั้นตามอย่างที่นักแปลจะเป็น บรรดาลูกค้า และหน่วยงานจะทำในสิ่งที่ทำให้คุณฉุนเฉียว ยิ่งคุณมีคุณสมบัติที่ดีกว่าที่สามารถปกปิดหรือเปลี่ยนแปลงอารมณ์ฉุนเฉี่ยวของคุณในเวลาที่กำลังพูดอยู่กับพวกเขา พวกเขาเหล่านั้นก็จะเต็มใจมอบหมายงานให้คุณทำมากเท่านั้น
    อารมณ์ในการจูงใจตนเอง
    แรงจูงใจภายในตนเองที่จะบรรลุถึงเป้าหมายอย่างมืออาชีพ ในเกือบทุกกรณีที่นักแปลต้องดำเนินการด้วยตนเอง พวกเขาต้องการที่จะเริ่มงานและทำให้สำเร็จภายในครั้งเดียวในงานที่พวกเขาได้รับมอยหมาย พวกเขาพลักดัน ให้ตัวเองทำงานเพิ่มชั่วโมงหรือสองชั่วโมงให้การหาคำศัพท์เฉพาะที่ยากแสนเข็ญ วิธีที่ง่าย ๆ ที่ใช้กับ มากกว่าที่จะใช่วิธีที่ง่ายและแทนที่อย่างแรกที่พวกเขาพบในพจนานุกรม ทางที่ดีที่พวกเขาสามารถนำทางความรู้สึกของชีวิตไปยังการบรรลุผลสำเร็จของเป้าหมาย ยิ่งถ้าเหล่านักแปลสนุกกับงานที่พวกเขาทำมากเท่าไร ยิ่งพวกเขาจะทำมันอย่างมีประสิทธภาพมากเท่าไร การยอมรับให้ในความเป็นมืออาชีพที่จะได้รับก็จะมีมากขึ้น ยิ่งถ้าพวกเขาสามารถนำทางความรู้สึกของชีวิตบรรลุผลสำเร็จของเป้าหมาย ในระดับที่สูงสุดของแรงบันดาลใจในตนเอง ประสบการณ์ของนักแปล “การไหลเวียน” ได้ถูกระบุไว้โดย คุณมีฮาลี ซิคเซนทิฮัลอี (ในปีค.ศ. 1990) ส่วนที่เหลือของโลกที่ดูเหมือนจะค่อย ๆ จางไป และกลายเป็นความยินดี แล้วการรับรู้และการนำอารมณ์ต่าง ๆ ที่มีคุณเป็นเจ้าของยิ่งจะช่วยคุณพัฒนาความสามารถของ
    การเอาใจใส่ คือการจดจำ การเข้าใจ และการตอบโต้กับผู้อื่น นี้เป็นทักษะที่โหดร้ายของบรรดามืออาชีพผู้ที่เชื่อมั่นในการติดต่อสำหรับชีวิตความเป็นอยู่ของตน ในขณะที่นักแปลหลายคนทำงานตามลำพัง พวกเขาก็ยังมีลูกค้าอยู่หลากหลายผู้ซึ่งต้องการความคาดเดาสถานการณ์ที่สองและสนองความต้องการที่อาจมีคำแนะนำที่สถาบันที่ซับซ้อนของงานที่พวกเขาพยายามจะทำให้สำเร็จ บรรดาเพื่อนและคนรู้จักที่รู้บางขอบเขตอย่างเชี่ยวชาญและอาจสามารถช่วยในเรื่องปัญหาทางด้านคำศัพท์เฉพาะ การคิดถึงในเรื่องที่ความต้องการของลูกค้า
    หน้า 122
    หรือการตอบสนองของคุณต่อความต้องการ จะช่วยให้คุณมีปฏิกิริยาต่อพวกเขาในทางบุคคล และมารยาทความพึงพอใจอย่างมืออาชีพที่จะนำไปสู่งานที่มากขึ้นและความเพลิดเพลินที่เพิ่มขึ้นในงานของคุณเอง และแน่นอนว่าทางที่ดีที่คุณสามารถเอาใจใส่ผู้อื่นได้ เป็นจึงสิ่งที่ดีกว่า
    การรับมือความสัมพันธ์ คือการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีอย่างมืออาชีพและเป็นส่วนตัวที่ดีกับผู้คนที่ซึ่งพึ่งพาคุณ การแปลคือธุรกิจอย่างหนึ่งและขณะที่ธุรกิจจะเกี่ยวข้องกับเงิน และในกรณีของคำศัพท์ วลีและข้อความต่าง ๆ มันยังเหมือนกับการแสดง เกี่ยวกับผู้คน คือความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จส่านมากประสบความสำเร็จทางสังคมอยู่ตลอด อย่างดีเท่ากับการเงิน เพราะว่าสิ่งสองสิ่งนี้ไปด้วยกัน นี้อาจจะชัดเจนเมื่อเงินไม่ได้เกี่ยวข้อง คุณจะ “จ่าย” อย่างไรสำหรับความช่วยเหลือด้านคำศัพท์ที่ประเมินค่าไม่ได้ โดยส่วนมากการกระทบกระเทือนอารมณ์ความรู้สึก สังคม และความสัมพันธ์อยู่ตลอด คือการสร้างมิตรภาพและการเชื่อมต่อความสัมพันธ์ แต่ถึงแม้ว่าเวลาที่ลูกค้าหรือหน่วยงานที่กำลังจะจ่ายค่าจ้างให้คุณที่คุณทำงานให้ ทางที่ดีที่คุณสามารถที่จะรับมือกับความสัมพันธ์ แม้ว่าในหลายกรณีที่ความสัมพันธ์โดยอาชีพกับพวกเขา ความสุขที่มากกว่าที่จะได้รับเงินค่าจ้างในงานนี้และงานต่อไปในอนาคต
    จิตวิทยา (การอนุมาน)
    ถ้าหากจะเน้นหลักการทั่วๆไป อันดับแรกสุดในการแก้ปัญหา จากนั้นหลักการขั้นต้นของการอนุมานก็เข้าใกล้ปัญหาของผู้คนจะกระทำอย่างไรคือจิตวิทยา ด้วยเหตุผลนี้ขั้นต่อมาจะอยู่เหนือความตั้งใจต่อผู้คนสำหรับนักเรียนแปลที่จะเข้าเรียนในวิชาจิตวิทยา แต่นี่อาจจะทำให้เป็นที่ผิดหวังสำหรับหลายๆ เหตุผล สิ่งแรกและสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือจิตวิทยาของการแปลที่ยังคงไม่ได้รับการพัฒนา ดังนั้นวินัยทางวิชาการไม่น่าจะเป็นไปได้ที่คุณจะหาหลักสูตรต่างๆ ในด้านจิตวิทยาที่มหาลัยของคุณ และหลักสูตรทางจิตวิทยาที่คุณจะเห็นว่ามันไม่เกี่ยวข้องอย่างยิ่งสำหรับความต้องการต่างๆของนักแปล
    อีกครั้ง อะไรคือความต้องการของนักแปล พวกเราเพิ่งได้เห็นโดยวิธีการอุปนัย ตลอดจน ความเป็นไปได้ที่จะทำนายผู้คนอย่างถูกต้อง คนแบบไหนที่ต้องทำความเข้าใจในความรู้ที่เป็นประโยชน์ในการแปลได้ ความเหมือนไปสู่หลักการที่จะอนุมานได้อย่างอาจที่จะเป็นไปได้อย่างกว้างขวาง(หรือย่างรวดเร็ว)ในการเรียนจิตวิทยาที่อาจแยกผู้คนที่จะช่วยให้นักแปลแปลได้ดียิ่งกว่า
    ตัวอย่างเช่นเหตุผลที่สองว่าด้วยทำไมวิชาจิตวิทยาถึงไม่น่าสนใจต่อนักเรียนแปล คือจิตวิทยาเหมือนการฝึกฝน เป็นสัญลักษณ์การเกี่ยวข้องกับโรคจิต ส่วนบุคคลและคนที่เรียนการแปลที่เกี่ยวข้องกับความเชี่ยวชาญด้านการแปล แต่นี่สามารถที่จะเปลี่ยนไปสู่คำแนะนำด้านบวก ถ้ามีหลักสูตรต่าง ๆเสนอที่มหาลัยคุณในวิชาจิตวิทยา ของคนธรรมดาทั่วไป พวกเราอาจจะใช้ประโยชน์ได้อย่างดีทีเดียว โดยเฉพาะถ้าพวกเขาจัดการกับหัวข้องานที่เกี่ยวข้องกันได้

    หน้า 126
    การหารือกันในกลุ่ม คือทักษะอื่นๆ นอกเหนือจากทักษะด้านภาษา คุณต้องกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ต้องพูดภาษาของคุณเองได้อย่างคล่องแคล่ว คุณมีเวลาที่จะสูญเสียทักษะเหล่านั้น อย่างน้อยที่สุด เมื่อเวลาที่คุณอ่อนแอ ในตอนกลางดึก มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ยามเมื่อมีไข้ขึ้นสูง เวลาที่คุณดื่มอย่างหนักมั้ย ทำให้มันชัดเจนในสิ่งที่คนอื่นทำผิดพลาด ไม่ผิดจริงๆที่จะมีอารมณ์ขุ่นเคือง โกรธหรือว่าตกใจ พูดว่าไม่ว่าอะไรก็ตามบรรดาพ่อแม่หรือครูหรือคนที่เคยพูดถึงคุณเมื่อตอนคุณเป็นเด็ก “ ไม่เอาน่ะมันไม่ดี ไม่ดีมาก ๆ เลย เธอเป็นเด็กที่แย่ อย่าทำแบบนี้อีกน่ะ เกิดอะไรขึ้นกับหนู ไม่อะไรที่คุณกำลังคิดจะทำ คุณกล้าไหม จนกระทั่งพ่อคุณจะกลับถึงบ้าน!” ตอนนี้ก็เปลี่ยนหน้าที่แล้วก็ควบคุมปฏิกิริยาของร่างกายทั้งมารยาและน่าอับอาย
    การหารือกันในกลุ่มคือผลกระทบต่าง ๆ ที่ถาวร อะไรที่ทำให้การเลียนแบบของการพูดในวัยเด็กที่หัดใช้ภาษาต่อมา หนทางอะไรที่ภาษาต่างประเทศถูกปล่อยให้เป็นไปตามกฏอย่างถูกต้อง เพราะว่าพวกเขาไม่ได้มีอำนาจเหนือกว่าพวกคุณ
    คำแนะนำที่จะส่งเสริมการอ่าน

  35. Songphorn Ngoensungnoen says:

    Chapter 8 Page 141-143

    หน้า 141
    บทที่ 8 ภาษา

    การแปลกับภาษาศาสตร์ 142
    อะไรคือ? (การลักพาตัว) 143
    การทำบ้างอย่างด้วยคำ (อุปนัย) 146
    นักแปลกับทฤษฎีการพูด (การอนุมาน) 148
    การสนทนา 152
    แบบฝึกหัด 152
    ข้อเสนอแนะในการอ่านที่มากขึ้น 158

    หน้า 142
    สรุป: วิธีการคิดที่มีประโยชน์เกี่ยวกับการแปลและภาษาซึ่งไม่ใช่การแปลคำศัพท์ของนักแปล แต่พวกเขาแปลว่าคนทำอะไรกับคำศัพท์

    การแปลกับภาษาศาสตร์
    มันอาจจะดูแปลกที่การแลกเปลี่ยนความคิดในภาษายังคงอยู่ไกล จนกระทั่งไม่นานมานี้ปรากฏขึ้นในหนังสือการแปล อย่างไรก็ตามการแปลยังเป็นทั้งการดำเนินงานต่าง ๆ และภาษาของเรา ในภาษาละตินนั้นคำว่าการแปลหมายถึงว่า translatio linguarum, การแปลภาษา เพื่อทำให้มันแตกต่างจากการแปลของประเภทอื่น เหมือนกับ translatio studii, การแปลของความรู้ และ translatio imperii, การแปลของอาณาจักร
    และจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ การแลกเปลี่ยนความเห็นของการแปลอย่างแท้จริงได้เกิดขึ้นทั้งในห้องเรียนและในการติดต่องานต่าง ๆ หรือเพียงแค่ภาษาอย่างเดียว ความสามารถในการแปลโดยคนส่วนใหญ่จะคิดว่าต้องใช้ความสามารถขั้นสูงถึงจะเข้าใจและอ่านภาษาต่างประเทศได้ การเรียนการแปลถูกมองว่าเป็นการเรียนของนักเรียนเฉพาะสาขาภาษาศาสตร์, ภาษาศาสตร์ประยุกต์หรืออักษรศาสตร์ การฝึกแปลควรมุ่งไปที่ความหมายของคำศัพท์, คำวลีและประโยคที่สมบูรณ์จากภาษาหนึ่งไปสู่อีกภาษาหนึ่ง ส่วนสำคัญของประวัติการแปลมีมาตั้งแต่ ซิเซโร ในศตวรรษแรก ก่อนที่ยุคของพวกเราจะแบ่งภาษาออกเป็นส่วน ๆ ควรหรือที่จะแบ่งส่วนแรกให้เป็นส่วน ๆ เดียว (การแปลคำต่อคำ) หรือคำวลี, อนุประโยคหรือประโยค (การแปลแบบความรู้สึกต่อความรู้สึก) ?
    แม้แต่ในทุกวันนี้นักทฤษฎีการแปลที่มีชื่อเสียงที่สุด เจ.ซี. แคทฟอร์ด, กอร์ไน ชูโควสกี้, วาเลนติน การ์เซีย ยีบรา, ยูจีน เอ. นิดา, ยีน-พอล วีเนย์ และ ยีน ดาร์เบลเน็ท, ปีเตอร์ นิวมาร์ค, บาซิล ฮาทิม และ เอียน มาซัน เป็นนักภาษาศาสตร์ที่คิดถึงการแปลเป็นขั้นพื้นฐานหรือการดำเนินงานต่าง ๆ บนภาษา
    และมันก็ชัดเจนว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้พยายามที่จะเลิกหรือลดความสำคัญของการแปลภาษา ภาษาเป็นส่วนประกอบสำคัญในทุกด้านซึ่งพวกเราก้อคิดเช่นนั้นมาจนถึงทุกวันนี้ เป้าหมายของการปรึกษาหารือเรื่องนี้คือ “คน” หรือ “คนทำงาน” กล่าวคือ การเรียนคำศัพท์เฉพาะไม่ได้เป็นการสบประมาทความสำคัญของภาษาแต่มันคือบริบทของสังคมที่ใหญ่กว่า- บทความในภาษาที่ให้ความหมายและในภาษาศาสตร์ที่ทั้งเชี่ยวชาญและไม่เชี่ยวชาญ
    การเข้าถึงของฉันในหนังสือเล่มนี้ที่มันเหมือนการสบประมาท อย่างไรก็ตาม โดยเฉพาะการอนุมานในการเข้าถึงด้านการแปลคำพูด: โดยปกติแล้วคือ “ภาษาศาสตร์” ภาษาศาสตร์แบบเดิมได้เข้าถึงการเรียนการแปลที่ได้ให้ความสัมพันธ์รอบนอก อะไรที่นักแปลควรทำและทำอย่างไรที่จะเป็นนักแปลที่ดี

    หน้า 143
    แน่นอน, ภาษาศาสตร์แบบเดิมได้เข้าถึงการเรียนการแปลโดยการเริ่มต้นด้วย การเรียนแบบแคบๆ และคิดแบบแคบๆ ตามทฤษฎีของ แอนโธนี่ พีม ที่เรียกว่า “ความคิดภายนอก” – ความต้องการที่จะทำให้การแปลได้รับการยอมรับจากลูกค้า ปัญหาอีกแง่หนึ่งคือมันไม่ง่ายเลยที่นักภาษาศาสตร์แบบเดิมจะพบว่ามันยากที่จะอธิบายความคิดภายในของตัวนักแปลเองในการทำงานแบบมืออาชีพของพวกเขา มันก็ยังทำให้พวกเขาไม่สามารถอธิบายความต้องการในชีวิตจริงของลูกค้าได้ กฎของพวกเขาตั้งอยู่บนความต้องการที่นักแปลควรแข่งขันเพื่อเนื้อหาดั่งเดิมของภาษาศาสตร์และพวกเราสามารถเห็นได้ในบทเรียนที่ 1 ส่วนนี้เป็นเพียงความต้องการหนึ่ง บ่อย ๆ ที่ลูกค้ายอมรับนักแปล และความเป็นจริงแล้ว เป็นเพียงแค่ความเล็กน้อยของความต้องการ: ภาษาศาสตร์แบบเดิมไม่สามารถจะเข้าถึงได้ เช่น บอกพวกเราเกี่ยวความต้องการบางอย่างของลูกค้าเพื่อราคาที่ลดลงหรือเวลาที่เหมาะสมหรือแม้แต่ความน่าเชื่อถือของนักแปล และประวัติชื่อเสียงที่ไม่ดีในเรื่องการไม่พร้อมในความน่าเชื่อถือของคำมากกว่าสัดส่วน
    ภาษาศาสตร์มุ่งไปยังการแปลของนักวิชาการ อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้ก็เริ่มจะมีการเสี่ยง- สถานที่แคบ ๆ ที่เป็นเพียงความเข้าใจในงานของนักวิชาการที่กำหนดสัดส่วนของภาษาศาสตร์อย่างเข้มงวดพอที่จะช่วยให้นักแปลประสบผลสำเร็จ และเพื่อค้นหาความน่าประหลาดใจที่หลากหลายของภาษาศาสตร์ด้วยตัวของนักแปลเอง พวกเราจะตรวจสอบการเข้าถึงใหม่ ๆ นี้ภายใต้ “การอนุมาน”

    อะไรคือ ? (การลักพาตัว)
    การเข้าใจในการพูดหรือการเขียนข้อความของบุคคลอื่นมันยากเกินกว่าที่พวกเราจะคิด สามัญสำนึกบอกว่าพวกเราได้ยินหรืออ่านข้อความในภาษาที่เราสามารถรู้จักดี และข้อความเป็นการสร้างประโยคและความหมายได้ดี พวกเราจะเข้าใจมันได้ โดยแท้จริงแล้วมันยากที่จะจินตนาการถึงเหตุการณ์ในสิ่งใดนั้นซึ่งความเข้าใจอาจจะไม่มารวดเร็วหรือเป็นไปตามอัตโนมัติ
    แต่ก็มีเหตุการณ์มากมาย โดยปกติที่สุดคือเมื่อคนคาดหวังที่จะเขียนชื่อที่อยู่ในภาษาเดียว คือภาษาต่างประเทศหรือภาษา B และถูกเขียนในภาษาอื่นคือภาษาของตัวเองหรือภาษา A: จนกว่าคุณจะปรับเปลี่ยนความคาดหวังของคุณและเข้าใจในการพูดภาษา A จริง ๆ มันควรจะเหมือนกับภาษา B โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณอยู่ในต่างประเทศที่คุณไม่ควรที่จะคาดหวังว่าทุกคนจะพูดภาษาของคุณ ถ้าบางคนเขียนชื่อ ที่อยู่ของคุณในภาษาของคุณ แม้ว่าเขาจะออกเสียงและเขียนโครงสร้างถูกต้อง ความคาดหวังของคุณอาจจะเป็นสิ่งกีดขวางความเข้าใจได้ แม้ว่าหลังจาก 3 หรือ 4ของการพูดซ้ำ ๆ คุณอาจจะถามเป็นครั้งสุดท้ายว่า “ขอโทษนะ คุณกำลังพูดภาษาอะไรอยู่?” เมื่อคุณได้รับคำตอบว่ามันเป็นภาษาของคุณไง ในทันใดนั้นการสุ่มข้ามของเสียงที่สอดคล้องกับเสียงที่มาจากความรู้สึกก็จะเกิดขึ้น
    นี้เป็นการลักพาตัว: การประโดดข้ามจากข้อมูลที่สับสนไปสู่การสมมุติฐานที่มีเหตุผล และมันก็เกิดขึ้นด้วยการพูดในภาษาของพวกเราที่ง่ายต่อการเข้าใจ บางอย่างนั้นอาจจะกีดขวางความสามารถของพวกเราที่มาจากความรู้สึกของภาษา, ความคาดหวังผิด ๆ, การทำให้ไขว้เขว (คือเมื่อคุณได้ยินเพื่อน พ่อ แม่ หรือ คนรัก พูด)

  36. Petcharat MuernkeawEng 3-12No. 51501030102-3 says:

    Page 159-162 Chapter 9
    การแปลนำไปสู่การค้นพบภาษาเป้าหมาย แหล่งกำเนิดคำศัพท์และวลี มันยังนำไปสู่การติดต่อกับลูกค้า หน่วยงาน ลูกจ้าง การทำเครือข่าย การวิจัย การใช้เทคโนโลยี และการรับรู้บทบาททั่วๆไปในสังคม
    สังคมความเป็นอยู่ของนักแปล
    มันควรจะปราศจากการพูดถึง ไม่ใช่แค่สังคมของนักแปลเท่านั้น ยังรวมถึงศีลธรรมของการดำเนินชีวิตของมนุษย์ด้วย สังคมการดำเนินชีวิตของพวกเขาคือสิ่งสำคัญเพื่อความเชี่ยวชาญ นอกจากเครือข่ายทางสังคมพวกเขายังไม่เคยเรียนภาษาใดๆเลย นอกจากเครือข่ายทางสังคมแล้วพวกเขาไม่เคยป้องกันการเปลี่ยนแปลงในภาษาที่เขาพูด ไม่มีความคิดเห็นว่าอะไรที่ผู้เชี่ยวชาญมองหาจากการแปล ไม่มีสถานที่จะส่งการแปลที่เสร็จแล้ว และไม่สามารถจ่ายเงินมันได้
    ทั้งหมดนี้คือความชัดเจนที่ดูเหมือนจะต้องการความไม่ละเอียด ทุกคนรู้ว่านักแปลคือความเป็นอยู่ทางสังคม และขึ้นอยู่กับการดำรงชีวิตบนการติดต่อกับสังคมมนุษย์อื่นๆ
    อะไรคือความแปลกประหลาด อย่างไรก็ตาม มันคือความสำคัญของบทนี้ สำหรับทฤษฎีและการปฏิบัติของการแปลถูกจำแนกเมื่อเร็วๆนี้โดยนักวิชาการด้านการแปล จนกระทั่งยุค 1970 ทฤษฎี Polysystem เกิดขึ้น ยุค 1980 ทฤษฎี Skopos/Handlung และยุคหลัง 1980 ก่อน 1990 เกิดทฤษฎี Postcolonial โดยแท้จริงแล้วไม่มีสิ่งไหนจำเป็นที่สุดในกิจกรรมทางสังคม การแปลคือกิจกรรมทางภาษาศาสตร์ที่ดำเนินการตามต้นฉบับ ปัจจัยที่สำคัญในการควบคุมการแปลคือ โครงสร้างนามธรรมของความเสมอภาค คำจำกัดความและความแตกต่างของสัญลักษณ์ ไม่ใช่เครือข่ายทางสังคมของประชาชน นักเขียน อธิบดีด้านการแปล ผู้เชี่ยวชาญด้านคำศัพท์ ผู้อ่าน และคนทำงาน การตีพิมพ์จริงเท่านั้นคือความถูกต้อง และความถูกต้องคือการการให้คำจำกัดความทั้งแบบแคบ ระยะเวลาทางความเสมอภาคของภาษาศาสตร์ และมีอยู่โดยทั่วๆ ไป ด้วยความที่ไม่ให้ความสนใจในความแตกต่าง ความต้องการ และความคาดหมายของความจริง มันยากที่จะสร้างภาษาศาสตร์อย่างเป็นระเบียบระหว่างแหล่งต้นฉบับ และความสั้นหรือยาวกว่าต้นฉบับ ถูกใส่ไว้ในแหล่งกำเนิดข้อความ ไม่ใช่การแปล ถ้ามันไม่เป็นการอธิบายของโครงสร้างนามธรรมของภาษาศาสตร์ มันไม่ใช่การแปล และโดยทั่วๆ ไปไม่ใช่การอธิบายเลยแม้แต่น้อย การแปลแต่ละอันคือความถูกต้อง ในความรู้สึกของความถูกต้องได้ถ่ายทอดเป็นข้อมูลของบทความต้นฉบับ และความถูกต้องของนามธรรม การวิเคราะห์ตามหลักภาษาศาสตร์นอกจากความสนใจว่าใครแปลและเพื่อจุดประสงค์อะไร ในสถานการณ์อะไรทางประวัติศาสตร์ หรือมันไม่ใช่การแปล และไม่ได้สนใจที่นักแปล หรือนักวิชาการการแปล
    ทัศนคติเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายในยุค 1970 หนังสือเล่มนี้เป็นภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม ธรรมเนียมเก่าๆก็ยังไม่จางหายไป ประเพณีทางปัญญาที่คิด ภาษานามธรรมการแปลเป็นไปตามที่เก่ามาก มันวิ่งกลับไปที่จุดเริ่มต้นของอารยธรรมตะวันตกในการกำหนดของศาสนายุคกลาง และเหตุผลที่แท้จริงของกรีก ชอบที่จะละเลยการสร้างสังคม การบำรุงรักษา และการกระจายความรู้เป็นประเพณีตะวันตกโบราณ และมรดกยังคงเป็นส่วนหนึ่งในความคิดของเราวันนี้ อย่างไรก็ตาม ปรัชญาโจมตีตลอดศตวรรษที่ 20 ดังนั้นก็ยังดูเหมือนว่า “สันชาติญาณถูกต้อง” วันนี้เป็นที่กันดีว่าการเติบโตทางสังคมที่มีผลกระทบต่อการแปล เพื่อตัดสินความสำเร็จของการแปลเมื่อเทียบกับภาษาแท้จริง แต่ในระดับทางปัญญาของเราไม่สามารถช่วยตัวเองได้
    เป็นผลมาจากความขัดแย้งภายในเหล่านี้ คุณอาจพบเนื้อหาเหล่านี้ในหนังสือพร้อมกัน 1.สมบูรณ์ชัดเจน ดั้งนั้นจึงไม่ต้องพูดถึง 2.และไม่เกี่ยวข้องกับการศึกษาการแปล จึงดูเหมือนว่ามันเกือบจะไร้สาระมันจะไปโดยไม่บอก การแปลที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับภาษาที่แท้จริง แต่ในเวลาเดียวกันปัจจัยดูเหมือนจะเป็นอันดับรอง มีความสำคัญกว่าความหมายจริงของบทความ
    แสร้งทำเป็นนักแปล
    นักแปลคืออะไร นักแปลคือใคร มีหลายคนที่ได้รับเรียกว่านักแปลในปีที่ไม่มีการเข้ารับวิชาชีพเฉพาะ และอาจแปลได้หลายภาษาก่อนเริ่มเป็นนักแปล มีความแตกต่างระหว่าง แปล และ การแปล จะกลายเป็นนักแปลได้อย่างไร นี้เป็นคำถามที่ถูกถามบ่อยในกลุ่มนักแปลออนไลน์ เช่น Lantra และ FLEFO ฉันจะเป็นนักแปลได้อย่างไร ปกติคนถามที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศจะมีทักษะภาษาต่างประเทศอยู่แล้ว และอาจจะมีโอกาสแปลงานที่มีศักยภาพ บางครั้งผู้ถามก็ทำได้
    สวัสดี
    ฉันชื่อ โวล์เกอร์ อายุ 30ปี สัญชาติเยอรมัน อาศัยอยู่ในเนเธอแลนด์และเริ่มเป็นนักแปลอิสระ
    ฉันไม่เคยเป็นนักแปลอิสระมาก่อน ฉันมีคำถามเกี่ยวกับทางการทำงานนี้ คุณรู้ไหมการจัดการในเนเธอแลนด์หรือในเยอรมัน อันไหนที่ฉันควรจะกลับไป
    คำถามอื่นๆ ฉันไม่มีความคิด นักแปลอิสระต้องจ่ายภาษี ค่าธรรมเนียม ค่าหนี้ มีกฎหรือมาตรฐานไหม
    ขอบคุณสำหรับเวลาของคุณ
    โวล์เกอร์

    การแปลหนึ่งหรือสองบททำให้สนุกต่อการทำงาน และขณะนี้คิดว่าเธออาจต้องการทำมันต่อไป แต่ชัดเจนทั้งเพื่อคนถามและเพื่อสมาชิกคนอื่นๆ ซึ่งบุคคลนี้ยังไม่ได้เป็นนักแปล คำตอบที่ง่ายที่สุดคือ ประสบการณ์ นักแปลที่มีประสบการณ์ ผู้ยังไม่ได้เริ่มฝึกหัด เป็นผลให้นักแปลพูดถึงนักแปลผู้ยังไม่ได้เริ่มฝึกหัด นักแปลมืออาชีพมีสมมติฐานบางอย่างเกี่ยวกับการทำงานทุกๆอย่าง ที่เธอพูดเพราะผู้เริ่มหัดยังไม่มีสมมติฐาน เธอมักจะกล่าวว่า สิ่งที่ว่าโง่ไปแปล เช่น ฉันไม่สามารถซื้อคอมพิวเตอร์ของฉันเองได้ แต่ฉันเพื่อนที่จะให้ฉันทำงานในเวลาใดก็ตามที่ฉันต้องการ(ในกลางดึกใช่ไหม เมื่อเธอเลิกจากงานเลี้ยงใช่ไหม เธอมีซอฟแวร์รุ่นใหม่ล่าสุดใช่ไหม หุ่นจำรองที่ทันสมัย และบัญชีอีเมลล์ใช่ไหม)
    และคำตอบจะเป็นจริงเกือบทั้งหมด นักแปลเสียงเหมือนนักแปล เพราะเขามีประสบการณ์ในการทำงาน ปัญหาของคำตอบคือ ไม่อนุญาตให้นักแปลฝึกหัดได้รับประสบการณ์ การแปลคุณต้องมีความชำนาญเพียงพอในการใช้โทรศัพท์ หน่วยงานหรือลูกค้าที่มอบหมายงานให้คุณ คุณต้องทำอย่างไรเมื่อไม่มีประสบการณ์
    ทางแก้ปัญหาคือ เข้าสู่โปรแกรมอบอบรมนักแปล หนึ่งในข้อเสนอที่ดีที่สุด คือ ให้นักเรียนมีความรู้สึกว่าเป็นมืออาชีพ ( แต่นี้ไม่เคยสอนในชั้นเรียนเลย และทำโดยค่อยๆซึมซับ) โดยให้ความสนใจกับวิธีการพูดของครูเกี่ยวกับอาชีพที่พวกเขาแสดงออก บางโปรแกรมฝึกให้เปลี่ยนเป็นมืออาชีพ อย่างไรก็ตามลักษณะเฉพาะของนักแปลฝึกหัดต้องเปลี่ยนแปลงความคิดของตัวเอง คำพูดของตัวเอง ชีวิตของตัวเอง

  37. Miss Nathaporn Immak 51501030099-1 Class.2 says:

    หน้า 181

    การทำงานเป็นทีมเพื่อที่จะพัฒนาเรื่องราวให้ดูมีคุณค่าสำหรับโครงการในการนำเสนอ HolzManttari ผู้ริเริ่มการแปล, ผู้ได้รับมอบหมายการทำธุรกิจ, ผู้รู้แหล่งข้อมูล, ผู้แปลหรือล่าม, ผู้ปฏิบัติตามเป้าหมาย, และผู้ที่รับมอบเป้าหมาย โดยจะมีชื่อและผู้เชียวชาญเป็นสิ่งบ่งบอกไว้ มีเงื่อนไขกำหนด “ใคร, ที่ไหน, และเมื่อไหร่” เริ่มต้นโดยผู้ริเริ่มการแปลทางด้านซ้ายของโครงการ และย้ายทั้งผู้รู็้้แหล่งข้อมูและผู้ที่ได้รับมอบหมายทำธุรกิจ รวมเป็นหนึ่งถ้าเป็นไปได้ จากนั้นผู้แปลหรือล่ามจะดำเนินต่อไป และสุดท้ายผู้ที่ได้รับมอบหมายของตำราและการรับมอบงานจะวนกัน
    รูปแบบความต้องการการแปลนี้? แหล่งข้อมูลยังดำรงอยู่โดยกระบวนการเริ่มต้นใช่รึมั้ย? ใครคือผู้ที่ได้รับมอหมายให้ทำธุรกิจ? ส่วนไหนที่ดำเนินการในกระบวนการนี้? ผู้ที่ได้รับมอบหมายงานได้ตัดสินผู้แปลอย่างไร? ทำอย่างไรให้เป้าหมายได้สำเร็นในการฝึกฝน? ใครคือผู้ที่ได้รับเจตนาที่ตั้งไ้ว้? และทำอย่างไรผู้ปฎิบัติจะได้เป็นผู้รับมอบหมายงาน? เรื่องราวเหมือนบทความในหนังสือพิมพ์ หรือเรื่องเล่าสั้นๆ แต่ผู้รอบรอู้การบรรยายเรื่องเป็นผู้รู้ทุกอย่าง
    การวาดและการคิดค้นขึ้นใหม่ในโครงการแผนการละครเพื่อให้เหมาะสม ผู้ริเริ่มการแปลคือ ผู้แปลและผู้ได้รับมอบหมาย หล่อนได้อ่านนวนิยายและค้นพบประโยคในภาษาต่างประเทศ ซึ่งหล่อนได้ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย ดังนั้นหล่อแปลมันออกมาโดยตัวหล่อนเอง ตามโครงเรื่องอย่างถูกต้องและอย่างเหมาะสม จากนั้นก็แปลมันเป็นภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง เหมือนกับการรอ Golot (ทำไม? เพื่อใคร? เป็นการแปลที่ได้รับมอบหมายหรือไม่? เป็นบรรณาธิการของ Beckett หรือตัวแทน หรือผู้ผลิต หรือผู้กำกับ หรือบางคนที่ให้บริการเป็นผู้ตอบรับจุดมุ่งหมายของบทความหรือไม่?)

    หน้า 182
    นักท่องเที่ยวชาวเยอรมันเลือกพัสดุในที่ทำการไปรษณีย์ใน เซเวาเดอ ประเทศบราซิล แต่ะเจ้าหน้าที่ไปรษณย์ก็บอกว่า เป็นหนี้ภาษีเขา และเขาก็ไม่สามารถพูดภาษาโปรตุเกสได้ แต่พนักงานก็พูดเยอรมันไม่ได้ ดังนั้นพนักงานที่อยู่ถัดไปก็เป็นสื่อกลางระหว่างพวกเขา
    ผู้เขียนตำราเรื่องต้นกำเนิดของตำรา เป็นผู้เชียวชาญด้านฟิสิกส์ ชาวบังกลาเรีย ผู้ซึ่งเคยถูกเชิญให้ไปพูดในการประชุมนานาชาติเป็นภาษาอังกฤษ เธอเขียนในภาษาบังเกอเรียในกระดาน แต่เธอก็ได้รับค่าจ้าง จากคณบดีของเธอที่จ่ายให้ คณบดีใช้ภาษาอังกฤษ โซเฟีย (พวกที่เรียนสาขาภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัย) เพื่อที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้่นเธอได้ส่งมันไปที่การประชุมผู้ก่อตั้งผู้ที่ส่งคำแนะนำมาให้เธอ เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลง ก่อนที่มันจะถูกรวมเพื่อตีพิมพ์ เธอเคยส่งไปแต่ก็ส่งกลับ เธอยังต้องจ่ายให้ผู้แปลเพื่อช่วยเธอในบางการออกเสียง ดังนั้น ผู้ร่วมการประชุมจะเข้าใจเมื่อเธออ่าน

    (C.) ตอนนี้ต้องคิดและร่างตารางใหม่ เพื่อที่จะอธิบายในการแสดงบทบาทของ Holz-Manttan ปรึกษาการค้นคว้าการแปลตามลูกค้าเกี่ยวกับการแปลที่ผ่านมา ยังเป็นบทความที่คล้ายกัน เพื่อช่วยเกียวกับคำศัพท์เฉพาะ เขาเรียกลูกค้าและพูดคุยเดียวกัน นักเขียนทางเทคนิค, วิศวกร, ผู้ชำนาญ, พนักงานทางการตลาด ฯลฯ (ที่ปรึกษาด้านการค้นคว้าเหล่านี้ จะถูกนับเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่ได้รับมองหมายมั้ย? ส่วนหนึ่งของแหล่งข้อความ หรือผู้เขียนข้อความ) มักแปล และส่งเีมลออกไปสอบถาม Lantra-L หรือ FLEFO ขอความช่วยเหลือกับคำศัพท์ หรือวลีเฉพาะ และเธอจะส่งแฟกซ์ อีเมลเพื่อนของเธอในแหล่งข้อความ หรือ จุดมุ่งหมายของข้อความ วัฒนธรรมอาจจะสามารถช่วยได้ เช่น คนไปภายเฉินเบอ ของจุดมุ่งหมายของภาษาะและแก้ไขข้อความให้ถูกต้อง
    สังคมของนักแปล คำแปลบทสนทนาระหว่าง Texan Chican ถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดต่อเด็ก และสังคมของคนทำงานใน Anglo ส่งไปโดยประกาศคำศัพท์ การไต่สวน เธอหยุดการสนทนาหลายครั้ง เพื่อที่จะทำหนึ่งในผู้พูด เพื่อให้กระจ่างยิ่งขึ้น หรือ คำหรือวลีที่ไม่ชัดเจน คนพูดทั้งสองคนก็ให้พูดหลายๆครั้งเหมือนกัน แหล่งข้อความของผู้เขียนเป้าหมายของบทความ และที่ปรึกษาการค้นคว้า

    หน้า 183
    ในบทความใดๆก็ตาม ใน A-C คนที่หนึ่งของการมอง การนำมาใช้บทบาทที่แตกต่างกันอย่างน้อย 2 บท เพื่อพบความสำเร็จ การทบทวนและวาดตารางใหม่ เพื่อที่จะค้นหาจุดใหม่ของการสังเกต

    การแนะนำการอ่าน

    หน้า 185

    วัฒนธรรม
    – ความรู้ด้านวัฒนธรรม
    – การวางโครงการด้วยตนเองเพื่อเข้าถึงชาวต่างชาติ (การนำเสนอ)
    – การเชื่อในวัฒนธรรม (การพิสูจน์)
    – การสร้างจิตสำนึกระหว่างวัฒนธรรม (การอนุมาน)
    – การอภิปราย
    – การฝึกฝน
    – การแนะนำการอ่าน

  38. Hathaya Yansa-ard says:

    Jean Delisle ตัวอย่างเช่น การแนะนำอย่างเปิดเผยของเขาที่พบบ่อยคือ การใช้บทความในการสอนผู้แปลตั้งแต่การเริ่มต้นการฝึกโดยการใช้ภาษาที่ซับซ้อนผ่านผู้ชำนาญด้านคำศัพท์ อย่างนี้ค่อนข้างจะสมเหตุสมผล แต่การพูดแบบนี้ Delisle คาดว่าเป็น
    “บทความทั่วไป” ปัญหาเรื่องคำศัพท์ก็จะง่ายไปโดยปารยาย เหมือนกับถ้าบทความนิตยสารซึ่งประกอบด้วย ข่าวสารและคำพูดของสาธารณะชนไม่ได้เป็นรูปแบบที่จดจำได้ง่ายที่สุดหรืออย่างในตำรา ที่นำสังคมมากมายรวมเข้าด้วยกันอย่างต่อเนื่องและเนื้อหาที่ซับซ้อนในการสร้างของพวกเขา ความชำนาญเฉพาะด้านบทความอาจจะแสดงให้เห็นถึง ปัญหาด้านคำศัพท์ได้เป็นอย่างดี ผู้แปลอาจจะต้องใช้พจนานุกรมหรือพูดคุยกับผู้ชำนาญด้านการแปลก่อนผ่านการแปลออกมาเป็นภาษาอังกฤษ อย่างคำว่า “tomography” เหมือนกับภาษาฝรั่งเศส คำว่า “tomographie” หรือภาษาสเปน “tomografia” แต่ทว่านี่เป็นสิ่งที่ยังห่างไกลอย่างแน่นอนและมันก็ไม่ได้ยากไปกว่าการที่จะผ่านบทความและวิเคราะห์โดยการทำ 7 หน้า ด้วยตัวของ Delisle เอง หรือเพื่อจะอธิบายว่าทำไม การแสดงความคิดในรายงานหนังสือพิมพ์, การแสดงออกเหมือนกับ “ความรู้สึกสูญเสีย” ถูกฝังตรึงไว้ได้อย่างดีในภาษาอังกฤษ นั่นหมายถึงมันไม่สามารถที่จะแปลออกมาได้ (เพื่อใคร? ทำไม?) เหมือนกับ “Sentiment de perte” ไม่มีศัพท์เทคนิคอย่างแท้จริงซึ่งมีความซับซ้อนเท่ากับความไม่ชัดเจนอย่างที่สุด “general” ของตัวอย่าง! ความยากสุดขีดของแต่ละบทความเป็นเหตุให้เกิดความยุ่งยากจากความแตกต่างเพียงเล็กน้อยถูกเลือกจากสถานการณ์ต่างๆ ในขณะนั้น ความรู้สึกเหมือนกับว่า “สูญเสีย” สามารถถูกใช้และสำหรับเหตุผลซึ่งหลีกหนีจากตรรกะทางภาษาแบบบริสุทธิ์ และไม่เคยคาดว่าจะใกล้เคียงกับความสัมพันธ์ต่อ “sentiment de perte”

    (Pym 1992a: 123)

    Pym โต้แย้งว่า ความชำนาญในบทความทางเทคนิคนั้นมักจะถูกฝังตรึงในระบบนานาชาติของนักวิทยาศาสตร์, วิศวกร, นักเคมี, ทนายความ และเหมือนกับคนที่เข้าร่วมประชุมนานาชาติแล้วอ่านภาษาอื่น ดังนั้นก็จะถูกขจัดออกไปจากการอภิปรายของพวกเขา ในประเภทของความไม่ชัดเจนที่เป็นไปตามบริบทซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่สุดของการแปล ใน “tomography” ของ Pym ตัวอย่างที่แสดงซึ่งเกิน ดังนั้นความแม่นยำในนานาชาติจึงมีแนวโน้มที่จะคงไว้โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้ภาษา กรีซ, ลาติน, ฝรั่งเศส และคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เปลี่ยนเพียงเล็กน้อยเหมือนกับว่าพวกเขาย้ายจากระบบการออกเสียงจากหนึ่งไปสู่อีกหนึ่ง บทความ “ทั่วไป” ในทางตรงกันข้ามมันถูกวางรากฐานภายใต้ความควบคุมอย่างใกล้ชิดน้อยกว่าการใช้ชีวิตประจำวัน หนทางที่ผู้คนแบบหลากหลายในบทความธรรมดา ซึ่งพวกเขาปรารถนาที่จะมีสังคมมากว่าการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบทความ ห่างไกลกว่าความรู้ของผู้คนสื่อสารกันได้อย่างไรในสังคมที่แตกต่าง ที่บ้าน, ที่ทำงาน, ที่ห้างสรรพสินค้า แม้ว่าคำศัพท์แสลงหรือคำศัพท์เฉพาะกลุ่ม Pym บอกว่ามันง่ายกว่าการแปลการอภิปราย “ทั่วไป” นี้ ทั้งหมดที่คุณคุณต้องแปลคำแสลงหรือคำที่ใช้เฉพาะกลุ่มซึ่งพบจากผู้เชี่ยวชาญในตัวมันเองและถามคำถามของคุณ(อะไรที่ทำให้ประเภทของการแปลยากที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือยากที่จะค้นพบ) กับบทความ “ทั่วไป” ความเชี่ยวชาญของทุกๆคน แต่ทั้งหมดของผู้เชี่ยวชาญไม่เห็นด้วย เพราะพวกเขาใช้คำหรือวลีในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน บทความที่แตกต่างกันไม่สามารถแยกประเภทได้อย่างสมบูรณ์

    แต่การใช้เวลาของ Pym เพื่อที่จะให้เกิด “ความชำนาญ” ในบทความและกลุ่มของผู้ชำนาญเป็นในบางกรณีที่ง่ายไปหน่อย กุญแจสำคัญที่จะประสบความสำเร็จ “ความชำนาญ” ด้านการแปล ไม่ใช่เพียงแค่รู้ว่า “tomography” คือ tomographie ในภาษาฝรั่งเศส และ tomografia ในภาษาสเปน นั่นคือไม่ใช่เพียงแค่หาคำศัพท์ที่มีความหมายเหมือนกันสำหรับคำเหล่านี้ แต่เริ่มอ่านจากนั้นก็เขียนเหมือนกับเป็นสมาชิกในกลุ่มคนที่พูดและเขียนในภาษาเดียวกันเพื่อที่จะเข้าใจปัญหาของตำราในหนึ่งภาษา และต้องอ่านให้เหมือนกับหมอและพยาบาล หรือผู้บริหารโรงพยาบาล(หรืออย่างไรก็ตาม)ในภาษานั้นๆ ดังนั้นการที่จะแปลมันออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพไปสู่อีกภาษาหนึ่ง อย่างแรกต้องเขียนให้เหมือนกับหมอ (หรืออะไรก็ตามในภาษาอื่น) แต่อย่างไรก็ตาม “นานาชาติ” เหล่าผู้ชำนาญจะแปลเหมืนกับต้นฉบับและพวกเขายังเป็นคนจริงซึ่งโต้ตอบกับคนในวงการเดียวกันอย่างจริงจังและปลูกฝังในทางสังคมได้อย่างดีเช่นกัน ความหมายของคำและวลีอาจเป็นมากกว่าคำนิยามในการอภิปรายของผู้ชำนาญ แต่ในทางเฉพาะของคำวลีเหล่านี้คือสิ่งที่เรียงร้อยเข้าด้วยกันเพื่อที่จะให้ตำราเฉพาะทางเปลี่ยนแปลงอย่างมีความหมายกลุ่มที่ใช้คำเหล่านี้และความชำนาญของผู้แปลจะต้อง “คาดว่า” เป็นสมาชิกของกลุ่มเพื่อให้คำเหล่านี้ไปยังจุดหมายทางภาษาได้

    ตัวอย่างที่สอง : ฉันเคยขอรายงานการแปล 80 คำศัพท์ทางเคมี จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาฟินแลนด์ ไม่มีบทความ, ไม่มีประโยค, เพียงแค่ 80 คำ ทั้งหมดของคำเหล่านี้มีรากมาจากภาษาลาตินประเภทของคำศัพท์อย่างถูกต้องซึ่ง Pym พูดถูกคือแปลค่อนข้างง่าย เพราะ มันมักจะต้องการให้มากกว่าการปรับการสะกดในระบบการออกเสียงของภาษาอื่น tomography, tomographie, tomografia และมันเป็นเหมือนกับคำทำนายของ Pym มันเป็นงานที่ง่ายมาก แต่ฉันก็แปลเป็นภาษาฟินแลนด์ซึ่งไม่ใช่ภาษาถิ่นของฉัน ฉันส่งงานแปลของฉันไปให้เพื่อนในประเทศฟินแลนด์ซึ่งเรียนเอกเคมี เธอแก้ให้ฉันนิดหน่อยแล้วก็ส่งมันกลับมา ฉันสังเกตว่าเธอแนะนำเกี่ยวกับความไม่สัมพันธ์กันบางอย่างของ ก๊าซเอทิลีน ในสารประกอบบางอย่างมันถูกแปลว่า etyleeni หรือ อีกคำคือ eteeni ฉันกังวลกับเรื่องนี้จึงโทรไปหาเธอแล้วถามเธอ เธอบอกว่ามันเป็นความเคยชินในพื้นที่นั้นเป็นการแปลในสังคมเคมีในฟินแลนด์อย่างแน่นอน และความไม่สัมพันธ์กันก็สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลง การคาดเดาของฉันคือ อันที่จริงสมาชิกอื่นขององค์กรนั้นอาจถูกตีความว่าเป็นการแปลที่แตกต่างให้รูปแบบที่แตกต่างกันเล็กน้อยของความสัมพันธ์ การใช้สองคำนี้ etyleeni และ eteeni แต่แตกต่างกันในสารประกอบไม่สำคัญว่าจะเป็นเครือข่ายนานาชาติอย่างไร การใช้มักจะมีรูปแบบในสังคมภายใน

    และเมื่อไม่นานมานี้ : ฉันขอแปลบางคำแนะนำสำหรับผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาฟินแลนด์และฉันไม่พบคำนี้ “flips-off seal” ในภาษาฟินแลนด์ ดังนั้นฉันจึงออนไลน์และถามนักแปล 3-4 คน และฉันรู้จักคนฟินแลนด์ซึ่งเป็นคนเขียนบทความทางเคมีมากมาย พวกเขาให้คำตอบฉันสามตำตอบที่แตกต่างกันมากและทั้งสามคำนี้ได้ถูกตรวจว่าเหมาะสมโดยเพื่อนของฉันที่เป็นหมอ ความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจที่สุดคือในคำศัพท์เหล่านี้พวกเขาเสนอให้ใช้คำว่า “seal” เป็น suoja , “Protection,cover” hattu คือ “hat” และ sinetti คือ “seal” ฉันไม่เคยคิดว่าจะเป็นคำนี้ sinetti ซึ่งเป็นประเภทของ seal (แต่ไม่ใช่สัตว์) และจะถูกใช้กับขวดที่ใช้ป้องกันแต่เพื่อนฉันที่เป็นหมอเชื่อเพื่อนฉันที่เป็นนักแปล Hattu หรือ Hat เป็นภาษาพูดที่ชัดเจน ชาวฟินแลนด์ใช้คำนี้ในบทสนทนาทั่วๆไปที่ไม่ค่อยเป็นทางการเพื่อที่จะบรรยายสิ่งที่คล้ายกับหมวกเมื่อพูดเขาไม่รู้คำศัพท์ที่ถูกต้องหรือเมื่อคำศัพท์ที่ถูกต้องฟังดูเหมือนเป็นศัพท์ทางเทคนิคเกินไป นี่เป็นสิ่งที่เตือนความจำได้อย่างดีซึ่งผู้ชำนาญเป็นสมาชิกมากกว่าหนึ่งสังคมและแม้ว่าภายในสังคมผู้ชำนาญ พวกเขามักจะคงไว้ สองหรือมากกว่าการลงทะเบียนหลายๆครั้ง เทคนิคหนึ่ง และ “official” หนึ่งหรือมากกว่าของคำแสลงและคำที่ไม่เป็นทางการ Suoja “protection, cover” เป็นคำที่เป็นกลางที่สุดในสามคำนี้ ดังนั้นมันเป็นความจริงหนึ่งที่ฉันจะเลิกใช้บางส่วนเพราะ สัญชาตญาณของฉันมันตรงข้ามกับ sinettic แต่ส่วนมากเพราะการตอบ suoja เป็นเพียงแค่หนึ่งที่เข้ามาก่อนเส้นตายของฉัน

    บทที่ 1 : จำนวนที่เพิ่มขึ้นในเครือข่ายสังคม หรือ กลุ่มคน คุณเป็นพื้นฐานของจำนวนที่เพิ่มขึ้นในสิ่งที่คุณเป็น ความสามารถในการเจริญคนคาดว่าจะเป้นสมาชิกของผู้อ่านในต้นกำเนิดของสังคมของบทความและสมาชิกของผู้เขียนของจุดมุ่งหมายในสังคมบทความ

    บทที่ 2 : ปริมาณที่น้อยลงของพื้นฐานที่คุณเป็นในสังคมของคุณเองและมีความสำคัญมากขึ้น มันเป็นพื้นฐานในสังคมนักแปล หรือเพื่อที่จะมีเพื่อนซึ่งรู้ในสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้หรือมีเพื่อนซึ่งรู้ในสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้หรือสามารถเชื่อมต่อกับคนที่ทำ ดังนั้นการสมมุติว่าเป้นหมอหรือวิศวะกร เมื่อคุณไม่เคยเช่นกัน คุณจะต้องสามารถจัดประเภทออกจากความขัดแย้ง “ผู้เชี่ยวชาญ” แนะนำและเลือกการแปลที่ดูเหมือนจะเหมาะสมกับบทความของคุณมากที่สุด ซึ่งจะต้องการบางพื้นฐานในเครือข่ายสังคมที่ซึ่งคำศัพท์ถูกใช้ “อย่างคนพื้นเมือง”

    บทที่ 3 : เส้นตายในโลกของผู้เชี่ยวชาญเป้าหมายของนักแปลไม่เคยมีการแปลที่สมบูรณ์แบบหรือการแปลที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เช่นกัน แม้ว่ามันเป็นได้แค่การแปลที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ประเด้นสำคัญก็คือตรงเวลา ถ้าเพื่อนของผู้แปลพูดกับเพื่อนของหมอและให้คุณกับเสียงที่ดูเข้าทีหรือวลีก่อนเส้นตายของคุณ อย่ารอที่จะหวังว่าตัวเลือกที่ดีกว่าอาจจะมาถึงบางเวลาหรือในไม่กี่วัน คุณจะต้องส่งงานแปลของคุณให้ตรงเวลาและพอใจกับมัน แน่นอนถ้าหากว่าเพื่อนอีกคนให้ทางเลือกคุณหลังจากวันเส้นตายและคุณก็รู้ทันทีว่านี่เป็นทางที่ถูกต้องและคุณกับเพื่อนคนอื่นผิดทั้งหมดมาก่อนแล้วคุณจะโทรหาสำนักงานหรือลูกค้าถ้าหากว่ามันยังพอจะเป็นไปได้ที่คุณจะเปลี่ยนมัน

    การเรียนรู้ที่จะเป็นนักแปล
    การเรียนรู้ที่จะเป็นนักแปลจำเป็นต้องมากกว่าเพียงแค่เรียนรู้คำและวลีให้มากๆในสองหรือมากกว่าภาษาและเปลี่ยนรูปแบบระหว่างสิ่งเหล่านี้และมากกว่าแค่ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่เป็นเจ้าของละสิ่งที่คิดมันก็ตกทอดมาด้วยและบางที่อาจจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและพื้นฐานของตัวคุณในหลายๆสังคมที่เป็นสิ่งสำคัญหรือเครือข่ายสังคมในความเป็นจริงมากที่สุดเท่าที่คุณสามารถจะจัดการได้และละเอียดที่สุดเท่าที่คุณจะจัดการได้ในแต่ละอัน

    เหนือสิ่งอื่นใดบางทีในสังคมของนักแปล นักแปลรู้ว่าภาษาเป็นอย่างไรและวัฒนธรรมการโต้ตอบเป็นอย่างไร นักแปลจะรู้ว่าสื่อสารในวัฒนธรรมที่แตกต่างในการทะงานอย่างไร(ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์, อัตรา, สัญญา) นักแปลจะรับงานจากคุณ ถ้าหากว่าพวกเขาไม่สามารถรับงานได้และต้องการแนะนำคนอื่นให้แก่สำนักงานหรือลูกค้าและพวกเขารู้จักคุณจากการประชุมระดับภูมิภาคหรือองค์กรนักแปลและพวกเขาจะค้นบัตรของคุณและแนะนำคุณหรือถ้าพวกเขามี

  39. Saowaluk Saekoo says:

    Saowaluk Saekoo English 3-2
    No. 51501030083-5
    P. 169-170

    เพลิดเพลินไปกับการสนทนาพูดคุยเป็นกลุ่มของคุณบนอินเตอร์เน็ต พวกเขาจะให้อีเมล์ของคุณกับตัวแทนหรือลูกค้า นักแปลจำเป็นต้องอยู่ในเครือข่ายสังคมที่หลากหลาย และจะต้องสามารถรู้ได้ว่า จะโทรติดต่อ แฟกต์ หรืออีเมล์ หาใครเพื่อที่จะได้คำตอบ และนั่นเป็นปัญหาคำศัพท์ที่ยาก ดังนั้นการเข้าไปอยู่ในสังคมนักแปลมันได้ให้การเชื่อมต่อที่มีค่ามากๆ ไปสู่สังคมอื่นได้ดี เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญของการเป็นนักแปล และการเข้าร่วมองค์กรของนักแปล (เข้าร่วมประชุมนักแปล) และสมัครเข้าร่วมกลุ่มการสนทนาโต้ตอบนักแปลบนอินเตอร์เน็ต

    แต่คุณควรอย่างยิ่งที่จะเข้าไปสู่สังคมอื่นๆ อีกให้มากเท่าที่คุณจะทำได้ เช่น คนที่ใช้คำสนทนาที่เฉพาะเจาะจง และผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญในที่ประชุม ที่บาร์ ผู้ซึ่งเขียนหรือเขียนนิตยสารเกี่ยวกับอาชีพ หรือนิตยสารทั่วไป ที่เกี่ยวกับข่าว วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม หรือสำหรับนิตยสารที่มีชื่อเสียงมากมาย และจุลสารซึ่งผู้คนจะเล่าเรื่องหรือสิ่งที่เขาเห็นในข่าว สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาหรือเพื่อนๆ เรื่องตลกที่เพิ่งได้ยินมา หรือสิ่งที่เขาได้แต่งขึ้น การแปลคือความจริงที่คล้ายกันมากกับการอ่านและการเขียน การบอกและการฟัง นั่นคื่อรูปแบบของการติดต่อสื่อสาร คือช่องทางหนึ่งในการแจกจ่ายอุดมการณ์และทัศนคติ ข้อมูลและสิ่งชักจูง และนักแปลก็ต้องมีการจัดการมากมายร่วมกันกับผู้คนซึ่งใช้ช่องทางอื่นในการแจกจ่ายสิ่งดังกล่าว ใหอยู่ภายในขอบเขตของวัฒนธรรม มันเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของนักแปลเพื่อเป็นการสอนเรื่องที่เป็นพื้นฐานให้ตัวของพวกเขาเองในการสื่อสารที่ใช้ช่องทางเหล่านี้ อย่างน้อยที่สุดสองภาษา แน่นอนว่านี่คือความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ระหว่างนักแปลกับคนทีสื่อสารทั่วไป มันช่วยให้นักแปลได้คิดถึงทั่วทั้งโลกเพื่อจินตนาการถึงงทนในหนึ่งตึกที่จะมีการติดต่อสื่อสารกับคนเป็นโหล หรืออาจจะเป็นร้อยในสังคมที่แต่กต่างทั่วโลก นักแปลมืออาชีพควรเป็นเช่นเซลล์ประสาท แผ่ออกไปสู่เครือข่ายการสื่อสารมากมาย และมักจะได้ข้อมูลหรือคำถาม (รวมทั้งแรงกระตุ้นแรงบันดาลใจ – ในด้านระบบประสาท “ยับยั้ง” หรือ “กระตุ้น” แรงกระตุ้นเช่นนี้ “นี่คือสิ่งที่คุณควรจะทำ” หรือ “ฉันคิดว่าฉันผิดจรรยาบรรณ” สำหรับเครือข่ายนี้หรือควรจะเป็น

    Eugene Nida (1985) ได้เขียนบทความหนึ่งที่ชื่อว่า “แปลว่าการแปลความหมาย” สิ่งที่เกี่ยวข้องก็คือนักแปลเจาะลงไปสู่แหล่งข้อความในการแสวงหาความหมาย ถอดความมัน และแสดงให้มันเป็นเป้าหมายของภาษา นั่นคือภาพลักษณ์ดั่งเดิมของมืออาชีพ มุมมองเพิ่มเติมของะระหว่างวัฒนธรรมที่แตกต่างกะนและตระหนักถึงสังคมในการแปล อาจหมายถึงให้อ่าน การแปลหมายถึง แนวทางความหมายและสิ่งชักจูง และความเข้ากันได้ผ่านเครือข่ายการสื่อสารระดับโลกมากมาย หรือคำพังเพยเพิ่มเติม:

    การแปลคือการถ่ายทอด
    นักแปลเป็นผู้เชื่อมโยงในห่วงโซ่การสื่อสาร
    การเเปลเป็นการปฎิบัติของเซลล์ประสาทในโลกของสมอง

    การสอนและทฤษฎีการแปลเป็นกิจกรรมทางสังคม (การหัก)

    ในบทต่อมาของหนังสือ การแปลและถ่ายโอนข้อความ (1992a: 152-3) ความคิดเห็นของ Anthony Pym บนหน้าประวัติศาสตร์ที่มองไม่เห็นของเจ้านายนักแปลที่รู้เพียงภาษาเดียว “ควบคุมใครไม่ได้” และยกระดับคำถามทางการเมืองที่เกี่ยวกับความ่จงรักภักดีหรือความซื่อสัตย์ แน่นอนปัญหาที่ยากจะแก้ไข หนึ่งก็คือความซ่สัตย์ต่อผู้นำที่ซึ่งไม่สามารถทำในสิ่งที่นักแปลทำได้ มันไม่เป็นที่อับอายเลยที่นักแปลที่เป็นกษัตริย์ เจ้าชาย หรือพระสงฆ์ มีเพียงเล็กน้อย นี่คือความภูมิใจบางอย่างที่ได้รับจากความจริงที่ว่าการเมืองและเจ้าหน้าที่ที่มีคุณธรรม มีความไว้วางใจความรู้ที่ถูกถ่ายทอดโดยข้าราชการการแปลของพวกเขา เต่เจ้าชายจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นนักแปลผู้ซื่อสัตย์ มันอาจจะโง่ที่แนะนำว่านักแปลทุกคนมีความสามารถเท่ากัน แต่ความจงรักภักดีของพวกเขาตรงกันโดยอัตโนมัติ เพื่อให้สอดคล้องกับเงินที่พวกเขาจะได้รับ หรือความจงรักภักดีของพวกเขาอยู่นอกเหนือความสงสัย ต้นฉบับบางชนิดมีความจำเป็นมากที่สุด บางทีความามั่นใจของเจ้าชายก็ขึ้นอยู่กับประกาศนียบัตร์จากสถาบันการแปล โดยเฉพาะการอ้างอิงจากนายจ้างก่อนเปรียบเทียบกับนักแปลคนอื่นๆ หรือแม้กระทั้งในสิ่งที่นักแปลแต่ละคนสามารถพูดเกี่ยวกับวิธีปฎิบัติในการแปล ตั้งแต่มีทฤษฎีของมันเอง เป็นตัวแบบของมืออาชีพในการป้องกันตัวเอง

    ความคิดในทฤษฎีการแปลเป็นส่วนหนึ่งของอาวุธในการป้องกันตัวของนักแปล จากการโจมตีของความไม่เข้าใจเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้น แรงจูงใจพื้นฐานของ Jerome สำหรับทฤษฎีการแปลในจดหมายของเขาที่งไปให้ Pammachius และ Martin Luther ในครั้งเดียวกัน นอกจากนั้นในหนังสือเวียนเรื่องการแปลของเขาในปี 1530 มันยังค่อนข้างใหม่ โดยอย่างเป็นทางการและเหตุผลที่โดดเด่นสำหรับทฤษฎีการแปลกว่า 2000 ปี ที่แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ที่เข้าไปควบคุมพฤติกรรมของกนักแปล (เพื่อ Jerm, Luther และ Pym) ได้ปรับการกระทำเหล่านั้นหลังความจริง เพื่อให้นักแปลอยู่ภายใต้คำสั่งของผู้นำ (ซื่อสัตย์ ไม่ฟรี) ไม่ให้พวกเขาต่อต้านความไม่เข้าใจของผู้นำ

    นี่เป็นอีกหนึ่งความแตกต่างระหว่างความรู้ภายในและภายนอกที่เพิ่มขึ้นในบทที่ 1 จากกฎ หรือ การใช้รูปแบบภายนอก เหตุผลที่น่าจะเป็นไปได้หนึ่งเดียวในทฤษฎีการแปลคือการคงอยู่เพื่อพัฒนา และชังคับให้เป็นไปตามกฎมาตรฐาน เพื่อความถูกต้องและความซื่อสัตย์ในการแปล ทำให้แน่ใจว่านักแปลภาษาทำตามมาตรฐานกำหนดร่วม และจะได้ไม่พูดว่าจะกลายเป็นผู้ทรยศ พวกเขากจะสงสัยว่าจะกลายเป็นผู้ทรยศครึ่งหนึ่ง จากนักแปลที่ใช้รูปแบบภายใน อย่างไรก็ตามทฤษฎีการแปลมีอยู่มาก เพื่อช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นและป้องกันแก้ไขปัญหาได้เมื่อถูกวิจารณ์ และทำให้เติบโตขึ้นอย่างเป็นมืออาชีพในทักษะความรู้ จำหน่ายการกระทำและความน่าเชื่อถือ

    ______________________________________

  40. Jutarat Maree Eng. 3-1 No.4 says:

    บทที่2 หน้า 22-24

    ในขณะที่ผู้แปลต้องเผชิญกับความจำเป็นของสิ่งที่ใช้ในการแปลเพื่อที่จะใช้ในการดำเนินชีวิต เพราะ มันก็เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับพวกเขาเช่นกันในการรวบรวมสิ่งที่จำเป็นเหล่านั้นให้กลายเป็นนักแปลที่สนใจในการเรียงลำดับความสำคัญของงาน การมองเห็นความน่าเชื่อถือเช่นว่าผู้ใช้ต้องการให้มีเนื้อเรื่องที่มากขึ้นของ การเห็นว่าผู้ใช้ต้องการให้ทันเวลาที่กำหนด เพื่อเพิ่มรายได้ ต้องการความเร็วแต่ต้องเชื่อมโยงกับการจัดการโครงการเช่นกัน และยกระดับสถานะความเป็นมืออาชีพ และการยืนหยัดในความสำคัญและความสนุกในการทำงานโดยแท้จริง

    อะไรที่จะนำไปสู่การเป็นนักแปลหรือล่าม บุคคลแบบไหนที่อยากจะนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์หรือตามสนามกีฬาวันแล้ววันเล่าในการแปลคำและวลีต่าง ๆ จากภาษาหนึ่งเป็นอีกภาษาหนึ่ง นี่คงไม่เป็นสิ่งที่น่าเบื่อและไม่คุ้มค่าในอาชีพใช่ไหม

    มันก็เป็นไปได้ สำหรับหลาย ๆ คน บางคนที่รักมันตั้งแต่ครั้งแรกและพยายามที่จะแปลมัน และไม่ละความพยายาม แต่บางคนสามารถทำได้เพียงแค่ชั่วเวลาหนึ่ง ไม่กี่ชั่วโมงต่อหนึ่งวัน ต่อหนึ่งอาทิตย์ หรือต่อเดือน เช่น พวกนักเขียน ครู บรรณาธิการ จะใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน แต่จะเป็นตอนเย็นเท่านั้น หรือไม่ก็วันเสาร์หรืออาทิตย์สัก 2-3 ครั้ง ต่อเดือน ที่พวกเขาจะแปล บางครั้งก็ทำเพื่อจะได้เงิน แต่บางครั้งก็ทำเพราะว่าสนุก แต่ส่วนใหญ่ก็ทำเพราะทั้งสองอย่าง ถ้ามีงานใหญ่เข้ามาจริง ๆ ทั้งเวลาและเงินนั้นปกติ พวกเขาจะใช้เวลาทั้งอาทิตย์ในการแปล และ8-10 ชั่วโมงต่อวัน แต่เมื่อถึงวันสุดท้ายของอาทิตย์นั้น พวกเขาจะรู้สึกผ่อนคลายและพร้อมที่จะกลับไปทำงานปกติ

    คนอื่น ๆ โดยส่วนใหญ่ ( มาจากความรู้ของฉันไม่มีการวัดสถิติ ) จะแปลเป็นงานประจำและไม่ละความพยายาม พวกเขาทำได้อย่างไร ? อะไรคือทักษะที่พวกเขามีที่ทำให้มันเป็นไปได้สำหรับพวกเขาในการกลายเป็น หมอ ทนาย วิศวกร นักประพันธ์ นักธุรกิจ ? พวกเขามีพรสวรรค์ในด้านการแสดงหรือเปล่า ? พวกเขาสามารถรู้คำศัพท์เฉพาะมากมายได้อย่างไร ? พวกเขาเปิดพจนานุกรมหรือสารานุกรมหรือไม่ ? พวกเขาชำนาญใน Trivial Pursuit หรือไม่ ?

    นี่เป็นคำถามที่พวกเราสำรวจในหนังสือเล่มนี้ ใช่ นักแปลหรือล่ามนั้นต้องทำบางอย่างเหมือนที่นักแสดงทำ เช่นการล้อเลียน นักแปลหรือล่ามนั้นต้องพัฒนาสิ่งที่พิเศษหรือแปลก เพื่อฟื้นฟูทักษะที่จะสามารถจำคำศัพท์ได้ง่ายที่พวกเขาได้ยิน

    นักแปลหรือล่ามคือผู้อ่านที่ไม่รู้จักพอและอ่านหนังสือทุกประเภท บุคคลที่เป็นต้นฉบับกึ่งกลางของหนังสือ 4 เล่มแต่ก่อน ได้แก่ มีหลายภาษา เป็นนิยายและเรื่องจริง เป็นวิชาการและวิชามนุษย์ศาสตร์ บางอย่างหรือทุกอย่าง พวกเขาต้องการประสบการณ์จริง ผ่านการท่องเที่ยว อยู่ต่างประเทศเป็นระยะเวลานาน เรียนรู้ภาษา และวัฒนธรรมของต่างชาติ และยิ่งกว่าทั้งหมดนั้นคือ ต้องสังเกตการณ์ใช้ภาษาของผู้คนรอบข้าง เช่น ช่างประปา พี่เลี้ยงเด็ก เสมียน คุณหมอ บาร์เทนเดอร์ เพื่อน ผู้ร่วมงานจากภูมิภาคต่าง ๆ สังคมในห้องเรียน หรืออื่น ๆ การแปลจะถูกเรียกว่าเป็นอาชีพที่ 2 อยู่บ่อย ๆ นักแปลส่วนมากจะเก่งในสาขางานอื่น ๆ หรือ หลายสาขาที่ประสบความสำเร็จ แต่จะหันมาทำการแปลก็ต่อเมื่อพวกเขาไม่มีงานทำ ลาออกจากงาน หรือย้ายไปอยู่ที่อื่นซึ่งเป็นที่ที่พวกเขาไม่สามารถฝึกฝนงานได้เท่านั้น เมื่อเป็นนักแปล พวกเขาจะเข้าอยู่ระหว่างสังคมผู้ร่วมงานสมัยก่อนในภาษาที่แตกต่างกันไปอย่างน้อย 2 ภาษาหรือมากกว่านั้นกลุ่มนักแปลซึ่งแน่นอนว่าเป็นกล่มที่มีความหลากหลาย ไม่ใช่อย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะว่าเกินครึ่งหนึ่งของในกลุ่มนั้นจะมาจากหลายประเทศ และส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ต่างประเทศ และจะเปลี่ยนจากภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่งในการสนทนาได้อย่างง่ายดา แต่เพราะว่าความสำคัญของนักแปลและล่ามยึดถือเป็นทรัพย์สินก็คือการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งรอบข้าง และเมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาพร้อมที่จะสร้างสิ่งใหม่ ๆ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์

    พ่อของฉันทำงานให้กับพื้นที่นานาชาติของธนาคารบราซิล และผลที่ตามมาก็คือ ฉันอยู่มาแล้ว 8 ประเทศ และ 10 เมืองในอายุระหว่าง 1-19 ปี พ่อและแม่ของฉันได้เรียนรู้ภาษาของสถานที่ที่พวกเขาไปอยู่ พ่อของฉันไม่ต้องการให้พวกเรา ( พี่ชายน้องชาย 3 คนและ ฉัน ) เรียนที่โรงเรียนอเมริกาและฝรั่งเศส (ซึ่งสามารถหาได้ทั่ว ๆ ไป ) แต่บังคับให้พวกเราเรียนรู้และเรียนหนังสือในภาษาของที่ต่าง ๆ ที่เราไปอยู่แทน พ่อแม่ของเราสนับสนุนเรื่องการเรียนรู้ในด้านการท่องเที่ยวเดินทางและภาษา ฉันได้ไปเที่ยวคนเดียวรอบยุโรปตั้งแต่ฉันอายุ 14 ปี ฉันได้เรียนรู้ 3Rs ในประเทศสเปน และเรียนมัธยมปลายในประเทศ อิตาลี และโปรตุเกส และฉันก็เรียน 3 ภาษาในเวลาเดียวกันที่โรงเรียนยุโรปเมืองลักเซมเบิร์ค และสามารถพูดภาษาโปรตุเกสที่บ้าน และใช้ภาษาอิตาลีกับแฟนสาวเท่านั้น : )

    ผลลัพธ์ที่ได้ : ฉันพูดภาษาโปรตุเกส อังกฤษ สเปน อิตาลี และฝรั่งเศสได้ และยังสามารภแปลจากภาษาหนึ่งเป็นอีกภาษาหนึ่งได้อีกด้วย

    ฉันได้ทำงานกับภาษาทั้งหมดที่ฉันได้เรียนมาสมัยหนุ่ม ๆ ฉันเริ่มที่จะเรียนภาษารัสเซีย แต่ฉันไม่ค่อยชอบสำเนียงของครูเท่าไหร่นัก ในอนาคตฉันวางแผนที่จะเรียนภาษาจีน ( ฉันมีพี่ชายทำงานอยู่ที่ไต้หวัน และมีลูกพี่ลูกน้องพูดภาษาจีนได้คล่องแคล่วด้วย )

    แต่ตอนนี้ไม่มีนักแปลผู้ที่จะแบ่งลักษณะเฉพาะให้เหมือนกันได้ ไม่ว่าจะเป็น นักการทูต ครูสอนภาษา นักท่องเที่ยว เป็นต้น ทักษะพิเศษที่ทำให้เป็นการท่องเที่ยวที่ดี การอ่านภาษาที่ดี ของนักแปลคืออะไร ?

    ไม่แปลกใจเลยว่า บางทีลักษณะพิเศษที่สำคัญของนักแปลที่ดีนั้นเหมือนกับสิ่งที่ผู้ใช้การแปลคาดหวังให้มีในอุดมการณ์การแปล เช่นนักแปลที่ดีต้องเชื่อถือได้ ซื่อสัตย์ และจะทำงานให้มีคุณค่า จากจุดประสงค์ภายในทัศนคติ อย่างไรก็ตามความคาดหวังของการแปลค่อนข้างมากกว่าสิ่งที่เรามองเห็นภายนอก สำหรับนักแปลความน่าเชื่อถือนั้นสำคัญมากที่สุดคล้ายกับว่าเป็นแหล่งกำเนิดของความภาคภูมิใจในอาชีพ ซึ่งประกอบด้วยปัจจัยสำคัญที่เล็กน้อยหรือไม่มีความหมายสำหรับผู้ใช้การแปล ความเร็วก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเหมือนกับว่าเป็นบ่อเกิดของการเพิ่มรายได้ ซึ่งสามารถผ่านพ้นสิ่งต่าง ๆ ได้ดี และสิ่งที่สำคัญมากที่สุดบางทีอาจจะมากกว่าทุกสิ่งที่กล่าวมานั่นก็คือ นักแปลจะต้องสนุกกับการทำงาน ปัจจัยที่มีความหมายอันเล็กน้อยสำหรับคนอื่น มาพิจารณา 3 สิ่งเหล่านี้กัน ความภูมิใจในอาชีพ รายได้ และความสนุกในการทำงาน

    ความภูมิใจในอาชีพ

    จากจุดประสงค์ในทัศนคติของผู้ใช้ ความไว้วางใจนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการแปลที่ไม่ใช่แค่ในเนื้อเรื่องแต่หมายถึงตัวผู้แปล และสิ่งอื่น ๆ ทั่วไปของกระบวนการแปลทั้งหมดด้วย เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่มีความหมายของคนจ่ายเงินและสำคัญกับผู้แปลเช่นเดียวกัน การพิจารณาผลการทำงานของการรักษางานของคุณเอาไว้ หรือ การได้รับการเสนอมอบหมายงานให้ด้วยความยินดีและพอใจจากผู้จ้างงานหรือลูกค้าต่อไป

    แต่สำหรับนักแปลหรือล่ามสิ่งที่เหนือกว่าการพิจารณาการทำงาน เงิน และการได้ทำงานอย่างต่อเนื่องนั้นก็คือ ความภูมิใจในอาชีพ ความสมบูรณ์แบบในอาชีพ และการได้รับความเคารพยกย่องในอาชีพ พวกเราต้องการทั้งหมดจะได้รู้สึกว่างานที่เรากำลังทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่มีความหมาย ซึ่งเราทำมันได้เป็นอย่างดี ผู้คนที่เราทำงานให้นั้นก็ต่างชื่นชมงานของเรา อันที่จริงผู้คนส่วนใหญ่ค่อนข้างที่จะภูมิใจในอาชีพที่อาจจะได้ค่าตอบแทนน้อยกว่าทำอย่างอื่นแต่พวกเขาไม่เชื่ออย่างนั้น ถึงอย่างไรก็ตามการวางคุณค่าที่สูงในการทำเงิน เงินเดือนมากให้ความสุขเพียงเล็กน้อยปราศจากความภูมิใจในอาชีพ

    พื้นที่ในการผ่านพ้นซึ่งผู้แปลต้นแบบนำไปสู่ความภูมิใจในอาชีพนั่นก็คือ ความน่าเชื่อถือ รวมถึงอาชีพ และจริยธรรม

  41. Thanisa Atsawaworakul says:

    Chapter 2 Page 40-42

    งานที่เขียนด้วยลายมือ และนั่นเพราะว่าพวกเขาปรารถนาที่จะหารายได้ในฐานะนักแปล พวกเขาควรเริ่มทำหน้าที่เหมือนผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่บัดนั้น เขายังได้แนะนำให้พวกเขาเขียนฉบับร่างครั้งแรกในคอมพิวเตอร์ ไม่ควรเขียนทุกสิ่งทุกอย่างด้วยลายมือ และคัดลอกข้อความที่สมบูรณ์แล้ว

    Michelle Asselin

    (Lantra-L, กุมภาพันธ์ 1-3, 2002)

    การแปล คุณๆควรใช้เครื่องมือ ค้นหาแล้วเลือกมันขึ้นมา กดปุ่มและนำมันออกมา แล้วคุณจะเริ่มรู้สึกมีชีวิตชีวา

    การสนทนา

    ควรหรือไม่ที่นักแปลจะยินดีทำทุกขั้นตอนในการแปลบทความ เช่น การแก้ไข,สรุป,อธิบายประกอบ,เผยแพร่? หรือควรจะแปลไปตรงๆ สำรวจเส้นแบ่งเขตหรือพื้นที่สีเทาระหว่างการแปลและการทำสิ่งอื่นๆ วิเคราะห์วิธีการซึ่งพื้นที่สีเทานั้นแตกต่างสำหรับคนที่ต่างกัน

    นักแปลควรมีจรรยาบรรณหรือความเป็นมืออาชีพในการปรับปรุงข้อความต้นฉบับเมื่อไหร่และอย่างไร? มีข้อจำกัดในการปรับปรุงหรือไม่ที่นักแปลสามารถทำได้อย่างมีจรรยาบรรณ? (การกระชับโครงสร้างประโยค,การรวมหรือแยกประโยค,การจัดเรียงประโยค,การจัดเรียงย่อหน้า…) มีข้อจำกัดในการปรับปรุงบ้างไหม ที่นักแปลพึงกระทำโดยไม่ต้องสอบถามลูกค้าหรือบริษัทเพื่อขออนุมัติ? นักแปลที่เชื่อถือได้ คือ ผู้ที่แปลเพียงคนเดียวไม่มีสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงแก้ไข แต่ตรงกันข้ามก็มีนักแปลที่ไม่รบกวนลูกค้าหรือบริษัทโดยการสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอยู่ตลอดเวลา เกณฑ์ของความน่าเชื่อถือควรจะอยู่ในระดับใด? ติดตามอ่านเรื่องเสียดสีต่อนักแปลอิสระที่โพสต์ในเวปไซต์ ProZ.com แต่ต้องลบออกอย่างรวดเร็ว

    Mario Abbiccii (abbicci)

    อิตาลี

    พื้นหลัง

    เกียรตินิยมสาขาโบราณคดีในมหาวิทยาลัยโรม ปี 1999 ข้าพเจ้าผ่านการแสดงความเห็นครั้งยิ่งใหญ่ใน “ความหายนะของสติปัญญาและจำนวนที่เหลือของคนวิกลจริตในโลกสมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางความเป็นมืออาชีพ” ปริญญาเอกด้านจิตวิทยา วิทยานิพนธ์โดย เซอร์ เอ็ดวาร์ด มัมฟอร์ด เบส ใน “การ์ดินี่ของชาวอิตาเลี่ยนทั้งหมดและสัดส่วนของความซับซ้อน : นี่คือทัศนคติหรืออะไรกันแน่?”

    นักแปลอิสระเต็มเวลามืออาชีพและนักวิจารณ์ตั้งแต่ปี 2000 ที่จริงผมเริ่มการแปลเพื่อรับเงินในปี 1987 ใช่ตอนนั้นผมอายุ 15 แต่ผมเต็มไปด้วยสัญญา การจ่ายเงินของพ่อยังไม่เพียงพอที่จะซื้อบุหรี่,นิตยสารลามก และสูบยา นอกจากนี้ป้าของผม จีน่า บอกว่า ผมกำลังทำด้วยความเต็มใจ เธอหูหนวกและตาบอด แต่เธอรักผมมาก

    ผมเริ่มเรียนเพื่อที่จะรับตำแหน่งในสังคม แต่ความสนใจในการเรียนรู้และขยายความรู้ของผมถูกจำกัดอย่างมาก และผมไม่ได้โทษสิ่งทั้งหมด แต่ผมต้องการรับรายได้โดยง่ายและใช้ความพยายามอย่างน้อยที่สุด การศึกษาของผมเกี่ยวกับวิชาที่ว่าด้วยความจำและผมจำได้ไม่มาก แต่วิธีการดูเหมือนจะใช้ได้ และผมรู้สึกชอบแนะนำอย่างหนักแน่นต่อคนรุ่นต่อไปที่เข้ามา ขั้นตอนต่อไป คุณรู้ไหม,ในประเทศแถบยุโรปมีโอกาสในการทำงานไม่มากนักถ้าไม่มีความพยายามและความสามารถ ผมจึงใช้อินเตอร์เน็ตและเริ่มเป็นคนในท้องถิ่น

    พื้นที่ของความเชี่ยวชาญ

    ตามวุฒิการศึกษาของผม ขอบเขตความเชี่ยวชาญของผม คือ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ,ซอฟท์แวร์,ฮาร์ดแวร์,เทคนิค/อุตสาหกรรม,แพทย์/เภสัช,กฎหมาย,คัมภีร์ ผมมีประสบการณ์กว้างขวางในส่วนนี้และผมสามารถหาการอ้างอิงที่ไม่มูลอย่างเคร่งครัดได้อย่างรวดเร็ว

    ประสบการณ์

    ผมได้เป็นนักแปลอิสระพื้นเมืองอิตาเลี่ยน/นักวิจารณ์/บรรณาธิการ/พิสูจน์อักษร ตั้งแต่ปี 2000

    ในเดือนพฤษภาคม 2001 ผมตั้งทีมกับเพื่อนร่วมงานที่เชื่อถือได้ 3 คน ประสานงานเพื่อให้ได่ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูง เสียเวลาน้อย ผมขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ นายโจนาธาน บาเบลฟิช,นางกลอเรีย แอลตาวิสต้า,ด็อกเตอร์จิแอนนี่ ชิอูโดส และ ด็อกเตอร์จูแอน โด โคโจโคโจ พวกเขาเป็นมืออาชีพที่มีความยืดหยุ่นและเพ้อฝันและมักจะทิ้งการแก้ปัญหาที่ไม่คาดฝันจากแหล่งที่มาของต้นฉบับอยู่เสมอ โปรดทราบว่าพวกเขากำลังทำงานร่วมกันกับที่สุดของผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ และพวกเขาแสดงให้เห็นในหลายกรณี การแปลของเขาถูกสร้างขึ้นเพื่อการอ้างอิงเท่านั้น

    การอ้างอิง

    การอ้างอิงของบริษัทและรายชื่อหน่วยงานที่ได้กำหนดโครงการดังกล่าวให้ผมจะมีตามคำขอและ ผู้อ้างอิงจะถูกเก็บเป็นความลับทั้งหมด เรายังสามารถจัดหาผลสรุปของเราที่ทันสมัย แค่คุณร้องขอแล้วเราจะจัดทำมันขึ้นในทันที

    โปรดทราบว่าเราจะสามารถดำเนินการทดสอบการแปลไม่เกิน 75 คำของแหล่งข้อความ และเมื่อคุณสามารถรับประกันความลับของเราทั้งหมดเท่านั้น ความจริงแล้วเรายังคงไม่เข้าใจว่าทำไมลูกค้าและบริษัทของคุณพยายามที่จะบังคับนักแปลให้ดำเนินการทดสอบภาษาฟรี ด้วยเหตุที่คุณควรจ่ายนับจากนี้ เราก็ไม่เห็นด้วยกับแบบทดสอบซึ่งธรรมดาขัดต่อหลักการผู้ประกอบการที่มีคุณภาพไม่จำเป็นต้องพิสูจน์

    วิธีการ

    ที่แรกผมยอมรับต้นฉบับเกี่ยวกับข้อโต้แย้งที่ผมไม่เคยได้ยิน จากนั้นผมก็ทำการออนไลน์ค้นหาคำถามที่ยาวยืดโดยใช้บูลีนผู้ดำเนินการไกล่เกลี่ยและความเก่งในทางที่ผิดของระบบคูโดส บนเว็บ ProZ ในที่สุดการเลือกที่น่าเชื่อถือที่น้อยที่สุดและการแก้ปัญหาที่ดูเพ้อฝันที่สุด ถ้านี่ยังช่วยไม่ได้ ผมขอให้ลูกค้าเลื่อนกำหนดเวลาเพื่อรักษาผลประโยชน์เนื่องจากเนื้อหาที่ท้าทายมากสำหรับการแปลให้ได้ภาษาที่น่าพอใจ และผมก็อยู่ในช่วงปรับตัว

    พวกเรามักจะทำตัวให้ทันสมัยและมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องในการวิจัยและอัพเกรดแบบมืออาชีพ เราจะไม่พลาดกลุ่มข่าวและรายการจดหมาดที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดและผู้คนให้ความสนใจ พวกเราชอบแลงกิทมากกว่าแลงตร้า เนื่องจากสภาพปลอดเชื้อของอันแรก ในขณะที่การเมืองยังไม่อนุญาต คุณสามารถเพลิดเพลินกับชุดของนักแปลอันธพาลที่ดูถูกคนอื่นเกี่ยวกับราคา,การนับคำ และลูกค้า กับทัศนคติทางสังคมที่ไม่ดี อริสโตเติลมีความผิดที่จะพิจารณ์”การเมือง” ทำให้คนหนึ่งคนสามารถพัฒนาเป็นมืออาชีพเรียนรู้ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับหน่วยงานที่พวกเขาได้เคยล้มเหลวจากทดสอบ, วิธีการจัดตั้งสมาคมนักแปลมือใหม่, วิธีการอ้างถึงคำพูดเด็ดที่ตลกขบขัน ทฤษฏีทางสังคมในภาษาเยอรมันดั้งเดิมขณะที่พวกเขาแทบจะไม่สามารถพูดภาษาอิตาเลี่ยนได้ถูกต้อง

    โดยไม่มีการแทรกแซงของผู้ดูแลท้องถิ่น ในการกระทำอย่างเคร่งครัดเพื่อรักษาความถูกต้องของประธานในไวยากรณ์

    นโยบาย

    ราคาที่เป็นทางการของเราค่อนข้างตายตัว ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของเนื้อหา แต่ไม่ถึงกับต่ำ เราต้องการให้คุณเข้าใจเหตุผลของนโยบายเหล่านี้ เราถูกบังคับให้ทำแบบนี้เพื่อให้เกียรติต่อหน้าเพื่อนร่วมงานของเรา แต่เรายินดีที่จะเคาะราคาให้ต่ำลงในการเสนอราคาเป็นส่วนตัวหรือหากคุณติดต่อเราโดยตรง

    ราคาของเราขึ้นอยู่กับวิธีการทางบัญชีก็อบเบลดดี้กุ๊ค และเราใช้ คาร์เทลล่า, แคนน่า, และเพอร์ทิก้า เป็นหน่วยวัดการแปล ตามที่เอ็ดดิโต้ เดอ โล เมอร์ชานเต้ ซึ่งย้อนวันกลับไปที่ 1312,พาตาเวีย เพื่อความสะดวกของคุณ ให้เราชี้แจงคาร์เทลล่า ที่ กดแป้น 65 ครั้งสำหรับตาราง 60 แถวต่อด้าน,360 พื้นที่ว่างสีขาวของสามเหลี่ยม และตราบเท่าที่คุณไม่ได้ใช้พาไพรัสที่แข็งแกร่ง ซึ่งในกรณีนี้จะใช้เวลามากขึ้น เนื่องจากเป็นเรื่องเฉพาะ

  42. วิรุทัย อิทธิฤทธิ์ไพศาล 3-2 says:

    “คุณสามารถส่งอีเมล์มาโดยแนบไฟล์ที่สมบูรณ์มาให้พวกเราในวันศุกร์ได้ใช่ไหม”
    “ใช่ ไม่มีปัญหา แต่ว่าอาจจะเป็นในวันพฤหัสบดีเลย”
    คุณไม่เคยส่งอีเมล์โดยการแนบไฟล์มาก่อน คุณไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่คุณมีเวลาจนถึงวันศุกร์ที่จะตรวจสอบ วันนี้เป็นวันอังคาร คุณไม่ได้พูดว่า อะไรคือการแนบไฟล์ คุณสัญญาว่าจะส่งอีเมล์ให้พวกเขาและต้องเร่งรีบที่จะหาใครบางคนมาสอนวิธีการทำให้กับคุณ
    “เท่าไหร่เหรอ”
    “มันขึ้นอยู่กับความแตกต่างของต้นฉบับ คุณโทรสารมันมาให้ฉันก่อน และฉันจะดูมัน แล้วฉันจะโทรกลับหาคุณ”
    มันคืองานแรกของคุณ และคุณตระหนักว่าคุณไม่มีความคิดเกี่ยวกับราคาของงานนี้ คุณมีเวลาครึ่งชั่วโมงหรือก่อนที่บริษัทตัวแทนหรือลูกค้าจะไม่อดทนรอโทรศัพท์ของคุณ คุณรอโทรสารมาถึง และโทรศัพท์กลับไปหาเพื่อถามถึงราคา เมื่อโทรกลับไปแล้ว คุณควรที่จะพูดให้เหมือนผู้ที่มีความชำนาญ
    แน่นอนว่าผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตนั้นก็คือปรารถนาให้คุณรู้เกี่ยวกับพื้นฐานของการส่งโทรสารต้นฉบับให้กับล่ามและเพื่อให้ล่ามนั้นได้มีโอกาสดูงานก่อนที่จะตัดสินใจก่อนที่จะรับทำงานนี้ ถ้าหากคุณไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร และ คุณไม่มีทางที่จะถ่วงเวลาแล้วจึงพูดไปว่า “อืม ฉันไม่รู้ แล้วคุณเคยจ่ายเท่าไหร่” นี้คือความเสียหายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งส่วนของงานนี้จะนำไปสู่ความช่วยเหลือจากล่ามใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณสามารถแปลสัมพันธ์กับต่างประเทศ การรวมภาษาในที่นี้คือความยากเพื่อค้นหาความยอดเยี่ยมอย่างมืออาชีพ ซึ่งคุณเป็นตัวแทนที่ยังอ่อนหัดอยู่ และโดยมากตัวแทนที่ถูกต้องตามหลักจริยธรรมนั้นไม่เพียงพอ และด้วยเหตุนี้จึงหยิบข้อได้เปรียบของความโง่เขลาของคุณมาอ้างได้อย่างไร้สาระ แต่ถ้าการรวมภาษาของคุณนั้นไม่ธรรมดามากเกินไป และเขาก็จะเรียกคุณ เนื่องจากพวกเขาทำงานอิสระ นี้คือโอกาสของคุณที่จะแสดงศักยภาพของผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำสิ่งนี้
    ดังนั้นถ้าคุณคุณแสร้งทำเป็นล่ามผู้มีประสบการณ์ คุณกลายเป็นล่ามโดยการแสร้งทำ ดังเช่นคุณเห็น พอล คัสมอล ในหน่วยที่ 7 “พฤติกรรมความชำนาญคือบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมา” มันควรจะรู้ให้ชัดเจนมากกว่า คุณจะทำอย่างไรในการทำงานให้ได้อย่างเชี่ยวชาญ ซึ่งมันจะง่ายกว่าที่จะแสร้งทำเป็นว่าเราเชี่ยวชาญ ด้วยเหตุนี้การเรียน การค้นหาในห้องเรียนหรือการอ่านหนังสือและบทความจึงมีความสำคัญ
    สวัสดี, แลนทรานทุกคน
    ฉันได้รับข้อตกลงเกี่ยวกับการเป็นล่ามอิสระ และฉันต้องการได้ยินจากผู้คนที่มีประสบการณ์เยอะ คุณทำอย่างไรเกี่ยวกับการจ่ายภาษี เมื่อทำงานให้กับลูกค้าในต่างประเทศ คุณจ่ายภาษีให้กับต่างประเทศ ประเทศตนเอง หรือทั้งสอง
    มันไม่ได้แตกต่างเลย ในเมื่อคุณทำงานเต็มเวลาตามข้อตกลง และทำงานแปลทุกเย็นใช่ไหม
    ขอบคุณอย่างสูงสำหรับความช่วยเหลือของคุณ
    แอนนา เคสต้า
    หรือโดยการถามการทำงานของผู้ที่เชี่ยวชาญว่าเขาทำอย่างไร และทุกครั้งที่คุณหลอกลวงสำเร็จ นั้นจะทำให้คุณเพิ่มความรู้ นั้นจะทำให้การเสแสร้างง่ายขึ้นในครั้งต่อไป
    บันทึก อย่างไรก็ตาม ความจำเป็นของการเสแสร้งคือล่ามที่มีประสบการณ์มากมักจะทำการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว พฤติกรรมของผู้ชำนาญมีความสามารถทุกสถานการณ์
    ความแตกต่างหลักระหว่างประสบการณ์ของล่ามและผู้เริ่มเป็นล่ามนั้น ประสบการณ์ของล่ามมีมากกว่า เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้วยความไม่รู้ เมื่อพูดว่า “ฉันไม่รู้ ขอฉันตรวจสอบก่อน” หรือ “ฉันไม่รู้ แล้วคุณคิด” มันไม่ใช่เพียงไม่เหมาะสม แต่ยังเสียหน้าด้วย ซึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งความไม่เป็นผู้เชี่ยวชาญ
    การเสแสร้งคือบ่อเกิดของผู้อ่านและผู้เขียน
    ลักษณะความสำคัญอื่นของการเสแสร้งในการทำงานของล่าม คือ กระบวนการของการแปล และการก้าวไปสู่การเกิดผู้อ่าน เข้าใจได้ว่าการเกิดต้นฉบับนั้น ผู้อ่านต้องมีความตั้งใจ และหลังจากนั้นคือจุดหมายของผู้เขียนไปสู่ จำนวนผู้อ่านซึ่งในทางที่ดีนั้นควรตกลงกับมาตรฐานความคาดหวังของผู้รับหน้าที่แปล
    คุณรู้ได้อย่างไรว่าบ่อเกิดของต้นฉบับหมายถึงอย่างไร หรือการทำงานสามารถคาดคะเนได้อย่างไร คุณอาศัยทักษะทางภาษาของคุณ ในการตรวจสอบพจนานุกรม และอ้างอิงหนังสือ คุณถามผู้เชี่ยวชาญ คุณติดต่อตัวแทน และ หรือลูกค้า ถ้าคุณอย่างให้ประโยชน์ คุณถามเขาได้ว่าคำศัพท์นี้หมายถึงอะไร แต่ผลการค้นคว้ามักจะเป็นข้อสรุปที่ไม่ชัดเจน หรือไม่เป็นที่น่าพอใจ และบางจุดคุณอาจตัดสินใจดำเนินการ ถ้าคุณมีข้อมูลทั้งหมด คุณจำเป็นต้องทำให้งานของคุณดูเป็นมืออาชีพ ในคำศัพท์อื่นๆที่คุณแสร้งทำให้มีผลต่อผู อ่าน แต่มันเป็นเพียงการแสร้งทำ ไม่ใช่การหลองลวงแน่นอน แต่ถ้าหากคุณมีปัญหาเกิดขึ้นที่เกี่ยวกับความเข้าใจของคุณในส่วนของต้นฉบับนี้ คุณก็ควรที่จะเรียนรู้การเดาคำศัพท์ การอ้างอิงคำศัพท์ หรือวลีที่ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยคุณได้
    และการนำเสนอการแปลของคุณให้ประสบความสำเร็จเป็นไปอย่างเรียบร้อย
    คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายต่อไปที่จะเกิดขึ้น และพวกเขาคาดหวังอะไรบ้างที่จะทำให้พวกเขาพอใจ ในบางกรณี ล่ามอาจจะรู้ได้ว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายที่จะเกิดขึ้น โดยปกติก็ไม่ได้หมายถึงกฎเกณฑ์ สถานการณ์ที่ซึ่งผู้แปลชี้เฉพาะสำหรับห้องเรียน กลุ่ม ประเทศ ของผู้อ่านที่แน่นอน เช่น EU official , German end-user หรือ การประชุมปรึกษาหารือระดับประเทศ การประชุม, ห้อง ,การสื่อสาร, การแพทย์ และอื่นๆซึ่งเป็นแบบฉบับของล่ามที่ผู้ชมเห็น และ อาจจะมีผลต่อผู้แปลและผู้รับ ข้อสมมุติฐาน และมีความคาดหวัง
    ว่าการเป็นล่ามจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน แต่ไม่มีผู้เขียนที่จะให้ข้อมูลที่เหมาะสมเกี่ยวกับผู้อ่านทั้งเขาและเธอ , ไม่มีคนพูดเกี่ยวกับผู้ฟังทั้งหญิงและชาย ซึ่งนั่นก็ถูกต้องทั้งกับผู้แปล และล่าม ซึ่งเขาจะเขียนและพูดโดยปราศจาก
    ที่มาของข้อความในแต่ละภาษา บางจุดที่ผู้แปล หรือ ล่าม จะตั้งข้อสมมุติฐานที่แน่นอนเกี่ยวกับที่อยู่ของคนที่แน่นอนเป็นการอ้างอิงที่เหมาะสม หรือใช้สมุดทะเบียน หรือก็จะให้คำ หรือ วลี อีกทางหนึ่ง ผู้แปล หรือ ล่าม จะแสร้งทำเป็นรู้มากกว่าที่คนอื่นรู้ มันง่ายที่จะทำให้งานของเขาดำเนินต่อไปอย่างเป็นผู้เชี่ยวชาญ

    การเสแสร้งของคนที่ใช้ภาษาในชุมชน
    Anthony Pym (1992a:121-5)ให้เหตุผลที่มีความเชื่อถือได้ ในทางตรงกันข้ามข้อสันนิฐานก็ได้แพร่กระจายออกไป “ข้อความพิเศษ” ซึ่งข้อความนี้เป็นแบบฉบับมากกว่าข้อความทั่วไป และซึ่งนักเรียนได้ใช้โปรแกรมในการแปล
    ดังนั้น อันดับแรกคือฝึกฝนข้อความทั่วไปก่อน แล้วต่อมาค่อยมาฝึกฝนข้อความที่มีลักษณะพิเศษในภายหลัง Pym ได้จัดตั้งเหตุผลของเขา ว่าควรคิดใคร่ครวญให้รอบครอบว่าอะไรที่เรียกว่าวัฒนธรรมในสังคม”ฝังแน่น”หรือ “ไม่เกี่ยวข้องกับสังคมนั้นเลย”ความหมายของข้อความคือสายใยของคนในสังคมซึ่ง คำ วลี รูปแบบ สมุดทะเบียนที่แตกต่างกัน และ การใช้ที่เป็นแบบฉบับ ซึ่งมันแสดงได้มากกว่าคำว่า “ฝังแน่น” ข้อความที่ใช้กันในสังคมนั้นเป็นแหล่งกำเนิดวัฒนธรรม ซึ่งจะแปลได้ยากกว่า เพราะว่า 1 มันจะยากกว่าสำหรับผู้แปลที่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับผู้คนว่าแตกต่างกันอย่างไรนั่นคือความเข้าใจในสายใยของ คำ วลี รูปแบบ และ อื่นๆ 2. โชคชะตาที่ดีกว่าซึ่งไม่คล้ายคลึงกับสายใยของการดำรงชีวิตในสังคมในสังคมเป้าหมาย และ 3. มันจะยากกว่าสำหรับผู้แปลที่จะตัดสินใจว่าภาษาของกลุ่มผู้อ่านเป้าหมายเป็นอย่างไรจะตอบรับกับผลลัพธ์ที่เขาแต่งขึ้นไหม

  43. Khajonphan Kaewwangnam says:

    นางสาวขจรพรรณ แก้ววังน้ำ
    Chapter 2 หน้า 28-30
    เพื่อทำการตัดสินใจด้านจารีตประเพณี ที่วงไว้ที่มีมาจากฐานความคิดส่วนบุคคล หรือโครงสร้างความเชื่อที่จะเป็นสิ่งที่ไม่ยอมรับ พอๆกับสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกบางอย่างเหมือนกับ Nurnberg ของ SS เล่าขานกันว่า “เราเพียงแต่เคารพต่อกฎคำสั่ง” เมื่อจรรยาบรรณของนักแปลเกิดการขัดแย้งอย่างมากกับความสนใจของผู้รับมอบหมาย ขอบเขตอะไรที่จะทำให้นักแปลสามารถรักษาจรรยาบรรณนั้นไว้ และยังคงดำเนินชีวิตต่อไปได้ด้วยดีด้วยเช่นกัน และในทางกลับกัน จะมีขอบเขตใดที่นักแปลสามารถหาได้เพื่อจะประนีประนอมกับหลักจรรยาบรรณเหล่านั้น และยังคงความภูมิใจในความเป็นผู้เชี่ยวชาญ ในงานของพวกเขา
    รายได้
    ผู้เชี่ยวชาญต่างทำงานของเพราะพวกเขาสนุกกับมัน เนื่องจากพวกเขาภูมิใจในงานนั้น และที่แน่นอนเพื่อความอยู่รอด ผู้เชี่ยวชาญด้านการแปลจะแปลเพื่อเงิน และผู้เชี่ยวชาญงานแปลส่วนใหญ่ (เช่นผู้เชี่ยวชาญในวงการ) คิดว่าพวกเขาได้รับเงินไม่พอ จึงต้องการหาให้ได้มากขึ้น มี 3 ทางที่จะทำเช่นนี้ 2 ใน 3 เป็นแผนระยะสั้น ส่วนอย่างที่ 3 เป็นแผนการระยะยาว คือการแปลที่เร็วกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือไม่ผูกขาด ถ้าคุณเป็นนักเขียนอิสระ การจัดตั้งสำนักงานของตนเอง และกระจายงานแปลออกสู่นักเขียนอิสระ(การรับคนเพิ่มเพื่อจัดการโครงการ) และ(แผนระยะยาว) ทำการศึกษาลูกค้า และสื่อทั่วในด้านความต้องการทางตลาด ดังนั้นผู้จัดการด้านการเงินจะยินดีจ่ายค่าทำเนียมที่สูงสำหรับการแปล
    อัตราความเร็ว
    ความเร็ว กับรายได้ไม่มีความสัมพันธ์กันโดยตรงอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาเป็นเพียงนักแปลอิสระ สถานะเป็นสิ่งที่ค่อนข้างซับซ้อนมากกว่าสิ่งเหล่านี้ แต่โดยพื้นฐานแล้ว นักแปลอิสระแปลได้เร็วกว่า พวกเขาก็ได้รับเงินที่มากกว่าเช่นกัน (อย่างที่เห็นได้ชัดงานนี้เรียกร้องเงินก้อน ใหญ่ ถ้าทำงานเสร็จเร็ว คุณก็จะไม่มีงานอื่นทำ ดังนั้นการแปลเร็วจะไม่เพิ่มรายได้ของคุณ)
    สำหรับนักแปลในหน่วยงานสนใจเรื่องความเร็วกับเงินน้อยมาก ความเชื่อมโยงระหว่างความเร็วและเงินเป็นสิ่งที่เห็นได้น้อยมาก นักแปลในหน่วยงานส่วนใหญ่คาดหวังจะแปลให้ได้เร็วดังนั้นความสามารมที่จะว่างจ้างให้ทำงานและรายได้เช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่ซับซ้อนเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะได้งานแปลที่รวดเร็ว อัตราความเร็วของการแปลเป็นการเร่งงานอย่างหนึ่งที่ไม่เป็นทางการจากหลายๆวิธี โดยส่วนมากคิดว่าการโทร และการมาพบ ของวิศวกร, บรรณาธิการ, หัวหน้า และคนอื่นๆที่มีความฉุนเฉี่ยวที่ต้องการให้งานของตนเสร็จสิ้นลงในทันที และไม่สนใจว่าทำไมคุณถึงทำงานไม่เสร็จอย่างไรก็ตามนักแปลในหน่วยงานทำงานให้กับบริษัทในหน่วยงานที่ใหญ่ และจะยอมให้ทำการบันทักลงในเอกสารของบริษัทของตนได้ เขา ในกรณีนี้มีการกำหนดเป้าหมายเอาไว้เป็นรายเดือน(200 ชั่วโมงต่อเดือน ใบรายการสั่งสินค้า 3 ใบ จะจัดเป็นรายได้แต่ละเดือนของคุณ) นักแปลที่ทำได้มากกว่านั้นอาจจะได้รับโบนัส บางสำนักงานแปลอาจจะกำหนดกลุ่มเป้าหมายสำหรับคนในหน่วยงานของตน
    แม้กระนั้นก็ยังมีนักแปลในหน่วยงานบางคนที่ยอมตอกบัตรเข้างานในบริษัทของ
    ความเร็วในการแปลของนักแปล ถูกควบคุมด้วยปัจจัยเหล่านนี้
    1.ความเร็วในการพิมพ์
    2. ระดับความยากของต้นฉบับ
    3. ความคุ้นเคยในประเภทของต้นฉบับ
    4. หน่วยความจำในโปรแกรมการแปล
    5. ความชื่นชอบ และลักษณะส่วนบุคคล
    6. ความกดดันของงาน และสภาพจิตใจทั่วไป
    ข้อ 1-3 จะเป็นได้ชัด คนที่พิมพ์เร็วจะมีศักยภาพในการแปล ต้นฉบับที่ยากขึ้นและความคุ้นเคยที่น้อยลงจะทำให้แปลได้ช้าลง และต่อด้วยข้อที่ 4 ในขั้นที่ 6 ค่อนข้างตรงไปตรงมา ถ้าคุณทำงานภายใต้ความรู้สึกกดดัน กับสิ่งตอบแทนและคำชมที่น้อยมาก สภาพจิตใจของคุณจะเริ่มลดแรงจูงใจลงอาจทำให้คุณทำได้ช้าลง
    ในขั้นที่ 5 บางครั้งก็ไม่ค่อยชัดเจนนัก ใครจะชอบการแปลได้ช้าละ? ไม่ใช่นักแปลทุกคนหรอกรึที่ต้องการแปลได้อย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้? ทั้งหมดนี้ไม่ใช่รึที่ลูกค้าต้องการ?
    สิ่งแรกที่ควรจำได้คือ ไม่ใช่ทุกคนที่แปลให้กับลูกค้า ไม่มีเงินเป็นแรงบันดาลใจสำหรับนักแปลเมื่อคุณแปลเพื่อความสนุกสนาน สิ่งที่สองคือไม่มีลูกค้าคนไหนต้องการงานแปลใน 1 สัปดาห์ การได้มาซึ่งตำแหน่งบรรณาธิการในมหาวิทยาลัย จะต้องเป็นนักเขียนหรือเขียนงานทางวิชาการ ในการแปลอาจต้องการให้เสร็จอย่างรวดเร็ว แต่รวดเร็วในที่นี้หมายถึง 6 เดือนดีกว่า 1 ปี หรือ 1 ปี ดีกว่า 2 ปี
    และสิ่งที่ 3 คือ ไม่ใช่ทุกคนที่ยินดี หรือสามารถเรียกร้องความต้องการส่วนตัวมาปฏิบัติได้ในความต้องการของตลาด บาคนชอบที่จะแปลช้าๆ การใช้เวลาในแบบของเขา, การใช้คำ และวลี ที่มีอัฐรส, จดจ่ออยู่กับประโยคประโยคเดียวเป็นชั่วโมงก่อนจะข้ามไปประโยคใหม่ คนเหล่านี้อาจไม่เคยทำเพื่อความเป็นอยู่ แต่ทำเหมือนเป็นงานอิสระแต่ไม่ใช่นักแปลอิสระทุกคน ที่ทำเพื่อความอยู่รอด คนที่ทำงานกลางวัน, คู่สามี-ภรรยา ที่มีเงินเดือนสูง, ครองครัวที่มีเงินพอที่จะใช้จ่ายที่จะแปลงานได้อย่างช้าๆ เท่ที่ต้องการ นักแปลงานวิชาการส่วนใหญ่ เป็นนักวิชาการ ที่สอนและทำงานวิจัย เพื่อเงินเดือนจะแปลในช่วงเวลาว่าง มักจะได้รับเงินเพียงเล็กน้อยหรือไม่ได้รับเลย และรู้สึกชอบในต้นฉบับ เช่นการแปลที่ทำขึ้นอย่างรวดเร็วอาจจะเป็นการลบหลู่ต้นฉบับ
    ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ งานจะช่วยเพิ่มความเร็วของคุณ เพิ่มอย่างไรละ? ขั้นตอนที่ง่ายที่สุดคือปรับปรุงทักษะการพิมพ์ ถ้าคุณไม่ได้ใช้ทั้ง 10 นิ้วพิมพ์ สอนตัวเองให้ทำซะ หรือเข้าอบรมการพิมพ์ในวิทยาลัย หรือ สานบันอื่นๆสำหับผู้ใหญ่ ถ้าคุณใช้ทั้งสิบนิ้วแต่ตามองที่แป้นพิมพ์มากว่าหน้าจอขณะที่คุณพิมพ์ ฝึกตัวเองให้พิมพ์โดยไม่ต้องมองแป้น แบ่งเวลาจากการแปลมาฝึกการพิมพ์
    สิ่งที่ยากที่สุดที่จะเปลี่ยนคือ ความชอบส่วนบุคคลที่ทำให้การแปลที่ช้า การแปลที่เร็วกว่าความรู้สึกเพิ่มความกดดัน, ความสนุกที่ลดลง และความเหนื่อยล้าของนักแปลที่ทำได้เร็ว เป็นเพราะเหตุนี้ จึงเป็นประโยชน์มากที่ทำให้ความเร็วในการแปลเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ และเป็นไปอย่างธรรมชาติ การเพิ่มการฝึกฝน และประสบการณ์ดีกว่าการตัดสินใจที่จะแปลให้เร็วเท่าที่จะเป็นไปได้ในตอนนี้
    เพิ่มเติมจากการพิมพ์เร็ว และสิ่งอื่นๆแล้ว ความหลากหลายคือส่วนผสมของชีวิต แม้แต่นักแปลที่สามารถแปลได้เร็วที่สุด ก็ไม่สามารถแปลได้อย่างสบาย ในความเร็วสูงตลอดวัน, ตลอดสัปดาห์, ตลอดเดือน หรือตลอดปี ในประเด็นนี้ถือเป็นโชคดี ในความจริง เป็นงานวิจัย การมีเครือข่าย และการตรวจแก้ทำให้ผู้แปลช้าลง นักแปลเป็นส่วนใหญ่ ช่วงจังหวะที่เปลี่ยนแปลงก็สามารถทำให้เกิดความพอใจขึ้นมาได้ต่อความกดดันต่อการแปลที่รวดเร็วและต่อเนื่อง คุณแปลในความเร็วในระยะยาว 1 ชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมง และมีโทรศัพท์เข้ามา เป็นโทรศัพท์จากสำนักงานเสนองานใหม่ให้คุณ จากนั้นคุณก็กลับไม่ที่งานแปลของคุณต่อขณะที่พวกเขาโทรเลขมาถึงคุณ จากนั้นคุณหยุดแปลอีกครั้งเพื่อจะไปดูรายละเอียดงานใหม่และโทรกลับไปตอบตกลง หรือปฏิเสธ 1-2 ชั่วโมงต่อมา การแปลด้วยความเร็ว กับการร่างครั้งแรกในตอนเช้าสิ้นสุดลง แต่ยังมี 8-10 คำ ที่คุณหาไม่เจอในพจนานุกรม ดังนั้นคุณจะโทรศัพท์หรือ โทรเลข พยายามหาใครซักคนที่คุณรู้จัก การโทรได้รับการตอบรับทันที ต่างจากโทรเลข และอีเมล์ ที่ต้องใช้เวลา ในขณะที่คุณรอ คุณก็จะหยิบงานแปลชิ้นใหม่ขึ้นมา คุณเหลือบมองมัน ก่อนที่คุณจะรู้(ได้อย่างอัตโนมัติ) คุณกำลังแปลในความเร็วสูง ชั่วโมงต่อมามีโทรเลขเข้า เป็นโทรเลขจากเพื่อนต่างทวีปที่รู้ความหมายในคำศัพท์ของคุณ ดังนั้นคุณจึงกลับมาที่อีเมล์ และส่งข้อความออกไปให้กับผู้ช่วยหาผู้รับตีพิมพ์ ไม่ว่าความหมายนี้จะถูกหรือไม่ กลับมาที่คอมพิวเตอร์ที่บ้าน คุณข้ามการแปลในช่วงเช้า และการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ คุณสังเกตว่าตัวคุณหิว ดังนั้นคุณจึงเดินไปที่ครัวและทำอาหารกลางวันแบบง่ายๆ ซึ่งคุณสามารถกินได้ขณะที่รอคอยโทรเลขอีกครั้ง และกลับมาทำการแปลในช่วงบ่ายด้วยความเร็ว ถ้าโทรเลขไม่ดังขึ้นใน 1-2 ชั่วโมง คุณจะไปหาที่ดีๆซักที่เพื่อเช็คเมล์ ถ้าไม่มีอะไร มีแต่คำอธิบายคำศัพท์ที่คุณไม่เข้าใจมัน ดังนั้นคุณพิมพ์มันลงในข้อความและก็ส่งมัน ต่อมาคุณแก้ไขการแปลในตอนเช้าซักพัก งานที่น่าเบื่อที่น่าจะเสร็จในบางครั้ง และก็กลับเข้าสู้การแปลในช่วงบ่าย

  44. Kewalin Wongpala Eng. 3-2 says:

    Chapter 11 page 214-216

    Duarte กษัตริย์ของประเทศโปรตุเกต (1391-1438, ปกครอง 1433-1438) เขียนในที่ปรึกษาเอกอัคราชทูตที่ซื่อสัตย์ (ศตวรรษที่1430) ที่นักแปลจะต้อง
    (1) เข้าใจความหมายเดิมและเรียบเรียงให้มันครบถ้วนโดยไม่ต้องเปลี่ยนความหมาย
    (2) การใช้สำนวน ภาษา พื้นเมืองของภาษาเป้าหมายไม่ยืมจากแหล่งภาษา
    (3) ใช้คำศัพท์ภาษาเป้าหมายที่ตรงและเหมาะสม
    (4) หลีกเลี่ยงคำที่ไม่เหมาะสมและ
    (5) ปฏิบัติตามกฎการเขียนทั้งหมดเช่นความชัดเจน การเข้าถึงได้ง่าย ความน่าสนใจและการส่งเสริมคุณงามความดี
    Etienne Dolet (1509-1546) เหมือนกับเขียนใน The Best Way of Translating from One Language to Another (หนทางที่ดีที่สุดของการแปลจากภาษาหนึ่งไปสู่ภาษาอื่น)(1540) ว่านักแปลจะต้อง (1) เข้าใจความหมายเดิม
    (2) บัญชาการทั้งต้นฉบับและภาษาเป้าหมายอย่างสมบูรณ์
    (3) หลีกเลี่ยงการแปลอักษร,
    (4) ใช้รูปแบบสำนวนของภาษาเป้าหมายและ
    (5) ออกเสียงที่เหมาะสมโดยคัดเลือกและจัดเรียงคำ
    Alexander Fraser Tytler, Lord Woodhouselee (1747-1813), เขียนในเรียงความของเขาในหลักการแปล (1791) ที่การแปลควร“ให้สำเนาคัดลอกสมบูรณ์ของแนวคิดในการทำงานเดิม””จะมีลักษณะเดียวกันกับของเดิมและ”มีทั้งความสะดวกในองค์ประกอบเดิม.
    เป็นเวลาศตวรรษมาแล้ว “ทฤษฎีการแปล” เป็นเชิงบรรทัดฐานอย่างชัดเจน : เป้าหมายหลักของมันคือการบอกนักแปลถึงวิธีการแปล ทฤษฎีการแปลประเภทอื่นๆถูกเขียนเป็นอย่างดีของหลักสูตร — จากศตวรรษที่ 14 ถึงศตวรรษที่ 16 ในอังกฤษเช่น หัวข้อโฟกัสสำหรับทฤษฎีการแปลหรือไม่ (ไม่ว่า) พระคัมภีร์จะต้องแปล
    เป็นภาษาพื้นเมือง — และแม้ว่านักเขียนเกี่ยวกับการใช้ภาษาในการแปลบันทึกปัญหาที่ผ่านมา แต่อย่างน้อยตั้งแต่ยุคเรอเนสซองค์ และมีขอบเขตยังวันนี้ เหตุผลเดียวสำหรับทฤษฎีการแปลส่วนมากแล้วมักคิดว่าจะเป็น
    การกำหนดกฎเกณฑ์สำหรับนักแปลให้ปฏิบัติตาม
    ดังที่เราเห็น Karl Weick แนะนำในบทที่ 4 แน่นอนว่ามีปัญหาบางอย่างกับนี้มุ่งเน้นสำคัญที่สุดในกฎ หลักหนึ่งที่ว่ากฎมักจะทำให้ข้อมูลง่ายเกินไปเพื่อนำบางประเภทของการจัดเรียงลำดับเพื่อมัน กฎจึงมีแนวโน้มที่จะช่วยคนที่หาตัวเองในสิ่งนั้นอย่างแม่นยำที่”ธรรมดา”หรือ”เป็นแบบฉบับ”สถานการณ์สำหรับที่ว่าพวกเขาถูกกำหนดรูปแบบ แต่จะเลวร้ายยิ่งกว่าการไร้ประโยชน์สำหรับผู้ที่ถูกสถานการณ์บังคับให้อยู่ภายนอก
    หลักเกณฑ์ที่กำหนดอย่างแคบ
    สิ่งทั่วๆไปส่วนมากเช่น สถานการณ์ในด้านของการแปลคือเมื่อนักแปล, ที่ได้รับการสอนว่าทางที่ถูกเท่านั้นที่จะแปลได้คือการแสดงอย่างถูกต้องว่าอะไรคือที่มาที่นักเขียนได้เขียน, ไม่เพิ่มหรือลบหรือแก้ไขสิ่งใดพบ
    หาข้อผิดพลาดหรือความสับสนในแหล่งข้อความ สามัญสำนึกแสดงแหล่งที่มาของผู้เขียน — และส่วนใหญ่ผู้อ่านเป้าหมายเป็นอย่างดี — ที่จะยื่นข้อความที่ถูกต้องเพื่อความผิดพลาดที่ถูกละเลย; แต่สมัยโบราณ”กฎ”ปฏิเสธในการเปลี่ยนอะไรๆ
    อะไรที่นักแปลจะต้องทำ?
    นักแปลมืออาชีพทุกวันนี้ส่วนมากจะมีมุมมองที่กว้างขึ้นและยืดหยุ่นในกฎเกณฑ์มากขึ้น การไปหาบางสิ่งคล้าย”ไม่มีอะไรยกเว้นในการเปลี่ยนแปลง ถ้าคุณพบข้อผิดพลาดหรือการไม่เป็นระเบียบ และทำการเปลี่ยนแปลงแล้วหลังจากที่ปรึกษากับหน่วยงานหรือลูกค้าหรือผู้เขียน อย่างไรก็ตาม มีนักเขียนปัจจุบันที่คัดค้านกับคำแนะนำนี้และรวดเร็วในการยืนยันว่าในขณะที่มันเป็นความจริงที่นักแปลบางครั้งต้องสวมหมวกบรรณาธิการและทำการเปลี่ยนแปลงในการให้คำปรึกษากับลูกค้า, นี่ไม่ใช่การแปลอย่างแน่นอน
    การแปลคือการถ่ายโอนความหมายของบทความจากภาษาหนึ่งสู่ภาษาหนึ่ง, โดยปราศจากการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ถูกทำโดยนักแปลในความสามารถของเขาหรือเธอเหมือนบรรณาธิการ, ไม่ใช่นักแปล

    ยังคง, แม้ว่าหลายปัญหาติดตามบนทฤษฎีการแปลเชิงบรรทัดฐาน ทฤษฎีการแปลเป็นเหมือนกฎสำหรับนักแปลมันควรจะชัดเจนว่ามีกฎว่านักแปลมืออาชีพทุกคนถูกคาดหวังว่าจะทราบและปฏิบัติตาม และแม้ว่าพวกเขาต้องการที่จะประมวลและทำให้ใช้ง่ายกับนักแปล ในหนังสือหรือแผ่นพับหรือหลักสูตรในมหาวิทยาลัย บางกฎเกณฑ์เหล่านี้เป็นต้นฉบับเดิมและภาษา :

    อำนาจที่ได้รับมอบหมายของนักแปล
    1. กฎหมายว่าด้วยการแปล
    การริเริ่มบัญญัติกฎหมายของวิธีการที่ควรแปลของนักแปล; มักจะหมายถึงผลประโยชน์และความสนใจของมืออาชีพของผู้ใช้ขั้นปลายมากกว่านักแปล; เพราะมีกฎหมายบังคับ อย่างไรก็ตาม นี่อาจจะกลายเป็นผลประโยชน์และความสนใจของมืออาชีพ
    2. หลักจริยธรรมเผยแพร่โดยองค์กรนักแปล/สภาพนักแปล
    ความคิดของนักแปลคนอื่นๆของวิธีที่นักแปลควรแปลและอีกประการหนึ่งวางตนอย่างเป็นมืออาชีพ; มักจะเป็นภาพพจน์ที่เป็นแบบอย่างของมืออาชีพ การเผชิญหน้าคณะกรรมการของนักแปลที่น่าเคารพอย่างสูงในประเทศของคุณต้องการทุกอย่างของเพื่อนร่วมงานเพื่อแสดงสู่โลกภายนอก; อาจไม่ครอบคลุมทุกกรณีหรือให้รายละเอียดเพียงพอที่จะช่วยนำทางให้นักแปลทุกคนผ่านทุกสภาวะจริยธรรม
    3. การบรรยายเกี่ยวกับทฤษฎีของจริยธรรมทั่วไป/ หลักการแปลของมืออาชีพ
    หนึ่งหรือสองแบบแผนการแปลของนักวิชาการ ของวิธีที่นักแปลควรจะแปลและอีกประการหนึ่งคือวางตัวอย่างมืออาชีพ; เช่น (2) โดยทั่วไปหมายถึงภาพพจน์ที่เป็นแบบอย่างของมืออาชีพ แต่การตรวจสอบนี้ไม่ผ่านคณะกรรมการของนักแปลภาคปฏิบัติ แต่ผ่านเหตุผล (a) ส่วนตัวของนักวิชาการคนเดียวและด้านทฤษฎีและ (b) ต้องการชนะการส่งเสริมและการถือครองในแผนกในมหาวิทยาลัยของเขาหรือเธอ; อาจจะมีประโยชน์สำหรับวิชาการหรือวิธีการสอนมากกว่าการตัดสินใจของมืออาชีพไปวันๆ
    4. การศึกษาเชิงทฤษฎีของปัญหาการแปลโดยเฉพาะในการจัดกลุ่มภาษาเฉพาะ; ไวยากรณ์เปรียบเทียบ
    หนึ่งหรือสองแบบแผนการแปลของนักวิชาการ ของความเหมือนกันของภาษาและความแตกต่างและรูปแบบการถ่ายโอนระหว่างสองภาษา; อาจไม่สมบูรณ์มากต่อการเปรียบเทียบภาษา, ระบบและนามธรรมหรือมากต่อการแปล การปฏิบัติและเป็นเกล็ดเล็กๆน้อยๆ และที่ดีที่สุดจะรวมองค์ประกอบจากที่สุดของทั้งสอง; เช่น (3)
    อาจมีประโยชน์สำหรับวิชาการหรือวิธีการสอนมากกว่าสำหรับการตัดสินใจในโลกการทำงาน แต่ที่ดีที่สุดจะเป็นข้อปฏิบัติในการขัดเกลานักแปลขั้นสูงให้เป็นนักแปลมืออาชีพของอำนาจการถ่ายโอนระหว่างสองภาษา

    5. ไวยากรณ์ภาษาเดียว
    หนึ่งหรือสองแบบแผนของนักภาษาศาสตร์ ของโครงสร้างเชิงตรรกะว่าด้วยการชี้นำทางภาษา; โดยทั่วไปเป็นการให้สิ่งที่ไม่สมเหตุผลมากมายของภาษาธรรมชาติ การลดลงหรือทำให้ง่ายขึ้นของภาษาเหมือนกับว่ามันถูกใช้เพื่อจัดประเภทให้เป็นเหตุผล; ความคิดที่ดีที่สุดของการไม่เป็นโครงสร้างจริงของภาษา แต่เป็นแบบอย่างมากกว่า นั้นเพราะว่ามันถูกเขียนโดยผู้เชี่ยวชาญ นักภาษาศาสตร์ อาจมีน้ำหนักค่อนข้างมากในหมู่ลูกค้าและ / หรือผู้ใช้งานขั้นปลาย

  45. Page 171

    แต่โปรดทราบว่าทั้งสองแนวคิดนี้ เป็นสาเหตุของการสร้างทฤษฎีการแปล เป็นสังคมอย่างชัดเจน พวกเขาได้รับมาอย่างสมเหตุสมผล สำหรับทฤษฎีการแปลจาก “ความไม่บริสุทธิ์ ” หรือ “ค่าวิทยาศาสตร์ฟรี” แต่จากความจำเป็นในการอยู่อาศัยและทำงานในโลกสังคมและการเดินทางไปพร้อมกับคนอื่นๆ (ในกรณีนี้ผู้ที่จ่ายเราจะทำอย่างไรกับงาน) และขณะที่ทฤษฎีการแปลใหม่ ด้วยเหตุผลทางสังคมเหล่านั้นเป็นตั้งแต่ปี 1970-เริ่มต้นการทำงาน / การดำเนินการเชิงการแปล ใน สโกโพส/แฮนด์ลุง โรงเรียนในเยอรมันนี (แคทรีน่า เรียบ, ฮันส์ เจ. เวอร์เมียร์, จัสต้าร์ ฮอลส์-แมทตารี, คริสเตียน นอร์ด, อื่นๆ) และสัญลักษณ์ระบบ/การศึกษา การจัดการเรียนการแปล / ในประเทศเบเนลักซ์และอิสราเอล (อิตามาร์ อีเว่น-โซฮา, กิดดิออน ทูรี, เอดเดร เลเฟบเว่อร์, เจมส์ เอส. โฮมล์, ทีโอ เฮอร์แมนส์, อื่นๆ) – ทฤษฎีการแปลอย่างชัดเจน การสร้างการแปลในด้านสังคมเหล่านี้ – การแปลของนักทฤษฎีเหล่านี้ได้รับการยืนยันจะถูกควบคุมโดยเครือข่ายสังคมปฎิสัมพันธ์ทางสังคม คนพูดถึงกัน “ฉันหใ้จำนวนคุณเท่านี้ ถ้าคุณทำเช่นนี้” คุณสามารถช่วยเป็นต้นทฤษฎีการแปลและเป็นส่วนหนึ่งที่หลบหนีไม่พ้น ในความเป็นจริงหากทฤษฎีไม่ใช่ส่วนหนึ่งของปฎิสัมพันธ์ทางสังคม เช่น ทฤษฎีเหล่านี้จะไร้ประโยชน์ – เกมการศึกษาเพียงวิธีที่จะได้รับการเผยแพร่เพื่อสร้างชื่อเสียงที่จะส่งเสริมและอื่นๆ

    ตั้งแต่สิ่งที่เป็นที่รู้จักกันหลากหลาย เป็นการสร้างระบบหรือ “เรียนการแปลพรรณนา” (ดีทีเอส) หรือ “การจัดการเรียน” ปกติจะสนใจในระบบทางวัฒนธรรมขนาดใหญ่กว่าในเครือข่ายทางสังคมในประเทศเราจะกลับไปทำงานของกลุ่มทฤษฎี ในบทที่ สิบ ทั้งนี้ทั้งนั้น ความกังวลของเราโรงเรียนเยอรมันจะมีหลากหลายทฤษฎีการแปล การทำงาน, ทฤษฎีการแปล/แฮนด์ลุง เชิงวิเคราะห์การแปลข้อความ หรือ ทฤษฎีสโกโพส

    กลุ่มนี้ได้ทำงานกับความเครียดความสำคัญของการทำงานเพื่อสังคม และ ปฎิกิริยาการแปลเพื่อวัตถุประสงค์หลักจริง เป็นจริงขึ้นเมื่อพวกเขาเชื่อว่า การศึกษาการแปลจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อคนแปลว่ากองกำลังสังคมจริงๆ การควบคุมการแปลมากกว่าในคำสากลแบบนามธรรมของข้อความที่สมมูล (แปลความหมายเพื่อความ, ไม่คำสำหรับคำ). ตั้งแต่การเรียกร้องของพวกเขาคือสังคมแปลได้เสมอ แต่ตอนนี้เป็นเพียงการรับรู้ในแง่ของลักษณะทางสังคมของจริง วิธีนี้เป็นเพียงพื้นฐานการแก้ไข : จะพยายามเป็นบ่อนทำลายวิธีแบบดั้งเดิมที่วางกฎหมายทั่วไปโดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์หลากหลายมากมายที่ฝึกการแปล

    ในการทำงานนี้/การดำเนินการเชิงทฤษฎี สโกโพส พัฒนาที่เป็นการทำให้ถูกต้องของทฤษฎี ข้อความดั้งเดิม โดยเลื่อนขั้นตอนที่ใกล้ชิดกับสิ่งที่เรียกชักนำพวกเขา สำรวจประสบการณ์ของตนเอง มีอิทธิพลของการแปลและสร้างทฤษฎีใหม่ จากการสังเกต อุทิศให้ “ประสบการณ์” การปฎิบัติของนักแปลมืออาชีพจริงในบริบทจริง ได้ทำแนวทางปฎิบัติมากน่าสนใจมาก และนักเรียนการแปลแบบนี้ ทฤษฎีทุกทฤษฎีการแปลทำงานสังคมการแปลเพื่อ…

  46. Miss Jaruwan Pookongtung (English international communication 3-2) says:

    Chapter11.When habit fails. Page 217-219
    พจนานุกรม, อภิธานศัพท์ ฐานข้อมูลถ้อยคำ (Termium, Eurodicautom)
    ความคิดนักวิชาการหรือคณะกรรมการโครงสร้างเชิงตรรกะว่าด้วยขอบเขตความหมายของคำ พวกเขาพิจารณาสิ่งที่สำคัญที่สุดในภาษาหรือภาษาคู่ (ในพจนานุกรมสองภาษาหรือฐานข้อมูล)ซึ่งการกำหนดความซับซ้อนที่ดีของภาษาที่หลากหลายนั้นต้องเสมอกันโดยเดาจากความรู้,ตีความตามประสบการณ์และมุมมองที่มีจำกัดโดยส่วนใหญ่ความหมายของมันเกือบจะไม่สมบูรณ์ด้วยความจำเป็นอย่างเล็กน้อยจากวันที่ แต่กับ เงื่อนไขนั้นมีคุณค่าอย่างปฏิเสธไม่ได้, เพื่อนที่ดีที่สุดของนักแปล การแปลก่อนหน้านี้และวัสดุอื่น ๆ ที่ได้รับจากหน่วยงาน ฐานข้อมูลห้องสมุดซึ่งมีประโยชน์มาก แต่ไม่น่าเชื่อถือภาษาอื่น ๆ และความคิดของนักเขียน tech วาทกรรมเฉพาะที่นักแปลจะพยายามเลียนแบบคำหรือวลี เมื่อได้รับจากลูกค้าวัสดุนี้น้ำหนักพอแม้ว่าการแปลจะไม่ถูกต้องหรือทำให้เข้าใจผิดได้ง่าย (และแม้เมื่อลูกค้าต้องการที่จะบูรณาการแปลคำศัพท์ ภาษาเป้าหมาย) ตามที่แสดงวาทกรรม ภาษาเป้าหมายที่ลูกค้าได้รับการใช้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญและข้อมูลจากผู้ที่ทำงานในเขตข้อมูลหรือมีบางความรู้ที่น่าเชื่อถืออื่นๆเกี่ยวกับความคิดในวงของผู้แปลและร่วมกับนักแปลโดยผู้ใช้วาทกรรมที่เกี่ยวข้องทุกวันในงานของพวกเขาที่เป็นระดับแนวหน้าหรือนักแปลได้ โดยทั่วไปแล้วการแปลทางโทรศัพท์หรือสอบถามออนไลน์จากบุคคลที่เชี่ยวชาญหรือออกจากสมุดโทรศัพท์ (ต้องมีระยะในการโทร ทนายความหรือเลขานุการทางกฎหมาย) หรือว่าการแปลโดยสมัครออนไลน์ของกลุ่มการสนทนาด้วยเครื่องหมายเดียวกัน ฉันมีแนวโน้มที่จะออกจาก”ชุมชน”เมือง”และคำที่เหมือนกับภาษาฝรั่งเศสแต่อย่างใด “département” ฉันลุกขึ้นผิดทาง คุณคิดว่างัย? ปกติฉันจะแปล “la Communauté Urbaine de Bordeaux”โดย ” Bordeaux Urban Community”(อำนาจท้องถิ่นรับผิดชอบการจัดการเมืองและชานเมือง) คุณเห็นด้วยกับฉันไหม?
    Alex Rychlewski
    Département เป็นหน่วยบริหารทั่วไปของฝรั่งเศสได้กลายเป็นที่รู้จัก
    การพูดภาษาอังกฤษทั่วโลก คุณมีแนวโน้มที่จะสูญเสียผู้อ่านด้วย
    การแปลมัน แน่นอนว่าความคล้ายของมันจะคล้ายกับคำภาษาอังกฤษ “department”ซึ่งแปลว่าแผนก มันเป็นข้อเสียเปรียบ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้เรียบเรียงภาษาอังกฤษใส่สำเนียงและ
    เพิ่ม e ในคำฝรั่งเศส
    วิธีการเกี่ยวกับบางสิ่งที่เป็นแผนก”คณะกรรมการเมืองบอร์โด”?
    ชุมชนเป็นเสียงที่ค่อนข้างมากเหมือนผู้คนทั่วไป ที่ไม่ใช่รัฐบาล
    Tony Crawford

    ในควิเบกพวกเราพูดว่า “Communauté Urbaine de Montreal และ”Montreal Urban Community” ส่วน” département” ฉันจะบอกว่า “แผนกของมาร์ตินี” เช่นเดียวกับที่ฉันบอกว่า “รัฐฮาวาย”หรือ”จังหวัด Ontario” นี่เป็นการใช้งานในส่วนที่เป็นชื่อทางภูมิศาสตร์ ของMerriam Webster ของพจนานุกรม พจนานุกรมที่กำหนดคำว่า “department” เช่น “แผนกบริหารที่สำคัญของประเทศ” นอกจากนี้คำว่า”ชุมชน”และเมือง” และยังมีคำภาษาอังกฤษ อย่างแรกหมายถึงเขตการปกครองที่เล็กที่สุดใน หลายประเทศในยุโรปและวิธีที่สองตามบริบท,(1) การแบ่งอาณาเขตเล็กของประเทศ (2) หนึ่งในรัฐของสวิส สมาพันธ์หรือ (3) arrondissement หมวดฝรั่งเศสของ . คำสุดท้าย ยังเป็นคำภาษาอังกฤษและวิธีการทั้งในบางเขตการปกครองใหญ่ เมืองฝรั่งเศสหรือกองที่ใหญ่ที่สุดของภาควิชาภาษาฝรั่งเศส ไม่มีคำเหล่านี้ควรจะ italicised หรือเครื่องหมายอื่นที่ต่างประเทศ คำในข้อความภาษาอังกฤษนอกจากจะมีผลพิเศษจะถูกขอ
    Regards,
    K. Evans Benoît
    ควร Amis faux เหมือนกับ “department” ในภาษาฝรั่งเศส “department” ในภาษาอังกฤษ ซึ่งแปลว่า แผนก ใช้ในการแปลแค่บางพื้นที่ (เช่นควิเบก) พวกเขาได้กลายเป็นมาตรฐานใช่ไหม? (แท้จริงพวกเขาเป็น Amis faux ใช่ไหม? คือมิตรภาพ””หรือเท็จ semantic ญาติ?) หรือควรยอมรับที่จะใช้แทนใช่ไหม? เป็นไปได้ยากที่จะแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ ผู้ใช้คนสุดท้ายแตกต่างกันในเวลาที่ต่างกันทั้งสถานที่และสถานการณ์ที่ต้องการ

    แก้ปัญหาความต้องการที่แตกต่างกันและกฎระเบียบในพื้นที่นี้จะพยายามรวบรวมเป็นประมวล
    ความต้องการเหล่านั้นในทางสากลทั่วไปและสิ่งที่ไม่สามารถจะทำเพื่อ
    ความพึงพอใจของทุกคน นักแปลยังคงเผชิญหน้ากับคำ เช่น “département”
    ในภาษาฝรั่งเศสและตระหนักว่าปัญหานั้น (หรืออาจจะ) ต้องรู้ว่าอะไร
    จะทำอย่างไรกับมัน หากพวกเขาทำเพียงสิ่งที่พวกเขาคิดว่าดีที่สุดในหลายกรณี “ใช่”
    แต่เมื่อใดควรเรียกพวกเขาหรือลูกค้าและหน่วยงานตรวจสอบหล่ะ? แต่ลูกค้าและ
    หน่วยงานจะได้รับความเมื่อยล้ามากของนักแปลซึ่งเรียกร้องทุกวันเป็นโหลๆเช่น
    แบบสอบถาม แต่ความชัดเจนมีเวลาเมื่อครั้งที่มันมีความจำเป็นที่จะเรียกร้อง แล้วตอนไหนอ่ะ?
    แล้วคุณรู้ได้ยังไงหล่ะ?นักแปลออนไลน์ที่ดีเป็นกลุ่มสนทนาที่มีแหล่งเชี่ยวชาญในการช่วย
    แต่เราเห็นเรียงลำดับของพวกเขาส่วนใหญ่สามารถช่วยให้เป็น
    ช่วงของคำตอบประเภทของกฎนักแปลมืออาชีพอื่น ๆ มีทั้งทำ
    เพื่อตนเองหรือรับการสอนหรือบอกขึ้นมาในอดีตกับห้องจำนวนมากสำหรับความไม่เห็นด้วย
    สำหรับแปลแล้วยังคงประหลาดใจที่จะดำเนินการแม้ว่ามันจะมีประโยชน์มากก็ตาม
    นักแปลส่วนใหญ่อาจจะปรึกษา “หนังสือกฎของการแปล”ให้บ่อยจริงๆแล้วกระบวนการส่วนใหญ่จะไม่เป็นเช่นนั้นเช่น เรื่องราวเหตุการณ์ได้รวบรวมการแปลข้อกฎหมายในประเทศของพวกเขา หรือสิ่งพิมพ์ขององค์กรนักแปลได้หรือการรวมกันโดยละเอียดตามหลักจริยธรรม
    ว่าด้วยรายชื่อหนังสือวิชาชีพหรือทฤษฎีการแปลโดยเฉพาะปัญหาระหว่างสองภาษา

    วิธีจัดการกับพวกเขาเหมือนกับ Vinay และ Darbelnet (1977) หรือ Newmark (1987)
    การเก็บส่วนใหญ่แทบจะใช้ความรู้สึกทั่วไปของกฎหมายและหลักจริยธรรมและ
    ต้องการวิธีการแปลจากผู้อื่นในทางปฏิบัติและเมื่อประสบ
    กับพื้นที่สีเทาต้องถามบ่อยๆว่าจะทำอย่างไร นี่เป็น “ระฆังปลุก”หรือ
    ปรากฏการณ์การเปิดใช้งานไขว้กันเหมือนแหคุณก็จะหยุดทันที คุณก็จะเข้าใจว่ามีบางสิ่ง
    ที่คุณจำเป็นต้องรู้เพื่อดำเนินการต่อไป ใช่ไหม
    มีการปรึกษาเป็น”นิรนัยหลายหน่วยงาน”ว่านักแปลอาจต้องปรึกษา
    (ไปดูที่หน้า 216-217)

    ตรวจสอบคำพ้องและทางเลือก(ในการพิสูจน์)
    มีไม่มากที่จะพูดเกี่ยวกับการเปิดใช้งานไขว้กันเหมือนแหในทั้งอุปนัยหรือ
    โหมด การชิงตัว ทั้งสองอย่างนั้นเป็นของธรรมดาความเป็นไปที่เพิ่งจะสังเกตเห็นว่านักแปลที่อาศัยการแปลอย่างหนักของพวกเขาทุกวัน
    รูปแบบโดยทั่วไปส่วนใหญ่เป็นของที่มีอิทธิพลเข้าใกล้
    ปัญหาที่เกิดขึ้นที่เป็นใจความสำคัญของคำพ้องเสียง “ถูกต้องแล้ว”
    คำที่เราไม่ได้รู้ทันที ดังนั้นนักแปลต้องทำอย่างรวดเร็วให้ผ่านเข้าไปถึงจิตใจเท่าที่จะเป็นไปได้
    เมื่อได้รับการบันทึกไว้
    หนังสือเล่มนี้นักแปลมักจะรวบรวมรายชื่อดังกล่าวพวกเขาเป็นคนที่
    ที่ไม่เพียงให้คุณรับรู้ถึงคำนิยามที่เหมือนกับคำว่า “อันตราย”
    “ซิ”หรือ”fulgurated”แต่ได้อย่างรวดเร็วและตั้งใจพูดฉอดนอกคำในปริมาณที่เล็กน้อย
    คำพ้องที่หยาบกร้านสำหรับแต่ละอัน นักแปลอาจจะรู้ดีกว่าใคร
    ในความหมายที่เหมือนกันแม้จะไม่เป็นคำพ้องที่สมบูรณ์ในภาษาเดียวและอุปสรรคเดียวระหว่างข้อแตกต่างทั้งสองภาษาเพราะฉะนั้น
    ความสำคัญของการรวบรวมคำพ้องที่หยาบกร้านที่แตกต่างกันมากสำหรับด้านที่เกี่ยวกับความหมายที่เคยพบเจอและรักษาคำในบางแห่งที่ปิดเพื่อผิวเผินของความจำและ
    พร้อมที่จะถูกเรียกขึ้นมาใช้และเทียบกับช่วงเวลาที่แจ้งให้ทราบ นักแปลต้องผ่านมันไปอย่างระมัดระวัง

  47. Mr. Donapat Srisawai says:

    การเก็บเงินจะต้องทำไม่เกิน 30 วันนับจากวันที่เรียกเก็บเงินและ VAT จะต้องระบุในใบแจ้งหนี้ . เราขอสงวนสิทธิ์ที่จะเก็บด้านนี้ไว้อะไรก้ตามที่ไม่สามารถจัดเก็บอย่างปลอดภัยในด้านนี้ โปรดคิดให้เป็น”บริจาคและกิจการการกุศล”เพื่อให้เราสามารถหักจากรายได้ภาษีคืนของเราและรักษาความเป็นตัวเราเองไว้ . ทีมปีกซ้ายเราไม่ใช่พวกปัญญานิ่มทั้งหมด
    Abbiccìì Mario
    ฟรีแลนซ์แปลพื้นเมือง
    Sonzogno Via, 77 — Milazzo
    อิตาลี
    อีเมล :marioabbicci@katamail.com , marioabc@microsoft.com
    คุณคิดว่าใครเขียนบทความเสียดสีนี้ หรือไม่ถ้ามันเป็นของนักเขียนต้นฉบับ คุณคิดว่าอะไรคือแรงจูงใจของเขาหรือเธอในการเขียน ถ้ามันเป็นของนักเขียนอิสระ อะไรคือแรงจูงใจของเธอหรือเขาที่มี แล้วจากประสบการณ์ของคุณคิดว่าอาชีพอื่นที่น่าจะนำให้คนๆนึงเขียนบทความเสียดสีนี้ที่พอจะเป็นไปได้
    จากการศึกษาของ มาริโอ้ สิ่งที่คุณจะบอกผู้เขียนเชื่อว่าเป็นหรือเป็นการศึกษาที่มีประค่าที่เหมาะสมสำหรับนักแปล แล้วสิ่งที่ผิดกับพื้นฐานวุฒิการศึกษาอะไรละ? และอะไรคือประมาณ 15 บิท ถูกแปลเป็นเงินเพื่อให้เงินค่าบุหรี่และลามกนิตยสารที่พยายามจะบอก มันหมายความว่าอะไรกับคำว่า”การศึกษาเกี่ยวกับวิชาว่าด้วยความจำของฉันได้และฉันก็จำไม่ได้ว่ามากมัน”?
    นี่หมายถึงอะไร :”ขั้นตอนต่อไป : คุณรู้ในประเทศในยุโรปมีไม่ได้มีโอกาสมากในการทำงานโดยไม่ต้องใช้ความพยายามและความสามารถเพื่อให้ฉันเพิ่มขึ้นที่และอินเทอร์เน็ตเริ่มเป็นที่จำกัดเฉพาะที่?
    อะไรคือปัญหาการอ้างอึงของนักแปลใน ในเรื่องเฉพาะ” ประสบการณ์”,”และการอ้างอิง”? หมายความว่าสำหรับอ้างเป็น”โคมลอย”? สิ่งที่พวกเขาควรจะอะไรหมายความว่ากล่าวว่า”โปรดทราบว่าพวกเขากำลังร่วมมือกับที่สุดของผู้เชี่ยวชาญบนเว็บไซต์นี้และพวกเขาแสดงในหลายกรณีการอ้างอิงของพวกเขาเท่านั้นแปลถูกสร้างเมื่อ”? ปัญหาทำไมมันถ้าผู้อ้างอิง “เก็บไว้ในไม่รู้ทั้งหมด?
    สี่มืออาชีพกับมาริโอตั้งทีมขึ้นในปี 2001 (เขาว่ามีสาม) แสดงการแปลออนไลน์ช่วย บาเบลฟิช คือโปรแกรมแปลภาษาอัตโนมัติใน อัลต้าวิสต้า,คือเซิร์ทเอ็นจิ้นหลัก ; ชุยยูโดส อาจ อ้างถึง คูโด ซี ในจุดนี้คุณสามารถเพิ่มใน http://www.proz.com โดย ตอบแบบสอบถามภาษา . เพราะเหตุใดจึงเป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับผู้เขียนคนนี้ มาริโอ้ อาศัยทรัพยากรออนไลน์เหล่านี้ถ้าในความจริงที่ว่าเขานี้เกิดทีมและโพสต์ 2002 เว็บไซต์ใน เป็นที่ที่จะเยาะเย้ยสิ่งที่ผิดกับที่มีการเริ่มต้นดังนั้นเมื่อเร็ว ๆ นี้?
    วรรคสองของส่วนประสบการณ์”ฟรีเกี่ยวกับการทดสอบปัญหาคืออะไรที่นี่? ทัศนคติ นักแปลอิสระ คือที่ผู้เขียนพยายาม“… เยาะเย้ย? (หมายเหตุข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ที่ประโยคสุดท้ายของปลาย :”…ต้องพิสูจน์ . อยู่นี้ข้อผิดพลาดที่สำคัญส่วนหนึ่งของการเสียดสี? ถ้อยคำ มาริโอ้ คำสั่งจากจุด นักแปลอิสระ เป็นมุมมองโดยการเสียดสีที่ทำให้ฝืนใจที่จะทดสอบฟรีทัศนคติเกียรติอย่างมืออาชีพ
    ประโยค”เมื่อเรียนรู้ผลหนึ่งที่สามารถพัฒนาวิชาชีพวิธีการเลี้ยงสงสัยเกี่ยวกับหน่วยงานที่พวกเขายังไม่ได้ทดสอบสำหรับวิธีการตั้งค่ากลุ่มภาษาใหม่, วิธีการพูดรัตนากรของ เดจาวู ตลกสังคมทฤษฎีในขณะที่ชาวเยอรมันแทบจะไม่พูดให้ถูกต้องอิตาลีโดยการแทรกแซงใด ๆ ของผู้ดูแลท้องถิ่นให้สัญญาอย่างเคร่งครัดเพื่อรักษาถูกต้องไวยากรณ์เรื่อง ” เป็น Langit เสียดสีแปลใน listservs เช่น(langit@list.cineca.it ) และ Lantra ( lantral@segate.sunet.se ) .ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: สามเรื่อง ต่างก็เสียดสี :อำนาจของนักแปลอิสระ ที่มีข้อสงสัยสงสัยที่ไม่ขาดคุณสมบัติตามหน่วยงานหรือไม่จ่าย แต่ตัวเอง’ล้มเหลว นักแปลอิสระ ที่ผ่านการทดสอบหน่วยงาน
    listservs แปลช่วยนักแปลอิสระ จัดเป็นกลุ่มนักแปลช่วยนักแปลอิสระที่แกล้งไร้ค่าและทักษะความรู้ภาษา สาย”เราถูกบังคับให้กระทำด้วยวิธีนี้ในการแสดงตนของเรามีเกียรติเพื่อน . แต่เรายินดีที่จะไม่มีการลดลงเคาะราคาในการเสนอราคาเอกชนหรือถ้าคุณติดต่อเราโดยตรงจัดการ”กับเสแสร้งเกี่ยวกับการทุ่มตลาด . คือการปฏิบัติที่ผู้เขียนคือ satirizing และทำไมพวกเขามีปัญหา?
    ทำไมผู้เขียนเหน็บแนม”การบัญชี ของภาษาที่วกวน อะไรคำนวณเป็นเงินจริง นักแปลอิสระ หลังนี้จากค่าของการโจมตี?
    รับสาย”เรา ปีกซ้าย แต่ไม่ใช่ปัญญานิ่ม หลังจากทั้งหมด”สิ่งที่ทางการเมือง
    ปฐมนิเทศคุณจะกล่าวว่าผู้เขียนได้และทำไม? อะไรสำคัญอาจ
    ความเชื่อทางการเมืองมีการตลาดการแปลหรือไม่

    การออกกำลังกาย
    1 1ตั้งค่าความเร็วทดสอบแปล . แรก 10 คำแปลในห้านาที; แล้ว20 คำในห้านาที; แล้ว 30, 40, 50, และอื่น ๆ . ให้ความสำคัญกับห้าระยะเวลานาทีในแต่ละครั้ง แต่เพิ่ม 10 คำ. ลองแปลเองเป็นคุณดำเนินการในแต่ละส่วนข้อความ : เมื่อคุณ 10 คำในห้านาทีแปลสองคำนาทีแรกสองอีกสองฯลฯเมื่อคุณพยายามทำ 100 คำในห้านาทีลองแปล 20คำแต่ละนาที . ให้ความสนใจกับสบายโซน”ของคุณ”เป็นความเร็วเพิ่ม . ระดับความเร็วในการแปล เร็วปานกลาง เร็วมาก เมื่อก้าวได้รับเร็วเกินไปเพื่อความสะดวกสบายของคุณหยุด . อภิปรายหรือสะท้อน นี้บอกสิ่งที่คุณทดสอบเกี่ยวกับทัศนคติของคุณต่อการแปลความเร็ว
    2 2สะท้อนเวลาในการศึกษาหรืออาชีพการงานก่อนหน้านี้เมื่อคุณปิดเพื่อ เริ่มต้นอุ่นเครื่อง– เมื่อระดับความเครียดลำบากเกินไปเมื่อไม่มีอะไรในงานของคุณให้คุณความสุข . ความรู้สึกเหล่านั้นทุกความรู้สึกอีกครั้ง . ตรงนี้ให้งานแปล, เรียนนี้หรืออื่น . นั่งและจ้องมองที่รู้สึกความเครียดที่เพิ่มขึ้น : เนื่องจากวันพรุ่งนี้ของข้อความที่มาและคุณไม่ได้เริ่มทำงานกับมันยัง; จะดูให้น่าเบื่อที่คุณต้องการจะกรีดร้อง;บุคคลที่คุณกำลังทำมันให้ (ลูกค้าครูของคุณ) จะไปเกลียดชังของคุณแปล; คุณยังไม่ได้มีเวลาให้ตัวเองเวลาวางเท้าของคุณและหัวเราะอย่างอิสระที่ TV แสดงโง่บางในเดือน . เอาใจใส่กับร่างกายของคุณตอบ : สิ่งที่คุณรู้สึก
    3 3ตอนนี้สั่นหัวและไหล่ของคุณและผ่อนคลาย; วางกำหนดเวลาทั้งหมดคิดวิจารณ์และออกจากหัวของคุณ . ให้สิบนาทีเองต้องทำอะไร; แล้วมองผ่านมาข้อความกับตาเพื่อทำแปล silliest คุณสามารถจินตนาการ . เริ่มดำเนินการแปลโง่ในหัวของคุณคิดของกลุ่มเพื่อนหัวเราะกันไปแปล . ทำงานกับคนอื่นขึ้นมาไม่ดีแปลสนุกของข้อความและหัวเราะด้วยกันขณะที่คุณทำงาน . ตอนนี้คิดเองทำ”ตรง”หรือร้ายแรงแปล — และเปรียบเทียบความรู้สึกของคุณเกี่ยวกับงานในขณะนี้กับของคุณรู้สึกความเครียด

  48. Miss Chonnikarn Chuenkosum อังกฤษสื่อสาร 3-1 says:

    Finally, we will examine what some researchers believe will help stem excessive turnover.
    WHAT IS TURNOVER AND WHY SHOULD WE BE CONCERNED?

    In general, turnover refers to either voluntary or involuntary separation from organizations (Bluedorn, 1982). Involuntary separations (firings) can be a problem if they occur frequently but the focus of this article will be primarily on voluntary separation from organizations that is, the process by which people quit their jobs.

    Historically, hospitality organizations have perceived turnover in two different ways. First, many companies are concerned that turnover costs the organization money, and because of that, unacceptable levels should be avoided. Turnover costs money for a variety of reasons, including:
    1. The actual costs related to separation.
    2. The cost of replacing employees, such as advertising, interviewing costs, and moving expenses.
    3. Learnings-curve inefficiencies by new employees.
    4. Costs associated with the temporary disruption of the work force.
    5. Nonquantifiable costs due to diminished image, customer loyalties to previous employees, and so forth.

    Second, some hospitality firms take the view that turnover is not necessarily undesirable, because performance and longevity have an inverse-U-shaped relationship (see Figure 9.1). As Figure 9.1 suggests, performance increases over the short to intermediate term, but decreases or stagnates over the long term. That is, the longer employees stay, the less likely they are to demonstrate increases in performance. More importantly, the longer they stay, the more they will cost in raises and increased benefits. Firms adopting this tenure/performance position will be concerned primarily with the distribution of tenure.

    ในท้ายที่สุด เราจะมาพิจารณากันว่าอะไรที่ทำให้นักวิจัยเชื่อว่าความคิดของพวกเขาจะสามารถยับยั้งการลาออกจากงานอย่างมากผิดปกติได้

    การลาออกจากงานคืออะไร และทำไมเราจะต้องให้ความสำคัญ

    โดยทั่วๆ ไป การลาออก หมายถึง การที่ลูกจ้างหมดภาระ หรือพันธะต่อองค์กรนั้นๆ แล้ว ด้วยการลาออกทั้งไม่ว่าจะสมัครใจ หรือไม่สมัครใจก็ตาม (อ้างอิงจาก Bluedorn, 1982).
    การสมัครใจลาออกเอง (VoluntarySeparations) การออกจากงานโดยไมสมัครใจ (InvoluntarySeparations)

    หากลูกจ้างขององค์กรใดมีการลาออกจากงานบ่อยๆ แม้จะด้วยความไมสมัครใจ หรือจะถูกไล่ออกจากงาน ก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมาได้ แต่เนื่องจากหัวข้อที่เรากำลังจะศึกษาต่อไปนี้ ได้เน้นความสำคัญไปที่การลาออกจากงาน หรือองค์กรนั้นๆ ด้วยความสมัครใจเป็นส่วนใหญ่ กล่าวง่ายๆ คือ เราจะมาหาสาเหตุที่ทำให้คนเหล่านั้นยอมลาออกจากงานที่ทำอยู่นั่นเอง
    จากการศึกษาข้อมูลในอตีตที่ผ่านๆ มา องค์กรของงานการโรงแรมและการท่องเที่ยวได้แยกประเด็นหลักออกเป็น 2 หัวข้อใหญ่ๆ คือ
    ประการแรก หลายๆ บริษัทมักจะกังวลว่าการลาออกจากงานจะเป็นการก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ไม่จำเป็นขึ้น ดังนั้นองค์กรต่างๆ จึงมักจะหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะก่อให้เกิดความไม่พึงพอใจต่างๆ ซึ่งค่าเสียหายที่เกิดจากการลาออกก็มีสาเหตุมาจากหลายอย่าง เช่น
    1. ต้นทุนจริง เมื่อคำนวณเปรียบเที่ยบกับการลาออก
    2. ต้นทุนในการหาลูกจ้างคนใหม่ เช่น การประกาศโฆษณาตามสื่อต่างๆ การเรียกตัวมาสัมภาษณ์งาน และค่าใช้จ่ายในการโยกย้ายตำแหน่ง หรืออื่นๆ เป็นต้น
    3. พนักงานใหม่มีการเรียนรู้ หรือ ประสบการณ์ไม่มากพอ
    4. ต้นทุน หรือค่าความเสียหายที่เกิดจากการสะดุด หรือชะงักชั่วคราวของการขาดแรงงาน
    5. ค่าเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้ เช่น ภาพลักษณ์ที่แย่ลง, ความผูกพัน และความไว้เนื้อเชื่อใจที่ลูกค้ามีต่อพนักงานคนเก่า และอื่นๆ เป็นต้น

    แต่ประการที่สอง บางองค์กรเกี่ยวกับธุรกิจการโรงแรมและการท่องเที่ยวบางแห่งได้ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า การลาออกจากงานไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ เนื่องจากพบว่าผลงานที่เกิดขึ้น และระยะเวลาที่ทำงานตั้งแต่เริ่ม มีความสัมพันธในลักษณะรูปตัวยูคว่ำ (หาข้อมูลเพิ่มเติมที่ Figure 9.1)
    จากที่ Figure 9.1 ได้กล่าวไว้ว่าผลงาน หรือ performance จะเพิ่มมากขึ้นในระยะสั้นและระยะปานกลาง แต่จะลดลง หรือหยุดนิ่ง (ซบเซา) ในระยะยาว ซึ่งนั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า ยิ่งลูกจ้างมีอายุงานเพิ่มมากขึ้น สมรรถภาพ หรือ ประสิทธิภาพในการทำงานก็ดูเหมือนจะลดน้อยลงไป และที่สำคัญที่สุดคือ ยิ่งลูกจ้างมีอายุการทำงานนาน ค่าจ้างที่จ่ายก็ต้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นมติเอกฉันท์ของกลุ่มนี้จึงให้ความสำคัญไปที่ ใครสามารถสร้างผลงานได้ดีกว่า มากกว่าใครทำงานมานานกว่า

  49. Miss Yuwadee Boonmalert 51501030081-9 A.E 3-2 says:

    มาตรฐานการตัดสินใจว่าบางคนจะแสดงอย่างไร อย่างไรก็ตามพวกเขาจะออกไปอย่างแน่นอนเพื่อลงมือเล่นในแบบของการแสดง สิ่งที่สำคัญคือ สถานที่ตั้งในลักษณะที่ตอบสนองสามารถตีความเป็นความหมายได้ (ให้เราเปิดรับตอนนี้ว่าการตีความดังกล่าว ได้เคยแยกผู้ติดต่อเข้าร่วมกับผู้เรียกร้อง “ผู้ผลิต” และ “ผู้รับ”) มันไม่สำคัญเท่าไหร่ว่ามาตรฐานความพอใจเป็นอย่างไรมากกว่าพยายามเพื่อตอบสนองความต้องการ อะไรที่ตรงประเด็นคือหน้าที่ของการแสดง Eykman ได้แสดงให้เห็นว่าภาพลักษณ์สามารถเปลี่ยนได้เนื่องด้วยภาพลักษณ์อื่น การจัดเป็นสูตรกับการจัดเป็นสูตรอื่น ปราศจากการเปลี่ยนแปลงของต้นฉบับ Eykman กล่าวไว้ว่าไม่ต้องแตกต่าง แต่ต้องปรับตัว สำหรับการแปลหมายถึง (1) การปรับตัวภายใต้สถานการณ์ที่ถูกต้อง (2) สถานการณ์เหล่านี้มีการฝึกฝนโดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น สถานณการณ์ของความต้องการนี้เหมือนระดับของความปกติธรรมดาที่มีอยู่
    วัตถุประสงค์ที่สำคัญรองลงมาของการกระทำและความสำเร็จ
    การกระทำที่สำเร็จแล้วเมื่อสามารถวิเคราะห์ถึงที่ตั้งที่เหมาะสม (มีความหมาย) ได้มีการเสนอถึงความพอใจมาก่อนความต้องการของตัวผู้ผลิตเอง เขาจะบอกสิ่งที่เขาตั้งใจไว้ เราจะเห็นจริง ๆ ว่าการแสดงอย่างไรที่ไม่สองคล้องเหมาะสมที่สุดเสมอกับความตั้งใจ (คุณตอกนิ้วของคุณ ก่อนเล็บที่เชื่อมต่ออยู่ด้วย) ในขณะที่คู่โต้ตอบยังค้นหาคำอธิบาย พฤติกรรมของผู้ผลิตและผู้รับอาจแตกต่างจากการที่ผลิต การทดลองที่คาดหวังต่อกันนี้จะนำมันไปสู่การพิจารณาในการแสดงของพวกเขา ความสำเร็จในการแสดงทำให้ประเมินแยกโดยผู้ผลิตและผู้รับ และคงความถูกต้องในแต่ละอย่างไว้ที่สามในที่สุด
    จะใช้วลีเปรียบเทียบในภาษาอังกฤษหรือภาษาแหล่งอื่นและเป็นไปได้ที่การแปลของนั้นจะมาเป็นลำดับตามตัวอักษรของการแปล เช่น “มันยังไม่จบจนกว่าผู้หญิงอ้วนร้องเพลง” เหมือนแปลเป็นภาษาสเปนว่า No se acaha hasta que cante la gorda (มันยังไม่จบจนกว่าผู้หญิงอ้วนร้องเพลง) No se acaba hasta que se acaba (มันยังไม่จบจนกว่ามันจะจบ) Siempre hay esperanza (มีหวังเสมอ) รวมการแปลที่ต่างกันมากเท่าที่คุณสามารถแปลได้ อย่างน้อยก็สามหรือสี่
    (ตัวอย่างการแปลภาษาสเปนเป็นภาษาอังกฤษอีกอันหนึ่ง : จากนวนิยายของ Laura Esquivel เรื่อง Como agua para chocolate แปลเป็นภาษาอังกฤษคือ ชอบน้ำสำหรับช็อกโกแลต แต่ตัวอย่างอันนี้ง่ายเป็นทวีคูณ ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีไข่ทั่วใบหน้าของคุณ ประมาณหกถึงเจ็ดใบ ได้พัฒนาและส่งออกทางเรือ บางคนอ่านแล้วเกิดความสับสน สิ่งสำคัญคือ พอคุณได้เลือกวลีมากับสถานการณ์จริงที่เป็นไปได้ต่าง ๆ อาจได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง
    ขณะนี้การเข้ากันของสังคมที่ส่งผลต่อกัน เช่น Reβ กับ Vermeer ได้คุยกับผู้ผลิตคนหนึ่งและผู้รับคนหนึ่ง และมาอภิปรายความคิดเกี่ยวกับการตั้งรับ หรือจู่โจมถึงความสำเร็จในการแปลของวลี ในบริบทที่เฉพาะเจาะจง เนื้อหารายละเอียดของบริบทอย่างแรก : ตัวแทนโฆษณาประสานงานแคมเปญโฆษณาสิบสี่ประเทศสำหรับเทปเสียง งานที่เป็นงานอิสระการแก้ไขการเข้าซื้อกิจการเพื่อกดการค้าที่สำคัญที่มีประกาศเรื่องราวที่เขียนขึ้นจากความทรงจำของนักโอเปร่าหญิง ทำงานกับศาสตราจารย์ของดุริยางค์ศาสตร์ที่เป็นนักแปล ในบ้านของนักแปลและเจ้านายของเธออภิปรายเกี่ยวกับการแปลวลีในเชิงตลกในเอกสารเทคนิคชื่อว่า การเขียนจดหมายชีวประวัติเพื่อแก้ไขหรือค้านการแปลของเรื่องบทสนทนากับนักแปลที่มีศักยภาพสามคน (เช่นการหาผู้เขียนบรรณาธิการต้นฉบับ) อภิปรายที่ประสบความสำเร็จในการแปลจากลักษณะพิเศษ ถ้าคุณสามารถเห็นด้วยในการใช้เวลาเล็กน้อยหลังจากศึกษาอย่างถี่ถ้วนว่าจะทำอย่างไรให้ง่ายดายหรือไม่ง่ายกับข้อสงสัย
    ตอนนี้ลองจินตนาการโครงสร้างทั่วไปของการประเมินความสำเร็จหรือการแปลที่ดีมันเป็นไปได้อย่างไร? หรือคุณสงสัยกับสังคมหัวรุนแรงของ Reβ และ Vermeer ถึงตัวอย่าง? อย่างไร? หรือตัวอย่างในทางอื่น
    การเรียนแผนผังของ Basissituation für translatorishes Hamdeln พื้นฐานของหน้าที่กิจกรรมในการแปลจากหนังสือของ Justa HolzMänttan ชื่อ Translatorishes Hendeln ที่มากับหนังสือการแปลภาษาอังกฤษและคำอธิบายที่กว้างขึ้น
    Bedartsträger ([เป้าหมายของข้อความ]ต้องการผู้นำ) : คนที่ต้องการแปลและให้กระบวนการของการแปลตั้งแต่เริ่มการแปล)
    Besteller (กรรมาธิการ : ผู้ถามนักแปลที่จะให้ข้อความเป้าหมายตามหน้าที่ที่เหมาะสมสำหรับสถานการณ์ใช้เฉพาะ)
    Translator (นักแปล/ล่าม : วิชาการแปลภาษาเยอรมันมันใช้คำละตินหมายถึงการผลิตของทั้งพูดหรือเขียนความที่จะเรียกว่าปกติ Überseter และ der Dolmetscher ตามลำดับ)
    Zieltext-Applikator (ผู้ที่ทำให้ตำราเรียนบรรลุเป้าหมาย) คนที่ให้ข้อความเป้าหมายการปฏิบัติงานที่ทำร่วมกันในสังคมโลก เช่น เผยแพร่ที่ใช้เป็นสำเนาการโฆษณาส่งเป็นจดหมายทางธุรกิจที่กำหนดให้นักเรียน

  50. Chutchalee milinthasuth ,English major 3-2 says:

    chapter 8 page 147-149

    เครือข่ายประสาทที่ทำงานมากเหมือนกับชิ้นส่วนของคอมพิวเตอร์,การกดแป้นพิมพ หรือ วิธีอื่นๆ ที่เพิ่ม หรือ ลด แก้ไขลำดับที่ความเร็วสุงสุด ดังนั้น,ผู้หัดแปลสามารถใช้เวลาสองถึงสามชั่วโมงในการแปล ที่ สามร้อยคำ
    นั่นสามารถนำไปสู่ผู้เชี่ยวชาญในการแปล ยี่สิบถึงสามสิบนาที: และการพินิจวิเคราะห์ของผู้อ่าน จะเจอกับ สิ่งที่ผิดหลักๆ 20จุด ที่ในการกระทำของผู้หัดแปล และคำที่น่าสงสัยเล็กน้อย หรือ วลีในรูปแบบของนักแปลระดับผู้เชี่ยวชาญ การฝึกฝนไม่ได้ทำให้เกิดความสมบูรณ์อย่างแน่นอน; แต่มันจะชี้นำทีจะเพิ่มความเร็วและความน่าเชื่อถือ.

    แต่เกิดอะไรขึ้นในกระบวนการอุปมานในแบบเก็บกดนี้นำไปสู่แบบแผนหรือ? อะไรคือประสบการณ์จากผู้แปลภาษาและทำอย่างไรให้ประสบการเพิ่มมากขึ้น?

    การพูดตามหลักภาษาศาสตร์, ผู้แปลได้พบกับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่ บุคคุล กระทำกับ คำศัพท์
    วลีนี้มาจาก J.L.Austing’s(1962/1976) จากหนังสือที่มีชื่อเสืยงเรื่อง “How to Do Things With Words”
    ครอบคลุมทุกภาษา ภาษา คือสิ่งที่บุคคลกระทำกับคำศัพท์ ในบทที่หก เราได้ค้นพบสื่งสำคัญของอะไรที่ผุ้คนกระทำ และ ในบทที่เจ็ด อะไรที่ทำให้ผู้คนกระทำ อย่างแม่นยำ เพราะว่าทุกภาษา ผู้ใช้คือมนุษย์ เป็นสัตว์สังคม กระทำทุกสิ่งด้วยคำศัพท์ ทนายความชาวฝรั่งเศส ในอ๊อฟฟิศของเธอในปารีสกระทำบางสิ่งกับคำศัพท์; ทนายความชาวญี่ปุ่นในอ๊อฟฟิศของเขาในโตเกียว กระทำสิ่งอื่นกับคำศัพท์ ทั้งภาษาฝรั่งเศส และ ญี่ป่น ต่างใช้คำว่าทนายความทั้งคู่ เพื่อที่จะได้คำศัพท์ใหม่

    แต่แล้วว่าไม่มีอะไรใหม่ ทุกภาษาผู้ใช้ได้แปลงสิ่งที่เค้าต้องการจะใช้คำศัพท์ ทุกภาษาค่อนข้างซ้ำซ้อน แต่ไมได้แน่นอนในอย่างเดียวกัน ตราบใดที่ภาษาซ้ำซ้อนถูกผู้ใช้แปลงสิ่งเก่าให้ทางใหม่ๆ

    คำเฉพาะ , แหล่งวัฒนธรรมที่ผู้คนใช้คำศัพท์ในแหล่งข้อความ และมันเป็นงานของผู้แปลที่จะสร้างคำใหม่(แต่เตือนใจมากหรือน้อย)ในเป้าหมายของภาษา ในกระบวนการ”สิ่งนั้น”สำเร็จด้วยดีไปตามการเปลี่ยนแปลง
    ในตอนแรกการเปลี่ยนแปลงนี้เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงของความหลากหลายที่ไม่จำกัด,การเปลี่ยนแปลงที่ไม่จำกัดนั้นไม่สามารถลดรูปแบบ ทุกๆคำและทุกๆลำดับของคำต้องเป็นตัวของตัวเอง คิดเกี่ยวกับ เกิดการสะท้อน, น้ำหนักและการทดสอบกระตุ้นบ่อยๆสิ่งหนึ่งทำให้เกิดการเดินทาง,อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุ้นเคยมากขึ้นในการเปลี่ยนแปลงมาถึง พวกเขาค่อยๆตกอยู่ในรูปแบบ การแปลดูค่อยๆจะง่ายๆและง่ายขึ้น

    กระบวนการอุปนับทะลุถึงสิบในพันของตัวอย่างการเปลี่ยนแปลง จนกระทั่ง รูปแบบเริ่มจะออกมา อย่างที่ คาล วิค ได้กล่าวไว้ว่า ในกระบวนการของ การไม่สามารถสุ่มเดา เปงสิ่งที่แรกที่ดุจะวุ่นวาย อย่างแรกมันเป็นสิ่งที่ยากที่สิบหรือสิบห้าภาษาต่างชาติในหัวคุณ และมันง่ายที่จะยึดเอาสิบหรือสิบห้าคำเหมือนศัพท์ แต่ละคำมีความหมายที่เจาะจงในสำเนียงของคุณ แต่ยากที่จะใช้มันในประโยค หรือ แม้จะถอดรหัสพวกมันในประโยคที่มีอยู่ สิบหรือสิบห้าคำค่อยๆง่ายต่อการใช้ในแต่ละประโยค แต่ทันในดันพวกมันก้อปรากฏในความหมายอื่นๆในประโยคและอีกครั้งที่ทำให้ไม่เข้าใจในทั้งหมด แต่พวกเราไม่ชอบความปั่นป่วย เราศึกษาโครงสร้าง,รูปแบบ เราใช้คำศัพท์จนกระทั่งมันเริ่มเข้าใจ เรากำหนัดลำดับผิดในที่สิ่งที่มันต้องการจะเป็น และทำให้ถูกต้องและเริ่มใหม่ แม้ว่าสิ่งที่เราใช้ในแหล่งภาษามันเริ่มสอดคล้องกัน แต่ตัวพวกของพวกเราเองและแม้ว่ากะคนอื่นก้อดี

    ผุ้แปลทำสิ่งนี้อย่างไร ผู้แปลกำหนดลำดับอย่างไรกับสิ่งที่พวกเค้าใช้กับคำศัพย์ ที่ลูกค้าและผู้จัดการโปรเจค
    รับรู้ในการแปลที่สมบูรณ์ โดยการเลียนแบบซะส่วนใหญ่ พวกเรารู้สึกว่าคนอื่นใช้คำอย่างไร และพยายามใช้พวกมันในทางที่เหมือนกับตัวเอง แต่จะไม่สามารถแยกแต่ละอย่างได้ถูกต้อง เราแปลงในสิ่งที่เราเลียนแบบตลอด เมื่อเราใช้มันรวมถึงเมื่อเราใช้คำศัพท์ เราอาจจะพยายามอย่างหนักที่จะใช้ในสิ่งที่คนอื่นใช้แต่เราใช้มันน้อยที่สุด
    อย่างไรแปลทำนี้ แปลไม่กำหนดประเภทวิธีการ
    ลำดับที่” สิ่ง / เขาจะมีคำ”ที่ลูกค้าและผู้จัดการโครงการ
    ยอมรับเป็นคำแปลที่ประสบความสำเร็จหรือไม่ โดยเลียนแบบส่วนใหญ่ เราได้รับความรู้สึกสำหรับ
    วิธีทำสิ่งอื่นและพยายามที่จะกระทำในลักษณะเดียวกันเอง แต่
    เพราะเราเป็นเทพกันเพราะเราอยู่แยกร่างกายเราสามารถ
    ไม่เลียนแบบอะไรแน่นอน เรามักจะเปลี่ยนสิ่งที่เราเลียนแบบ เมื่อเรา
    ทำสิ่งรวมถึงเมื่อเราทำสิ่งที่มีคำเราอาจพยายามอย่างหนักที่ต้องทำ
    สิ่งที่คนอื่นทำ แต่เรามักจะสิ้นสุดทำอะไรอย่างน้อย
    ใหม่เล็กน้อย

    เคล็ดลับก็คือการโน้มน้าวให้คนอื่น ๆ ว่าสิ่งใหม่เล็กน้อยคุณ
    ทำกับคำในความเป็นจริงคือการสืบพันธุ์ที่เชื่อถือได้ของสิ่งเก่าทำโดย
    ผู้เขียนมาหรือผู้ฟังที่เกี่ยวข้องกับการเลียนแบบเกินไป : เราดูคนอื่นดู
    สิ่งที่พวกเขาทำเมื่อเขาทำสิ่งด้วยคำพูดและผู้ที่มีเงินใช้
    สิ่งที่จะ”แปล”– เชื่อถือได้ถูกต้องแปลมืออาชีพ
    สิ่งที่เราไม่ได้ทำคือนั่งลงกับชุดครอบคลุมของกฎสำหรับภาษา
    สมมูลและสร้างข้อความที่สอดคล้องกับพวกเขา ที่ฉายภาพ
    โดยนักภาษาโบราณแปลเมื่อพวกเขาได้ศึกษา? ภาพไม่ได้
    สอดคล้องกับความเป็นจริง
    นักแปล
    ทฤษฎี
    หากแล้วเหตุผลอุปนัยของเราทำให้เราหลักการที่ translators ทำ
    สิ่งที่มีคำและเราตัดสินใจเป็นมูลค่าการค้นพบผ่านเพื่อผู้อื่นได้
    เราจบด้วยความคิดนิรนัยแปล
    ทฤษฎี นี้เป็นกฎภาษาใหม่ของเราโดยที่เราสั่งของเรา
    การรับรู้ของเขตข้อมูล : ผุ้แปลทำสิ่งที่มีคำ
    หนึ่งในสิ่งที่จะแปลคำชัดคือการแสวง
    สิ่งที่เท่ากัน ลูกค้ามักจะต้องการมันและภาษาเกือบตลอดเวลา
    ต้องพยายามทำในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ แต่โปรดทราบว่ามี
    ความแตกต่างระหว่างภาษา การจินตานาการพยายามให้เท่าเทียม
    แนะนำเราและจินตนาการแปลเป็นรูปแบบนามธรรมหรือโครงสร้าง”ของ
    เทียบเท่าเป็นวิธีที่เก่าได้ ถ้าแปลเป็นนามธรรม
    โครงสร้างมีคนไม่เกี่ยวข้อง แปลแล้วเป็นเพียงข้อความ นี้คือ
    อีกสิ่งที่ต้องการดูลูกค้าของเรื่อง : ลูกค้าต้องการสิ่งที่เชื่อถือได้
    ข้อความ (และต้องการได้อย่างรวดเร็วและถูก) สิ่งที่แปลได้จะทำอย่างไรเพื่อให้ได้ที่
    ที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่นลูกค้า, แบบเชิงวิชาการแปลภาษา
    แนวโน้มการรักษาแปลและการกระทำของเขาหรือเธอพูด (นับประสาวิธีการ
    นักแปลประสบการณ์การกระทำเหล่านั้น) ที่ไม่น่าเชื่อถือของการศึกษา

    ถ้าเราเปลี่ยนสำคัญของเราทำสิ่งแปลคำจากนั้นก็กลายเป็น
    ชัดเจนว่ามุ่งมั่นสำหรับภาษาเทียบเท่าการพูดสำคัญคือ
    ดำเนินการโดยนักแปล มีคนจำนวนมากเช่นกัน : มุ่งมั่นในการปรับปรุง
    ข้อความที่เขียนไม่ดี? มุ่งมั่นที่จะสอนบทเรียนทางศีลธรรมหรือทางการเมือง (โดยเฉพาะใน
    แปล? พยายามให้ผลแสดงออก (โดยเฉพาะใน
    การโฆษณาหรือการแปลวรรณกรรม)? เป็นต้น พยายามให้เท่ากันเป็นหนึ่ง
    การกระทำวาจากระทำโดยนักแปลและที่สำคัญมากหนึ่ง — แต่
    เพียงครั้งเดียว ไม่ใช่งานทั้งหมด ไม่แน่นอนพื้นฐานของเหตุผลนิรนัยทั้งหมด
    แปลเกี่ยวกับ ในวิธีการใหม่นี้ไม่เท่าเทียมพื้นฐาน
    หัก? พยายามให้เท่ากัน (และผลที่พึงประสงค์อื่น ๆ )
    หนึ่งในผลของการเปลี่ยนนี้คือการช่วยให้เราสามารถรวมภาษาศาสตร์
    การศึกษาการแปลเป็นภาพใหญ่ของนักแปลมืออาชีพของ
    กิจกรรมและบริบททางเศรษฐกิจและการเมืองและวัฒนธรรมในที่นั้น
    กิจกรรมที่ดำเนินการ พยายามให้เท่าเทียมเป็นสิ่งที่จะแปล
    ทำเพื่อตอบสนองความลูกค้าให้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือระดับมืออาชีพของเขาหรือเธอ? หรือ
    สิ่งที่แปลจะทำเพื่อตอบสนองความรู้สึกของตนหรือของวัฒนธรรม
    ความถูกต้อง”อุดมการณ์, ” ทางข้อความ”มี”เป็นภาษาเป้าหมาย
    บรรทัดฐานทางวัฒนธรรม รู้สึกเป็น”ทำสิ่งที่มี
    คำแปล”ภาษาตที่จะเป็นส่วนหนึ่งและพัสดุของทุกๆ
    ชีวิตจริง

    และที่สำคัญเห็นเท่าเทียมเป็นสิ่งที่ผู้แปลพยายามเพื่อช่วย
    เน้นเชิงวิชาการภาษาตในกระบวนการที่ซับซ้อนโดยที่
    นักแปลแต่ละกำหนดสิ่งที่เท่าเทียมในกรณีเฉพาะนี้อาจ
    — แปลว่า”โครงสร้าง”เทียบเท่าเป็นที่เหมาะสำหรับการแสวง นี้
    ย้ายการศึกษาการแปลภาษามาเปรียบเทียบคงแคบสอง
    ข้อความ (ที่มา”และ”เป้าหมาย”) และออกเป็นโลกที่ซับซ้อนของมืออาชีพ
    บรรทัดฐาน (ดู Toury 1995) ส่งงานแปลโดยลูกค้าหรือตัวแทน
    แปลได้ตัดสินใจชนิดของข้อความเป็นสิ่งที่จะนำมาใช้มากที่สุด
    สำหรับและทำให้สิ่งที่บรรทัดฐานมักจะดูแลความรู้สึกของลูกค้าของวิธี
    ประสบความสำเร็จเป็น มันต้องแปล — ปรับการวัดจาก
    ภาษาอังกฤษเพื่อวัดรูปแบบวันที่
    และอื่น ๆ ? มันอยู่
    ที่นักแปลควรติดเป็นอย่างใกล้ชิดที่สุดกับ
    ไวยากรณ์เดิมแสดงว่าลูกค้าเดิมแปลอย่างถูกต้อง
    ทำ? มันมุ่งประชาชนทั่วไปที่อาจจะเพื่อการโน้มน้าวใจเพื่อ
    ที่แสดงออกทั่วไปเทียบเท่าสำคัญกว่าการทุกรายการ
    ในข้อความที่มาในข้อความเป้าหมาย?
    อาจเข้าใจยากของคณะแปลวันนี้เป็นหนึ่งในหลักปรับตัว
    ประเภทของบรรทัดฐานทำให้มากที่สุดของพวกเขาภายใต้อย่างกว้างขวางแตกต่างกัน
    สถานการณ์ (ภาพของ Dryden บริการต้นแบบที่แตกต่างกันและให้คำปรึกษา
    ผู้แปลการคัดท้ายหลักสูตรกลางแล้วจะเป็นสิ่งแท้จริง)? … ใน
    คำสั่งต่างกังวลได้หลากหลายมากขึ้นของงานพวกเขา

  51. MissPhloisirung Tantiphaetthayangkun says:

    Missphloisirung Tantiphaetthayangkun A.E.3-2
    หน้า144
    คุณได้ยินและลงทะเบียนและเข้าใจคำศัพท์ทั้งหมด และไม่มีสิ่งใดทำให้รู้ว่า เพราะอะไรจิตใจคุณคืออีกทางเลือกหนึ่งและทันใดนั้นสิ่งที่ควรจะเป็นเรื่องง่ายก็กลายเป็นเรื่องยาก สิ่งใดที่ควรเป็นไปตามข้อเรียกร้องและเป็นเหตุเป็นผลของการลักพาตัว
    เมื่อการเปล่งเสียงออกมาหรือการเขียนข้อความ มันไม่ใช่รูปแบบที่สมบูรณ์ ประสบการณ์นี้เป็นมากกว่าประสบการทั่วไป ทารกวัย 10 เดือนชี้ไปที่บางสิ่งบนโต๊ะแล้วพูดว่า “ก๊าห์” เมื่อคุณไม่เข้าใจ หล่อนก็จะชี้ไปอีกครั้งและร้องอีก “ก๊าห์” ด้วยความแน่วแน่ เด็กมักรู้อยู่แก่ใจดีว่าหล่อนพยายามจะพูดอะไร หล่อนเพียงแค่ไม่ได้พูดในภาษาของคุณ คุณประสบความสำเร็จในการทำงานด้านการแปลนี้ได้อย่างไร คุณกลายมาเป็นคนที่มีคุณสมบัติของนักแปลภาษาเด็กทารกของคุณได้อย่างไร ประสบการณ์และความผิดพลาด คุณหยิบยกทุกสิ่งอันบนโต๊ะ มองที่เด็กอย่างงงงวยแล้วพูดว่า “นี่” หรือ “ก๊าห์” พื้นฐานความรู้ของภาษาอื่น แน่นอน คุณสร้างสมมติฐานที่ชัดเจนขึ้นมาชี้นำ โดยการตั้งสมมติฐาน การยกตัวอย่าง และความน่าจะเป็น การกล่าวอ้างถึงสิ่งที่เฉพาะเจาะจงของสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะหรือกริยาอาการ (ให้) หรือประโยคคำสั่ง(เอาสิ่งที่ฉันต้องการมาให้ฉัน) โดยปกติพ่อแม่จะกลายเป็นนักล่ามที่มีทักษะต่างๆของเหล่าทารกอย่างรวดเร็วโดยปริยาย การทดสอบเด็กทารกตลอดเวลาโดยมีคำศัพท์และวลีใหม่ การเรียกร้องขอสิ่งใหม่ แต่การให้สัมผัสซ้ำๆในแบบเดิมๆอย่างเร่งรีบ สามารถพัฒนาความสามารถในภาษากายของพ่อแม่ได้ และพวกเขาตีความให้กับผู้เยี่ยมชมที่ชมอยู่อย่างสงบ นักพูดท้องถิ่นมีคุณสมบัติครบถ้วนของภาษาที่ไม่ได้ใช้ภาษานั้นเสมอไป แน่นอน ผู้เฝ้าสังเกตขอร้องให้เรียก “ตามเหตุผล” พวกเขาไม่ได้พูดอะไรในสิ่งที่พวกเขาจะสื่อความหมาย พวกเขาละทิ้งข้อมูลที่สำคัญยิ่ง พวกเขาปิดบังเจตจำนงที่แท้จริง พวกเขาโกหก พวกเขาพูดเกินความจริง พวกเขาพูดประชดและเหน็บแนม พวกเขาพูดเปรียบอุปมาอุปไมย พอล กริซ (1989:22-40), นักปรัชญาเมธี ชาวอังกฤษ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ก่อตั้งศูนย์การเรียนรู้ของภาษาที่เน้นการปฏิบัติมากกว่าทฤษฎี และความพยายามอย่างดีเยี่ยมในการบรรยายที่มีหัวข้อว่า “เหตุผลและการสนทนา” เพื่ออธิบายถึงความสามารถที่มีอยู่ในการรับรู้ได้อย่างแม่นยำ ของผู้พูดที่ไม่เคารพกฎกติกามารยาทในการสนทนา มันยังไม่เพียงพอสำหรับเขาที่ผู้ฟังคาดว่าจะได้รับความซึมทราบหรือการลักพาตัว มันมีข้อกำหนดบางอย่างที่จะตอบสนองส่วนต่างๆของการก้าวที่ควรจะนำพาไปสู่การเป็นนักแปลหรือนักล่ามเพื่อการแปลหรือกรล่ามที่ถูกต้อง ของการออกเสียงที่เป็นปัญหาน่าสงสัยอย่างชัดเจนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม กริซ พูดเกินความจริงในกรณีของเขา ความจริงที่พวกเรามักจะเดาผิด ซึ่งการเข้าใจในปัญหาน่าสงสัย ในการออกเสียงมีมากที่ทำร่วมกับจินตนาการที่สร้างสรรค์ การรู้โดยสัญชาตญาณ และโชคโดยแท้ตราบเท่าที่จะเป็นไปได้(see Robinson 1986,2003) การเรียนภาษาต่างประเทศเป็นความต้องการของคนนับแสนของการคาดคะเน หรือการลักนำมา และแน่นอน ผู้แปลต้องรู้คำศัพท์ที่เหนือกว่าพวกเขาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน คำศัพท์ที่ไม่ได้ปรากฏอยู่ในพจนานุกรมของพวกเขาเอง คำศัพท์บางคำที่พวกเขาต้องหาความถูกต้องของภาษา วันพรุ่งนี้คือเป้าหมายที่มีค่า
    หน้า 145
    มันคือช่วงสัปดาห์ที่สองหรือสามในฟินแลด์ ฉันได้รู้จักคำว่า no คือ ei และ yes คือ joo ฉันเกิดความงงงวยเป็นที่สุด ฉันได้ยินคนพูดอย่างนั้นอยู่บ่อยครั้ง เหมือนกับเขาพูดว่าไม่ใช่ ซึ่งฉันแปลคำนี้ว่าไม่ใช่ มันไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ฉันถามใครๆเกี่ยวกับคำนี้ เขามักจะยืนกรานว่าไม่มีวลีอย่างนั้นอยู่ในภาษาฟินแลนด์ ไม่มีใครเคยพูดอย่างนั้น มันไม่ค่อยจะมีความหมายสักเท่าไหร่ และฉันก็ยังคงได้ยินคนพูดอย่างซ้ำๆ เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันได้ยินเพื่อนฉันพูด ฉันหยุดพวกเขา “ช่วยพูดคำนั้นอีกครั้ง” “อะไร” “Eijoo” “เปล่า ฉันไม่ได้พูด คุณไม่สามารภพูดอย่างนั้นในภาษาฟินแลด์ได้”
    ท้ายที่สุด สองสัปดาห์หลังจากที่ฉันไม่เข้าใจวลีนี้ บางคนเข้าใจว่าฉันกำลังพูดถึงอะไร ei oo ออกเสียงคล้ายกับคำว่า eijoo มันคือสำนวนพูดที่มาจาก ei ole แปลว่า “มันไม่ไช่” มันเป็นอย่างนี้ เขาเสริม แต่คุณไม่ควรพูดอย่างนั้น เพราะมันไม่ถูกต้องในภาษาฟินแลนด์ อาจารย์ที่สอนภาษาฟินแลนด์กล่าว ฉันเพิ่งเข้าใจภายหลังว่า ที่แท้มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ด้วยเหตุนี้ “มันจึงเป็นภาษาฟินแลนด์ที่ไม่ได้เรื่องเลย” ดังที่กล่าวมาทุกคนก็ยังคงใช้มันอยู่ตลอดเวลาเพื่อนของฉันหัวเราะในความไม่รู้ เมื่อฉันถามถึงมัน และในที่สุดฉันก็พบว่ามันยากที่จะเข้าใจในสิ่งที่ฉันถามถึง มันแทบจะกระโจนเข้าไปอธิบายเพื่อให้พวกเขาเข้าใจในคำถามของฉันเท่าที่ฉันจะทำได้เพื่อที่จะถามมัน
    สวัสดี ลานทรานส์
    มีใครบอกฉันได้บ้างว่าการแปลภาษาเนเธอร์แลนด์ คำว่า “flat fee” หมายความว่าอะไรหรือหมายถึงอะไร ในพจนานุกรมของฉันไม่ได้บรรจุคำศัพท์คำนี้ไว้
    บริบท
    สายของคุณที่ผู้โทรและผู้รับสามารถชาร์จค่าโทรศัพท์ลงไปในใบแจ้งค่าโทรศัพท์ได้ต่อนาที หรือ ผ่านทางบัตรเครดิตการ์ด (วีซ่า,มาสเตอร์การ์ด หรือ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส) โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
    ขอบคุณ,ด้วยความเคารพ
    เกเบอร์ เมนเกส
    การแปลภาษาในระดับนี้เป็นลำดับที่ยากลำบากมาก ผู้แปลอาจต้องใช้เวลาไปกับคำศัพท์ที่ยาก ต้องศึกษาในพจนานุกรมที่วางอยู่บนชั้นอย่างลึกซึ้ง การโทรศัพท์สายด่วน การแฟกซ์ และการเขียนจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ถึงเพื่อนและคนอื่นๆที่อาจรู้ความหมายของมัน การเรียกร้อง หรือผู้มาใช้บริการและการขอความช่วยเหลือ ผู้แปลอาจเกลียดหรือรักส่วนนี้ของงาน แต่ผู้แปลที่ไม่ได้เต็มใจจะทำก็จะทำต่อไปได้ไม่นาน ตั้งแต่ผู้แปลที่จ่ายไปเป็นชั่วโมง และการจ่ายต่อคำ ต่างก็เหมือนกัน สำหรับคำที่ต้องการเวลาในการทำเหมือนกับคำว่า the หรือ and เงินค่าจ้างจะกระตุ้นให้พวกเขาค้นหาคำศัพท์ที่ถูกต้องอาจจะเกือบไม่มีเพียงแค่ไม่กี่เหตุผลที่จะทำการค้นหาต่อแม้ว่าเงินกำลังจะลดลงหรือกำลังจะมาก็ตาม
    หน้า 146
    (a) จรรยาบรรณของผู้แปล; การตัดสินใจของผู้เชี่ยวชาญจะยอมรับการแปลความที่ชัดเจนและถูกต้องเท่านั้น
    (b) ความภาคภูมิใจของผู้ประกอบวิชาชีพ; ผู้แปลจำเป็นต้องมีทัศนคติที่ดีต่องานที่ทำอยู่
    (c) การทำงานด้วยความเอาใจใส่ย่อมมีผลต่อธุรกิจ เนื่องจากลูกค้าที่พอใจกับผลงานของผู้แปล มักจะเรียกใช้บริการผู้แปลอยู่เสมอ
    (d) และความรักในภาษา จะส่งผลให้คำที่ถูกแปลความออกมาด้วยความเหมาะสม หรือมีความถูกต้อง

    Doing things with words (induction)
    ถ้าหากหลายคนมองว่าการเลือกเฟ้นถ้อยคำหรือข้อความที่ถูกต้องนั้นเป็นเรื่องยากลำบาก แต่มันก็อาจจะเป็นความสุขอย่างหนึ่งของนักแปลมืออาชีพที่เก่งที่สุดเช่นกัน การอ่านหนังสือหรือบทความสักเรื่องหนึ่งคงไม่ได้เป็นแค่เพียงการอ่านแบบธรรมดา การเรียนรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่งก็อาจไม่ได้เป็นเพียงการเรียนรู้ที่ธรรมดาเช่นกัน การพูดคุยโทรศัพท์เกี่ยวกับแหล่งที่อยู่ของบุคคลอย่างละเอียดอาจเป็นสิ่งที่สามารถทำได้โดยทั่วไป แต่ในขณะเดียวกันแน่นอนว่าสิ่งเหล่านั้นอาจกลายเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ด้วยความท้าทาย และเป็นรางวัลล้ำค่าเช่นกัน ผู้แปลที่ทำงานต่างๆ เหล่านี้ด้วยความเต็มใจ ย่อมสามารถทำงานได้ดีกว่าผู้ที่ทำงานด้วยความไม่เต็มใจ หรือทำโดยปราศจากจรรยาบรรณทางวิชาชีพอย่างแน่นอน และอาจกล่าวได้ว่าภาระหน้าที่ที่ได้รับด้วยความไม่สมัครใจย่อมไม่ต่างอะไรกับการถูกจองจำ
    หากมองอีกด้านหนึ่งกระบวนการการค้นหาคำหรือวลีที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก การแก้ปัญหานั้นสามารถทำได้โดยการหัดจำข้อความหรือคำที่จำได้ง่าย เพราะถ้าหากสิ่งเหล่านั้นคงอยู่ในความทรงจำของผู้แปลแล้วก็จะทำให้ผู้แปลสามารถคิดคำที่เหมาะสมและนำมาใช้ได้อย่างรวดเร็วในครั้งต่อๆ ไป เนื่องจากซอฟท์แวร์ความทรงจำด้านการแปลของมนุษย์ทุกคนมักทำงานเหมือนกัน การจดจำดังกล่าวไม่ได้หมายถึงเพียงแค่การจดจำคำที่ผู้แปลเคยใช้ในอดีตเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงบริบทซึ่งผู้แปลเคยใช้ และหากซอฟท์แวร์ความทรงจำในตัวผู้แปลถูกใช้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งส่งผลดีช่วยให้ผู้แปลสามารถจดจำคำหรือวลีได้มากขึ้นอีกด้วย
    อีกด้านหนึ่ง การสรรหาคำใหม่ๆ ขึ้นมาใช้อาจใช้เวลานาน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความสิ้นเปลืองทั้งด้านระยะเวลาและค่าใช้จ่ายแก่ผู้แปล แต่ในขณะเดียวกันก็ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาลในการช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการช่วยให้ผู้แปลสามารถเลือกใช้คำที่เหมาะสมได้อย่างรวดเร็วในการทำงานครั้งต่อๆ ไป ความจริงด้านการสร้างทักษะความรวดเร็วและความถูกต้องในการเลือกใช้คำของผู้แปลจะช่วยสร้างให้งานผู้แปลมีความเป็นมาตรฐานไม่ใช่แค่เพียงด้านการใช้คำเท่านั้น แต่ยังหมายถึงหลักทางภาษาศาสตร์ ที่เรียกว่า “ทักษะการถ่ายโอน” คือ การแปลงคำจากภาษาหนึ่งไปยังอีกภาษาหนึ่งทำได้ง่ายเหมือนกับความรู้สึกเหมือนได้ท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ผ่านการคุยโทรศัพท์ การวางแผนมื้ออาหาร หรือความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติทางการเงิน เป็นต้น กล่าวได้ว่าเพียงแค่อ่านอย่างคร่าวๆ ผู้แปลก็สามารถแปลความได้อย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว
    และความจริงอีกด้านหนึ่ง คือ สมองของมนุษย์เป็นสิ่งซับซ้อน ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และในบางครั้งอาจทำงานได้ช้า ซึ่งแตกต่างจากเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่อย่างไรก็ตามการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอก็เป็นหนทางที่ดีที่สุดหนทางหนึ่งในการปรับปรุงซอฟท์แวร์ความทรงจำในตัวมนุษย์ได้อย่างดีเช่นกัน

  52. Rattanaporn Saenborisut AE.3-2 ID.51501030082-7 says:

    งานแปลหน้า 175-177
    นักแปลเป็นสื่อ ในคำอื่น ระหว่าง 2 คำในต้นฉบับ ที่มาของข้อความเป็นแสดงถึงหน้าที่ของแหล่งวัฒนธรรมและ(ความต้องการ)จุดมุ่งหมาย ซึ่งผู้เขียนต้องการแสดงหน้าที่ของแหล่งวัฒนธรรม ในที่สุดความต้องการของผู้เขียนจะกำหนดชนิดของข้อความแต่ความต้องการเหล่านั้นต้องกรองก่อนว่าอะไรที่ผู้แปลต้องการจะสื่อในแหล่งวัฒนธรรม หลักจริยธรรมต้องการในการแปล เมื่อนักแปล (หรือบางคน) รู้สึกว่ามีความขัดแย้งมากเกินไป
    หน้าที่ที่เท่าเทียมกันระหว่างแหล่งข้อมูลและข้อความต้นฉบับ ที่เหตุผลของการแปลไม่ปกติ แต่เรื่องที่ยกเว้นจึงเป็นสาเหตุให้เป็นจุดเปลี่ยน คือ จุดกำหนด
    ตั้งแต่นั้นมาข้อความเอิมจะใช้ในแหล่งวัฒนธรรมที่แตกต่างกันและวัฒนธรรมในแต่ละสังได้จากการใช้คำเหล่านั้นมาจาก แหล่งวัฒนธรรมเดิม เป็นสิ่งที่ยากสำหรับการแปลให้หน้าที่ที่เหมือนกัน เพื่อให้เป็นรรมชาติการเปลี่ยนหน้าที่จึงเป็นเรื่องปกติ คำถามที่พบบ่อยคือ หน้าที่ของข้อความเดิมจะเปลี่ยนเป็นข้อความจากแหล่งวัฒนธรรมได้อย่างไร ดังนั้นจึงเป็นคำนิยามของการแปล
    การแปลเป็นการสร้างหน้าที่ของข้อความเดิม การรักษาความสัมพันธ์เกี่ยวกับการให้แหล่งที่มาของข้อความเป็นตัวกำหนดโดยให้ขึ้นอยู่กับความตั้งใจหรือความต้องการใช้ การแปลคือการถ่ายทอดเพราะเป็นการรักษาภาษาและวัฒนธรรมจะไม่มีทางเป็นอุปสรรคได้
    ความสัมพันธ์ : ความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อเป็นการกำหนดให้มีความก้าวหน้าในทุกเวลาและทุกๆ ที่ จะเป็นความสัมพันธ์ที่สังคมมีบทบาทในการตัดสอนใจ
    ความคิดนี้ของการแปลเป็นการควบคุมโดยหน้าที่ของสังคมเพราะในสังคมจริงมีความชัดในการมีบทบาทกับทฤษฎีและการสอนแปลที่ดี
    ขั้นตอนแรก ทฤษฎีการแปลจะต้องชัดเจนและไม่นอกเรื่อง นักทฤษฎีพยายามสร้างความรู้สึกในสังคมเพื่อเป็นตัวควบคุมการแปลไม่ใช่เหตุผลของวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ แต่เพื่อการสอน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแปล) เพื่อให้เข้าใจสังคมมากขึ้น ดังนั้นความรับผิดชอบและหน้าที่ ความรับผิดชอบหมายถึงการดูแลและการตัดสินใจว่าควรทำอย่างไรนสภาวะกดดัน ในการแปลจากทฤษฎีและการแปลจากคำสอนเพื่อให้การแปลและการตัอสินใจดีขึ้น
    และขั้นตอนที่สอง การเป็นนักแปลได้แพร่หลายมากขึ้น พวกเขาพยายามที่จะเข้าใจในงานให้มากขึ้น เช่น ยอมรับการติเตือนเพื่อให้ได้เห็นปัญหาที่แท้จริง นักวิจารณ์จะต้องตรงไปตรงมา ให้ข้อมูลที่เป็นจริง เพื่อที่จะได้นำมาปรับปรุงแก้ไขและพิจารณาไปตามเนื้อเรื่อง มากกว่าการแปลทฤษฎีและครูต้องสร้างทฤษฎีให้กับพวกเขาและศิลปการสอนว่าควรจับประเด็นใหนเป็นเรื่องแรก โดยเริ่มจากการใช้ประสบการณ์และจำใว้เสมอว่าความซับซ้อนไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้น ความซับซ้อนไม่ใช่แค่ที่มาของแนวความคิด ความรู้ ความเข้าใจใหม่ๆ มันเป็นเพียงแค่สิ่งที่อยู่ในทฤษฎี กฏ และการอบรมสามารถช่วยให้เราจับประเด็นและการใช้ได้ การเรียนรู้ของนักเรียน การสอนของครู และการสร้างทฤษฎี เหมือนกับการแปลของนักแปล เป็นสัตย์สังคมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอย่างมากโดยเฉพาะการสื่อสารเป็นสิ่งจำเป็นต้องเป็นคนจริงในสังคมจริง
    การอภิปราย
    อะไรคือความแน่นอน ความมั่นคง การประกันเป็นสิ่งที่สูญหายไปจากหลักฐานข้อมูลทฤษฎีของการแปลจากพื้นฐานการแปลในสังคม สิ่งเหล่านี้สำคัญอย่างไร พวกเราสามารถจัดการอย่างไร ความคิดที่จะอวกอ้างเพื่อที่จะเป็นนักแปลมืออาชีพ การคาดหวังอยาจทำให้รู้สึกดีขึ้น คุณรู้สึกอย่างไร และจะสามารถบอกเกี่ยวกับความรู้สึกนั้นแล้วทำอย่างไร ไม่ว่าวิธีใดในปัจจุบัน ในสังคมของนักแปลต้องยึดหลักการเป็นมืออาชีพ คุณจะได้จากสมาชิกคนอื่นๆ ในสังคม ไม่ว่าพื้นฐานของคุณจะเป็นอย่างไร พยายามจดทุกสิ่งในสังคมที่คุณเป็นส่วนหนึ่ง อธิบายได้ว่าคุณสามารถบอกได้ว่าว่าไหนจบและที่ไหนเริ่ม ค้นหาวิธีเหล่านั้นจากความเป็นตัวตนของคุณ การกระทำ การพูด และการเปลี่ยนแปลง ว่าเมื่อคุณย้ายจากสังคมหนึ่งไปที่อื่นๆ สังคมไหนที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ ทำไม ไม่ว่าวิธีใด การแปลจากทฤษฎี คุณรู้ว่าเป็นการบริการของนักแปล ได้ผลอย่างไรในการบริการ ควรจะแปลทฤษฎีเพื่อที่จะเป็น บริการผู้แปลดีกว่าอย่างไร

  53. Miss Ratchada Senawin says:

    Chapter 2 Internal knowledge = the translator’s view – Page 21- 30

    โดยบางครั้งอาจเชื่อถือได้จากมุมมองของผู้ใช้ที่ดูเป็นไปไม่ได้ ในบางครั้ง บางครั้งก็ ยุ่งยากกับชีวิตส่วนตัวของตัวนักแปล บางครั้งต่อต้านศีลธรรม หลบหนีทางร่างกายและจิตใจ หากความต้องการ ที่เป็นได้ทั้งหมด แค่ในหลายที่หรือแม้แต่ส่วนใหญ่ต้องการนักแปลที่จะภูมิใจวิชาชีพในความเชื่อถือจะแทนที่จากการพิจารณาอื่นๆ และเขาจะอยู่ได้ทั้งคืน ปฏิเสธที่จะออกไปกับเพื่อน หรือแปลข้อความที่เชื่อถือได้ซึ่งเขาพบศีลธรรมหรือทางการเมืองที่น่าเกลียด
    ความภาคภูมิใจในอาชีพความน่าเชื่อถือเป็นเหตุผล ที่เราจะใช้เวลาค้นหาลงคำเดียว อะไรที่เราจะจ่ายเงินสำหรับเวลา ไม่มีอะไรจริง แต่รู้สึกสำคัญ อย่างมหาศาลเพื่อทำสิ่งที่ถูกต้องลงหาคำที่ถูกต้องแน่นอน, การสะกดคำ, สำนวนที่ถูกต้อง ลงทะเบียน ไม่เพียงเพราะลูกค้าคาดหวังว่ามันยังเป็นเพราะถ้าคุณไม่ได้ทำมันอย่างถูกต้อง อาชีพของคุณความภูมิใจแลพึงพอใจในงานของคุณลดลง
    ความเกี่ยวข้องในวิชาชีพ
    มันเป็นเรื่องของความกังวลเล็กน้อย ไม่มีความเกี่ยวข้องกับผู้แปล แต่สิ่งที่ข้อดีในการแปลคือสิ่งที่นักแปล หรือสหภาพที่เราอยู่ในที่ประชุม นักแปลเห็นว่าหลักสูตรใช้เวลาในข้อมูลอย่างไร เรามีนักแปลเครือข่ายอื่นๆ ในภูมิภาค และคู่ภาษาของเราเหล่านี้บางครั้งการมีส่วนร่วมช่วยแปลภาษาที่ดีขึ้นซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ใช้จึงให้ความภาคภูมิใจ ที่เราใช้ในความน่าเชื่อถือ สำคัญอย่างยิ่งอย่างไรก็ตามช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นเกี่ยวกับการแปลพวกเขายกระดับอาชีพ ประเมินค่าของตนเอง ที่มักจะค้ำจุนพวกเราผ่านอารมณ์น่าเบื่อ และซ้ำซากและค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ การอ่านเกี่ยวกับ การแปล, การเรียนการแปล, การพูดคุยกับนักแปลและคนอื่นๆ , การเกี่ยวกับปัญหาและแก้ปัญหาเกี่ยวกับการพูด/เรียนภาษาความต้องการของผู้ใช้, การไม่ชำระหนี้, การเข้าเรียนในวิชาการแปล, การเข้าร่วมการประชุมนักแปล, การรักษากับการพัฒนาเทคโนโลยีในด้านการซื้อและการเรียนรู้การใช้ซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ใหม่นี้ให้เรารู้สึกดีที่เราจะไม่แยกลูกค้าที่รายได้ต่ำ แต่อาชีพอื่นๆ ล้อมรอบด้วยมืออาชีพ ที่แลกเปลี่ยนความวิตกกังวลของเรา การมีส่วนร่วมในอาชีพการงานแปล อาจทำให้เรามีเครื่องมือทางปัญญาและความกล้าหาญในอาชีพที่จะยื่นมืออาชีพความต้องการที่ไม่มีเหตุผล การให้ความรู้ลูกค้าและนายจ้างแทนที่จะส่งอย่างเจียมตัว และปั่นป่วนภายใน มีส่วนร่วมในวิชาชีพให้เราตระหนักถึงผู้แปลที่เราต้องการเท่าที่เราต้องการให้พวกเขามีเงินที่เราต้องการ เรามีทักษะที่พวกเขาต้องการ และเราจะขายทักษะที่พวกเขาไม่ได้อย่างเวทนา อย่างยอมจำนน ทั้งหมดในวาระนี้มาจากตำแหน่งของความเชื่อมั่นและความเป็นมืออาชีพ
    หลักจริยธรรม
    จริยธรรม วิชาชีพการแปลมีแบบแผนกำหนดไว้อย่างแคบๆ จะผิดจรรยาบรรณสำหรับนักแปลที่บิดเบือนความหมายของล่งที่มาเดิม ที่เราได้เห็นความคิดของจริยธรรมแปลนี้คือไกลจนแคบเกินไป แม้จะมาจากมุมมองของผู้ใช้มีหลายกรณีเมื่อแปลเมื่อถามอย่างชัดเจนเพื่อบิดเบือนความหมายของแหล่งที่มาข้อความในรูปแบบเฉพาะตามแบบฉบับปรับเปลี่ยนข้อความสำหรับโทรทัศน์, หนังสือเด็กหรือแคมเปญโฆษณา
    จากมุมมองของนักแปลจริยธรรมของการแปลมีความซับซ้อนมากขึ้น เป็นนักแปลที่จะทำสิ่งที่นักแปลจะทำว่าจะแปลข้อความที่เขาหาไม่พอใจหรือไม่ หรือ จะแตกต่างกันอย่างไรจะดำเนินการแปลเมื่ออาชีพของจรรยาบรรณ (ให้คนจ่ายในการแปล) ปะทะกับจริยธรรมส่วนตัว (ทางการเมืองและคุณธรรม) สิ่งใดที่จะแปลเมื่อ ขอให้แปลข้อความ Neo – Nazi สิ่งที่จะอนุรักษ์ทำเมื่อถามแปลแคมเปญโฆษณาสำหรับ เคมีที่ขาดความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
    เท่าที่คิดเกี่ยวกับการแปลได้ถูกครอบงำทั้งหมดโดยภายนอก (ไม่ได้แปล) มุมมองเหล่านี้ยังคงไม่ได้รับคำถามที่ยังไม่ได้ถามแน่นอนว่าได้รับความไม่สะดวกถ้าจะตามแปลข้อความใดๆ เขาขอให้แปลและไม่ให้ในทางที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้การแปล แปลได้ไม่เป็นมุมมองที่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับ การกระทำของการแปล
    จากมุมมองในตัวของผู้ดู แต่คำถามเหล่านี้จะต้องถามผู้แปลเป็นมนุษย์ที่มีความคิดเห็นทัศนคติความเชื่อและความรู้สึกนักแปลที่แปลประจำต้องแปลข้อความที่พวกเขาอาจไม่ชอบ และไม่อาจจะระงับความรู้สึกนั้นได้ และความไม่ชอบนั้นจะกินเวลาเป็นกี่สัปดาห์หรือเดือนอาจะเป็นปี แต่ไม่สามารถที่จะบิดบังความรู้สึกเชิงลบนั้นตลอดไปได้ เช่น ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดต้องการมีความรู้สึกภาคภูมิใจในสิ่งที่พวกเขาทำแต่ถ้าปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างจริยธรรมส่วนบุคคลและการกำหนดจริยธรรม อาชีพภายนอกซึ่งทำให้ยากหรือไม่สามารถที่จะรู้สึกภาคภูมิใจที่พวกเขาจะได้รับ ในที่สุดพวกเขาจะไม่เป็นธรรมชาติเหมือนกันกันกับการการแสดงในการตัดสินใจเกี่ยวกับสถานที่และภายใต้เงื่อนไข ที่พวกเขาต้องการทำงาน
    จริยธรรมได้ได้เริ่มแทะกัดกินในใจเธอ ใครที่พูดภาษาอังกฤษเป็นอะไรที่น่าสนใจ ดังนั้นในสิ่งที่คนบราซิลเขียนเกี่ยวกับการสูบบุหรี่และสมบูรณ์เท่ากับจ่ายเงินทั้งหมดของเธอที่มี ทุกอย่างในภาษาอังกฤษและแน่นอนบุคคลหรือกลุ่มนี้ไม่ได้เป็นเพียงความสนใจในบราซิล แน่นอนเธอเป็นหนึ่งในหลายร้อยของนักแปลทั่วโลกหนึ่งในแต่ละประเทศ โดยการว่าจ้างจากหน่วยงานท้องถิ่นในการแปลทุกอย่างที่เขียนที่สูบบุหรี่ ในประเทศของตนเองด้วย ซึ่งผู้ใช้สามารถคนหนึ่งในบริษัท บุหรี่ขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาหรืออังกฤษ เธอเริ่มให้ความสนใจใกล้ชิดและโดยจากการอ่านระหว่างบรรทัดเป็นที่สุดที่สามารถระบุ ว่าคณะกรรมการมาจากบริษัทยาสูบที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่บนความรับผิดชอบในการทำลายพันไร่ของป่าฝน อเมซอน สำหรับการอบแห้งใบยาสูบ องค์กร Neocolonialist ที่มีกระจัดกระจายไม่เพียงแต่ระบบนิเวศของป่าฝน แต่เศรษฐกิจของอินเดีย จริยธรรมของเธอค่อยๆเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจการทำงานของเธอ เธอเป็นหลักช่วยให้ บริษัท ยาสูบที่ใหญ่ที่สุดในโลดสืบในฝ่ายค้าน
    หนึ่งสัปดาห์แล้ว หนังสือเล่มเล็กๆ จำนวน 60 หน้า ส่งมาถึงเธอ ผู้เขียนที่เป็นคนบราซิล ที่ต่อต้านกลุ่มที่สูบบุหรี่จัด มีการวิจัยและการเขียนงานมหัศจรรย์ มันเป็นความสุขในการแปล มันจะสิ้นสุด ในวันที่ร้องขอให้การสนับสนุนรายละเอียดหลายวิธีที่อุตสาหกรรมยาสูบในกลุ่มที่ต่อสู้นี้มามีกำไรมากกว่ารายได้ของเธอ ไม่เพียงแต่จะช่วยเผยแพร่งานวิจัยการพูดอังกฤษ ในโลกขายหนังสือเล่มเล็กแบบพกพานี่เองเป็นช่องทางให้ให้พวกเขามีความต้องการ ในการหาแหล่งที่มาของเงินทุน
    และการแปลขึ้นเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อนำไปสู่เส้นทางใหม่โดยที่จะกระทบจริยธรรมของพวกเขาเป็นเหมือนกับการทำงานของพวกเขาเท่ากับนักแปล Quebecoise แปล Susanne Lotbiniere – Harwood (1991) ผู้ที่เชื่อในลัทธิของผู้หญิง ได้ยกตัวอย่างว่า การทำงานนั้นจะไม่ใช้เวลาในการแปลเท่าผู้ชาย ความกดดันที่มากเกินไปของผู้ชาย ทำให้เธอเลือกปฏิเสธที่จะเลือกมาร่วมงานด้วย ในการแปลวรรณกรรมของเธอทำงานโดยผู้หญิงเธอทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยในการสร้างภาษาผู้หญิงเป็นศูนย์กลางในเป้าหมายของวัฒนธรรมอีกด้วยใน นักเขียน Suzanne ซึ่งโค่นล้ม Jill เลวีน (1992) บอกเราว่าในการแปลของเธอเกี่ยวกับการมีอคติทางเพศอย่างชัดเจน ผู้เขียนชายคน ละติน อเมริกัน ที่เธอทำงาน มักจะเห็นด้วยกับการทำงานร่วมกันได้ของผู้เขียนเอง เพื่อทำลายการต่อต้านการมีอคติทางเพศ
    ในความหมายกว้างภายในของจริยธรรมแป็นความขัดแย้งอย่างสูง สำหรับนักแปลส่วนมากก็คิดไม่ถึงทำอะไรที่อาจะเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของบุคคลหรือ กลุ่มบุคคลที่จ่ายเงินสำหรับการแปล (กรรมมาธิการการแปล หรือ ริเริ่ม) สำหรับนักแปลคนอื่นๆ ภาษาอื่นๆได้แสดงความคิดอย่างเต็มที่

  54. Choppunut Sangthongdee English 3-2 says:

    สร้างทฤษฎี พวกเขาย้ายจากความซับซ้อนทำให้งงของคำจริงในเสถียรภาพความสัมพันธ์ของการทำให้เป็นแบบอย่างในอุดมคติและนามธรรม ของแผนผังที่อ้างสิทธิถึงการครอบคลุมทุกอย่างและบางครั้งภาษษที่เข้าใจยากนั้นคล้ายกับมาจากดาวอังคาร แต่เพราะพวกเขาเองเป็นนักแปลมืออาชีพที่มีทฤษฎีกิดขึ้นจากการปฎิบัติของพวกเขาเองจากประสบการณ์อุปนัย พวกเขายังคงภักดีกับความซับซ้อนของการปฎิบัติ ดังนั้นในขณะที่แบบแผนกฎสำคัญมากมันจะอธิบายเพียงวิธีการที่เครือข่ายสังคมรอบการปฎิบัติงานของนักแปลพวกเขาต้องเตือนผู้อ่านว่าสิ่งนี้ไม่ได้ง่ายทั้งหมดเลยทีเดียว หรือมันเป็นสมมุติฐานเสริมที่แตกต่างกันในบางครั้ง

    ภาพประกอบที่ดีของสมมุติฐานที่อยู่เบื้องหลังวิธีการดำเนินการคือ การวิเคราะห์ข้อความจาก Christiane Nord’s book หนังสือในการแปล(1991) แปลภาษาอังกฤษของตัวเองก่อนภาษาเยอรมัน หนังสือ Textanalyse และ อุซเบกิสถาน (1988). Nord เป็นประโยชน์ง่ายต่อการสรุปประเด็นหลักของการปฎิบัติหน้าที่หรือการกระทำ ในบทแรกของเธอในการวิเคราะห์และแผนภาพและตัวอย่างในบทที่มีสาระสำคัญสรุปพิมพ์เป็นอักษรตัวหนาขนาดใหญ่ และมีอยู่ในกล่องขอให้ใช้คำแถลงเหล่านี้เพื่อแนะนำการเข้าถึงของหน้าที่ที่นี้

    วัฒนธรรมการเป็นอยู่เกี่ยวกับภาษาศาสตร์ทั้งแหล่งข้อมูลและข้อความเป้าหมายเป็นที่แน่นอนโดยสถานการณ์การสื่อสารที่พวกเขาทำหน้าที่ในการถ่ายทอดข้อความ

    ความหมาย : ต้นฉบับเดิมทั้งหมดไม่เป็นเพียงแค่การแปลจะถูกกำหนดโดยสถานการณ์การสื่อสารที่ไม่เป็นไปตามนามธรรมสากลที่ควบคุมการเขียนหรือการพูด มันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น จึงกล่าวว่าข้อความที่เท่ากันนั้นหรือมันควรที่จะเป็นกฎเกณ์ให้คำจำกัดความของการแปลที่ดี หรือนั้นเป็นประเภทเดียวของความเท่ากันเท่านั้น เป็นหนึ่งเดียวเท่านั้นที่การแปลทั้งหมดยอมรับได้

    การเริ่มต้นขั้นแรกกระบวนการการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม เพราะเขาต้องการใช้เครื่องมือการสื่อสารโดยเฉพาะข้อความเป้าหมาย

    กลุ่มทฤษฎีนี้เป็นกลุ่มแรกที่เริ่มการพูดและการเขียนของการริเริ่มหรือกรรมาธิการ ผู้ที่ต้องการข้อความเป้าหมายและขอให้ใครบางคนสร้าง ที่คนนั้นอยู่และผลกระทบต่อกระบวนการและธรรมชาติของการแปลนั้น ควรที่จะทำให้ชัดเจน แต่ไม่มีใครให้ความสำคัญและความตั้งใจกับทฤษฎีนี้เพียงให้ความสำคัญในทฤษฎีเดิมแหล่งที่มาของผู้เขียน นักแปลและเป้าหมายของผู้อ่านแหล่งที่มาของผู้เขียนและเป้าหมายของผู้อ่านเป็นจินตนาการบางประเภทที่พยายามมีอำนาจอิทธิพลอยู่เหนือนักแปล โดยไม่มีการไกล่เกลี่ยของคำแท้ผู้คนซึ่งผยู่ในความจริงที่มีอิทธิพลความคิดต่อโทรศัพท์,โทรสาร,ข้อความอีเมลและการชำระเงิน

    การปฎิบัติของข้อความเป้าหมายไม่ได้มาถึงโดยอัตโนมัติจากการวิเคราะห์ของข้อความที่มา แต่มีการกำหนดอย่างจริงจังโดยวัตถุประสงค์ของการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน

    ความหมาย : 1. การแปลนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อบริการการปฎิบัติของสังคมหรือการปฎิบัติการ
    2. การปฎิบัติการนี้ ไม่เหมือนกับนามธรรมต้นฉบับเดิม เช่น การปฎิบัติเชิงสำนวน หรือ การปฎิบัติให้ความรู้แต่การกระทำมากกว่าต้นฉบับออกแบบบริบทให้เข้ากับผู้คนที่จะใช้ในสังคม
    3. การปฎิบัติการนี้ไม่สามารถกำหนดในลักษณะมั่นคงหรือถาวรแต่ต้องตกลงกันใหม่อย่างจริงจังในทุก ๆ บริบทใหม่ของการสื่อสารและ 4. เป็นแนวทางในการเจรจาวัตถุประสงค์(skopos) การสื่อสารระหว่างวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ผู้คนที่หลากหลายหวังที่จะบรรรลุผลและผ่านมันไปได้

    การรับของนักแปล เช่นวิธีการที่เขาจะได้รับข้อความ จะพิจารณาจากความต้องการสื่อสารของผู้เริ่มหรือข้อความเป้าหมายผู้รับ

    ความหมาย : นักแปลอ่านข้อความเมื่อล่ามได้ยินข้อความที่ไม่แน่นนอนในบางประสบการณ์ทัศนคติของข้อความอัตสังขารไม่เกี่ยวกับคติอนาธิปไตยบริสุทธิ์ แต่เป็นแนวทางโดยหวังว่าผู้คนที่ต้องการการแปล

    นักแปลไม่ได้ส่งแหล่งที่มาของข้อมูลแต่สร้างข้อความในวัฒนธรรมเป้าหมายที่บางคนนำมาให้บางคนมีเป้าหมายที่จะสร้างเครื่องมือการสื่อสารเพื่อกลุ่มเป้าหมายวัฒนธรรม หรือ เอกสารเป้าหมายวัฒนธรรมของแหล่งที่มาการสื่อสารทางวัฒนธรรม

    ความหมาย : นักแปลเป็นเครื่องมือที่ไม่ใช่ต้นบับเดิมของผู้เขียน จะถือว่าบ่อยกว่าในทฤษฎี แต่เป้าหมายวัฒนธรรมนั้นมีสังคมอำนาจกล่าวคือ ผู้คนทำงานร่วมกันในวัฒนธรรมเป้าหมายผู้ที่ต้องการสร้างการสื่อสารทางด้านวัฒนธรรมและปัจจุบันนักแปลกับงานเฉพาะในความพึงพอใจของความต้องการเหล่านั้น แหล่งข้อมูลมาเสมอเพื่อที่นักแปลนำมาซึ่งความมีรูปร่างที่มีขอบเขตก่อนตีความ โดยจัดเป้าหมายวัฒนธรรมที่ซับซ้อน

    ข้อความที่เป็นการสื่อสารที่สามารถเข้าใจได้โดยรวมหมายถึงการพูดหรือไม่พูด

    ข้อความที่ไม่ว่าจะเป็นวัตถุคงที่ที่สามารถศึกษาในสภาพห้องปฎิบัติการและอธิบายวัตถุประสงค์ที่เชื่อถือได้ เป็นการกระทำทางสังคมและเข้าร่วมหลากหลายสถานการณ์ของการกระทำดังกล่าวทั้งหมด ใช้เวลาในการบังคับการกระทำที่ไม่เพียงแต่ที่ผ่านคำผ่านน้ำเสียง พูดเป็นหรืออ่านออกเสียงแสดงลักษณะท่าทางและสำนวน ภาพประกอบรูป,โลโก้บริษัท ฯลฯ โดยสัญลักษณ์เดียวกันและแหล่งข้อความที่พบโดยนักแปลในหนังสือหรือสำนักงานทันตแพทย์จะแตกต่างจากทางโทรสาร หรือ อีเมล แปลโดยลูกค้าหรือตัวแทนแม้ว่าคำเหมือนการกระทำกริยาการส่งข้อความที่แปลโดยวิธีอิเล็กทรอนิกส์หรือการเปลี่ยนแปลงการสื่อสาร

    การรับข้อความนั้นขึ้นอยู่กับความคาดหวังของบุคคลผู้ซึ่งถูกกำหนดโดยสถานการณ์ที่เขาได้รับข้อความเท่าที่จะเป็นไปได้โดยพื้นฐานสังคมของเขา ความรู้ของเขาหรือความต้องการสื่อสารของเขา

    หรือ Nord(1991:16) glosses นี้ ความตั้งใจของผู้ส่งและความคาดหวังของผู้รับอาจจะเหมือนกัน แต่ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันหรือแม้จะเข้ากันได้ มากกว่า ผู้ใช้ทุกคนไม่แปล (คณะกรรมการผู้รับ) แม้คาดว่าให้ตรงหรือสามารถเข้ากันได้บางส่วน แต่นี้อยู่ไกลจากความต้องการที่หมาะแน่นอนสำหรับการแปลที่มีต่อทฤษฎีแบบดังเดิมได้ทำให้มันออกไปทั้งหมด

    โดยรูปแบบที่ครอบคลุมการวิเคราะห์ข้อความที่คำนึงถึงภายในต้นฉบับของข้อความ เป็นปัจจัยข้างนอกต้นฉบับเดิมที่แปล สามารถยอมรับการปฎิบัติการวัฒนรรม ของแหล่งข้อความ เขาเปรียบเทียบนี้ด้วยในอนาคต การปฎิบัติการวัฒนธรรมของข้อความเป้าหมายตามริเริ่มในการระบุและแยกออกปัจจัยสำคัญเหล่านั้นซึ่งจะต้องรักษาหรือดัดแปลงในการแปล

    ผู้จัดการไม่สามารถคาดเดาว่าการทำงานในหลายด้านนำไปสู่การทำงานเป็นทีมได้อย่างดี จะผลิตสิ่งที่ต้องการได้อย่างดี

  55. น้ำฝน นันทวงศ์ says:

    โชคไม่ดีที่ดิฉันยังสามารถดูบริษัทด้านการบริการหลายแห่ง ที่ติดตามเส้นทางที่ เป็นเส้นทางที่ เอชอาร์ เก็บหลักบันทึกขั้นพื้นฐานและปฏิบัติตามกฎหมาย ในบริษัทเหล่านี้ดิฉันคาดหวังในอนาคตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ห้อมล้อมด้วยการขาดแคลนพนักงาน ปัญหาด้านกฎหมาย รายได้ลดลง และล้มละลายในที่สุด ดิฉันเพียงไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงมองไม่เห็น ดิฉันท้าทายผู้นำด้านงานบริการเหล่านั้นที่จะแสดงความกล้าหาญในการสร้างแผนกเอชอาร์ ที่ที่ผู้คนมีความสำคัญ การเปลี่ยนจากสิ่งที่สามารถจะเป็น (ตรงข้ามกับสิ่งที่พวกเขาเป็น) ดิฉันท้าทายผู้นำเหล่านี้ที่จินตนาการถึงพวกเด็กๆ ที่เขาว่าจ้าง ดิฉันไม่ได้หมายถึงเด็กเล็กในร้านอาหารหรู, คลับ, และโรงแรมผู้ที่ใช้งานด้านการบริการ ที่ส่งผ่านไปยังสิ่งที่ดีกว่า ดิฉันหมายถึงทางเลือกของคุณเองที่คิดว่าเด็กที่เป็นลูกจ้างผู้ที่ไม่มีทางเลือกอื่นใด บางทีแล้วคุณเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการทรัพยากรมนุษย์
    สาเหตุและผลกระทบต่อของจำนวนลูกจ้างที่เข้ามาและออกไปในอุตสาหกรรมการบริการ
    Carl D. Riegel
    จำนวนลูกจ้างที่เข้ามาและออกไป ได้เป็นปัญหาแพร่หลายสำหรับอุตสาหกรรมการบริการ มีหลักฐานเล็ก ๆ น้อย มากมายแนะนำว่าอัตราการหมุนเวียนของพนักงานสามารถสูงถึง 200 หรือ 300 เปอร์เซ็นต์ในตำแหน่งพนักงานทั่วไปและการหมุนเวียนการจัดการอย่างน้อยในระดับการดำเนินงานสามารถเข้าใกล้ 100 เปอร์เซ็นต์ในบางองค์กร ในขณะที่ความสำคัญของการหมุนเวียนของพนักงานเป็นปัญหาสำหรับอุตสาหกรรมของเราได้ค่อนข้างคลุมเครือ โดยภาวะถดถอยในช่วงต้นและกลางปี 1990 ก็ถูกย้ายไปอยู่แถวหน้าของการจ้างงานเต็มอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
    อัตราการว่างงานที่ต่ำแสดงสามท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมนี้ อันดับแรกจำนวนแรงงานในตลาดเป้าหมายสำหรับงานบริการกำลังลดลง นี้น่าจะยังคงเป็นวิธีการที่มีหลายปีมานี้ อันดับที่สองเว้นแต่อุตสาหกรรมนี้สามารนำเสนอโอกาสทางความก้าวหน้าและความรับผิดชอบก็จะยังคงดึงดูดขอบเขตที่สำคัญ พนักงานชั่วคราว นั้นคือพนักงานจะดูการทำงานในอุตสาหกรรมเป็นสิ่งที่ต้องทำในขณะที่พวกเขาเตรียมที่จะทำสิ่งอื่นหรือในขณะที่ รอ “สิ่งที่ดีกว่า” ที่จะมาพร้อมกัน แต่จำนวนเวลาของการเขียน “สิ่งทีดีกว่า” ที่สามารพบได้โดยพรสวรรค์ ผู้คนที่ไม่พอใจการทำงานในอุตสาหกรรมนี้ สุดท้ายแม้จะพยายามเปลื่ยนภาพของมันเอง อุตสาหกรรมมักมองว่า “นายจ้างเป็นที่พึ่งพิงสุดท้าย” มากกว่า การชักชวนอยู่มาก “ทางเลือกของนายจ้าง” แม้ว่าการรับรู้นี้อาจไม่สมควร จะกระทำการขาดแคลนของเรงงานในปัจจุบันยิ่งแย่ สำหรับอุตสาหกรรมบริการต่าง ๆ อุตสาหกรรมประเภทอื่น ๆ ของการจ้างงาน สำหรับเขตข้อมูลอื่น ๆ ของงาน สำหรับอุตสาหกรรม เช่นงานด้านการบริการ จำนวนของพนักงานที่เข้ามาและออกไป เป็นปัญหาร้ายแรงที่ทำให้ขาดแคลนจำนวนบุคลากรที่มีอยู่แย่ลงและยังสามารถโต้เถียงได้ว่าในการหมุนเวียนของพนักงานบางกรณีมีอาการของโรคองค์กรที่ร้ายกาจ เรียกว่า “โรคร้าย” ที่สำคัญกว่านี้ แม้ว่าการค้นคว้าเมื่อเร็ว มากนี้ ได้ก่อตั้งการเชื่อมโยงระหว่างความพึงพอใจของพนักงานเหนือผลกำไรกำไรทั้งหมด

  56. anusara intasara says:

    แปลงาน 1 แผ่น

    การส่งเสริมระบบทีม
    ถ้าการจัดตั้งองค์กรต้องตัดสินใจลงมือปฏิบัติงานเป็นทีม อะไรที่จำเป็นสำหรับการตัดสินใจ และ เป็นหนทางนำไปสู่ความสำเร็จ การวิจัยและการจัดการมีหลายเหตุผลเกี่ยวกับการส่งเสริมระบบทีม
    การทำงานร่วมกันและสิ่งแวดล้อม
    ระบบทีมไม่ได้เป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับสิ่งรอบข้างเสมอไปสำหรับงานแต่ละชนิดหรือสำหรับลูกจ้างทุกคน ขึ้นอยู่กับการจัดการแนวทางในระบบใหม่ เช่นระบบกลุ่มงานท่องเที่ยวที่รวดเร็วที่เข้ามาแทนสังคมธุรกิจมากกว่ารอบสุดท้ายใน 10 ปี การ จัดการแบบชั้นสูงที่สโมสรในสหรัฐอเมริกาและการเร่งเร้าในการตีพิมพ์ของการตรวจสอบลักษณะทางการบัญชีที่มีการทำงานเป็นทีม ประมาณ 50 % ของระบบทีมทุก ๆ ทีมที่ล้มเหลวมีการเตรียมแก้ปัญหาและปฏิบัติดังเช่นผู้เชี่ยวชาญและสามารถแก้ปัญหามันได้
    ถ้ามี 1 สิ่งที่เราเคยเรียนรู้มัน มันไม่ใช่แรงขับเคลื่อนที่จะนำไปสู่ความยุ่งเหยิงและจะกลับกลายมาราบรื่น
    กลุ่มนั้นเกิดขึ้นมาจากการขับเคลื่อนของความสัมพันธ์ที่มาจากหนึ่งความสัมพันธ์เดี่ยวทั้งสมาชิกในกลุ่มและสิ่งแวดล้อมของกลุ่มที่ทำงาน
    หัวหน้าทีมและระบบการจัดการ
    ความเข้าใจผิดเบื้องต้นสำหรับผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าที่มีอำนาจมีรูปแบบในการเชื่อมโยงกับผู้คนในขณะที่ผู้ปฏิบัติงานยังมีความรู้สึกรักษาสิ่งเหล่านั้นไว้ เกี่ยวกับงานรวมไปถึงหัวหน้างานด้วย
    อำนาจของผู้นำคือใครคนหนึ่งผู้ซึ้งใช่อำนาจของเขาบังคับ หรือตัดสินใจสิ่งต่าง ๆ อีกในหนึ่งในการเชื่อมโยงทั้งผู้นำและผู้ตามที่จะมีการตัดสินใจร่วมกันเป็นไปตามกระบวนการ
    ทุกๆ คนในกลุ่มมีโอกาสที่จะเสนอคำพูด เมื่อผู้จัดการมีกาสอบถามคณะกรรมการเพื่อร่วมการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายราคาค่าห้องสำหรับปีถัดไปและเมื่อมีการออกเสียงในบรรทัดฐาน นั้นจะกำหนด ผู้ซึ่งเจาะจงได้รับพื้นที่ในบริเวณห้องอาหาร หัวหน้างานและการตัดสินใจเป็นการนำไปสู่การปฏิบัติ ทุกๆ การตัดสินใจสามารถทำได้จากพื้นฐานภายใต้ความเด็ดขาด
    มันไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไปสำหรับอำนาจของผู้นำที่จะใช้เชื่อมโยงกับคนน้อยกว่า ครอบครัวคือความสมบูรณ์ เช่น ความเมตตา กรุณา ความเด็ดขาด
    อีกนัยหนึ่งเป็นไปได้สำหรับผู้นำที่จะเชื่อมโยงกับผู้ตามของเขาเพื่อการตัดสินใจ มันเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนว่าอะไรเป็นรูปแบบที่แน่นอนสำหรับการตัดสินใจในการจัดการกับกลุ่มเพื่อให้งานดีขึ้น

    กลุ่มและผลงานของความเหนื่อยยากจากการทำงาน
    ความเข้าใจผิดขั้นพื้นฐานเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายสำหรับการจัดการ มันคือสิ่งที่ดีสำหรับคนที่เป็นลูกจ้างที่เป็นมากกว่าสินค้า ในอีก 1 คำ การปฏิบัติหน้าที่หรือความพอใจในสิ่งแวดล้อมของการทำงานเป็นสิ่งที่เป็นสาเหตุของความยากลำบากต่อการทำงาน นั่งไม่ใช่สิ่งเดียวที่ถูกและไม่ใช่ความถูกต้องสำหรับระบบทีมเสมอไป
    Langfred and Shanley ค้นพบความสามัคคีในกลุ่มสมาชิก ซึ่ง มัน เป็นระดับหนึ่งของการทำงานของสมาชิกที่ระบุหรือรับประกันคุณภาพงานในครอบครัวของงานบริการ
    อย่างไรก็ตามเพียงแค่ส่วนหนึ่งของภาพลักษณ์ของงานขึ้นอยู่กับความร่วมมือของลูกจ้างมากกว่าตัวหัวหน้างานเอง

  57. anusara intasara says:

    นางสาว อนุสรา อินทสระ
    ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล 3-1
    Working ( intduction )
    สิ่งที่สำคัญในการทำวิจัยคือการจินตนาการและความคิดสร้างสรรรค์ในตัวเองซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นวิชาชีพของผู้เขียนเพื่อที่จะเพิ่มพูนประสบการณ์จริงในความหลากหลายของการทำงานหรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบฉบับเดิมที่มาจากหนังสือ บทความ และการสนทนากับผู้ที่ปฎิบัติงานในสาขาหรือวิชาชีพอื่นๆ
    มากกว่า 1 หรือ 2 เทคนิคของนักแปลที่มีประสบการณ์ได้ให้เกี่ยวกับสถานที่ที่เชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้องกับภาษาเฉพาะกลุ่มซึ่งจะช่วยให้แปลได้อยู่ในขอบเขตของภาษา
    การแบ่งแยกจินตนาการ ตัวอย่างเช่น ประสบการณ์ที่เกี่ยวกับการทำงานสามารถช่วยให้ผู้แปลแปลภาษาได้
    ถึงแม้ว่าคุณได้ลงมือทำงานในสถานที่จริงแต่มันก็แค่ระยะเวลาหนึ่งอาจจะทำให้ความจำของคุณในอนาคตอาจจะเลือนรางไปได้
    ในอนาคตผู้แปลภาษาควรจะมีการมองการไกลในการเขียน Terminological 5-10 หน้า เพื่อช่วยในการจำในอนาคตต่อๆ ไป
    เมื่อพวกเขาต้องจำคำศัพท์เหล่านี้สำหรับการแปล คุณต้องเปิด Dictionary หรือค้นหา temium ของคุณ หรือผ่านทาง on-line และตรวจสอบจากฐานข้อมูลที่มี หรือมัอาจจะเกิดจากการแปลจากด้านขวาไปยังอีกทางหนึ่งก็ได้ วิธีนี้อาจจะทำให้คุณจำมันได้เพราะคุณได้ทดลองหรือใช้มัน
    1. หรือว่าถ้าคุณโชคไม่ดี ( และจุดจุดนั้นเป็นจุดที่คุณให้ความสนใจกับมัน) ห้ามใช้ dictionary หรือหาข้อมูลจากทางon-line ข้อมูลที่มากจากพื้นฐานของบุคคลเป็นอีก 1 ทางเลือกสำหรับคุณซึ่งหมายความว่าความนึกคิดหรือความจำของคุณจะนึกขึ้นมาได้ลาง ๆ ทำให้คุณจำมันได้
    ทำอย่างไรจะกระตุ้นความจำของคุณได้ ความเป็นจริงสิ่งเหล่านั้นอาจจะไม่ได้หายไป การชำเลืองตาของคุณต้องมั่นคง ความแข็งแรงของความคิดของคุณต้องหนักแน่น คุณจะต้องรู้จักสังเกต นี้ไม่ใช้เพียงแค่การทำงาน และจะบังคับสิ่งนั้นออกมาได้ มันคือหนทางที่ดีกว่า คุณควรจะคิดถึงประสบการณ์การทำงานของคุณซึ่งจะเกี่ยวข้องกับคำคำนั้น ควรจะปล่อยใจให้เป็นอิสระมากกว่ายึดติดกับตัวบุคคลที่คุณเคยทำงานด้วย และอย่างอื่นอีกมากมายก็ตาม ให้คุณลืมเกี่ยวกับความจำเป็นที่จะต้องรู้จักกับคำคำนั้น เปลี่ยนสิ่งเหล่านั้น

    หน้า 130
    ถ้ารายงานของคุณเป็นภาพลักษณ์หรือความคิดที่รัดกุมและแน่นอนแพทย์จะเรียนรู้จากความเหน็ดเหนื่อยทั้งหมดที่เกิดขึ้น จะรายงานผลที่ออกมาแบบเท่าเทียมกัน นั่นคืออำนาจของความสงบ แม้ว่ามันจะสั้นก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญอาจจะระบุว่าคุณคิดอย่างไร คุณรู้สึกอย่างไร และมีประสบการณ์เพียงพอระหว่างที่คิดถึงการแปลในขณะที่ถูกตรวจสอบอยู่หรือไม่ การรายงานผลจะออกมาเป็นรูปแบบเป้าหมายของภาษา
    ในการแปลอีกครั้งมันควรจะแปลไปหรือคิดไปโดยปราศจากคำพูดซึ่งนักแปลไม่แน่นอนว่าทางการแพทย์จะได้เสียงในกลุ่มเป้าหมายของถาษาที่ถูกต้องที่จะต้องมีกระบวนการความคิดที่ตรวจสอบแน่นอนว่าย่อมจะไม่มีผิดพลาด ในความไม่เป็นมืออาชีพหรือจากสถานที่ทำงานเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงข้อเสียที่ไม่ดีในการรายงานผล

  58. kesorn roopprom English 3-2 says:

    บทที่11 หน้า 220-222
    พวกเขามองหาช่องว่างเพื่อที่จะเติมลงไปในรายการของพวกเขาหรือไม่ก็เพิ่มรายการที่มีอยู่แล้วจนล้นเพราะรู้ว่าสักวันหนึ่งพวกเขาอาจจะต้องการทุกคำที่พวกเขาเคยเก็บไว้ รายการเหล่านี้บางครั้งมีวิธีเก็บไว้ในฐานข้อมูลลูกค้าส่วนบุคคลและนิติบุคคลสำหรับการเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้และเป็นกระบวนการที่ต้องมีแรงจูงใจที่จำเป็นของประสบการที่สั่งสมเกี่ยวกับความหมายของคำที่นักแปลใช้เมื่อ คือ เมื่อหม้อแปลงไฟฟ้าดับพวกเขาก็ต้องไปที่คู่มือ แต่ก็มีอื่นๆที่ดีอีกมากมายรวมทั้ง : รายการทางจิตใจของหลักการทางจริยธรรม (“ฉันควรแก้ไขเรื่องนี้หรือไม่”)(“ฉันควรแจ้งหน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่”) การปฏิบัติทางธุรกิจที่ดี(“ฉันไม่สามารถทำงานอันนี้ให้เสร็จตามกำหนด ฉันควรทำอะไรหรือไม่”) “ฉันต้องการค่าใช้จ่ายเพิ่มสำหรับเรื่องนี้ แต่ว่ามากเท่าไหร่และฉันต้องเสนอเรื่องนี้ยังไง” ความเชื่อต่างๆทางศีลธรรม(“ฉันต้องการแปลเรื่องนี้ได้หรือไม่ เรื่อง ผู้ผลิตแขน บริษัทยาสูบ กลุ่มสมาชิลัทธินาซี”) และอื่นๆ ในแต่ละกรณี เป็นปัญหาเฉพาะหน้าของนักแปลที่มีความซับซ้อนมากเกินที่จะจัดการโดย การท่องจำ การใช้จิตใต้สำนึก การวิพากวิจารณ์ ดังนั้นพวกเขาจึงนำเข้าในความสำนึกเกี่ยวกับโหมดวิเคราะห์และเริ่มมองกลับมาผ่าชั้นการจูงใจของ ประสบการณ์ของพวกเขา แบบสำรวจ การเปรียบเทียบและความขัดแย้ง และก็จะนำไปสู่การเข้าใจแบบชัดเจนของตัวพวกเขาเอง ในบางกรณีสำหรับครั้งแรก หลัการดูเหมือนจะออกมาจากลักษณะประจำ
    การเลือกการแปลที่รู้สึกว่าถูกต้อง
    ท้ายที่สุดแน่นอนจะต้องตัดสินใจเลือก ภาษาเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างไม่มีขอบเขตสำหรับนักแปล และบ่อยมากที่พวกเขาจะต้องกังวลกับปัญหาในแต่วัน แต่ละสัปดาห์ หรือบางทีอาจจะตลอดไปก็ได้จะโชคดีหรือโชคร้ายขึ้นอยู่กับลูกค้าหรือหน่วยงานว่าพอใจที่จะรอเป็นเวลานานหรือเปล่า และอาจจะมีบางประเด็นที่พวกเขาต้องหยุดกระบวนการคิดวิเคราะห์และพูดว่า ดีพอแล้ว เพียงแค่นั้นพวกเขาก็จะรู้สึกสบายใจและสามารถแปลงานต่อได้ สำหรับบางหัวข้อที่ค่อนข้างจะมีการวิเคราะห์ด้วยเหตุผล อาจจะเกิดความสับสนระหว่างความแน่นอนและความไม่แน่นอนที่ต้องนำมาmix กัน (คำนี้ดูเหมือนจะเป็นคำที่ดีแล้วบางที่อาจเป็นคำที่ถูกต้อง)และความสงสัย(แต่ฉันไม่รู้ว่ามีคำที่ดีกว่าคำนี้ไหม)ในขณะนั้นอาจเป็นการตัดสินใจที่ชัดเจน มันไม่จำเป็นต้องperfect เป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้าย เพราะว่าบางทีผู้แปลจะต้องกลับมาเปลี่ยนในภายหลัง
    การเลือกการแปลที่ถูกต้องไม่ได้เป็นการชี้ขาดในกระบวนการแปลทั้งหมด ในการทำงานของนักแปลแน่นอนว่าจะต้องถูกแก้ไขโดยคนอื่น แต่มันเป็นการชี้ขาดสำหรับการฝึกความชำนาญ การทำงานคนเดียว ความรู้สึกที่ถูกต้อง ของนักแปลมันนำไปสู่ทักษะและความรู้ที่เป็นprofessional ของเธอและของเขาเอง
    แต่มันอยู่ในความรู้สึก ลางสังหรณ์ สัญชาติญาณ การแปลความหมายความรู้สึกว่าถูก หรือ มันเป็นความรู้สึกที่ถูกส่งออกมา มันเกิดจากการตัดสินใจจากหลายๆๆ เหตุผลโดยใช้มาตรฐานเดียวกัน ทำได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีการวิเคราะห์ ไตร่ตรอง บางครั้งเกิดจากความพยายาม ที่เต็มไปด้วยจิตสำนึก ตรวจสอบความเชื่อถือได้ และสมเหตุสมผล แต่ทั้งหมดได้ตอบกลับมาว่า สามารถทำได้
    ความแตกต่างระหว่างนักแปลที่ดีกับนักแปลสามัญนั้นต่างกัน ในคำศัพท์อื่นๆๆนั้น ตอนแรกแปลอย่างระมัดระวัง มีสติ วิเคราะห์ ข้อความเกิดจากความเชื่อใจในสัญชาตญาณและข้อมูลดิบ ทั้งนักแปลที่ดีและนักแปลสามัญนั้นจะต้องมีการวิเคาระห์ การใช้สัญชาตญาณ บนจิตสำนึก และมีการตื่นตัว ความแตกต่างของนักแปลที่ดีคือมีการฝึกฝนมากกว่านักแปลสามัญ มากด้วยประสบการณ์แล้วส่งผลให้มีความฉลาด
    อีกอย่างมันไม่เกิดจากการเทรนเพียงอย่างเดียว นักแปลที่ดีจะต้องมีการเรียนรู้ที่ยาวนาน รู้ถึงวัฒนธรรม รู้ศัพท์และวลีเยอะๆๆ ทำให้มากประสบการณ์ มีการวางแผน มีวิธีแก้ปัญหาที่หลากหลาย การแปลเป็นกิจกรรมที่ฉลาด การเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นการเรียนรู้
    เมื่อเข้าใจความหมายทั้งหมดนั้น พวกเราก็เหมาะที่จะเป็นนักแปล
    การอธิบาย
    1 .นักแปลมีการวางแผนการทำงานอย่างไร ? เป็นคนที่มีความคิดที่ลื่นไหลตลอด หรือเป็นคนที่มีความน่าเชื่อถือน้อยในสถานที่ต่างๆ ถ้าอย่างนั้น นักแปลควรจะทำอย่าไร เมื่อรู้สึกว่ามันไม่ต่อเนื่อง มุมองของนักแปลไม่ควรมีขีดจำกัด อะไรเป็นข้อกำหนดขอบเขตของนักแปล

    2. นักแปลมีกระบวนการวิเคราะห์อย่างไร นักแปลมีข้อระมัดระวังอย่างไร ทำงานได้อย่างรวดเร็วหรือมีการกระตุ้นน้อยมาก และมีการปรับปรุงความรู้สึก ให้ช้า และมีการวิเคราะห์ มีการปรับปรุงวิธีการและเข้าใจถึงปัญหา

    แบบฝึกหัด

    แปลข้อความเหล่านี้ให้เป็นภาษาที่ต้องการ ในขณะที่คุณกำลังแปลข้อความอยู่นั้น ถ้าคุณมีอาการง่วง ให้คุณผ่อนคลาย โดยการ สูดหายใจเป็นจังหวะๆๆ ฟังเพลง แล้วคุณก็หยิบเสื้อมาสวมที่ตัวคุณ
    ใส่กระดุมเสื้อโดยเอามือทั้งสองของคุณจับที่ด้านหน้า ทั้งสองด้าน และเอาทับกัน เริ่มใส่กระดุมจากข้างล่าง ขยับมือขึ้นด้านบนเสื้อและด้านล่างของกระดุม และมืออีกด้าน จับที่รูกระดุม แล้วใส่กระดุมลงในรูกระดุม ขยับมือขึ้นมาใส่กระดุมที่ถัดขึ้นมา ใส่กระดุมเรื่อยๆๆ และก็ขยับเสื้อ ใส่กระดุมเพียงหนึ่งตัวต่อครั้ง จนกระทั่งคุณได้อ่าน เกี่ยวกับลำดับขั้นตอน ถ้าคุณชอบ อนุญาติให้ใส่กระดุมถึงตัวบนสุด
    เกิดอะไรขึ้น เมื่อคุณเข้าใจในปัญหา “จนกระทั่งคุณได้อ่าน เกี่ยวกับลำดับขั้น “ คุณทำอะไร คุณรู้สึกอย่างไรในขณะที่คุณกำลังง่วงและขณะที่เริ่มต้นวิเคราะห์ แล้วคุณจะรู้สึกว่ามันแตกต่างกันอย่างไร
    suggestions for further reading
    Anderman, Rogers, and del Valle (2003), Chesterman and Wagner (2001),
    Fuller (1973), Jones (1997), Kraszewski (1998), Mossop (2001), Picken Fuller (1973), Jones (1997), Kraszewski (1998), Mossop (2001), Picken. (1989), Sofer (2000), TirkkonenCondit and Jääskeläinen (2000), Wilss (1989), Sofer (2000), TirkkonenCondit and Jääskeläinen (2000), Wilss. (1996)

  59. kesorn roopprom English 3-2 says:

    บทที่ 11 208-210

    ผู้แปลสารนั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งส่วนประกอบต่างๆหรือข้อมูลที่ดีพร้อม พวกเขาสั่งสมประสบการเพื่อให้งานเกิดความถูกต้อง อันที่จริงแล้วสิ่งที่จะต้องสร้างให้เป็นนิสัยของนักแปลมืออาชีพคือ การรับรู้โดยสัญชาตญาณ เมื่อไหร่ก็ตามเมื่อปัญหาที่เคยเจอหรือไม่เคยเจอก็ตาม จะกระตุ้นให้กระบวนการนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและลดขั้นตอนลง
    อันที่จริงแล้วข้ออ้างต่างๆอยู่ในหนังสือเล่มนี้ ความสำคัญของการวิเคราะห์อาจว่าได้ว่า ถ้าการแปลถูกถ่ายทอด ความสำคัญของการวิเคราะห์ก็ถูกถ่ายทอดเช่นเดียวกัน

    ข้อสำคัญของการวิเคราะห์
    ความสามารถในการวิเคราะห์สารโดยภาษา วัฒนธรรม หรือแม้แต่ ประวัติศาสตร์และการเมือง ล้วนแต่เป็นองค์ประกอบสำคัญของผู้ส่งสาร
    -อย่าทึกทักว่าคุณเข้าใจสารนั้นดีแล้ว
    -อย่าทึกทักว่าสารนั้นให้รายละเอียดเพียงพอที่จะให้คุณแปลสารนั้น
    -พึงระลึกประเภทของสาร,จำแนก,บันทึก และระบบเชิงโวหาร
    -พึงระลึกระบบโครงสร้างและความเกี่ยวพันของสารนั้น ให้แน่ใจว่าคุณรู้รายละเอียดว่าพูดถึงอะไรและไม่พูดถึงอะไร และมีนัยยะอะไร
    -พึงระลึกถึงโครงสร้างความสัมพันธ์และหลักความเป็นจริงระหว่างแหล่งภาษาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อปรากฏอยู่บนแหล่งข้อมูลเฉพาะและจุดมุ่งหมาย ดังนั้นคุณควรรู้ว่าแต่ละภาษาอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้
    -พึงให้ความสนใจอย่างยิ่งกับจุดมุ่งหมายของการแปล ถูกถามว่าอะไร โดยใครและเพื่อใคร ทำไม และวิเคราะห์ความต้องการของผู้รับสาร หากไม่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับสารให้ถามหากไม่รู้ ให้ผู้แปลใช้วิจารณญาณในการวิเคราะห์ผู้รับสาร
    หลักการเหล่านี้จะต้องถ่ายทอดเพราะว่าไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ สำหรับความพยายามของผู้แปลมือใหม่ครั้งแรกนั้นไม่ค่อยคำนึงถึงหลุมพรางที่แอบแฝงอยู่ในนั้นและอาจสร้างข้อผิดพลาดได้ เมื่อแปลภาษาที่เราคุ้นเคยดีแล้วเรามักจะนึกว่าเราเข้าใจสารดี คำที่ปรากฏก็แสนจะง่ายดายและไม่ได้สร้างปัญหาว่ากำลังพูดถึงอะไร ทำอะไรในสารนั้น มันเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่จะคิดว่าภาษาไหนก็มีโครงสร้างคล้ายๆๆกัน ดังนั้นจึงยึดหลักหน้าที่การเรียงประโยคของคำอย่างคร่าวๆจะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการแปล
    การสันนิฐานเป็นเรื่องธรรมชาติเป็นสิ่งที่ผิดและผู้แปลที่มีประสบการณ์ควรจะต้องระวังสิ่งนี้ ซึ่งบางครั้งไม่สามารถหลีกเลี่ยง เนื่องจากกระบวนการนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจะต้องได้รับการฝึกฝนจากผู้เชี่ยวชาญหรือข้อแนะนำของการแปล
    จะพัฒนาความเร็วขึ้นถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้ อาจกล่าวได้ว่า ผู้แปลที่มีประสบการณ์จะค่อยๆเพิ่มทักษะขึ้นกับงานที่ทำขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับว่าผู้แปลมืออาชีพไม่ค่อยจะพึ่งข้อมูลข้อสันนิฐานทางวัฒนธรรมเพราะเกิดขึ้นได้โดยอัตโนมัติและรวดเร็วกระบวนการวิเคราะห์ที่สอนในหลักสูตรส่วนใหญ่นั้นจะไม่ใช่ความคิดในหมู่ผู้แปลมืออาชีพเพราะสิ่งเหล่านี้กลายเป็นนิสัยของพวกเขา และนี้คือ หลักที่จำเป็นของมืออาชีพช่วยสอนนักเรียนเกี่ยวกับกระบานการวิเคราะห์ ขัดเกลาพวกเขาทำโดยไม่รู้ตัวเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ความรวดเร็วคล้ายมืออาชีพก็ไม่ไปไหน
    ในขณะเดียวความสำคัญของการวิเคราะห์โดยมีสติที่จะขาดไม่ได้ การรับรู้สารนั้นเองอัตโนมัติจะเกิดขึ้นเมื่อ สารไม่ได้สร้างปัญหากับผู้แปล เมื่อผู้แปลมีความสามารถเท่ามืออาชีพ กระบวนการนี้จะเกิดไม่ได้เมื่อสารสร้างปัญหา และเมื่อผู้แปลมีความรู้ความสามารถเพียงพอกับการที่ได้รับมอบหมาย ในส่วนข้อมูลบรรยายในบทที่4 กระบวนการแปลอย่างมืออาชีพ โดยสัญชาตญาณจนกว่าปัญหานั้นจะถูกค้นพบกับตัวผู้แปลหรือจนกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นผู้แปลเจอมาก่อนวิธีแก้ไขปัญหาก็จะง่ายขึ้น การแปลก็จะง่ายและรวดเร็วขึ้น
    ผู้แปลที่มีประสบการณ์น้อยพวกเขามักจะทำงานด้วยระบบแบบมีสติจะทำให้งานช้าลงด้วย แต่สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์มากนั้นจะไม่ประสบปัญหานี้ พวกเขาแทบจะไม่พลาด หรือถ้าพลาดก็จะกลับมาแก้ไขภายหลังได้และจะไม่เกิดขึ้นอีก บางทีผู้แปลที่มีประสบการณ์จะลดขั้นตอนและกระบวนการ การนึกถึงแค่เฉพาะโครงสร้างของการวิเคราะห์และถ่ายโอนข้อมูลอย่างไม่มีปัญหาเพราะพวกเขานึกแต่ความเร็วเท่านั้นหรืออยากให้สารนั้นคงความหมายเดิมตามความต้องการของผู้แปล
    เปรียบเทียบเมื่อคุณขับรถไปในถนนเส้นที่คุณรู้จักดีอย่างเช่นแถวบ้านหรือที่ทำงาน สติของเราไม่ต้องวางแผนร่างกายจะจดจำทุกแยกที่เคยผ่าน ขับรถอยู่ในเลน รักษาระยะกับรถคันหน้า รับรู้ว่าไฟไหนควรเบรก หรือสัญญาณไฟกระพริบตอนไหนมันจะยากแค่ไหนถ้าเราเบรกขึ้นหรือลดเกียร์โดยใช้สติตลอดเวลา วิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นแบบไม่ปกติและตัดสินใจอะไรเหมาะสม นี่คือระบบความคิดที่เรียกว่า Reticular activation หรือ Alarm bell

    • kwanklao malulee English 3-2 says:

      บทที่ 11 208-210

      ผู้แปลสารนั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งส่วนประกอบต่างๆหรือข้อมูลที่ดีพร้อม พวกเขาสั่งสมประสบการเพื่อให้งานเกิดความถูกต้อง อันที่จริงแล้วสิ่งที่จะต้องสร้างให้เป็นนิสัยของนักแปลมืออาชีพคือ การรับรู้โดยสัญชาตญาณ เมื่อไหร่ก็ตามเมื่อปัญหาที่เคยเจอหรือไม่เคยเจอก็ตาม จะกระตุ้นให้กระบวนการนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและลดขั้นตอนลง
      อันที่จริงแล้วข้ออ้างต่างๆอยู่ในหนังสือเล่มนี้ ความสำคัญของการวิเคราะห์อาจว่าได้ว่า ถ้าการแปลถูกถ่ายทอด ความสำคัญของการวิเคราะห์ก็ถูกถ่ายทอดเช่นเดียวกัน

      ข้อสำคัญของการวิเคราะห์
      ความสามารถในการวิเคราะห์สารโดยภาษา วัฒนธรรม หรือแม้แต่ ประวัติศาสตร์และการเมือง ล้วนแต่เป็นองค์ประกอบสำคัญของผู้ส่งสาร
      -อย่าทึกทักว่าคุณเข้าใจสารนั้นดีแล้ว
      -อย่าทึกทักว่าสารนั้นให้รายละเอียดเพียงพอที่จะให้คุณแปลสารนั้น
      -พึงระลึกประเภทของสาร,จำแนก,บันทึก และระบบเชิงโวหาร
      -พึงระลึกระบบโครงสร้างและความเกี่ยวพันของสารนั้น ให้แน่ใจว่าคุณรู้รายละเอียดว่าพูดถึงอะไรและไม่พูดถึงอะไร และมีนัยยะอะไร
      -พึงระลึกถึงโครงสร้างความสัมพันธ์และหลักความเป็นจริงระหว่างแหล่งภาษาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อปรากฏอยู่บนแหล่งข้อมูลเฉพาะและจุดมุ่งหมาย ดังนั้นคุณควรรู้ว่าแต่ละภาษาอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้
      -พึงให้ความสนใจอย่างยิ่งกับจุดมุ่งหมายของการแปล ถูกถามว่าอะไร โดยใครและเพื่อใคร ทำไม และวิเคราะห์ความต้องการของผู้รับสาร หากไม่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับสารให้ถามหากไม่รู้ ให้ผู้แปลใช้วิจารณญาณในการวิเคราะห์ผู้รับสาร
      หลักการเหล่านี้จะต้องถ่ายทอดเพราะว่าไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ สำหรับความพยายามของผู้แปลมือใหม่ครั้งแรกนั้นไม่ค่อยคำนึงถึงหลุมพรางที่แอบแฝงอยู่ในนั้นและอาจสร้างข้อผิดพลาดได้ เมื่อแปลภาษาที่เราคุ้นเคยดีแล้วเรามักจะนึกว่าเราเข้าใจสารดี คำที่ปรากฏก็แสนจะง่ายดายและไม่ได้สร้างปัญหาว่ากำลังพูดถึงอะไร ทำอะไรในสารนั้น มันเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่จะคิดว่าภาษาไหนก็มีโครงสร้างคล้ายๆๆกัน ดังนั้นจึงยึดหลักหน้าที่การเรียงประโยคของคำอย่างคร่าวๆจะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการแปล
      การสันนิฐานเป็นเรื่องธรรมชาติเป็นสิ่งที่ผิดและผู้แปลที่มีประสบการณ์ควรจะต้องระวังสิ่งนี้ ซึ่งบางครั้งไม่สามารถหลีกเลี่ยง เนื่องจากกระบวนการนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจะต้องได้รับการฝึกฝนจากผู้เชี่ยวชาญหรือข้อแนะนำของการแปล
      จะพัฒนาความเร็วขึ้นถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้ อาจกล่าวได้ว่า ผู้แปลที่มีประสบการณ์จะค่อยๆเพิ่มทักษะขึ้นกับงานที่ทำขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับว่าผู้แปลมืออาชีพไม่ค่อยจะพึ่งข้อมูลข้อสันนิฐานทางวัฒนธรรมเพราะเกิดขึ้นได้โดยอัตโนมัติและรวดเร็วกระบวนการวิเคราะห์ที่สอนในหลักสูตรส่วนใหญ่นั้นจะไม่ใช่ความคิดในหมู่ผู้แปลมืออาชีพเพราะสิ่งเหล่านี้กลายเป็นนิสัยของพวกเขา และนี้คือ หลักที่จำเป็นของมืออาชีพช่วยสอนนักเรียนเกี่ยวกับกระบานการวิเคราะห์ ขัดเกลาพวกเขาทำโดยไม่รู้ตัวเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ความรวดเร็วคล้ายมืออาชีพก็ไม่ไปไหน
      ในขณะเดียวความสำคัญของการวิเคราะห์โดยมีสติที่จะขาดไม่ได้ การรับรู้สารนั้นเองอัตโนมัติจะเกิดขึ้นเมื่อ สารไม่ได้สร้างปัญหากับผู้แปล เมื่อผู้แปลมีความสามารถเท่ามืออาชีพ กระบวนการนี้จะเกิดไม่ได้เมื่อสารสร้างปัญหา และเมื่อผู้แปลมีความรู้ความสามารถเพียงพอกับการที่ได้รับมอบหมาย ในส่วนข้อมูลบรรยายในบทที่4 กระบวนการแปลอย่างมืออาชีพ โดยสัญชาตญาณจนกว่าปัญหานั้นจะถูกค้นพบกับตัวผู้แปลหรือจนกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นผู้แปลเจอมาก่อนวิธีแก้ไขปัญหาก็จะง่ายขึ้น การแปลก็จะง่ายและรวดเร็วขึ้น
      ผู้แปลที่มีประสบการณ์น้อยพวกเขามักจะทำงานด้วยระบบแบบมีสติจะทำให้งานช้าลงด้วย แต่สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์มากนั้นจะไม่ประสบปัญหานี้ พวกเขาแทบจะไม่พลาด หรือถ้าพลาดก็จะกลับมาแก้ไขภายหลังได้และจะไม่เกิดขึ้นอีก บางทีผู้แปลที่มีประสบการณ์จะลดขั้นตอนและกระบวนการ การนึกถึงแค่เฉพาะโครงสร้างของการวิเคราะห์และถ่ายโอนข้อมูลอย่างไม่มีปัญหาเพราะพวกเขานึกแต่ความเร็วเท่านั้นหรืออยากให้สารนั้นคงความหมายเดิมตามความต้องการของผู้แปล
      เปรียบเทียบเมื่อคุณขับรถไปในถนนเส้นที่คุณรู้จักดีอย่างเช่นแถวบ้านหรือที่ทำงาน สติของเราไม่ต้องวางแผนร่างกายจะจดจำทุกแยกที่เคยผ่าน ขับรถอยู่ในเลน รักษาระยะกับรถคันหน้า รับรู้ว่าไฟไหนควรเบรก หรือสัญญาณไฟกระพริบตอนไหนมันจะยากแค่ไหนถ้าเราเบรกขึ้นหรือลดเกียร์โดยใช้สติตลอดเวลา วิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นแบบไม่ปกติและตัดสินใจอะไรเหมาะสม นี่คือระบบความคิดที่เรียกว่า Reticular activation หรือ Alarm bell

  60. Wannapa Sae-Heng says:

    The Bell

    มีคนพูดกันว่า “ตอนเย็นจะมีเสียงระฆัง ดวงอาทิตย์กำลังตั้งค่า” สำหรับเสียงมหัศจรรย์ที่ได้ยินในถนนแคบของเมืองใหญ่ มันเป็นเหมือนเสียงระฆังที่โบสถ์ แต่ก็ได้ยินเพียงครู่หนึ่งล้อของรถม้าและเสียงของฝูงที่ดังมากเกินไป

    ผู้คนกำลังเดินอยู่นอกเมืองที่บ้านไกลห่างกับสวนเล็กน้อยระหว่างทางพวกเขาได้มองท้องฟ้าตอนเย็นและได้ยินเสียงระฆังที่ดังชัดมากขึ้น มันเหมือนกับว่าเสียงมาจากคริสตจักรในป่ายังคง มี คนมอง thitherward และรู้ว่าจิตของพวกเขาสุดเคร่งขรึม

    เวลาผ่านไปและคนพูดกัน “ฉันสงสัยว่ามีโบสถ์ไม้หรือระฆังเสียงที่มหัศจรรย์ให้เราเดินไปที่นั่นและตรวจสอบ และคนรวยขับรถออก แต่วิธีการที่แปลกของพวกเขาและเมื่อพวกเขามาถึงกอ Willows ที่ขยายตัวในป่า เขานั่งลงและมองขึ้นไปที่สูง พวกนี้ความลึกของไม้สีเขียว ที่แขวนระฆังขาของเขาเป็นสัญญาณหรือเครื่องประดับ แต่มีลูกตุ้มระฆัง เมื่อทุกคนกลับบ้านพวกเขาได้บอกว่า โรแมนติกมากและมันค่อนข้างแตกต่างกันเรียงลำดับของ มีสามคนที่อ้างว่าพวกเขาเจาะปลายป่าและที่พวกเขาได้ยินเสียงของระฆัง มีแต่พวกเขา ก็ดูเหมือนจะเป็นถ้ามันได้มาจากเมือง หนึ่ง ทั้งหมดเกี่ยวกับมันและกล่าวว่าเสียงระฆัง เช่นเสียงของแม่ที่รักเด็กและที่เสียงไม่ได้หวานกว่าเสียงของระฆัง กษัตริย์ของเขายังสังเกตและสาบานว่าผู้ที่ได้ค้นพบเสียงนั้นเสียงที่ดำเนินการควรมีชื่อของ”คนสั่น Universal Bell ที่”แม้ว่าจะไม่ได้เสียงระฆังจิงๆ

    หลายคนตอนนี้ หาประโยชน์ในการรับสถานที่ เฉพาะประเภทคำอธิบาย สำหรับใครที่ไปไม่ไกลกว่าคนอื่นไม่มาก เขาบอกว่าเสียงจากในโพรงไม้ การจัดเรียงของนกฮูกที่เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ว่าเสียงมาจากหัวหรือจากโพรงไม้ของเขาที่ไม่มีใครสามารถพูดด้วยความแน่ใจ ดังนั้นเขาได้สถานที่”สั่น Universal Bell และเขียนข้อความสั้นในนก

    เป็นวันที่พระคริสต์ได้พูดและสัมผัสเด็กที่ได้รับการยืนยัน มันเป็นวันที่เป็นเหตุการณ์สำคัญสำหรับพวกเขาจากพวกเขาจนกลายเป็นเด็กทั้งหมดเติบโตในวัยเดียวกัน เหมือนเสียงวิญญาณของเด็ก พวกเขาขณะนี้เข้าใจมากขึ้นพร้อมกันเป็นคน ดวงอาทิตย์ได้ส่องแสงเฉิดฉาย เด็กที่ได้รับการยืนยันไปจากเมืองและจากไม้ การเกิดพวกเขาเสียงของระฆังทราบด้วยความชัดเจนสวยงาม พวกเขาทั้งหมดจะต้องไปที่นั่น ทั้งหมดยกเว้นสาม หนึ่งในนั้นได้กลับบ้านจะลองลูกชุด มันเป็นเพียงชุดและลูกที่เกิดมาเธอได้รับการยืนยันครั้งนี้เพื่อมิฉะนั้นเธอจะไม่ได้มา ส่วนเเด็กยากจนที่ ได้ยืมเสื้อและรองเท้าของเขาได้รับการอนุญาติจากบุตรของเจ้าของโรงแรมและเขาเพื่อให้พวกเขากลับ ที่สามกล่าวว่าเขาไม่เคยไปสถานที่แปลกถ้าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ไปกับเขา

    มีสามจึงว่าไม่ได้ไป ที่รีบ shone ดวงอาทิตย์นกร้องเพลงและเด็กร้องเพลงนานเกินไปและแต่ละครั้งอีกด้วย แต่พวกเขาไม่มีใครเด่นกว่าใคร มีคะแนนเท่ากันทั้งหมดในสายตาของพระเจ้า

    แต่สองคนสุดท้องเติบโตเร็ว ทั้งสองกลับมาเมือง สองสาวน้อยนั่งลง จึงไม่ได้ไปทั้งสองและเมื่อผู้อื่นถึง Willow พวกเขากล่าวว่า “ขณะนี้เรากำลังมี ความจริงของระฆัง เพียงแฟนซีที่คนที่เป็นหัวหน้าของพวกเขาคือ!

    ในขณะเดียวกันระฆังเป่าลึกข้างใน ไม้ล้างเพื่อและตั้งใจจริงที่ห้าหรือหกมุ่งมั่นที่จะเจาะค่อนข้างเพิ่มเติม มันหนา ใบหนาแน่นมันค่อนข้างดำเนินการยาก เพื่อที่ก้อนหินขนาดใหญ่วาง รกด้วยตะไคร่น้ำของทุกสีของบ่อน้ำพุ มีฟองออกมาและมีเสียงแปลก gurgling

    หลังจากนั้นพวกเขามาถึงบ้านเล็ก ๆ ที่ทำจากกิ่งและเปลือกไม้ ขนาดใหญ่ของแอ๊ปเปิ้ล ต้นไม้ป่า
    มันเป็นสิ่งที่คนเคยได้ยิน ใช่ทุกคนเป็นเอกฉันท์ในเรื่อง ยกเว้นหนึ่งที่กล่าวว่ามันเป็นระฆังขนาดเล็กเกินไปและดีเกินกว่าจะได้ยิน ดังนั้นระยะทางจากมันแตกต่างกันมากเสียงที่ได้ยินจากหัวใจของมนุษย์ข้างใน

    พวกนี้ให้เขาไป แต่เขายังคงได้ยินเสียงระฆัง และตอนนี้เมื่อลมพัด เขายังสามารถได้ยินเสียงร้อง คนนั่งที่ร้านขายลูกกวาดชาที่มีเต็นท์ของเขา แต่ลึกของเสียงระฆัง มันราวกับเป็นส่วนประกอบนั้นเสียงมาจากมือซ้าย ด้านในให้เกิดเสียง เมื่อได้ยิน bushes และเด็กผู้ชายยืนอยู่ก่อนพระบุตรเพื่อว่าจะได้เห็นสิ่งที่ข้อมือเขา ทั้งรู้กัน เด็กผู้ชายในเด็กที่ไม่ได้มาเพราะเขากลับบ้านกลับเสื้อและรองเท้าให้ลูกชายเจ้าของโรงแรมของเขา เขาได้ทำและได้ตอนนี้เกิดขึ้นในรองเท้าไม้และในชุดต่ำต้อยของเขาเพื่อระฆังเป่าให้ลึกด้วยเสียงและมีอำนาจดังกล่าวแปลกที่เขาจะต้องดำเนินการ

    ทำไมเราจะไปกันพระบุตรกล่าวว่า แต่เด็กยากจนที่ได้รับการยืนยันละอายมากเขามองที่รองเท้าไม้ของเขาที่ดึงแขนสั้นของเสื้อของเขาและกล่าวว่าเขากลัวเขาไม่สามารถเดินได้เร็ว นอกจากเขาคิดว่าระฆังจะต้อง ดูไปทางขวา สำหรับที่สถานที่ทุกประเภทเป็นสิ่งสวยงามที่จะพบ

    แต่มีเราจะไม่พบพระบุตรสัปหงกในเวลาเดียวกันกับเด็กยากจนที่มืดที่สุด, ส่วนหนาของไม้ที่หนามดึงชุดอ่อนน้อมถ่อมตนของเขาและรอยขีดข่วนใบหน้าและมือของเขาและกล่าวว่า เท้าพระบุตรมีรอยขีดข่วนบางเกินไป แต่ แสงอาทิตย์บนเส้นทางของเขาและเป็นเขาที่เราจะไปสำหรับเขาเป็นเยาวชนที่ดีและมั่นคง

    แต่เมื่อเขาไปโดยท้อใจและลึกเป็นไม้ที่มีดอกสวยงามมากที่สุดเพิ่มขึ้น มีลิลลี่สีขาวแข็งแรงเลือดแดง ดอกทิวลิป ซึ่ง แสงโบกในลมและต้นไม้ แอปเปิ้ลใหญ่ดังนั้นเพียงคิดว่าต้นไม้จะต้องมีแดดเขียวอร่อยที่สุดที่กวางกำลังเล่นในสนามหญ้าเติบโต Oaks งดงาม และหากเปลือกหนึ่งของต้นไม้ที่แตกมีหญ้าและพืช ยาวขยายตัว และมีทะเลสาบใหญ่อยู่ที่นั่นสงบเกินไปที่ swans ขาวได้ว่ายน้ำและตีอากาศด้วยปีกของพวกเขา พระบุตรมักจะยืนนิ่งและฟัง เขาคิดว่าระฆังเป่าจากป่าลึก แต่แล้วเขากล่าวอีกว่าเสียงจากการดำเนินการไม่ได้มี แต่ไกลออกจากออกลึกของป่า

    ดวงอาทิตย์ตั้ง เริ่มขึ้นอากาศอุ่นเช่นไฟก็ยังอยู่ในป่าจึงยังคงมากและเขาก้มคุกเข่าร้องแซ่ซ้องเย็นของเขาและกล่าวว่าฉันไม่สามารถหาสิ่งที่ฉันขอ; ดวงอาทิตย์กำลังจะลงและคืนจะมา — ดำมืด คืน . แต่บางทีฉันอาจจะอีกครั้งเพื่อดูรอบดวงสีแดงก่อนที่เขาทั้งหมดหายไป . ฉันจะปีนขึ้นหิน

    และรากของต้นไม้ และเขาได้รับประชุมสุดยอดอาทิตย์ก่อนได้ไปลงทีเดียว งดงามการได้เห็นจากความสูงทะเล ความยาวชองคลื่นชายฝั่ง ได้ยืดออกไปก่อนเขา และที่โน่นที่ทะเลและท้องฟ้าตรง ดวงอาทิตย์เช่นแท่นบูชาส่องแสงขนาดใหญ่ทั้งหมดละลายสี และไม้ทะเลร้องเพลงของดีใจและหัวใจของเขาร้องเพลงด้วยเหลือ ธรรมชาติทั้งหมดเป็นโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์กว้างใหญ่ที่ต้นไม้และเมฆลอยตัวเป็นเสาดอกหญ้าปูพรมกำมะหยี่และสวรรค์ตัวเอง สีแดงเหนือจางไปที่ดวงอาทิตย์หายไป และพรสวรรค์และไม้และทางทะเลเมื่อในขณะเดียวกันมาโดยเส้นทาง ไปทางขวาโดยปรากฏในรองเท้าไม้เสื้อและได้ให้เด็กยากจนที่ได้รับการยืนยันกับเขา เขาตามเส้นทางของตัวเองและถึงจุดทันทีที่บุตรของกษัตริย์ที่ได้ทำ พวกเขาวิ่งต่อกันและอยู่ร่วมกันจับมือกันในคริสตจักรกว้างใหญ่ของธรรมชาติและของกวีนิพนธ์ในขณะที่มากกว่าพวกเขาเป่าระฆังศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็น สุราจำเริญ รอยรอบและยกเสียงในคำอุทานสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าดีใจ

    ห้องสมุด » Hans Christian Andersen : Read more Brave

    Wannapa Sae-Heng A.E 3-1 No.1

  61. Umpika Chanta says:

    หน้า 156-158 บทที่ 8 ภาษา

    Page 156

    การคาดล่วงหน้ายอมให้นักแปลหรือคนที่รู้หลายภาษาวิเคราะห์คำมากกว่าต้องเดาที่ผู้คนจริงๆ ที่พูดด้วยความไม่ตั้งใจหรือเดา แต่คำนี้ทำอย่างไร รูปแบบที่ชัดเจนรวมถึงอะไร
    มันควบคุมการตัดสินใจของผู้พูดจริงๆและของนักได้ยินอย่างแท้จริงไหม หรือมันควบคุมเฉพาะที่เป็นพวกเขาด้วย “เห็นคุณค่า” หรือคือ ”รู้สึกไวเพื่อ” รูปแบบภาษาที่เด่นชัดของพวกเขาตระเตรียมสำหรับสถานะคำแนะนำแล้วหรือยัง
    ในประโยค” ข้างบนกล่าวแนะนำสิ่งนั้น เมื่อต้องการ สัญญาณที่ชัดเจนของสถานะคำแนะนำสามารถถูกใช้ในภาษาโดยการเขียน ” อะไรคือกรณีจำนวนหนึ่งในสัญญาณที่ชัดเจนเหล่านี้ว่าถูกต้องการ เมื่อไหร่สัญญาณเช่นนั้นไม่ถูกต้องการ ผู้พูด/นักเขียนจะตัดสินใจอย่างไรเมื่อมีสัญญาณว่าถูกต้องการ และต้องการใช้พวกเขา ถ้าสัญญาณว่าไม่ใช่ปัจจุบัน สิ่งนั้นหมายความว่าผู้พูด/นักเขียนได้ตัดสินใจไหมว่าพวกเขาไม่ถูกต้องการ และไม่ได้ใช้พวกเขา หรือมันหมายความว่าผู้พูด/นักเขียนไม่รู้ตัว ไม่ได้คาดซึ่งพวกเขาถูกต้องการอย่างง่ายๆไหม อีกนัยหนึ่ง Bakerกำลังกระตุ้นให้เราจินตนาการตัวของเราเองเป็นผู้พูด/นักเขียนและเพื่อทำโน้มน้าวจิตใจ การตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้สัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับสถานะคำแนะนำ
    ถ้าเป็นเช่นนั้น การสนับสนุนเดียวกันเพื่อสมัครสู่นักแปลจะดีไหม นักแปลควรเผชิญยกตัวอย่างเช่นข้อความซึ่งสัญญาณสถานะคำแนะนำชัดเจนไม่ได้ถูกใช้ ถ้าเช่นนั้นส่งสัญญาณตัวของเธอเองหรือตัวของเขาเองในข้อความเป้าหมาย หรือBakerกำลังคุยเกี่ยวกับบางสิ่งนอกจาก”ต้องการ” อรรถาธิบายเนื้อความสำหรับสัญญาณเช่นนั้น ประโยคสามารถถูกอธิบายเพื่อหมายถึงบางสิ่งที่เหมือนกันได้ไหม
    “ข้างบนกล่าวแนะนำสิ่งนั้น เมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงบ่อยๆมากมายใหญ่โตของภาษาบริบทตามความเป็นจริงที่ใช้ คนที่รู้หลายภาษาสามารถสืบหาสัญญาณชัดเจนของสถานะคำแนะนำในภาษาโดยการเขียน”วิธีของการสร้างของBaker ประโยคนี้คือการเปลี่ยนแปลงเหตุผลจากการเปลี่ยนแปลงบ่อยๆอรรถาธิบายเนื้อความชีวิตจริงๆไหม มีแนวโน้มเพื่อทำการวิเคราะห์ภาษาศาสตร์ยากหรือเป็นไปไม่ได้ไหม เพื่อชนิดของสภาพแวดล้อมภาษาศาสตร์ที่ควบคุม ซึ่งการตัดสินใจวิเคราะห์แยกแยะเกี่ยวกับเหตุผลที่สามารถและต้องถูกทำ
    เมื่อ Baker เขียน “สิ่งนี้คือ แน่นอนล่ะ ง่ายกว่าบอกกว่าทำเพราะว่า เคราะห์ร้าย มีไม่มากนักที่ได้ถูก
    บรรลุในวิธีของการระบุสัญญาณของสถานะคำแนะนำในภาษาต่างๆ “ซึ่งคือ “นักแสดงชาย” หรือ “ตัวแทน” ข้างหลังคำกริยาอยู่เฉยๆ “ทำ” “บอก” และ “บรรลุ” พวกเขาคือบุคคลเดียวกันไหม พวกเขาคือชนิดของบุคคลเดียวกันไหม เธอคาดหวังนักแปลไหม ยกตัวอย่างเช่น เพื่ออาศัยอยู่ 3 ตำแหน่ง ทั้งหมด “การพูด” ซึ่งนักแปลคนนั้นควรอ่านรูปแบบที่เด่นชัดสถานะคำแนะนำอย่างสามารถ “ทำ” มัน และ “การบรรลุ”

    Page 157

    ความสำเร็จในเอกลักษณ์ของรูปแบบเหล่านั้นในภาษาที่แตกต่าง หรือ “นักพูด” คือนักทฤษฎีการแปลไหม “ผู้กระทำ” นักแปล และ “นักบรรลุ” คนที่รู้หลายภาษา ถ้าดังนั้น สิ่งนี้ส่อให้เห็นว่านักแปลขึ้นอยู่อย่างซับซ้อนบนนักทฤษฎีการแปล และบนคนที่รู้หลายภาษา ของใคร “ความสำเร็จ” วิเคราะห์แยกแยะทำให้มันเป็นไปได้สำหรับนักแปลเพื่อเข้าใจโครงสร้างภาษาศาสตร์ หรือมันเป็นไปได้ไหมสำหรับนักแปลเพื่อพัฒนาความรู้สึกไวเพื่อรูปแบบที่เด่นชัดเหล่านี้โดยปราศจากพวกเขาได้วิเคราะห์ 1 โดยคนที่รู้หลายภาษา โดยปราศจากแม้แต่การรู้สึกตัวของพวกเขา ถ้าดังนั้น การอ่านของรูปแบบที่เด่นชัดสถานะคำแนะนำสามารถคือ”ทำ” ง่ายกว่า “บอก” ในแบบฝึกหัดได้ไหม
    เอาข้อความของย่อหน้าที่อ้างสุดท้ายของ Baker เป็นข้อความข้อมูลของคุณ และลำพังหรือในกลุ่มเล็ก แปลมันเข้าไปในภาษาเป้าหมายของคุณ 3 ครั้ง:
    โดยปราศจากความสนใจเกี่ยวกับสถานะคำแนะนำของประโยคต่างๆ
    หรือรูปแบบที่เด่นชัดของภาษาอังกฤษและภาษาเป้าหมายของคุณ
    การสันนิษฐานภาษาเป้าหมายของผู้อ่านรวมทั้งของภาษาศาสตร์และต้องการให้ทุกสิ่งที่สะกดออกมาอย่างชัดเจน การสันนิษฐานภาษาเป้าหมายของผู้อ่านใครไม่เพียงแต่รู้ทั้งหมดของสิ่งนี้แต่สามารถถูกคาดหวังให้ไม่ให้ใจร้อนกับมัน ให้การคาดล่วงหน้านี้เปลี่ยนรูปแบบการแปลของคุณในหนทางที่เป็นรากศัพท์; การเคลื่อนย้ายสิ่งต่างๆ จัดเรียงประโยคอีกครั้งและแม้แต่ย่อหน้าทั้งหมดถ้าจำเป็นคือ ละเว้นและเพิ่ม ฯลฯ ยกตัวอย่างเช่น ย่อหน้าของ Baker วนซ้ำ 4 ครั้ง “สัญญาณสถานะคำแนะนำ” กลุ่มแนวคิด; คุณต้องการผลิตเพื่อการวนซ้ำนั้นอีกครั้งสำหรับผู้อ่านที่รอบรู้และใจร้อนของคุณถ้าคุณอ่านประโยคแรกอย่างแท้จริงการเปลี่ยนแปลงเหตุผลจากการเปลี่ยนแปลงบ่อยๆเพื่อควบคุมภาษาศาสตร์ มากกว่าเป็นแถลงการณ์เกี่ยวกับสัญญาณว่าถูกต้องการในภาษาโดยการเขียน คือคุณไปแปลที่สิ่งนั้นอย่างไรสำหรับคุณผู้อ่านที่ใจร้อน
    ถ้าคุณสันนิษฐานว่าผู้อ่านของคุณคือ นักแปลที่เชี่ยวชาญซึ่งรู้สึกไวสูงเพื่อรูปแบบที่เด่นชัดในตัวของเขาหรือภาษาของเธอแล้วซึ่งได้รับความรู้สึกไวนั้นไม่อ่านภาษาศาสตร์ที่วิเคราะห์ของระบบเหล่านั้นแต่ผ่านการจมอยู่นานใน 2 ภาษาและผู้ชำนาญการแปล 20 ปี และใครที่ฉุนเฉียวโดยง่ายในคำแนะนำซึ่งนักแปลคนนั้นต้องพึ่งพาคนที่รู้หลายภาษาสำหรับความรู้สึกไวเช่นนั้น การคาดล่วงหน้านั้นจะนำทางการแปลของคุณในประโยคสุดท้าย

    สรุป
    การคาดล่วงหน้ายอมให้นักแปลหรือคนที่รู้หลายภาษาวิเคราะห์คำมากกว่าต้องเดาที่ผู้คนจริงๆ ที่พูดด้วยความไม่ตั้งใจหรือเดา ดังนั้น Baker จึงกระตุ้นให้เราจินตนาการตัวของเราเองเป็นผู้พูด/นักเขียนและเพื่อทำโน้มน้าวจิตใจ การตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้สัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับสถานะคำแนะนำ นักแปลที่ดีควรจะมีการเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของบริบทของรูปแบบประโยคที่หลากหลาย และในการแปลนั้น ควรที่จะลองทำการแปลหลายๆรอบ ในการลองพยายามเคลื่อนย้ายบริบทของกระโยค หรือจัดเรียงรูปประโยคใหม่อีกครั้ง ละเว้นหรือเพิ่มเครื่องหมายตามความจำเป็น และต้องเข้าใจถึงความต้องการของผู้อ่านที่อาจจะมีความรอบรู้หรือความใจร้อน กระหายอยากอ่านเรื่องที่นักแปลแปลออกมา ดังนั้นนักแปลที่ดีจะต้องมีการศึกษาภาษาที่หลากหลาย และข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่จะแปลอย่างชัดเจน และถูกต้อง เพื่อที่งานแปลจะได้ออกอย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ Baker ยังได้แนะนำว่า การคาดการณ์ล่วงหน้านั้นจะช่วยนำทางการแปลของคุณในประโยคสุดท้ายได้

  62. Jutarat Maree 51501030005-8 says:

    อัลบั้ม
    KRATEROV ที่ปรึกษาสภาเทศบาลท้องถิ่น ที่ทั้งผอมบางและเรียวราวกับยอดแหลมของตึกกระทรวงกองทัพเรืออังกฤษ เดินหน้าเข้าไปและระบุงถึง Zhmyhov ว่า

    “ใต้เท้าครับ ย้ายมาสัมผัสที่ส่วนลึกของหัวใจพวกเราด้วยวิธีที่ได้ปกครองพวกเรามาเป็นเวลานานและดูแลเหมือนท่านเป็นพ่อคนหนึ่ง….”
    “ในเส้นทางที่ยาวนานกว่า 10 ปี นี้” Zakusin แจ้ง
    “ในเส้นทางที่ยาวนานกว่า 10 ปี นี้ที่พวกเราผู้ที่อยู่ภายใต้ท่านนั้นน่าจดจำยิ่งนัก…เออ..วันนี้ขอให้ท่านยอมรับการเคารพขอพวกเราและขอบคุณอย่างยิ่งที่มีพวกเราอยู่ในอัลบั้มนี้ พวกเราหวังว่าให้คุณมีชีวิตที่พิเศษอย่างนี้ยาวนานตลอดไปจนถึงวันที่คุณตายคุณก็จะไม่ทิ้งพวกเรา…..”
    “พร้อมด้วยคำแนะนำของพ่อในเส้นทางที่ยุติธรรมและความเจริญก้าวหน้า” Zakusin เพิ่มเติม พร้อมเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเขาที่ไหลออกมา เขาอยากจะพูดให้ชัดเจน และคนทั้งหมดก็พูดออกมาพร้อมกันว่า “และ” เขาก็ลุกขึ้น “ มาตรฐานของคุณอาจบินได้นาน นานหลายปีในอาชีพที่อัจฉริยะ อุตสาหะ และสังคมที่ประหม่า”

    น้ำตาก็หยดลวมาที่แก้มของ Zhmyhov
    “ท่านสุภาพบุรุษ” เขาพูดด้วยเสียงสั่น “ผมไม่ได้คาดหวัง ผมแค่คิดไม่ออกที่คุณกำลังเฉลิมฉลองในงานเลี้ยงเล็ก ๆ ของผม…..ผมสัมผัสได้แน่นอน…มาก…ผมจะไม่ลื่วงเวลานี้จนถึงวันตายของผม และเชื่อผมเถอะ..เชื่อผมเพื่อน ๆ ว่า ไม่มีใครที่จะหยิบยื่นให้ความสบายให้คุณได้เท่าผมหรอก…และหากมีสิ่งใด…ก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวคุณเอง”
    Zhmyhov ผู้เป็นสมาชิกพลเรือนจูบ KRATEROV ผู้ที่ไม่เคยคาดหวังจะได้รับเกียรตินี้ ได้เงยหน้าซีดๆขึ้นมาพร้อกับความปลื้มปิติ จากนั้นหัวหน้าก็ทำท่าทางเป็นนัย ๆ ซึ่งไม่สามารถบอกเป็นคำพูดได้ และน้ำตาก็ไหลออกมาเหมือนกับว่าอัลบั้มนี้มีคุณค่านี้จะไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว แต่กลับกันเราได้นำมันมาจากเขา….เมื่อขาได้มันคืนและพูดออกมาแค่เพียงไม่กี่คำที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและยื่นมือให้ทุกคนจับ เขาเดินลงไปข้างล่างท่ามกลางเสียงที่ดังและสนุกสนาน และเดินเข้ารถม้าแล้วขับไปพร้อมกับคำอวยพรของพวกเขา เมือ่เขานั่งอยู่ในรถเขาก็ได้รับรู้อย่างท่วมถ้นถึงความรู้สึกที่ดีอย่างที่เขาไม่เคยได้รู้มาก่อน และเขาก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

    ณ ที่บ้านความสุขใหม่ ๆ รอคอยเขาอยู่ นั่นก็คือครอบครัวของเขา เพื่อนของเขา และคนรอบข้างที่คุ้นเคยกันได้เตรียมต้อนรับเขาอย่างเอิกเกริก และดูเหมือนว่าเขาได้รับการบริการอย่างดีเยี่ยมจากประเทศของเขา และถ้าหากว่าเขาไม่มีชีวิตอยู่ต่อ บางทีประเทศของเขาก็จะไม่ได้อยู่ในเส้นทางที่แสนเลวร้ายหรอก งานเฉลิมฉลองที่สร้างทั้งการดื่มอวยพร คำพูดมากมาย และน้ำตา กล่าวสรุปก็คือ Zhmyhov ไม่เคยคาดหวังเลยว่าความดีของเขาจะมีคุณค่าเช่นนี้
    “ท่านสุภาพบุรุษทุกท่าน” เขากล่าวก่อนเสิร์ฟของหวาน “2 ชั่วโมงที่ผ่านมา ผมได้รับการตอบแทนสำหรับการทุกข์ทรมานทั้งหมดของผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องอดทนซึ่งเป็นคนรับใช้ ไม่ใช่แค่คำพูด ไม่ใช่ชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่ตัวอักษร แต่มันคือหน้าที่ แม้ว่าเวลาในงานบริการของฉันมันจะต่อเนื่องและยาวนาน ผมก็จะเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ในหลักการที่ว่า สาธารณะชนไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อพวกเรา แต่เราต่างหากที่ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อสาธารณะชน และวันนี้ผมได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่ ! ลูกน้องของผมได้มอบอัลบั้มนี้ให้ ดูซิ ผมได้จับมันด้วย”

    ใบหน้าที่รื่นเริงตั้งใจดูที่อัลบั้มจนทั่วแล้วจึงเปิดเข้าไปดูข้างใน

    “เป็นอัลบั้มที่น่ารักจังเลย” Olya ลูกสาวของ Zhmyhov พูด “ฉันว่า มันต้องมีราคา 50 roubles อุ๊ยน่าดูจัง พ่อต้องให้หนูดูนะ คุณพ่อได้ยินไหม หนูจะดูมันอย่างทะนุทะหนอมเพราะมันเป็นอัลบั้มที่น่ารักจริง ๆ”

    หลังจากกลับจากงานเลี้ยง Olya ได้ถืออัลบั้มรูปเก็บไว้ในลิ้นชัก วันรุ่งขึ้นหล่อนก็นำเสมียนออกจากมันโยนมันลงพื้น และพาเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนไปที่นั่น ชุดนักเรียนรัฐบาลจะเป็นปกสีขาว Kolya ลูกชายคนเล็กของใต้เท้า ได้หยิบมันขึ้นมาและระบายสีแดง คนไหนที่ไม่มีหนวดเขาก็จะระบายหนวดสีเขียว และจะระบายเคราสีน้ำตาลให้กับคนที่ไม่มีเครา เมื่อะระบายหมดแล้ว เขาก็จะตัดรูปผู้ชายตัวเล็ก ๆ นั้นออกมา เจาะตาด้วยเข็มหมุด และเริ่มเล่นทหารกับพวกมัน หลังจากการตัดตำแหน่งที่ปรึกษาKraterovออก เขาก็กำหนดให้ Kraterov อยู่บนกล่องและถือ Kraterov ไปยังสถานภาพเดียวกับที่พ่อของเขาอยู่

    “พ่อดูอนุสาวรีย์ซิ”

    Zhmyhov ระเบิดความขำออกมา เอนไปหน้าดูในสิ่งที่ลูกชายมอบให้ และจูบแก้มเขาเบาๆ

    “นั่น เอาไปให้แม่เขาดูด้วยซิ”

  63. Chomphunut Saengthongdee says:

    ความเงียบ
    ALCMAN. ยอดภูเขาอันเงียบสงบ หุบเขา เชิงผาและถ้ำที่เงียบสงบ
    “ฟังฉัน” ปีศาจกล่าวในขณะที่เอามือวางบนหัว บริเวณที่ฉันพูดอยู่เนี่ย เป็นบริเวณที่น่าเบื่อในประเทศลิเบีย โดยเป็นบริเวณชายแดนของแม่น้ำซาเอียร์ และที่นี่ก็ไม่มีความเงียบสงบเลย น้ำในแม่น้ำมีหญ้าฝรั่นสีอ่อน ๆ และไม่ได้ไหลลงสู่ทะเล แต่สั่นอยู่ตลอดเวลา พระอาทิตย์ตาแดงกับความสับสนอลหม่านกับอาการชักกระตุก หลายไมล์บนริมฝั่งทั้งสองข้างของแม่น้ำมีโคลน และเตียงที่ทำด้วยไม้แหลมบนทะเลทรายอันกว้างใหณ่ของแม่น้ำลิลลี่ พวกเขาถอนหายใจหนึ่งครั้งในความโดดเดี่ยวและคอของเขายาวไปถึงสวรรค์ซึ่งน่ากลัวมากเขาก้มศรีษะและจากนี้พวกเขาจะก้มศรีษะไปชั่งนิรันดร์ และบ่นว่าที่นี่ไม่ชัดเจน ซึ่งมาจากท่ามกลางสิ่งที่เขาชอบน้ำในถ้ำไหลออกมา และพวกเขาถอนหายใจอีกหนึ่งครั้ง แต่นี่เป็นเขตแดนของอาณาจักรม เขตแดนในความมือ, ความน่ากลัว และป่าทึบ ที่นี่คล้ายกับคลื่นที่หมู่เกาะเฮบริเดซ พุ่มไม้เตี้ย ๆ ถูกเขย่าอยู่ตลอดเวลา แต่ที่นี่ไม่ได้มีลมพัดตลอดจากสวรรค์ และต้นไม้สูงในยุคหิน มาที่นี่และไปยังที่นั่นปะทะกับอำนาจ และจากจุดสูงสุด หนึ่งต่อหนึ่ง น้ำค้างหยดชั่วนิรันดร์และรากไม้ที่แปลกประหลาด ดอกไม้มีพิษเลี้อยบิดงอปกคลุมไปทั่ว เหนือศรีษะมีเสียงดัง เมฆสีเทาเคลื่อนไปทางทิศตะวันออกตลอดไปจนกระทั่งม้วนต้ว ฝนที่กระหน่ำเทลงมาครอบคลุมไฟที่ไหม้ แต่ไม่มีลมทั่งทั้งสวรรค์ โดยฝั่งของแม่น้ำซาเอียร์ที่นี่ค่อนข้างจะเงียบ แต่มันไม่สงบ ในตอนกลางคืนฝนได้ตกลงมา ฝนตกแต่นั่นไม่ใช่ฝนมันเป็นเลือด ฉันยืนอยู่ในลุ่มหนองน้ำท่ามกลางฝนที่ตกลงมาใส่สรีษะฉัน และถอนหายใจหนึ่งครั้งจนกระทั่งในความรุนแรงและโดดเดี่ยว ในทั้งหมดนี้พระจันทร์เกิดขึ้น หมอกบาง ๆ อันน่ากลัวสีแดงเข้ม ตาของฉันมองไปยังหินสีเทาก้อนใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ แสงจากพระจันทร์ หินสีเทาที่สูงและน่ากลัว อยู่ด้านหน้าข้างบน ลักษณะการแกะสลักในหิน ฉันเดินไปทั่วหนองน้ำ จนกระทั่งใกล้ถึงฝั่งนั่น ฉันจะอ่านลักษณะเฉพาะที่อยู่บนหิน แต่ฉันไม่สามารถจะอ่านมันได้ หลังจากนั้น ฉันเดินกลับมาที่หนองน้ำ เมื่อพระจันทร์ส่องแสงกับหินสีแดง ฉันหันกลับไปมองที่หินนั่นอีกครั้ง ในความอ้างว้าง และฉันมองขึ้นไปข้างบนมีผู้ชายยืนอยู่บนจุดสูงสุดของหิน ฉันซ่อนตัวเองอยู่ท่ามกลางน้ำลิลลี่ ซึ่งฉันจะมองเห็นการกระทำของผู้ชายคนนั้น และผู้ชายคนนั้นสูงมีลักษณะผ่าเผยและไหล่ของเขามีผ้าพันอยู่ ความรู้สึกของเขาเหมือนเครื่องแต่งกายภายนอกหลวม ๆ ของชายโรมันโบราณ เค้าโครงรูปร่างของเขามองเห็นไม่ชัดเจน แต่ลักษณะของเขาคล้ายกับเทพเจ้า สิ่งที่ปกคลุมในเวลากลางคืนแสงจากพระจันทร์และน้ำค้างไม่ครอบคลุมส่วนใบหน้าของเขาและคิ้วของเขาดูดี สายตามองเหมือนมีความเมตตา รอยย่นเล็กน้อยบนแก้มนั่น อ่านนิทานสั้น ๆ ของความเสียใจ ความน่ารังเกียจของมนุษย์ และความปรารถนาหลังจากความโดดเดี่ยว ผู้ชายนั่งอยู่บนหินเอียงศรีษะและมองออกไปในความอ้างว้าง เขามองลงไปยังพุ่มไม้ขนาดเล็กที่ขยับอยู่และบนต้นไม้ใหญ่ที่มันกำลังขยับอยู่และมีเสียงกรอบแกรบ ท่ามกลางพระจันทร์สีแดงเข้ม ฉันนอนหมอบลงและสังเกตุการกระทำของเขา และผู้ชายคนนั้นตั่วสั่นในความโดดเดี่ยว แต่เวลากลางคืนก็ค่อย ๆ สิ้นสุดลง เขานั่งอยู่บนหิน
    ผู้ชายกลับสนใจสวรรค์ และมองออกไปยังแม่น้ำซาเอียร์ แม่น้ำสีเหลืองน่ากลัว กองไม้แหมขนาดใหญ่ในแม่น้ำ ผู้ชายฟังเสียงถอนหายใจของแม่น้ำ และเสียงบ่นซึ่งเข้ามาท่ามกลางพวกเขา ฉันนอนหมอบลงและสังเกตุการกระทำของเขา และผู้ชายคนนั้นตัวสั่นในความโดดเดี่ยว แต่เวลากลางคืนก็ค่อย ๆ สิ้นสุดลง เขานั่งอยุ่บนหิน หลังจากนั้น ฉันลงไปที่เงียบสงบของบึงและเดินลุยน้ำไปไกลโพ้นท่ามกลางบริเวณที่ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ และเรียกฮิปโปซี่งอาศัยอยู่ในบึงที่เงียบสงบ และฮิปโปได้ยินเสียงเรียกของฉันและมาพร้อมกับสัตว์ขนาดใหญ่มากเท้าของมันเป็นหิน และเสียงคำรามที่ดังมากอย่างน่ากลัว และฉันนอนหมอบลงและสังเกตุการกระทำของเขา ผู้ชายคนนั้นตัวสั่นในความอ้างว้าง แต่เวลากลางคืนก็ค่อย ๆ สิ้นสุดลง เขานั่งอยู่บนหิน หลังจากนั้นฉันสาบแช่งกับความอึกทึกครึกโครม และความปั่นป่วนอันน่ากลัว ที่เกิดขึ้นในสวรรค์ ก่อนที่จะไม่มีลมและสวรรค์กำลังโกรธอย่างรุนแรงกับความรุนแรงของการปั่นป่วน และฝนตกกระทบหัวของผู้ชายและน้ำในแม่น้ำกำลังลดลง แม่น้ำมีฟองและฮีล เสียงร้องแหลมและป่าถูกสลาย ก่อนที่ลมจะพัดและฟ้าร้อง ฟ้าผ่า และฉันนอนหมอบลงและสังเกตุการกระทำของเขาและผู้ชายคนนั้นตัวสั่นในความอ้างว้าง แต่เวลากลางคืนก็ค่อย ๆ สิ้นสุดลง เขานั่งอยู่บนหิน หลังจากที่ฉันเริ่มโกรธและสาปแช่งกับคำสาปแช่งของความเงียบแม่น้ำลิลลี่, ดอกลิลลี่, ลม, ป่า, สวรรค์ เสียงฟ้าร้อง และการถอนหายใจของน้ำ และพวกเขากำลังถูกสาปแช่ง พระจันทร์หยุดการเคลื่อนไหว ผ่านท้องฟ้า และฟ้าร้องสิ้นสุดลง ไม่มีฟ้าผ่าอีกเลย เมฆไม่มีการเคลื่อนไหว ต้นไม้กลายเป็นหิน ไม่มีการถอนหายใจของน้ำอีกเลย และไม่ได้ยินเสียงบ่นท่ามกลางพวกเขาอีกเลย ไม่มีเงาเสียงของทะเลทรายอันกว้างใหญ่ และฉันมองเห็นลักษณะของหินที่เปลี่ยนไป และเปลี่ยนลักษณะเป็นความนิ่งเงียบ และตาของฉันมองเห็นสีหน้าของเขาซีดกับความหวาดกลัวและรีบเร่ง เขาเอามือออกจากหัวของเขา และยืนบนหินและฟัง แต่มันไม่มีเสียงอะไรเลยจากทะเลทรายอันกว้างใหญ่ และลักษณะพิเศษของหินคือความเงียบ และผู้ชายคนนั้นนตัวสั่นกระตุกหันหลังกลับและหนีออกไปห้ำกลจากที่นี่ ด้วยความรวดเร็ว ซึ่งฉันไม่เห็นเขาอีกเลย
    ในขณะนี้มีลูกขุนจำนวนมากของเมไจในเขตแดน ภาวะจิตใจที่หดหู่ จำนวนมากของเมไจในเรื่องนั้น ฉันพูดว่ามันเป็นประวัติศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสวรรค์ โลก และอำนาจของทะเลพรสวรรค์ที่ปกคลุมทั้งทะเลและโลก และสูงตะหง่านของสวรรค์ มีนิยายอักมากมายที่กล่าวถึงสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์รต่างได้ยินของเก่า ด้วยความมืดสลัวซึ่งสะท้านโดยโดโดนา แต่พระอัลเลาะห์มีชีวิต ซึ่งนิยายนั้นเป็นสิ่งที่ปีศาจบอกฉันว่าเหมือนเขานั่งข้างฉันเงาในสุสาน ฉันว่ามันวิเศษณ์ที่สุด และปีศาจทำให้เรื่องนี้จบลง เขากลับเข้าไปในโพรงฬนสุสานและหัวเราะ ฉันไม่สามารถหัวเราะกับปีศาจได้อีก และเขาสาปแช่งฉันเพราะฉันไม่สามารถหัวเราะและแมวซึ่งอาศัยอยู่ตลอดไปในสุสาน เพราะฉะนั้น ฉันจึงนอนลงที่ใต้เท้าของปีศาจและมองหน้าเขาอยู่ตลอด

  64. Small Fry
    พนักงานอนุเรียก Nevyrazimov ที่ถูกเขียนสำเนาที่หยาบคายในหนังสือแสดงความยินดีอีสเตอร์ ว่าฉันเชื่อว่าคุณอาจใช้เวลาในวันหยุดทางศาสนาที่จะมาถึงนี้กับสุขภาพที่ดีและความมั่งคั่งและครอบครัวของคุณดังเช่นฉัน
    โคมไฟซึ่งได้รับน้ำมันก๊าดน้อย ก็จะมีควันและกลิ่น แมลงสาบที่หลงทางก็กำลังวิ่งอยู่บนโต๊ะด้วยความตื่นตระหนกใกล้กับมือของ Nevyrazimov ที่กำลังเขียนอยู่ สองห้องที่อยู่ห่างจากสำนักงานนั้น Paramon ที่เป็นคนเฝ้าประตูสามเวลาเขาจะต้องทำความสะอาดรองเท้าให้สะอาดที่สุด และมีพลังงานเช่นว่าเสียงของแปรงขัดรองเท้าและเสียงของการขากเสลดเสมหะดังไปทั่วทุกห้อง มีอะไรอื่นไหมฉันสามารถจะเขียนถึงเขาได้ ไอ้คนโกง? Nevyrazimov สงสัย และสายตาของเขาก็ค่อยๆมองขึ้นไปที่เพดานที่เปรอะเปื้อน บนเพดาลเขาเห็นวงกลมสีดำที่เป็นเงาของโป๊ะไฟ ใต้มุมเพดาลห้องนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นและยังคงต่ำกว่าผนังซึ่งทาสีด้วยสีโคลนฟ้า และสำนักงานของเขาก็ดูเหมือนสถานที่แห่งความเหงาที่เขาเศร้าเสียใจไม่เพียง แต่สำหรับตัวเขาเท่านั้น แต่ยังสำหรับแมลงสาบด้วย
    เมือ่ฉันหมดหน้าที่แล้ว ฉันก็ควรจะไปพักผ่อนแต่เขาจะปฏิบัติหน้าที่ที่นี่ทั้งหมดแมลงสาบชีวิตของเขา เขาคิดไกลออกไป “ฉันเบื่อ! นี่ฉันจะต้องทำความสะอาดรองเท้าของฉันหรอเนี่ย? Nevyrazimov เดินอย่างไร้เรี่ยวแรงไปยังห้องของคนเฝ้าประตู Paramon เสร็จจากการทำความสะอาดรองเท้าของเขา ตรงข้ามตัวเขาเอง ที่มือนั้นกำลังถือแปรงในอื่นๆ เขายืนอยู่ที่บานหน้าต่างที่เปิดอยู่ แล้วฟัง พวกเขากำลังกระซิบกระซาบ Nevyrazimovcแล้วมองเขาด้วยความตั้งใจและสายตาที่เปิดกว้างด้วย Nevyrazimov เงี้ยวหูของเขาไปยังบานหน้าต่างและเปิดฟัง เสียงระฆังของเทศกาลอีสเตอร์ดังกังวานไปในห้องพร้อมกับลมหนาวที่โปรยมาเบาๆ เสียงของระฆังดังก้อง ผสมรวมกับเสียงดังสนั่นของรถม้าและบนความวุ่นวายของเสียงที่เพิ่มขึ้น ของโบสถ์ที่ใกล้ที่สุด และเสียงหัวเราะที่แหลมก้อง “สิ่งที่คนจำนวนมาก! ถอนหายใจ Nevyrazimov มองลงไปที่ถนนมีเงาของคนแวบผ่านแวบหนึ่งหลังจากที่โคมไฟส่องสว่าง พวกเขาทั้งหมดต้องการบริการตอนเที่ยงคืนอย่างเร่งด่วน สหายเขามีเครื่องดื่มโดยขณะนี้ คุณอาจจะตรวจสอบและจะเดินเล่นในเมือง เสียงหัวเราะอะไร พูดอะไร! ฉันโชคร้ายอยู่อย่างเดียวเท่านั้นที่ได้นั่งที่นี่ในวันดังกล่าวและฉันจะต้องทำมันทุกปี “ดีนะที่ไม่มีใครบังคับให้คุณทำงานนี้ หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นหน้าที่วันนี้ แต่ Zastupov จ้างคุณใช้สถานที่ของเขา คนทั่วไปกำลังมีความสุขเพลิดเพลินกับการจ้างตัวคุณเอง มันคือความละโมบ!”
    ซาตานกัดมัน ไม่มากที่จะโลภเกิน เงินตรารัสเซียทั้งหมดที่เขาให้ฉัน นอกเหนือจากเนคไท …..มันเป็นความยากจนและไม่ละโมบและมันจะครึกครื้น ตอนนี้คุณรู้ว่าจะบริการจัดเลี้ยงแล้วต่อจากนั้นก็ทำการเก็บอย่างรวดเร็ว การดื่มและทานอาหารเย็นแล้วก็ออกไปกลิ้งตัวลงนอน….เมื่อนั่งลงไปที่โต๊ะมีเค้กอีสเตอร์และกาโลหะที่กำลังเปล่งเสียงดังซี้ดและเสน่ห์บางอย่างที่อยู่ข้างคุณ……ดื่มหนึ่งแก้วและเธอก็เฉยคางขึ้นภายใต้คางและมันเยี่ยมเป็นเลิศที่สุด……คุณรู้สึกว่าคุณเป็นใคร เอ๊ะ!…..ฉันทำเรื่องยุ่ง ดูนั้นซิ หญิงที่เจ้าชู้กำลังขับรถม้าของเธออยู่ในขณะที่ฉันต้องนั่งที่นี่และครุ่นคิด”เราแต่ละคนมีมากในชีวิตของเรา Ivan Danilitchพระเจ้าได้โปรด,คุณจะได้รับการส่งเสริมและผลักดันเกี่ยวกับรถม้าของคุณหนึ่งวัน.”ฉันไม่มีพี่ชาย,ไม่เหมือนใครฉันจะไม่ได้รับเกียรติยศ ถ้าไม่พยายามจนกระทั่งระเบิด ฉันก็จะเป็นคนที่ไม่มีการศึกษา.”เราไม่มีความรู้ทั่วไป แต่……” “ ดี “ แต่general stole 100,000 ก่อนที่เขาจะได้รับตำแหน่งนี้ และเขามีลักษณะแตกต่างกันมากและการวางตัวจากฉัน, พี่ชาย ด้วยมารยาทและการวางตัวของฉันนั้นที่ไม่สามารถเทียบได้!และเช่นนามสกุลที่เลว, Nevyrazimov!มันเป็นตำแหน่งที่สิ้นหวังในความเป็นจริง หนึ่งอาจจะไปในฐานะหนึ่งหรือหนึ่งอาจจะเป็นการแขวนคอตัวเอง . .”เขาย้ายออกจากหน้าต่างและเดินอย่างไร้เรี่ยวแรงไปที่ห้องพัก เสียงของระฆังก็ดังขึ้นและดังขึ้น . .เขาไม่จำเป็นที่จะต้องไปยื่นที่หน้าต่างเพื่อฟังเสียงมัน และดีกว่าที่เขาจะได้ยินระฆังและเสียงดังของรถม้า,ดูเหมือนกว่าผนังเต็มไปด้วยโคลน และบัวที่มีมลทินและเต็มไปด้วยควันจาก โคมไฟ ให้ฉันต่อยมันและออกจากสำนักงานดีไหม?” Nevyrazimov คิด แต่การหนีคำสัญญานั้นไม่มีอะไรดีเลย…..หลังจากที่ออกมาจากสำนักงานและหลงใหลอยู่กับสีสันในเมือง Nevyrazimov! ต้องการที่จะกลับบ้านพักของเขาถึงแม้ว่าบ้านพักของเขาจะมืดกว่าและทำให้จิตใจหดหู่มากกว่าในสำนักงานก็ตาม…..สมมติว่าเขาได้ใช้เวลาอย่างมีความสุขและสะดวกสบาย เขาคิดอะไรต่อไป?ไม่มีอะไรแต่พนังนั้นมีสีเทาเหมือนกัน เหมือนกับเป็นหน้าที่ชั่วคราวและจดหมายแสดงความชื่นชมยินดี
    Nevyrazimovยื่นนิ่งอยู่กลางสำนักงานและจมอยู่กับความคิด การโหยหาสิ่งใหม่ที่ทำให้ชีวิตดีขึ้นนั้นมันทรมานหัวใจของเขาเสียจนปวดร้าว เขาปราถนาที่จะค้นหาตัวเองให้เจออย่างทันทีทันใดท่ามกลางฝูงชนบนท้องถนนที่กำลังเข้าร่วมงานเทศกาลเฉลิมฉลองเหล้าสาเก ซึ่งเสียงระฆังที่ปะทะและเสียงของรถม้านั้นกันดังก้องไปทั่ว เขาปรารถนาที่จะรู้ว่ามีอะไรในวัยเด็ก –เทศกาลเปลี่ยนหน้าของเขา ผ้าขาว แสงสว่าง และความอบอุ่น เขาคิดว่ารถม้าขณะขับเคลื่อนผู้หญิงจะต้องขับโดยใส่เสื้อกันหนาวขณะที่หัวหน้าพนักงานนั้นแต่งตัวดูดี โซ่ทองที่ประดับอยู่ที่หน้าอกของเลขานุการ…..เขาคิดถึงเตียงที่อุ่นๆของ Stanislav รองเท้าบูทคู่ใหม่ เครื่องแบบที่ปราศจากรูที่ข้อศอก เขาคิดไปต่างๆนาๆเพราะเขาไม่มีสิ่งเหล่านั้น
    ฉันจะขโมย เขาคิด ถ้าการขโมยนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่การซ่อนตัวเป็นเรื่องยาก ผู้ชายที่วิ่งหนีไปในอเมริกา เขาพูด, อะไรที่เขาขโมย, แต่ปีศาจจะรู้ว่าที่อเมริกาเป็นที่ที่เจริญแล้ว ต่อให้เป็นขโมยก็ต้องมีการศึกษา มันเป็นเช่นนั้น,
    ระฆังเงียบลงเขาได้ยินเพียงเสียงของรถม้าและเสียงไอของParamon ในขณะที่อาการซึมเศร้าและความโกรธของเขากำลังเพิ่มมากขึ้นมากขึ้นจนไม่สามารถต้านทานได้ นาฬิกาในสำนักงานก็ผ่านมาเป็นเวลาเที่ยงครึ่งแล้ว ฉันจะเขียนรายงานลับ? Proshkinและเขาอารมณ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว Nevyrazimovนั่งลงไปที่โต๊ของเขาและไตร่ตรอง โคมไฟที่มีน้ำมันก๊าสค่อยๆเหือดแห้งจนมีควันมากอย่างรุนแรงและหายใจออกไป แมลงสาบจรจัดยังคงวิ่งอยู่บนโต๊ะและพบว่าไม่มีสถานที่พักผ่อน
    หนึ่งสามารถส่งรายงานลับได้ แต่วิธีการที่หนึ่งนั้นจะทำมันขึ้นมาได้อย่างไร? ฉันควรจะต้องทำทุกชนิดคือการพูดเป็นนัยและการบอกเป็นนัยเหมือนกับProshkin และฉันไม่สามารถทำมันได้ถ้าฉันทำอะไรก็ได้ ฉันควรจะเป็นคนแรกที่ได้รับความยุ่งยาก ฉันขอลา ไห้ตายเหอะNevyrazimov คิดแวบมาในสมองของเขาสำหรับวิธีหลบหนีจากตำแหน่งที่สิ้นหวังนี้ เริ่มจากการเขียนหยาบคาย จดหมายเขาเขียนถึงคนที่เขาทั้งกลัวและเกียจด้วยจิตวิญญาณทั้งหมดของเขา และจากผู้ที่เข้าในช่วงสิบปีสุดท้ายที่พยายามบีบรัดเงินมูลค่าสิบแปดรูเบิลต่อเดือนให้คุ้มค่า แทนที่ได้สิบหกรูเบิล เออ!ฉันจะสอนคุณเพื่อให้ได้ทำงานเองคุณปีศาจ คนเลวทรามตบมือด้วยฝ่ามือของเขาบนมือของแมลงสาบ ผู้ที่จับจ้องมองสายตาของเขา”สิ่งที่สกปรก”แมลงสาบลดหลังลงและบิดขาไปมาอย่างสิ้นหวังNevyrazimovเขาทำหยิบมันด้วยขาข้างหนึ่งและโยนลงไปในตะเกียง ไฟลุกขึ้นมาและมีประกายไฟออกมาและNevyrazimovรู้สึกดีขึ้น

  65. Nusara Piew-on 51501030046-2 says:

    “The tell tale heart”
    เรื่องเล่า
    จริง! ประหม่า ประหม่าแบบสุดๆ ฉันก็เคยเป็นแบบนั้น แต่ทำไมคุณต้องว่า ฉันบ้าด้วย โรคมันได้รุนแรงขึ้นกับความรู้สึกของฉัน ไม่ทำลาย ไม่น่าเบื่อ เหนือสิ่งอื่นใดคือความรู้สึกของการได้ยินแบบเฉียบพลัน ฉันได้ยินทุกสิ่งในชั้นฟ้าและในแผ่นดิน ผมได้ยินหลายสิ่งในนรก นั่นหมายความว่าผมบ้าหรอ? ฟัง! และสังเกตวิธีการมีสุขภาพที่ดี วิธีการสงบนิ่งทำให้ฉันผมสามารถบอกคุณเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมด
    มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกความคิดแรกที่เข้ามาในสมอง แต่ มันครั้งนึงที่ได้รับมันมาแล้วนั้น มันจะตามล่าฉันทั้งวันทั้งคืน ไม่มีวัตถุ ไม่มีเรื่องราว ฉันเคยรักชายชราคนนึง เขาไม่เคยทำให้ฉันลำบากใจ เขาไม่เคยให้คำดูถูกต่างนานากับฉัน สำหรับทองของเขาฉันไม่เคยต้องการมัน แต่ฉันคิดว่า ตาของเขา ใช่แล้ว ตาข้างหนึ่งของเขาที่ซ้อนเร่นเหมือนอีแร้ง สีฟ้าซีดและฟิล์มที่ปกปิดเอาไว้ เมื่อใดก็ตามที่มันลดลงมาที่ฉัน เลือดฉันจะเย็นเฉียบขึ้นมาทันที และ เมื่อมันมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันก็ได้ทำใจที่จะปลิดชีวิตของชายชราผู้นั้น และ ควักดวงตาของฉันออกตลอดกาล
    ตอนนี้นี่คือประเด็น คุณจินตนาการหาว่าฉันบ้า คนบ้าไม่รู้อะไรหรอก แต่คุณน่าจะได้เห็นฉัน คุณควรจะได้เห็นวิธีการดำเนินการอย่างชาญฉลาดของฉัน กับสิ่งที่ความระมัดระวัง และ ด้วยความสุขุมคืออะไร การอำพรางทำกับสิ่งที่ฉันได้ไปทำมา
    ฉันไม่เคยที่รู้สึกใจดีกับชายชราคนนั้นมากไปกว่าตอนระหว่างก่อนที่ฉันฆ่าเค้าเลย และทุกคืนประมาณเที่ยงคืนผมเปิดประตูสลักของเขาและเปิดมัน โอ้ และเบา มากๆ และแล้วเมื่อฉันได้ทำเพียงพอ และเมื่อเปิดให้กว้างพอที่หัวของฉันจะลอดเข้าไปได้ โอ้ คุณ่าจะได้ต้องหัวเราะเพื่อดูว่าฉันตลบตะแลงแค่ไหน ฉันย้ายมันช้า มาก ช้ามากเพื่อที่ฉันได้ไม่รบกวนการนอนหลับของชายชราผู้นั้น ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเพื่อที่จะเอาหัวทั้งหมดของฉันในการเปิดเพื่อให้ห่างไกลที่ฉันได้เห็นเขานอนอยู่บนเตียงของเขา ฮะ คนบ้าหรือจะฉลาดได้ขนาดนี้ และเมื่อหัวของฉันผ่านห้องไปได้ละ ฉันก็จัดการกับไอดคมไฟอย่างระมัดระวัง ระมัดระวัง ทำจนมันพอที่จะมองไม่เห็น แต่สิ่งนี้ฉันทำมาเป้นเวลานานถึง เจ็ดคืน ทุกคืน แค่เที่ยงคืน แต่ทุกครั้งฉันก็เห็นว่าตา มันก็ปิดอยู่ทุกครั้ง และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำงานให้เสร็จสิ้น ไม่ใช่ชายชราคนนั้นที่รบกวนฉัน แต่ตาปีศาสของเขาอะสิ และทุกๆเช้า เมื่อวันสิ้นสลาย ฉันได้เดินเข้าไปห้อง และพูดกับเขาอย่างกล้าหาญ เรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงอบอุ่นใจ และ ถามไถ่ถึงคืนนั้นของเขา ดังนั้นคุณจะเห็นได้ว่าเขาจะได้รับการชายชราลึกซึ้งมากแท้จริงที่สงสัยว่าคืนทุกที่เพียงแค่สิบสองฉันก็มองในเมื่อเขาขณะที่เขาหลับ
    คืนที่แปด ฉันยิ่งระมัดระวังในการเปิดประตูเป็นพิเศษ เข็มนาฬิกา นาที หมุนไปอย่างเร็วมาก ยิ่งคืนนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกถึงขอบเขตอำนาจของตัวเอง ความเฉลียวฉลาดของตัวเอง ฉันแทบจะไม่ได้มีความรู้สึกของชัยชนะ คิดว่ามีผมเปิดประตูทีละเล็กทีละน้อยและเขาไม่ได้ที่จะฝันของการกระทำหรือความคิดความลับของฉัน ฉันหัวเราะอย่างเป็นธรรมในความคิดและบางทีเขาได้ยินฉันพูด สำหรับเขาได้ย้ายไปอยู่บนเตียงก็เหมือนสะดุ้งตื่น ตอนนี้คุณอาจคิดว่าฉันดึงกลับ แต่ไม่มี ห้อง พักของเขาคือเป็นสีดำมืดกับความมืดทึบ (สำหรับบานประตูหน้าต่างถูกยึดใกล้ชิดผ่านเพราะกลัวโจร) เพื่อที่เขาจะได้ไม่เห็นประตูที่เปิดเอาไว้ และฉันก็ผลักมันอย่างต่อเนื่อง
    หัวของฉันได้เข้าไปแล้ว และกำลังจะเปิดโคมไฟ เมื่อนิ้วโป้งของฉันกำลังจะเลื่อนลงบน ไฟเท่านั้นแหละ ชายชราผู้นั้นก็ลุกขึ้นนั่งพร้อมตะโกนว่า “นั้นใครน่ะ”
    ฉันก็ยังเงียบและก็ไม่ได้พูดอะไร หนึ่งชั่วโมงเต็มๆที่ฉันไม่ได้ขยับกล้ามเนื้อใดๆของฉันเลย ระหว่างนี้ฉันก็ไม่ได้ยินเขานอนลงเช่นกัน เขายังคงนั่นอยู่บนตียงและฟังอยู่ ที่ฉันทำคืนแล้วคืนเล่า ฟังเสียงนาฬิกาตายบนผนัง
    ปัจจุบันฉันได้ยินเสียงคร่ำครวญเล็กน้อยและฉันรู้ว่ามันเป็นเสียงคร่ำครวญของความหวาดกลัวตาย มัน ไม่ได้โหยหวนของความเจ็บปวดหรือความเศร้าสลด ไม่นะ มันเป็นเสียง ที่เกิดขึ้นจากด้านล่างของดวงวิญญาณเมื่อ บวกกับความหวาดกลัว ผมรู้ว่าเสียงดี คืน จำนวนมากเพียงในเวลาเที่ยงคืนเมื่อทั้งหมดโลกนอน แต่ก็มี ขึ้นจากอกของตัวเองลึกกับมันน่ากลัว เสียงสะท้อน, ความน่ากลัวที่ฉันฟุ้งซ่าน ฉันบอกว่าผมรู้ว่ามันอย่างดี ผมรู้ว่าสิ่งที่ชายชรารู้สึก เขา แต่ฉันหัวเราะที่หัวใจ ผมรู้ว่าเขาได้รับการนอนหลับนับตั้งแต่เสียงแรกเล็กน้อยเมื่อเขาได้เปิดอยู่บนเตียง ความกลัวของเขาได้รับนับตั้งแต่การเจริญเติบโตแก่เขา เขาได้รับการพยายามที่จะจินตนาการพวกเขาไม่มีเหตุ แต่ไม่สามารถ เขา ได้รับการพูดกับตัวเองว่า”เป็นอะไร แต่ลมในปล่องไฟ มันเป็นเพียงเมาส์ข้ามชั้น หรือ”มันเป็นเพียงคริกเก็ตซึ่งได้ทำร้องเจี๊ยก ๆ เดียว ใช่ เขาได้รับการพยายามที่จะสะดวกสบายตัวเองกับสมมติฐานเหล่านี้ แต่เขาคิดว่าทั้งหมดมันไร้สาระ เพราะความตายในที่ใกล้เขาตามเขาเหมือนกับเงาดำของเขาก่อนหน้าเขาและเหยื่อ และ ได้มีอิทธิพลโศกเศร้าของเงา ที่ทำให้เกิดเขารู้สึก ถึงแม้ว่าเขาไม่เห็นหรือได้ยิน ความรู้สึกอยู่ของหัวของฉันภายในห้อง
    เมื่อผมมีรอเวลานานมากอดทนโดยไม่ได้ยินเขานอนราบ ฉันมีมติให้เปิดน้อย มากซอกน้อยมากในโคมไฟ ดัง นั้นผมจึงเปิดมัน คุณไม่สามารถคิดวิธีการลอบลับๆล่อๆ จนถึงวันที่มีความยาว สลัวเดียวเช่นเดียวกับหัวข้อของแมงมุม ถ่ายภาพจากรอยแยกออกและเต็มเมื่อตาอีแร้ง
    มันเปิด กว้างกว้าง และฉันเติบโตโกรธที่ผมจ้องดูเมื่อมัน ฉัน เห็นว่ามันมีความแตกต่าง ทุกสีหมองคล้ำด้วยม่านน่าเกลียดกว่านั้นที่แช่เย็นไขกระดูกมากในกระดูกของ ฉัน แต่ฉันจะได้เห็นอะไรอย่างอื่นของใบหน้าของชายชรา สำหรับฉันได้กำกับ เรย์เป็น ถ้าตามสัญชาติญาณซึ่งแน่นอนเมื่อพิลึกจุด
    และ ตอนนี้ มีฉันไม่ได้บอกให้คุณทราบว่าคุณคิดผิดสำหรับความบ้า แต่เป็นสิ่งที่เหนือความเก่งในเรื่องของประสาทสัมผัส ตอนนี้ฉันก็บอกว่ามีมาถึงหูผมเสียงต่ำหมองคล้ำได้อย่างรวดเร็วเช่นนาฬิกาทำให้เมื่อ ห่อในผ้าฝ้ายฉันรู้ว่าเสียงที่ดีเกินไป มันเป็นเต้นของหัวใจของชายชรา มันเพิ่มขึ้นโกรธของฉันเป็นตีกลองจะช่วยกระตุ้นการทหารเป็นความกล้าหาญ
    แต่แม้ยังฉันระงับ และยังคงเก็บไว้ ฉันแทบจะไม่ได้เป่า ฉันถือโคมไฟนิ่ง ฉันพยายามอย่างต่อเนื่องว่าผมสามารถรักษาเรย์ เมื่อตา ระหว่างนี้สักชั่วร้ายของหัวใจเพิ่มขึ้น จะขยายตัวได้เร็วขึ้นและเร็วและดังขึ้นและดังขึ้นทันทีทุกครั้ง ความหวาดกลัวของชายชราจะต้องได้รับมาก! จะขยายตัวได้ดัง ฉันพูดว่าดังทุกขณะ ทำคุณทำเครื่องหมายฉันด้วยหรือไม่ ฉันได้บอกคุณว่าฉันประสาท และตอนนี้ในเวลาตายของคืนท่ามกลางความเงียบน่ากลัวของบ้านหลังเก่าที่เสียงเช่นนี้ตื่นเต้นหวาดกลัวที่ไม่สามารถควบคุมได้ ให้ผมแปลกมาก แต่สำหรับบางนาทีอีกต่อไปฉัน ระงับ และยืนนิ่ง แต่การตีขยายตัวได้ดัง, ดัง! ฉันคิดว่าหัวใจจะต้องออกมา และตอนนี้ความวิตกกังวลใหม่ยึดฉัน เสียงก็จะได้ยินโดยเพื่อนบ้าน! ชั่วโมงของชายชราได้มา! ด้วยเสียงโห่ร้องอันดังว่า”ฉันโยนเปิดโคมไฟและ กระโดด เข้ามาในห้อง เขาด้วยเสียงแหลมครั้ง ในทันทีที่ฉันลากเขาไปสู่พื้นและดึงเตียงหนักกว่าเขา ฉันแล้วยิ้มอย่างเบิกบานใจในการหาที่ดินทำเพื่อให้ห่างไกล แต่เป็นเวลาหลายนาทีหัวใจเต้นบนกับเสียงอยู่ในลำคอ นี้ แต่ไม่ได้รบกวนผม มันก็จะไม่อาจได้ยินเสียงผ่านผนัง จนกระทั่งมันหยุด ชายชราเสียชีวิต ฉันลุกจากเตียงและตรวจสอบศพ หินใช่เขาเป็นหินที่ตายแล้ว ผมวางมือของฉันเมื่อหัวใจและจัดขึ้นที่นั่นเป็นเวลาหลายนาที มีจังหวะไม่ได้ เขาเป็นหินที่ตายแล้ว ตาของเขาจะไม่มีปัญหาในการฉันมากขึ้น
    ถ้ายังคุณคิดว่าผมบ้าคุณจะคิดอย่างนั้นไม่ได้อธิบายถึงข้อควรระวังเมื่อฉันฉลาดฉันเอาสำหรับปกปิดร่างกาย คืน และผมทำงานอย่างเร่งรีบ แต่ในความเงียบก่อนอื่นฉันศพผมตัดหัวและแขนและขา แล้วเอาขึ้นจากพื้นของห้องและฝากทั้งหมด ฉันแล้วเปลี่ยนบอร์ดเพื่อชาญฉลาดเพื่อให้ตลบตะแลง ว่าไม่มีสายตาของคนมองมา ไม่ได้ของเขา อาจมีการตรวจพบสิ่งผิดปกติ ไม่มีรอยเปื้อนใด ๆ ไม่มีอะไรหลุดออกมาเป็นเลือดไม่มีจุดใด ฉันได้รับการระวังเกินไปสำหรับที่ อ่างอาบน้ำมีจับทั้งหมด ฮะ! ฮะ! เมื่อผมได้ทำส่วนท้ายของแรงงานเหล่านี้ก็คือตีสี่ ยังคงมืดเป็นเวลาเที่ยงคืน ระฆังเป่าชั่วโมงมีมาเคาะที่ประตูถนน ฉันลงไปเปิดกับหัวใจไฟ สำหรับสิ่งที่มีตอนนี้คือฉันกลัว? มีชายสามคนป้อนผู้ริเริ่มเองด้วยความสุภาพที่สมบูรณ์แบบเป็นเจ้าหน้าที่ของตำรวจ กรี๊ด สลบได้รับการได้ยินโดยเพื่อนบ้านในช่วงกลางคืน ความสงสัยได้รับการกระตุ้น ได้รับการยื่นที่สำนัก งานตำรวจและพวกเขา (เจ้าหน้าที่) ได้รับการ แต่งตั้ง เพื่อค้นหาสถานที่
    ฉันยิ้ม สำหรับสิ่งที่มีฉันกลัว สุภาพบุรุษต้อนรับ ฉันกล่าวว่าเป็นของตัวเองในความฝันของฉัน ชายชราฉันกล่าวถึงได้ไม่อยู่ในประเทศ ฉันเอาของฉันผู้เข้าชมทั่วบ้าน ฉัน พวกเขาค้นหา การค้นหาด้วย ผมพาพวกเขาที่มีความยาวถึงห้องของเขา ผมพบว่าพวกเขาทรัพย์สมบัติของเขามีความปลอดภัยไม่ถูกรบกวน ใน ความกระตือรือร้นของความเชื่อมั่นของฉันที่ฉันได้นำเก้าอี้เข้ามาในห้องและ พวกเขาต้องการนี่เพื่อส่วนที่เหลือจากความเหนื่อยล้าและในขณะที่ตัวผมเองใน ความกล้าป่าของชัยชนะที่สมบูรณ์แบบของฉันที่วางไว้ที่นั่งของตัวเองได้มาก เมื่อจุดที่อยู่ด้านล่างซึ่ง ศพ ของเหยื่อได้พักอยู่
    จ้าหน้าที่มีความพึงพอใจ อย่างฉันก็มีความเชื่อมั่นพวกเขา ผมเป็นอย่างดีเลิศที่เหมาะกับงาน เขานั่งและในขณะที่ฉันตอบอย่างเบิกบานใจพวกเขาพูดคุยสิ่งที่คุ้นเคย แต่ก่อนนานผมก็รู้สึกว่าตัวเองได้รับอ่อนและอยากให้หายไป หัวของฉัน ปวดไปหมด และฉัน เสียง เรียกเข้าในหูของฉัน แต่ก็ยังพวกเขายังคงนั่งพูดคุย กลาย เป็นอีกเสียงที่แตกต่างกัน มันอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นเพิ่มเติมที่แตกต่าง ฉันพูดคุยได้อย่างอิสระเพื่อที่จะกำจัดความรู้สึก แต่มันอย่างต่อเนื่องและได้รับความชัดเจนจนถึงวันที่ความยาวผมพบว่าเสียงที่ไม่ได้อยู่ในหูของฉันสงสัยฉันตอนนี้ขยายตัวซีดมากไม่ แต่ฉันพูดคุยได้อย่างคล่องแคล่วและด้วยเสียงที่ทำเป็นแข็งแรงขึ้น แต่เสียงที่เพิ่มขึ้น — และสิ่งที่ฉันได้ทำอย่างไร มันเป็นที่ต่ำหมองคล้ำได้อย่างรวดเร็วเสียง เสียงมากเช่นทำให้เมื่อดูในห่อผ้าฝ้าย ฉันอ้าปากค้างสำหรับลมหายใจ และเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ยินมัน ฉันพูดคุยได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ขึ้นร้อนแรง แต่เสียงอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้น ทำไมพวกเขาจะไม่หายไปไหน? เทียวไปเทียวมากับความก้าวหน้าอย่างหนักเช่นถ้าตื่นเต้นที่จะโกรธจากการ สังเกตของชาย แต่เสียงอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้น โอ้พระเจ้าสิ่งที่ฉันได้ทำอย่างไร ฉันสาบาน! เก้าอี้ตามที่ฉันได้นั่งและขูดมันเมื่อบอร์ด แต่เสียงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่าทุกและเพิ่มขึ้น จะขยายตัวได้ ดัง ดัง ดัง! และชายยังคงพูดคุยอย่างสนุกสนานและรอยยิ้ม ว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้มั้ยที่พวกเขาจะได้ยิน? พระเจ้าผู้ทรงอำนาจ ไม่มีไม่มี! พวกเขาได้ยินพวกเขาสงสัยว่าพวกเขารู้ว่า พวกเขาได้ทำให้การเยาะเย้ยของความน่ากลัวของฉันนี้ฉันคิด แต่สิ่งที่ดีกว่าความทุกข์ทรมานนี้ อะไรสักอย่างที่ยอมรับมากขึ้นกว่าการดูถูก ฉันสามารถทนรอยยิ้มที่หลอกลวงไม่ได้อีกต่อไป!ฉันรู้สึกว่าฉันต้องกรีดร้องหรือตายและตอนนี้อีกครั้งฟัง! ดังขึ้น ดังขึ้น ฉันร้องกรี๊ดลั่น” ผมยอมรับการกระทำของตัวเอง และที่นี่มันทำให้การเต้นของหัวใจฉันเต้นอย่างน่าตกใจ

    น.ส. นุชสรา ผิวอ่อน อ.ส.3-1 51501030046-2

  66. Yuwadee Boonmalert A.E.3-2 says:

    Who Was To Blame?: Anton Chekhov
    ใครถูกตำหนิ?
    ลุงของฉัน Pyotr Demyanitch เขาซูบผอม และดูหงุดหงิดเขาเป็นสมาชิกสภาวิทยาลัย เขาดูเหนื่อยล้าเหมือนกับปลารมควันที่ถูกไม้เสียบ เขาพร้อมที่จะไปไฮสคูลที่เขาสอนภาษาละติน เขาบอกว่ามุมหนังสือไวยากรณ์ถูกหนูแทะ “Praskovya” เขาเรียก ขณะเดินไปที่ห้องครัว “เรามีหนูที่นี่ได้อย่างไร? เมื่อวานส่วนบนของหมวกฉันก็ถูกแทะ วันนี้พวกมันก็ทำลายหนังสือไวยากรณ์ละตินของฉัน การดุครั้งนี้จะทำให้พวกมันเริ่มกินเสื้อผ้าของฉัน!”
    “ฉันจะทำอะไรได้? ฉันไม่ได้นำพวกมันเข้ามาในนี้สักหน่อย!” Praskovya ตอบ
    “เราต้องทำอะไรสักอย่าง! เธอมีแมวที่ดีสักตัวหนึ่งมั้ย?”
    “ฉันมีแมวแต่ไม่รู้ว่ามันดีหรือเปล่า?” Praskovya ชี้ไปที่มุมห้องที่มีลูกแมวสีขาวตัวหนึ่งผอมเหมือนกับไม้ขีด นอนหมอบหลับอยู่ใกล้ ๆ กับไม้กวาด “ทำไมมันถึงไม่ดีล่ะ?” Pyotr Demyanitch ถาม
    “มันยังเล็กและเซ่อมันแก่ยังไม่ถึงสองเดือนเลย”
    “อืมม…เราสอนมันได้ มันก็จะได้ความรู้มากกว่า แทนที่จะมานอนแบบนี้” พูดเสร็จ Pyotr Demyanitch ก็ถอนหายใจแล้วเดินออกจากห้องครัว ลูกแมวเงยหน้าของมันขึ้นมา แล้วมองตามหลังเขาอย่างเกียจคร้าน แล้วก็หลับอีกครั้ง ลูกแมวนอนหมอบและคิดอย่างตื่นตัว อะไรกัน? มันไม่เข้าใจชีวิตจริง ไม่มีอาหารเพิ่มขึ้น และรอยตำหนิ จิตใจของมันสามารถปฏิบัติการโดยสัญชาตญาณเท่านั้น และมันคิดภาพชีวิตของมัน ตามนัยกับความคิดที่มันได้สืบทอด ร่วมกันกับร่างกายและสายเลือด จากเสือที่เป็นบรรพบุรุษของมัน ความคิดของมันเป็นธรรมชาติ และชอบฝันกลางวัน ตระกูลแมวของมันจินตนาการภาพเหมือนกับชาวอาหรับในทะเลทราย มีเงาใหญ่แวบผ่านใกล้มันเหมือนกับ Praskovya ที่เตา ที่ไม้กวาด ในท่ามกลางเงา ทันใดนั้นมีบางอย่างปรากฏตัวที่จานรองถ้วยนม มันเริ่มกลายเป็นอุ้งตีน มันเริ่มขยับ และเหมือนกับวิ่ง ลูกแมวน้อยกระโดดขึ้นลงด้วยความตื่นเต้นในความกระหายเลือด และใช้กรงเล็บดันมันอย่างแรง เมื่อจานรองถ้วยหายไปในความมืด เศษอาหารก็ปรากฏ เนื้อสัตว์วิ่งไปได้เองด้วยความด้วยความขี้ขลาด พร้อมเสียงร้อง จี๊ด ๆ ลูกแมวกระโดด และใช้กรงเล็บตะปบมัน ทุกอย่างโรยด้วยกลีบกุหลาบในการจินตนาการของลูกแมวน้อยช่างฝัน เมื่อการกระโดด กรงเล็บ และฟัน จิตวิญญาณที่ชั่วร้าย และจิตวิญญาณของแมวมากกว่า แต่จะอย่างไรเพียงแค่วิสัยทัศน์ ที่อธิบายถึงความซื่อสัตย์เมื่อตามด้วยข้อเท็จจริง ภายใต้อำนาจชักจูงของความช่างฝันของลูกแมว ทันใดนั้นลูกแมวก็กระโดดขึ้นและมองตาเป็นประกายไปที่ Praskovya ขนหลังของมันตั้งขึ้นและกระโดดหนึ่งครั้ง มันใช้เล็บตะปบอย่างแรงไปที่ผ้ากันเปื้อน แน่นอนมันเป็นผู้จับหนูลูกหลานที่มีค่าของบรรพบุรุษกระหายเลือดของมัน ชะตากรรมได้กำหนดให้มันกลัวห้องใต้ดินและห้องเก็บของ มันไม่เคยเรียนรู้เรื่องนี้เลย อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
    ขณะที่ Pyotr Demyanitch เดินทางจากบ้านไปไฮสคูล เขาเข้าไปในร้านขายของ และซื้อกับดักหนูสิบห้า โคเพค ในช่วงอาหารเย็น เขานำเนื้อบดทอดวางไว้บนตะขอ และวางกับดักหนูไว้ใต้โซฟา ที่มีกองสมุดจดของนักเรียน หกโมงเย็น ผู้เชี่ยวชาญที่มีค่าในภาษาละติน นั่งบนโต๊ะตรวจแบบฝึกหัดของนักเรียน ทันใดนั้น “คร็อบ!” เสียงนั้นทำให้ลุงของฉันเริ่มหยุดปากกา เขาเดินไปที่โซฟา แบะหยิบกับดักหนู หนูตัวเล็กที่สะอาดสะอ้านมีขนาดเท่ากับที่ครอบปลายนิ้วตอนเย็บผ้า มันสูดจมูกผ่านลวดตาข่าย และสั่นสะท้านด้วยความกลัว
    “อาฮ้าาา” Pyotr Demyanitch พึมพำ และมองไปที่หนูด้วยเจตนาร้าย “จับมัน เหยื่อที่น่าสงสาร รอสักเดี๋ยว! ฉันจะสอนให้แกกินหนังสือไวยากรณ์ของฉัน!”
    Pyotr Demyanitch มองด้วยความสะใจไปที่เหยื่อเคราะห์ร้าย เขาวางกับดักหนูบนพื้นและเรียก “Praskovya จับหนูได้แล้ว! นำแมวมาที่นี่!”
    “มาแล้ว” Praskovya ขานรับ และนาทีต่อมาเธอก็มากับลูกหลานของเสือในอ้อมแขนของเธอ
    “ประหารชีวิต” Pyotr Demyanitch พูด เขาถูมือของเขา “เราจะให้บทเรียนกับมัน วางมันลงตรงข้ามกับกับดักหนู …ใช่แล้ว…ให้มันดมและมองหนู…นั่นแหละ…”
    ลูกแมวมองด้วยความประหลาดใจไปที่ลุงของฉัน และดมไปที่กับดักหนูด้วยความสับสน จากนั้นหวาดกลัว น่าจะเพราะแสงจากโคมไฟ และความสนใจที่มุ่งไปที่มัน มันจึงวิ่งด้วยความกลัวไปที่ประตู “หยุด!” ลุงของฉันตะโกน เจาจับไปที่หางของมัน “หยุดนะเจ้าโง่! แกกลัวหนู เจ้าโง่ ! ดูสิ แค่หนูตัวหนึ่ง ! ดูสิ เร็วฉันบอกให้ดู !” Pyotr Demyanitch จับแมวที่ด้านหลังคอและดันจมูกมันไปที่กับดักหนู
    “ดูซะ เจ้าสัตว์ที่เน่าเหม็น จับและบอกมัน Praskovya…จับมัน ตรงข้ามประตูของกับดักหนู…เมื่อฉันปล่อยหนูไป เธอต้องปล่อยมันโดยทันที…ได้ยินมั้ย? โดยทันที เริ่ม! เดี๋ยวนี้!” ลุงของฉันยกประตูของกับดักหนู หนูวิ่งไปอย่างลังเล สูดอากาศ และพุ่งเหมือนลูกศรหนีไปใต้โซฟา ลูกแมวถูกปล่อยตัวมันพุ่งไปที่ใต้โต๊ะ “มันจะไปไหน! จะไปไหน!” Pyotr Demyanitch ร้องอย่างดุร้าย “อยู่ไหนเจ้าโง่? ใต้โต๊ะใช่มั้ย? รอเดี๋ยว..” ลุงของฉันลากลูกแมวจากใต้โต๊ะและชูมันบนอากาศ “แย่มาก” เขาบ่น และตบอย่างแรงไปที่หูของมัน “จับมัน จับมัน! จะหนีอีกครั้งใช่มั้ย? แย่มากก….” วันต่อมา Praskovya ได้ยินคำสั่งอีกครั้ง “Praskovya จับหนูได้แล้ว! นำแมวมาที่นี่!” หลังจากการกระทำที่รุนแรงก่อนหน้านี้ ลูกแมวหลบอยู่ใต้เตา และไม่ออกมาอีกเลยทั้งคืน จากนั้น Praskovya ก็ลากมันออกมาและหิ้วมันที่หลังคอเข้าไปในห้องทำงาน และวางมันลงตรงหน้ากับดักหนู มันสั่นสะท้านไปทั้งตัว และร้องเหมียว เหมียว อย่างน่าสงสาร “มานี่ให้มันจับหนูในบ้านก่อน ให้มันดูและดม ดูและเรียน!” Pyotr Demyanitch สั่ง “ถ้าแกหยุดฉันจะลงโทษแก!” เขาตะโกน ลูกแมวถอยหลังจากกับดักหนู “ฉันจะตบแกที่หู! เข้าใจมั้ย? …ดีมาก เอาล่ะ วางมันข้างหน้ากับดักหนู…” ลุงของฉันค่อย ๆ ยกประตูกับดักหนู และแกว่งหนูใกล้ ๆ จมูกของลูกแมว และเขาก็โยนหนูทิ้งไป มันหนีไปใต้ตู้เก็บของ เมื่อลูกแมวถูกปล่อยเป็นอิสระ มันกระโดดอย่างเร็วไปใต้โซฟา “มันปล่อยให้หนูหนีไป!” Pyotr Demyanitch ตะโกน “เธอควรจะเรียกมันว่าสัตว์ที่น่ารังเกียจ! ทุบมัน ตีมันด้วยกับดักหนู!”
    เมื่อหนูตัวที่สามถูกจับ ลูกแมวก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวเมื่อเห็นกับดักหนูที่อยู่ในบ้าน มันข่วนมือของ Praskovya หลังจากนั้นก็หนูตัวที่สี่ถูกจับ ลุงของฉันเริ่มบันดาลโทสะเขาเตะแมวและพูดว่า “เอาสิ่งที่น่ารังเกียจออกไป! กำจัดมัน! โยนมันทิ้งไป! ไม่มีประโยชน์ที่จะใช้มันอีกแล้ว!”
    หนึ่งปีผ่านไป ลูกแมวที่ผอมและอ่อนแอ ได้เติบโตและฉลาด วันหนึ่งมันเดินอยู่ในสวนหลังบ้าน มันได้ยินเสียงกรอบแกรบและไม่นานหลังจากนั้น มันเห็นหนูตัวหนึ่งวิ่งผ่านไป และแมวอีกตัวหนึ่งวิ่งตาม มันได้ยินเสียงแมวร้อง มันสั่นไปทั้งตัวในการต่อสู้ที่ไร้ศีลธรรม อนิจจา บางครั้งฉันรู้สึกน่าขำในจุดยืนเหมือนกับลูกแมว ขณะนี้เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันบังเอิญได้เห็นวรรณคดีโบราณ แทนที่จะกระตือรือร้นสนใจ ฉันเริ่มคิดตามอย่างต่อเนื่อง ถึงความไม่ถูกต้องของการกระทำ ความซีดบนใบหน้าของลุงแยกขาดโดยสมบูรณ์ ฉันหนีการกระทำนอกคอก ผมฉันตั้งบนหัวเหมือนกับแมว ฉันหนีการกระทำที่น่าอาย

  67. Purin Teekapowan says:

    นายภูรินท์ ฑีฆะโภวรรณ 51501030055-3
    กดส่งในรูปไม่ได้เลยอ่ะครับ ส่งตรงนี้ไปก่อนนะครับ อาจารย์
    The open window
    หน้าต่างที่เปิดอยู่
    “คุณป้ากำลังจะลงมาเดี๋ยวนี้ละค่ะคุณนัตเทล” เด็กสาววัย15ท่าทางเยือกเย็นกล่าว “ในระหว่างนี้คุณต้องทนกับฉันไปพลางๆก่อนค่ะ”
    แฟรมตัน นัทเหล พยายามพูดบางอย่างซึ่งกล่าวชื่นชมหลานเจ้าของบ้านตามมารยาท ขณะเดียวกันก็ไม่ให้เสียมารยาทต่อผู้เป็นป้าที่กำลังจะมาด้วย แต่ในใจนั้นเขารู้สึกสงสัยยิ่งกว่าที่เคยสงสัยเสมอว่า การมาเยี่ยมเยียนอย่างเป็นทางการ ผู้ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแบบนี้จะช่วยให้จิตใจของเขาสงบลงได้จริงหรือ
    “ฉันรู้ดีว่ามันจะเป็นอย่างไง” พี่สาวของเขาพูดตอนที่เขาเตรียมตัวจะย้ายไปที่ชนบทแห่งนี้ “เธอจะฝังศพเธอเองอยู่ที่นั้นและเธอจะไม่ได้พูดกับคนอื่นเลยและประสาทเธอจะยิ่งแย่ลงเพราะความหดหู่ ฉันจะเขียนจดหมายแนะนำเธอไปถึงคนที่ฉันรู้จักที่นั้น เท่าที่จำได้ก็พอมีคนนิสัยดีอยู่เหมือนกัน”
    แฟรมตันยังสงสัยอยู่ว่า คุณนายแชปเปิลตัน หญิงผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รับจดหมายแนะนำตัวจะอยู่ในประเภทนิสัยดีจริงหรือ
    “คุณรู้จักคนแถวนี้เยอะไหมค่ะ” เด็กสาวถามซึ่งเห็นว่าต่างเงียบกันไปนานแล้ว
    “ไม่รู้จักใครเลยครับ” แฟรมตันตอบ “เพียงแต่พี่สาวผมเคยอยู่ที่โบสถ์ที่นี้เมื่อสัก4ปีก่อนครับ และเขียนจดหมายแนะนำตัวผมให้กับคนที่นี้” น้ำเสียงตอนท้ายของเขาเศร้าแตกต่างจากที่ผ่านมา “งั้นคุณก็ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับคุณป้าเลยสิค่ะ” เด็กสาวผู้ที่มีท่าทางเยือกเย็นถามต่อ
    “ครับ ผมรู้เฉพราะชื่อกับที่อยู่เท่านั้นเอง” แขกผู้มาเยือนยอมรับ เขาสงสัยว่าคุณนายแชปเปิลตันแต่งงานแล้วหรือไม่ก็เป็นม่าย เพราะลักษณะบางอย่างในห้องนี้บ่งบอกว่ามีผู้ชายอาศัยอยู่
    “เรื่องแสนเศร้าของคุณป้าเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อนค่ะเด็กสาวเล่าว่านั้นจะต้องเป็นเวลาเดียวกับพี่สาวของคุณ
    “เรื่องแสนเศร้าของเธอ” แฟรมตันถาม เนื่องจากชนบทที่สงบเงียบเช่นนี้ไม่น่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นได้
    “คุณคงสงสัยว่าทำไมเราถึงเปิดหน้าต่างทิ้งไว้อย่างนั้น ทั้งที่เป็นตอนเย็นของเดือนตุลาคม” ผู้เป็นหลานสาวพูดพร้อมระบุ หน้าต่างแบบฝรั่งเศสบานใหญ่ที่เปิดออกไปทางสนามหญ้า
    “อากาศค่อนข้างที่จะร้อนในเวลานี้ของปีแต่หน้าต่างบานนี้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องแสนเศร้าที่ว่าหรือครับ” แฟรมตันถาม
    “ในวันนี้แหละค่ะ เมื่อ 3 ปี ก่อนสามีเธอกับน้องชายอีก 2 คน ของคุณป้าเดินออกจากหน้าต่างด้านนี้ไปล่าสัตว์แล้วก็ไม่กลับกันมาอีกเลย ระหว่างเดินตัดทุ่งไปยังจุดที่สุ่มยิงนกที่ชอบ พวกเขาตกลงไปในหลุมโคลนดูด ช่วงนั้นเป็นหน้าร้อนที่ฝนตกหนักมาก พื้นที่ที่ปลอดภัยก็เปลี่ยนไปโดยไม่มีการเตือน ศพของพวกเขายังไม่เป็นที่ค้นพบ นี้แหละที่น่ากลัว” เสียงของเด็กสาวไม่มีความเยือกเย็นและเปลี่ยนเป็นตะกุกตะกักเหมือนคนทั่วๆไป
    “ป้าที่น่าสงสารคิดอยู่ตลอดเวลาว่าพวกเขาจะกลับมา พวกเขากับหมาพันธุ์สแปนเนียลสีน้ำตาลตัวเล็กซึ่งหายไปกับพวกเขาด้วย และจะกลับมาทางหน้าต่างนั้นเหมือนทุกครั้ง นี้แหละคือเหตุผลที่เปิดหน้าต่างนั้นไว้จนค่ำทุกวัน สงสารคุณป้าเหลือเกิน คุณป้าเล่าให้ฟังบ่อยๆว่าตอนที่พวกเขาออกไปสามีของเธอถือเสื้อกันฝนสีขาวพาดแขนไว้และรอนนี่น้องชายคนเล็กของคุณป้าก็ร้องเพลง ‘เบอร์ตี้ ทำไมเธอต้องกระโดด อย่างที่เคยล้อคุณป้าเสมอเพราะคุณป้าบอกว่าฟังเพลงนี้ทีไรปวดหัวทุกที คุณรู้ไหมเวลาเย็นๆเงียบๆแบบนี้บางครั้งฉันก็รู้สึกสะดุ้งวาบขึ้นมาเหมือนพวกเขากำลังจะเดินเข้ามาทางหน้าต่างบานนั้น…”
    เธอพูดขาดตอนไปพร้อมกับห่อไหล่ด้วยอาการหวาดกลัว แฟรมตันรู้สึกโล่งอกอย่างยิ่งเมื่อคุณป้าเข้ามาในห้องและขอโทษที่ลงมาช้า
    “ฉันหวังว่าวีร่าคงไม่ทำให้คุณเบื่อนะค่ะ” เธอถาม
    “เธอน่าสนใจมากครับ” แฟรมตันตอบ
    “คุณคงไม่ว่าอะไรนะค่ะที่เราเปิดหน้าต่างไว้อย่างนั้น”คุณนายแชปเปิลตันพูดด้วยน้ำเสียงแจ่มใสร่าเริง “สามีกับน้องชายของฉันกำลังจะกลับมาจากยิงนกแล้วก็ชอบเดินเขามาทางด้านนี้แหละค่ะ วันนี้เขาออกไปยิงนกกันที่หนองน้ำพอกลับมา พรมเก่าๆของฉันคงเลอะเทอะแน่ๆเลยเหมือนคุณกับผู้ชายทั่วๆไปจริงไหมค่ะ”
    เธอเล่าต่อไปอย่างอารมณ์ดีเรื่องการยิงนก เรื่องที่นกหายากขึ้นทุกวันๆและเรื่องโอกาสที่จะได้เป็ดในหน้าหนาว เท่านั้นเองก็ทำให้แฟรมตันรู้สึกตกใจกลัว เขาพยายามเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปคุยเรื่องที่น่ากลัวน้อยกว่านี้ แต่ดูจะไม่เป็นผล เขารู้สึกว่าหญิงเจ้าของบ้านไม่ได้ใส่ใจที่ตัวเขาสักเท่าไหร่ เพราะสายตาเธอมักจะมองข้ามเขาไปที่หน้าต่างบานที่เปิดอยู่และสนามหญ้าทางด้านหลังอยู่เสมอๆ โชคร้ายเสียจริงที่เขาจะต้องมาเยี่ยมเธอในวันครบรอบของเหตุการณ์ครั้งนี้
    “หมอทุกคนที่ผมไปรักษาสั่งให้ผมพักผ่อนให้เต็มที่ไม่ให้รู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องอะไรทั้งสิ้นแล้วก็ห้ามออกแรงทำอะไรหนักๆด้วยครับ” แฟรมตันเล่า พยายามหลอกตัวเองว่าคนที่ไม่รู้จักกันเลยและรู้จักห่างๆย่อมอยากรู้รายระเอียดเรื่องโรคภัยไข้เจ็บรวมถึงสาเหตุและการรักษา “ส่วนเรื่องอาหารพวกเขาไม่ค่อยเห็นตรงกันเท่าไหร่ครับ”
    “เหรอคะ” นางแชปเปิลตันกล่าวขึ้นในท่าทีเหมือนจะหาวออกมาในตอนท้ายแล้วทันใดนั้นเธอก็มีท่าทางตื่นเต้นดีใจกับอะไรบางอย่างแต่ไม่ใช่เรื่องที่แฟรมตันเล่าแน่
    “ในที่สุด” เธอร้องขึ้น “ทันเวลาน้ำชาพอดีเลย ดูสิ เลอะโคลนไปหมด” แฟรมตันเกิดอาการตัวสั้นเล็กน้อยและหันไปมองเด็กสาวด้วยสายตาที่ตั้งใจจะแสดงความเห็นใจ เด็กสาวจ้องไปนอกหน้าต่างที่เปิดแววตาตกตะลึงด้วยความกลัว ด้วยความตกใจแฟรมตันรีบมองไปทางนั้น
    ในตอนแสงขมุกขมัวตอนย่ำค่ำร่างคน 3 คนกำลังเดินตัดสนามตรงมาที่หน้าต่าง ทุกคนถือปืนอยู่ในมือ คนหนึ่งในนั้นมีเสื้อกันฝนสีขาวพาดอยู่บนบ่า และหมาสแปนเนียลสีน้ำตาลท่าทางเหนื่อยวิ่งตามพวกเขามาติดๆทั้งหมดเดินเขามาในบริเวณบ้านอย่างเงียบๆ และแล้วเสียงแหบของชายหนุ่มก็ครวญเพลงดังมาจากแสงโพล้เพล้นั้น
    “ว่าไงเบอร์ตี้ ทำไมเธอต้องกระโดด”
    แฟรมตันดว้าไม้เท้าและหมวกแล้ววิ่งผ่านประตูห้องโถงไปที่ถนนโรยกรวด และออกประตูหน้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว ชายคนหนึ่งที่ถีบจักรยานสวนมาต้องหักหลบเขาไปชนรั้วต้นไม้ข้างทาง
    “กลับมาแล้วที่รัก” ชายคนที่มีเสื้อฝนพาดบ่าพูดขึ้นขณะที่ก้าวผ่านหน้าต่างเข้ามา “เลอะโคลนเยอะหน่อยแต่ส่วนใหญ่ก็แห้งแล้ว คนที่วิ่งหายไปนั้นใครรึ”
    “เป็นคนแปลกที่สุด คุณนัทเทลคะ คุณนายแชปเปิลตันพูด “คุยแต่อาการป่วยของตัวเองแล้วกระโจนออกไปไม่ล่ำลา พอคุณมาทำหยั่งกะเห็นผีอย่างนั้นแหละ”
    “หนูคิดว่าคงเป็นเพราะหมาสแปนเนียลนะคะ” ผู้เป็นหลานสาวเอ่ยขึ้นด้วยความสงบนิ่ง “เขาบอกว่าเขาเป็นคนกลัวหมา เขาเคยถูกหมาข้างถนนฝูงหนึ่งไล่จนเข้าไปติดอยู่ในสุสานที่ไหนสักแห่งในแม่น้ำคงคาต้องนอนอยู่ในหลุมศพที่เพิ่งขุดใหม่ๆทั้งคืนพร้อมกับหมาฝูงนั้นก็แยกเขี้ยวคำรามขู่เขาอยู่บนหลุม ก็เพียงพอที่จะทำให้ใครสักคนสติแตกได้”
    การแต่งนิยายด้วยเวลาอันสั้นคือความสามารถพิเศษของหลานสาวคุณนายแชปเปิลตันคนนี้

  68. Thanyanit Worasarn says:

    นางสาวธัญญษนิตย์ วรสาร 51501030055-3
    ส่งมนรูปไม่ได้เหมือนกันค่ะ
    A Young Turkish Catastrophe
    ภัยพิบัติของพ่อหนุ่มตุรกี
    รัฐมนตรีแห่งวิจิตรศิลป์(หน่วยงานย่อยที่ซึ่งได้รับการเพิ่มเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยจัดการการเลือกตั้งเมื่อเร็วๆนี้) ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ตามมารยาททางสังคมของตะวันออก พวกเขาใช้เวลาสักครู่เพื่อสนทนาในเรื่องทั่วๆไป รัฐมนตรีเพียงแต่ตรวจสอบตนเองมห้มั่นใจว่าในท้ายที่สุดได้ส่งมอบหนังสืออ้างอิงเกี่ยวกับการแข่งขันมาราธอน ต้องไม่ลืมว่าคุณย่าของท่านนายกเป็นชาวเปอร์เซียซึ่งอาจจจะมองว่าการแข่งขันมาราธอนนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ ในตอนนั้นเองรัฐมนตรีได้สอบถามในหัวข้อหนึ่ง
    “ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นผู้หญิงมีสิทธิเลือกตั้งหรือไม่ครับ” เขาถามในทันที
    “มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้หญิงน่ะหรอเหรอ?” ท่านนายกร้องด้วยความประหลาดใจ
    “ท่านนายกรัฐมนตรี จุดเริ่มต้นใหม่นั้นช่างพิกลเหลือเกิน อย่าพยายามทำให้มันน่าขบขันกระนั้นเลย พวกผู้หญิงนะไม่มีจิตวิญญานหรือกระทั้งเชาว์ปัญญา แล้วทำไมพวกเขาถึงควรมีสิทธิเลือกตั้งหละ? ”
    “ข้ารู้ว่ามันฟังดูน่าขบขัน” รัฐมนตรีกล่าว “แต่ในประเทศตะวันตกนั้นมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก”
    “ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็คงมีความสามารถมากกว่าที่ข้าคิด หลังจากใช้เวลาทั้งชีวิต ข้าพยายามที่จะรักษาความสำคัญของตัวเอง ข้าสามารถอดกลั้นในการยิ้มรับข้อเสนอที่ต้องการได้ แต่ในเมื่อผู้หญิงอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้แบบนั้นแล้วพวกหล่อนจะลงคะแนนเสียงเลือกตั้งได้ยังไงล่ะ”
    “จะมีชื่อของผู้สมัครและช่องที่ให้กากบาทบอกพวกหล่อนเอาไว้ครับ”
    “อะไรนะ” นายกขัดขึ้น
    “กระผมหมายถึงรูปจันทร์เสี้ยวนะครับ” รัฐมนตรีกล่าว “คะแนนเสียงน่าจะถูกเทไปที่พรรคของเจ้สตุรกีหนุ่ม” เขาเสริม
    “ ถ้างั้นก็ดี” นายกพูด “ถ้าพวกเราต้องทำทุกสิ่งตามนั้น พวกเราคงต้องเป็นห… เข้าชะงักเมื่อกำลังจะพูดชื่อสัตว์สกปรกแล้วพูดต่อว่า “อูฐแน่ๆเลย ข้าจะออกประกาศว่าพวกผู้หญิงมีสิทธิเลือกตั้ง”
    คะแนนเสียงดูเหมือนจะเทไปที่พรรคลาโคมิสฐาน ผู้สมัครหนุ่มรู้ว่าตนน่าจะได้คะแนนเสียงสัก 300 หรือ 400 และได้เตรียมร่างปาฐกถาเพื่อขอบคุณผู้ลงคะแนนแล้ว ชัยชนะของเขาดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่รู้กันล่วงหน้าแล้ว ด้วยเหตุที่ว่าเขาเป็นคนปรับระบบการเลือกตั้งให้เป็นแบบตะวันตก เขาได้จ้างรถยนต์ ผู้สนับสนุนบางส่วนของเขาเดินทางมาลงคะแนนเสียงด้วยรถคันนี้ แต่ต้องขอบคุณการขับรถที่แสนฉลาดของคนขับรถของเขาที่ทำให้ผู้ต่อสู้คนอื่นต้องไปสู่หลุมศพหรือโรงพยาบาลหรือทำให้ออกเสียงไม่ได้
    และแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น นาย เอไล เบรสได้มาถึงพร้อมกับภรรยาทั้งหลายของเขา และพวกผู้หญิงในเมืองกว่า 600 คน เอไลได้ทำลายแผนการที่วาดไว้ทั้งหมดคะแนนเลือกตั้งของคู่แข่งเขาเหมือนถูกเอาไปโยนทิ้ง ผู้สมัครหนุ่มที่ปฏิบัติตามธรรมเนียมการ มีภรรยาคนเดียวตามแบบพวกตะวันตกและไม่มีเมียน้อยเลย ต้องยืนอย่างหมดสภาพขณะที่คู่แข่งของเขาคว้าชัยชนะไปครอง
    “คริสตาเบิล โคลัมบัส” เขาอุทานและวิงวอน ด้วยความสับสนในชื่อของผู้บุกเบิก
    “ใครจะไปคาดคิด แปลกจริงๆ” เอไลคิด “คนที่พูดกรอกหูถึงการลงคะแนนลับคงจะมองข้ามการลงคะแนนที่ไม่เปิดเผย” และเดินกลับบ้านพร้อมผู้สนับสนุนของเขา เขาพูดในลำคอเป็นกลอนด้นนอกรีตของเปอร์เซียว่า “การอุปมาอุปมัยหนึ่ง สามารถเชือดเฉือนได้ดังใบมีดอันคมกริบเ หมือนกับเราผู้ชนะในเกมน่าเศร้านี้ไม่เคยร่ำรวยสิ่งใดเลยนอกจากภรรยา”

  69. Miss Assama Temjai says:

    หน้าที่ที่ผู้อพยพเข้าเมืองจะมีบทบาทในอนาคตจะมีความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผู้อพยพอาจจะเป็นหลักสำคัญในการจัดหาแรงงานในอนาคต เฉลี่ยต่อปีมีจำนวนผู้อพยพเข้าเมืองในสหรัฐ ตั้งแต่ปี 1991-1995 ประมาณ 900,000 คนต่อปี อย่างไรก็ตามจำนวนตัวเลขเหล่านี้อาจเปลี่ยนไปตามการับรองความต้องการแรงงาน ในบางกรณี ผู้อพยพเข้าเมืองอาจกลายมาเป็นผู้นำในการเติบโตของประชากรของสหรัฐอเมริกาในรอบทศวรรษที่จะผ่านมา
    สิ่งสำคัญสุดท้ายที่มีผลกระทบต่อแรงงานชาวอเมริกันที่มันยังคงดูคลุมเครือ ก็คือคนงานอาจจะต้องทำงานนานขึ้น และดูเหมือนว่าบริษัทในสหรัฐฯก็มีความต้องการพนักงานเก่าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะมีความอดทนต่อความกดดันของบริษัทในการเรียนรู้ที่จะแก้ไขปัญหา ความต้องการต่างๆ(สุขภาพ,ศักยภาพทางร่างกาย และอื่นๆอีก) ของพนักงานอาวุโส บางบริษัทก็ได้ลงมือทำและก็ประสบความสำเร็จในการจ้างงานพนักงานเก่ากว่าพันคน สิ่งเหล่านั้นจะเป็นสิ่งที่ได้ทำการศึกษาการตลาดและอาจจะเป็นการกำหนดทิศทางต่างๆในอนาคตอันใกล้นี้
    คำอธิบายเหล่านี้และประเด็นเกี่ยวกับประชากรและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมทั้งหลาย เป็นสิ่งที่ผู้นำด้านฝ่ายบุคคลต้องทำในอนาคต
    Alternative # 1 : HR as organization leader
    HR มักจะมีเงินทุนกองกลาง, ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการลงทุน ซึ่งมักจะให้ความสำคัญกับบุคคลที่เกี่ยวกับกรรมวิธีและปฏิบัติงานเกี่ยวกับบทยุทธศาสตร์ (Burke 1997) หนึ่งในหนังสือที่กระตุ้นความคิดจำนวนมาก ที่เคยอ่านมาเมื่อเร็วๆนี้,Ulrich et al. (1997) เสนอว่า HR ควรจะจัดการมากกว่าการทำธุรกิจ ซึ่งฉันก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับ Ulrich และนำความคิดจากหนังสือที่ดีเยี่ยมเล่มนี้และการกล่าวอ้างมากมายในส่วนแรกของบทบาทที่ถูกเขียนไว้จาก Ulrich book มาใช้
    การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยใน HR เมื่อกว่า 40 ปีมาแล้ว และเพื่อเป็นการพิสูจน์ตารางที่อยู่ด้านล่างนี้เป็นการนำเสนอจากหนังสือที่ขายดีที่สุด HR
    • แรงบันดาลใจของลูกจ้าง, เป้าหมายส่วนบุคคล และเป้าหมายขององค์กร
    • ความสำเร็จขององค์กร
    • ความเหนื่อยของงาน, อายุการทำงาน, คุณสมบัติเกี่ยวกับองค์กร
    • การเปลี่ยนแปลงบทบาทของหัวหน้างาน
    • การแชร์การตัดสินใจกับผู้ใต้บังคับบัญชา
    • การแชร์การจัดการกับฝ่ายบริหารกับสหภาพแรงงาน, ลูกค้า, ผู้แทน, และองค์กรภายนอก
    • งานและการเปลี่ยนแปลงผลของสถาบันเทคโนโลยี
    • การเปรียบเทียบทางวัฒนธรรม
    • ความต้องการต่อการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร
    หนังสือจากตารางเหล่านี้ ถูกเขียนไว้เมื่อกว่า 40 ปีก่อน (Dubin,1961) และในหัวเรื่องของหนังสือก็เขียนเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ของมนุษย์ ไม่ใช่! ทรัพยากรมนุษย์

  70. Miss Assama Temjai says:

    Short Story : Miss Assama Temjai 51501030013-2

    The Chorus Girl
    วันหนึ่งเมื่อครั้งที่เธอยังวัยรุ่นและดูดีกว่านี้ เสียงของเธอยังดีอยู่ Nikolay Petrovitch Kolpakov และคนรักของเขา กำลังนั่งอยู่นอกห้องที่บ้านพักตากอากาศ มันช่างร้อนและอบอ้าวเหลือทน Kolpakov กำลังทานอาหารและดื่มเหล้าองุ่น เขารู้สึกขำไม่ออกเนื่องจากว่าพวกเขาทั้งสองเบื่อหน่ายกับความร้อนที่ร้อนซะจนไม่อยากจะออกไปไหน
    ทันใดนั้น กริ่งที่ปะตูก็ดังขึ้น Kolpakov ที่นั่งถอดเสื้ออยู่ ก็ใส่รองเท้าแตะแล้วลุกขึ้นไปถาม Pasha
    “สงสัยจะเป็นบุรุษไปรษณีย์หรือไม่ก็สาวๆสักคน” นักร้องพูดขึ้น
    แต่ Kolpakov ก็ไม่ได้พบกับบุรุษไปรษณีย์หรือเพื่อนสักคนของ Pasha เขาเลยสวมเสื้อผ้าแล้วไปยังอีกห้องหนึ่งด้วยความระมัดระวัง ในขณะที่ Pasha วิ่งมาเปิดประตู ก็ได้พบสิ่งที่น่าประหลาดอยู่ที่หน้าประตู ไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์ ไม่ใช่เพื่อนสาวสักคน แต่กลับกลายเป็นหญิงแปลกหน้าคนหนึ่งที่ยังสาวและสวย แต่งตัวด้วยชุดที่อ่อนหวาน ยืนอยู่ข้างนอก
    หญิงแปลกหน้านั้น หน้าซีดและหายใจอย่างเหนื่อยหอบ คงเป็นเพราะเธอคงวิ่งหนีอะไรสักอย่างมา
    “เกิดอะไรขึ้น” Pasha ถาม
    หญิงสาวไม่ตอบแต่กลับเดินเข้ามาอย่างช้าๆ มองเข้าไปที่ห้อง แล้วเดินไปนั่งลงเหมือนคนที่เหนื่อยอ่อนหรือไม่ก็ไม่สบาย จนหล่อนไม่สามารถยืนได้ จนเวลาผ่านไปสักพัก ปากของหล่อนก็เริ่มสั่นเหมือนหล่อนพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง
    “สามีของฉันอยู่ที่นี่หรือเปล่า” หล่อนถาม แล้วก็เริ่มร้องไห้
    “สามี” Pasha พูดด้วยเสียงแผ่วเบา แล้วทันใดนั้นเธอก็รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว “สามีอะไร?” เธอกล่าวไป และเริ่มรู้สึกใจสั่นๆ
    “สามีของฉัน… Nikolay Petrovitch Kolpakov”
    “ม..มะ..ไม่มีนี่คะ ฉันไม่รู้จักสามีของคุณหรอก”
    เวลาผ่านไปด้วยความเงียบ หญิงสาวเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้าที่ซีดขาวของเธอและพยายามหายใจอย่างช้าๆ ในขณะที่ Pasha ยืนนิ่งไม่ไหวติงด้วยท่าทางหวาดกลัว
    “เธอพูดว่าเขาไม่ได้อยู่ที่งั้นเหรอ? หญิงสาวถามด้วยรอยยิ้มชอบกล
    “ฉ..ฉะ..ฉันไม่เห็นจะรู้จักคนที่คุณถามถึงเลย”
    “เธอนี่มันน่ารังเกียจจริงๆเลย เลวที่สุด…”หญิงสาวกล่าว และมอง Pasha อย่างจงเกลียดจงชัง “งั้นเหรอ,คุณนั่นแหละที่ร้าย ฉันดีใจที่ได้บอกคุณไปอย่างนั้น!”

    Pasha รู้สึกได้ถึงความโกรธแค้นในสายตาของหล่อนเหมือนหล่อนกำลังจะแสดงอารมณ์บางอย่างที่น่ารังเกียจและไม่ควรที่จะเกิดขึ้น หน้าหล่อนแดงก่ำ หล่อนกำลังแสวงหาอะไรบางอย่าง หล่อนกำลังแสดงออกว่าหล่อนไม่ได้รับ “เกียรติ” อย่างที่หล่อนควรจะได้ หรือหล่อนกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ , หญิงสาวผู้ลึกลับ
    “สามีของฉันอยู่ที่ไหน” หล่อนกล่าว “แม้ฉันจะไม่ได้สนใจว่าเขาจะอยู่ที่นี้หรือไม่ แต่ฉันควรจะบอกคุณว่า เงินมันได้หายไป และพวกเขาก็กำลังตามหา Nikolay Petrovitch Kolpakov …หมายความว่าพวกเขากำลังตามจับตัวเขาอยู่ นั่นคือสิ่งที่คุณต้องทำ!”
    หญิงสาวเดินไปรอบๆห้องด้วยความตื่นเต้น Pasha มองดูเธอด้วยความตระหนก ว่าบางทีเธออาจจะยังไม่เข้าใจ
    “เราต้องพบและก็จับตัวเขาให้ได้ภายในวันนี้” หญิงสาวกล่าวด้วยเสียงสะอื้น น้ำเสียงของหล่อนฟังดูเหมือนกำลังไม่พอใจและฉุนเฉียวอย่างมาก “ฉันรู้แล้วว่าใครที่เหมาะกับตำแหน่งต่ำๆพวกนี้ คนน่ารังเกียจ โกงกิน เห็นแก่เงิน โลภมาก!” หญิงสาวกล่าวด้วยใบหน้าฉุนเฉียว “ฉันหมดหนทางแล้วนะ ได้ยินมั้ย นังผู้หญิงชั้นต่ำ..ได้ยินไหม? เธอมีกำลังมากกว่าฉัน แต่นี้เป็นหนทางเดียวที่จะปกป้องลูกๆของฉัน พระเจ้าทรงรู้ เขา..เขาสมควรที่จะต้องได้รับการลงโทษจากทุกหยดน้ำตาที่ฉันต้อเสียไป ทุกคืนที่ฉันต้องนอนไม่หลับ ทุกเวลาที่ผ่านมา คุณควรจะคิดถึงฉัน”
    ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง หญิงสาวเดินไปทั่วห้อง แล้วก็บีบมือของตัวเองไปด้วย ในขณะที่ Pasha ได้แต่เฝ้ามองด้วยความประหลาดใจ , ไม่เข้าใจแต่เชื่อว่าต้องมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นแน่
    “ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆนะคะ” เธอกล่าวแล้วร้องไห้
    “เธอโกหก!” หญิงสาวร้องไห้ สายตาของเธอดูเกรี้ยวกราด “ฉันรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ฉันรู้จักเธอมานานแล้ว ฉันรู้ว่าเขาอยู่กับเธอทุกวันมาตั้งแต่สิ้นเดือนที่แล้วแล้ว”
    “ใช่ แล้วมันยังไงหล่ะ ฉันมีผู้คนมาเยี่ยมเยือนมากหน้าหลายตา แต่ฉันไม่ได้บังคับให้ใครมา เขามีสิทธิ์ที่จะทำทุกอย่างได้ อย่างที่เขาต้องการ”
    “ที่ฉันบอกเธอก็คือ ฉันพบว่าเงินมันหายไป และเขาก็เป็นคนยักยอกมันไปจากบริษัท แล้วก็ถูกไล่ออกไป เธอลองคิดดูซิ เขาได้ชื่อว่าเป็นอาชญากรเลยนะ” หญิงสาวกล่าวอย่างมีเหตุผล พร้อมกับมองไปที่ Pasha “ฟังนะ มันเป็นเรื่องที่ผิด เธอกำลังใช้ชีวิตกับสิ่งที่เป็นภัยงั้นเหรอ นั่นคือสิ่งที่เธอต้องการหรือ? แต่เธอคงนึกไม่ถึงหรอก ว่าชีวิตเธอจะตกต่ำขนาดไหนที่จะต้องมานั่งรับเคราะห์กับสิ่งที่คนอื่นก่อไว้ เขามีลูก มีเมียแล้ว…ถ้าหากเขาถูกตัดสินประหารชีวิต หรือถูกเนรเทศ พวกเราก็คงจะลำบาก ลูกๆและฉันเข้าใจมันดี แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีโอกาสที่จะหลุดพ้นจากการสิ้นเนื้อประดาตัว และความขายหน้าได้ ถ้าฉันได้เงินจำนวน 900 รูเบิล(เหรียญรัสเซีย) จากเขาภายในวันนี้ พวกเขาก็จะปล่อยเขาไป แค่ 900 รูเบิลเท่านั้น”
    “900 รูเบิล อะไร ฉ..ฉะ.ฉันไม่รู้หรอก ฉันไม่มีให้หรอก” Pasha กล่าวอย่างแผ่วเบา
    “ฉันไม่ได้ถามเธอถึงเงิน 900 รูเบิล ฉันรู้ว่าเธอไม่มีเงิน แล้วฉันก็ไม่ได้ต้องการเงินของเธอ ฉันถามถึงอย่างอื่นต่างหากหล่ะ…ผู้ชายมักจะมอบของมีค่าให้แก่ผู้หญิงเหมือนที่เธอได้มา เธอก็แค่คืนของที่สามีฉันให้เธอไว้มาซิ!”
    “คุณผู้หญิง เขาไม่เคยให้ของขวัญฉันเลยสักชิ้น” Pasha พยายามอธิบายให้เข้าใจ
    “เงินอยู่ที่ไหน ? เขาควรจะต้องชดใช้มันด้วยตัวเขาเอง และก็ต้องชดใช้ให้คนอื่นด้วย ที่ทำให้เรื่องต้องกลายเป็นแบบนี้ ฟังนะ ฉันขอร้อง ฉันต้องแบกรับเรื่องราวเหล่านี้มาด้วยความเคียดแค้นมาตลอด แล้วฉันก็พูดจาหยาบคายกับคุณไปตั้งเยอะ ยังไงก็ขอโทษด้วยนะ คุณก็คงเกลียดฉัน ฉันรู้ แต่คุณลองมาเป็นฉันดูซิ แล้วคุณจะรู้ ฉันขอร้องหล่ะนะ คืนของให้ฉันเถอะ”
    “เอ่อ” Pasha พูดแล้วหยักไหล่ “ฉันจะทำตามที่คุณขอ แต่พระเจ้าเป็นพยาน เขาไม่เคยมอบของขวัญให้ฉันเลยแม้สักชิ้น เชื่อฉันเถอะ ฉันรู้นะว่าอะไรควรไม่ควร แต่ถึงยังงคุณก็คงต้องถูกอยู่เสมอ” นักร้องสาวกล่าวอย่างสับสน “เขาเคยให้ของขวัญเล็กๆน้อยๆไว้ 2 อย่าง และถ้าคุณต้องการ ฉันก็จะยกให้” Pasha เปิดลิ้นชักโต๊ะที่ตั้งอยู่ในห้องน้ำออก แล้วหยิบกำไลทองคำปลอมและแหวนทับทิมวงเล็กๆออกมา
    “นี่คะ” เธอกล่าวแล้วยื่นของให้
    หล่อนเปิดมันออกดู แล้วเริ่มมีอาการฉุนเฉียว
    “นี่หล่อนเอาอะไรมาให้ฉันเนี๊ย ฉันไม่ได้มาขอรับบริจาคการกุศลนะ…แต่มันคงเหมาะกับคนอย่างเธอซินะ คนอย่างเธอมีอะไรดี ถึงได้บีบบังคับสามีของฉันได้ทั้งที่เขาก็อ่อนแอแล้วก็เป็นผู้ชายที่ดูไม่มีความสุขเอาซะเลย…เมื่อวันพฤหัสฯ ตอนที่ฉันเห็นเธอกับสามีของฉันที่ท่าเรือ เธอกลัดเข็ดกลัดราคาแพง ดังนั้นอย่ามาโกหกฉัน ทำตัวเป็นลูกแกะใส่ซื่อ ตีหน้าไม่รู้เรื่องใส่ฉัน! ฉันจะถามเธอเป็นครั้งสุดท้าย เธอจะคืนของให้ฉันไหม?”
    “ให้ตายซิ คุณนี้ก็แปลกนะ ฉันรับรองได้เลยว่าฉันก็มีแค่กำไลแล้วก็แหวนวงเล็กๆนี้เท่านั้นแหละ ฉันไม่เคยได้ของอะไรของ Nikolay Petrovitch ทั้งนั้นแหละ เขาไม่เคยให้อะไรกับฉัน นอกจากเค้กเท่านั้น” Pasha กล่าว
    “เค้ก งั้นหรอ ฮ่าๆๆๆ” หล่อนหัวเราะ “ในขณะที่ลูกๆที่บ้านต้องอยู่อย่างอดๆอยากๆ ไม่มีอะไรจะกิน แต่ที่นี้กลับมีเค้กแสนอร่อย หรือนี้จะเป็นการปฏิเสธที่จะคืนของอย่างแยบยลของเธอ?”
    ไม่มีคำตอบใดๆ หล่อนนั่งลงไตร่ตรองอย่างเงียบๆ
    “ฉันจะยุติเรื่องนี้ยังไง ถ้าหากฉันไม่ได้เงิน 900 รูเบิล เขาจะต้องพบกับหายนะ ทั้งฉันและลูกก็ต้องเผชิญมันไปด้วย หรือว่าฉันจะต้องไปฆ่าทนายซะ ไม่ก็คุกเข่าอ้อนวอนต่อเธอ”
    หญิงสาวหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
    “ฉันขอร้องหล่ะนะ เธอก็รู้นี้ว่ามันเป็นของที่ถูกปล้นมา แล้วสามีตัวดีของฉันก็เก็บมันไว้ ตัวเขาเองคงไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่ลูกๆ…ลูกๆจะเป็นอย่างไรหล่ะ”
    เมื่อ Pasha ได้ยินหล่อนก็กล่าวออกมาด้วยเสียงสะอื้น
    Pasha นึกถึงภาพที่เด็กๆกำลังยืนร้องไห้ด้วยความหิวอยู่ริมถนน แล้วเธอก็ร้องไห้ออกมาเช่นกัน
    “แล้วฉันควรจะทำยังไงหล่ะ คุณบอกว่าฉันเป็นผู้หญิงชั้นต่ำ ที่อยู่กับผู้ชายเลวๆอย่าง Nikolay Petrovitch แล้วฉันก็บอกคุณไปแล้ว…โอ้ พระเจ้าทรงรู้ ฉันไม่เคยได้อะไรจากเขาทั้งสิ้น ฉันเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในคณะประสานเสียง ดังนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีผู้ชายเข้ามาติดพัน คนอื่นๆก้ให้การช่วยเหลือฉัน Nikolay Petrovitch เขาเป็นคนที่มีการศึกษาสูง เป็นสุภาพบุรุษ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ฉันจะพอใจเขา
    “ฉันถามถึงของ เอาของมาให้ฉัน ฉันต้องคร่ำครวญ ฉันต้องอับอายขายขี้หน้า แต่ถ้าเธอต้องการ ฉันก็จะคุกเข่าขอร้องเธอเดี๋ยวนี้”
    Pasha ร้องและรีบยกมือห้ามหล่อนไว้ เธอไม่คิดว่านี้คือเรื่องที่สมควรจะทำ
    ทำไมหญิงสาวแสนสวยผู้สูงส่งท่านนี้จะต้องมานั่งสรรเสริญต่อผู้หญิงคนหนึ่งในคณะประสานเสียงเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นแค่การแสดงก็ตาม
    “โอเค ฉันจะมอบสิ่งของให้คุณ” Pasha กล่าวขึ้นแล้วรีบปาดน้ำตา “ฉันหมายถึงทั้งหมด ไม่เฉพาะที่ Nikolay Petrovitch ให้ฉัน สิ่งของเหล่านี้ฉันได้มาจากบุรุษท่านอื่น ฉันจะมอบให้แก่คุณ ถ้าคุณยินดีจะรับไว้”
    Pasha เปิดหีบออก แล้วหยิบเข็มกลัดเพชร สร้อยคอที่ทำจากปะการังสีสด แหวนและกำไลอีกจำนวนหนึ่ง แล้วส่งมันทั้งหมดให้หญิงสาว
    “รับมันไปเถอะ ถ้าคุณต้องการมัน แต่ฉันก็ขอยืนยันเลยนะ แต่ฉันไม่เคยได้อะไรจากสามีคุณหรอกนะ เอามันไปเถอะ” Pasha เสนอสิ่งที่จะทำให้เธอมีความสุขได้ “และหากว่าคุณคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาแล้วหล่ะก็ คุณก็ควรที่จะดูแลเขาด้วยตัวของคุณเอง ฉันคิดว่ามันควรจะเป็นอย่างนั้นนะ เพราะฉันก็ไม่เคยบังคับให้เขามา เขามาของเขาเอง”
    หล่อนคิดพิจารณาตามสิ่งที่เธอพูด
    “นี่ไม่ใช่สิ่งของทั้งหมด…ทั้งหมดนี้รวมกันยังไม่ถึง 500 รูเบิลเลยนะ”
    Pasha รีบไปหยิบ นาฬิกาทอง,กล่องบุหรี่และต่างหูมาขว้างใส่หล่อน
    “ฉันไม่มีอะไรเหลือแล้ว ไม่เชื่อก็มาค้นเอาเองเลยก็แล้วกัน”
    หญิงสาวหยิบของทั้งหมดใส่ในในผ้าเช็ดหน้าของหล่อน แล้วจากไปโดยที่ไม่พูดอะไรเลยสักคำ หล่อนไม่แม้แต่จะก้มหัวขอบคุณ
    ประตูของห้องถัดไปได้ถูกเปิดออกแล้ว Kolpakov ก็เดินเข้ามา เขาหน้าซีดและส่ายหัวอย่างหงุดหงิด เขากระอักกระอ่วน น้ำตาเริ่มคลอเบ้า
    “คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง ฉันอยากรู้จริงๆ” Pasha ถามเขา
    “มันไม่ใช่เรื่องจริงเลยนะ เขาแกล้งทำเป็นร้องไห้ เขาทำตัวเองทั้งนั้น”
    “ฉันถามคุณว่า คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง” Pasha เริ่มร้องไห้
    “พระเจ้า ! หล่อนเป็นผู้หญิงที่หยิ่งยโสจะตายไป หล่อนพร้อมที่จะคุกเข่าให้คุณได้เสมอ ถ้าหล่อนจะได้ในสิ่งที่หน่อยต้องการ แล้วผมก็จ่ายเงินให้เขาไปหมดแล้วด้วย”
    เขากุมศีรษะของเขาแล้วคร่ำครวญออกมา
    “ไม่ ! ฉันไม่มีวันยกโทษให้คุณเด็ดขาด ไปให้พ้นเลยนะ” Pasha ร้องไห้
    “เพียงแค่เพราะว่าหล่อนยอมคุกเข่าให้คุณแค่นั้นหน่ะหรอ”
    เขากล่าว แล้วเดินจากไป
    Pasha ได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หล่อนยังคงจำเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อนได้ดี หล่อนได้แต่คิดซ้ำไปซ้ำมา แล้วก็คร่ำครวญอย่างหนัก

Leave a reply to Miss Waraporn Phuangruenkeaw Cancel reply